คลังเรื่องเด่น
-
คำอธิษฐานในการปล่อยปลา ปล่อยเต่า หรือสัตว์น้ำ
เคล็ดอธิษฐานในการปล่อยปลา ปล่อยเต่า หรือสัตว์น้ำ (หลวงปุ่ขวัญ ปวโร พิจิตร)
สำหรับวันนี้ ผมมีเคล็ดแนะนำ ในเรื่องเคล็ดการปล่อยปลา หรือ สัตว์น้ำ สะเดาะเคราะห์ เพื่อทำแล้วให้ได้ผลทำแล้วดีจริง ผมเคยลองกับตัวได้ผลจริงเลยทีเดียว โดยเคล็ดนี้หลวงปู่ขวัญ ปวโร พิจิตร ท่านเคยแนะนำให้แม่ผมทำช่วงที่ชะตาขาดทำแล้วก็สามารถเจริญอายุมาได้ ต้องขอบคุณเคล็ด จากหลวงปู่ขวัญปวโร ที่ผมได้ขออนุญาต คัดลอกมา และนำมาฝากทุกท่านครับ
ควรจะซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า จะดีที่สุด และถ้าเลือกปลา ให้เลือกปลาที่มีไข่ เช่นปลาช่อน หรือปลาอะไรก็ได้ เพราะเท่ากับทำบุญมากๆในคราวเดียว การเลือกซื้อปลาควรไปเลือกในตลาดสด ที่เราเห็นมีเขียงอยู่ด้วย จะได้กุศลแรง อย่าไปซื้อจากพวกที่นำมาขายเพื่อปล่อยเป็นอาชีพ ก่อนที่จะปล่อยให้เอาน้ำมา 1ถ้วยเทลงไปในถังที่ใส่สัตว์ที่จะปล่อย แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า
นโมสามจบ
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ พุทโธ กรรมฐาโม กรรมะ จุติ สัมพุทโธ (๙จบ)
ข้าพเจ้าชื่อ...............นามสกุล...............เกิดวันที่........เดือน......พ.ศ. ..........อายุ ..........ปี ได้ปล่อยสัตว์..........จำนวน..............ตัว... -
จะทรงทิพจักขุญาณได้ จะต้องมีของเก่ามาก่อน
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เพิ่งเคยได้ยิน ในเมื่อเพิ่งเคยได้ยินก็เลยบอกไม่ถูกว่าคืออะไร เรื่องของศีลเกี่ยวกับโภคสมบัติ และสุขคติระดับกามาวจร ถ้าเรื่องของสมาธิเกี่ยวกับปัญญาและรูปวจร คือเป็นรูปพรหมขึ้นไป ถ้าเรื่องของปัญญาแท้ ๆ เลย หมายเอาความหลุดพ้น การเข้าถึงพระอริยเจ้า
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ผิดไปประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ คือการที่จะสัมผัสกับสิ่งลี้ลับแบบนี้ได้ ต้องมีพื้นฐานทิพจักขุญาณ ถ้าไม่มีมาต่อให้คุณทรงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ก็ไร้ประโยชน์ ไปดูใน มหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก บุคคลที่ทรงฌานเป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงฌาน ๔ ได้สักคนก็แสนยาก บุคคลที่ทรงฌาน ๔ เป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงทิพจักขุญาณได้สักคนก็แสนยาก จะต้องมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมา จึงสามารถสัมผัสสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้
ถ้าเริ่มต้นเลยก็ต้องฝึกกสิณ ๓ กอง กสิณไฟ กสิณสีขาว หรือ กสิณแสงสว่าง แต่ถ้ามีของเก่าตั้งแต่อดีตชาติมา ถ้าสมาธิทรงตัวถึงระดับ จะเกิดขึ้นเอง ฉะนั้น..เขาต้องมีของเก่ามา
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี... -
ถาม-ตอบปัญหาธรรม (สติปัฏฐาน)...สุวัฒน์ พิทักษ์วงษ์
ถาม-ตอบปัญหาธรรม
(สติปัฏฐาน)
ถาม-ตอบปัญหาธรรมะนี้ คัดมาจากหนังสือมนุษย์...เกิดมาทำไม (เล่ม ๔) ซึ่งรวบรวมและเรียบเรียงโดย คุณสุวัฒน์ พิทักษ์วงษ์
คำถามที่ ๑
ถาม : ทำไมจึงกล่าวว่า “มหาสติปัฏฐานเป็นทางสายเอก และอริยมรรคเป็นทางสายกลาง” ทางสายเอกและทางสายกลาง เกี่ยวข้องกันอย่างไร
ตอบ : มหาสติปัฏฐาน คือทางสายเอก กล่าวคือเป็นทางสายสำคัญไม่เป็นสอง เป็นทางสายเดียวที่พ้นทุกข์ ส่วนอริยมรรคมีองค์ ๘ คือทางสายกลาง เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา มีทั้งศีล สมาธิ ปัญญา สำหรับสติปัฏฐาน เป็นตัวยืนทางสติที่เป็นไปในกาย เวทนา จิต และธรรม ส่วนอริยมรรค เวลาทำหน้าที่จะรวมตัวกันเป็นหนึ่ง เรียกว่า “มรรคสมังคี” เป็นทางพ้นทุกข์เช่นเดียวกัน
คำถามที่ ๒
ถาม : ที่พูดกันว่าปฏิบัติธรรมมีอานิสงส์มากกว่าทาน ศีล อยากทราบว่าการปฏิบัติธรรมนั้นคืออย่างไร
ตอบ : การปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติ หรือกระทำเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งอันเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ เป็นการทำจิตให้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นระดับเหนือบุญทานและศีลความดีงามทั้งปวง มี ๒ แนวทางคือ
๑) สมถภาวนา หรือสมถกรรมฐาน หรือสมถยานิกก็เรียก คือการทำสมาธิ... -
ประสบการณ์ การเข้าฌาน 4 ครั้งแรก
เรื่องเก่ามาเล่าใหม่นะครับ เผื่อมีคนยังไม่เคยอ่าน
ยังคงย้ำอยู่เหมือนเดิมนะครับ ว่าไม่ได้รู้อะไรมาก เจออะไรมาก็เอามาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสมัยยังหนุ่มๆเหมือนเคย อยู่นะครับ
ถ้าใครเคยอ่านเรื่องของผมมาบ้างแล้ว จะรู้นะครับว่าผมฝึกสมาธิแบบจับฉ่าย ฝึกเกือบทุกกอง
คือไม่มีครูมาสอนนะครับ ซื้อหนังสือมาอ่านเองที่บ้าน
หนังสือที่เอามาอ่าน แทนที่จะไปเจอเล่มที่ท่านสอนว่า กรรมฐานกองเดียวเอาให้จบก่อน แล้วค่อยไปต่อกองอื่น
ก็ดันไปหยิบเอาเล่มที่ท่านสอนว่า กรรมฐานกองนี้เป็นปฏิปักษ์กับกิเลสกองโน้น กรรมฐานกองโน้นเป็นปฏิปักษ์กับกิเลสกองนั้น
ทีนี้คนมันกิเลสหนาจัด เดี๋ยวตัวนั้นโผล่ เดี๋ยวตัวนี้โผล่ เราก็ว่าไปตามหนังสือเรื่อย กว่าจะรู้ตัวก็หลายกองเข้าไปแล้ว
ยังไงก็ตามตัวที่ผมใช้บ่อยๆ เป็นประจำก็จะมีอยู่ตัวเดียวที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ตอนที่เอามาเล่าให้ฟังก็เลยเรียก กรรมฐานตัวนี้ว่า กรรมฐานนอกรีต
เนื่องจากว่ามันไม่ได้อยู่ในสารระบบ ของกรรมฐาน 40 วิธี ถึงแม้ว่ามันจะดูคล้ายๆกับ อากิญจัญญายตนฌาน สำหรับผมก็ตาม
ปรกติแล้วเวลาเข้าสมาธิ จะไปแป้ก อยู่แค่ฌาน 3... -
เรื่องวัตถุมงคล โดย พระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง )
เรื่องวัตถุมงคล โดย พระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง )
การแจกพระ บางท่านอาจจะคิดว่าไม่มีผลหรือทำให้คนติดวัตถุ ถ้าถือว่าเป็นวัตถุก็น่าติ แต่ถ้าถือว่าเป็นพระก็ต้องคิด ที่พ่อแจกพ่อไม่เคยโฆษณาว่าพระที่พ่อแจกไปมีอานุภาพอะไร มีความต้องการอยู่อย่างเดียวคือ
ให้คนมีความรู้สึกว่ามีพระอยู่ที่ตัว อารมณ์ที่รู้สึกว่ามีพระอยู่กับตัว อารมณ์ย่อมเป็นกุศล กุศลนิดหน่อยถ้ามีความรู้สึกบ่อยๆ สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้ว จิตนึกถึงพระอยู่เสมอ อย่างเบาก็เกิดเป็นเทวดา อย่างกลางก็เกิดเป็นพรหม อย่างสูงก็ไปนิพพาน แบบพ่อค้าที่หวังกำไรน้อย แต่ได้บ่อยๆ ก็รวยได้ฉันนั้น
แต่ทว่าความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเป็นอย่างไรนั้น พ่อไม่คำนึง คำนึงอย่างเดียวคือสงเคราะห์คนบารมีอ่อน คนที่มีบารมีเป็นปรมัตถบารมี พ่อไม่ห่วง พวกนั้นท่านไม่ต้องเกาะราวหรือไม้เท้าก็เดินไหว สำหรับคนที่บารมีอ่อน ยังต้องเกาะราวและไม้เท้า จึงต้องอาศัยวัตถุคือพระพุทธรูปสงเคราะห์
https://www.facebook.com/LoveMoralBuddha -
ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้มีบุญสูงสุด : สมเด็จพระญาณสังวรฯ
บทพระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก
ผู้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง แต่ผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา คือปฏิบัติให้จริงตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเป็นผู้มีบุญสูงสุด พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เปรียบได้ เพราะพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะพาไปให้รู้จักพลังพิเศษ คือความคิดที่สามารถทำลายความทุกข์ได้ ตั้งแต่ทุกข์น้อย จนถึงทุกข์ทั้งปวง จนถึงเป็นผู้ไกลทุกข์สิ้นเชิง ไม่มีเวลากลับมาให้เป็นทุกข์อีกเลยตลอดไป ผู้มีพลังพิเศษพาหนีทุกข์ได้ พาดับทุกข์ได้ พาพ้นทุกข์ได้ คือผู้มีความคิดพิเศษ และความคิดพิเศษนี้เกิดได้จากความรู้จักปฏิบัติพระพุทธศาสนาเท่านั้น
พลังแห่งความคิดพิเศษ หรือความคิดพิเศษนั่นเอง ที่เป็นผู้ช่วยยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะช่วยทุกคนที่รู้ค่าของความพิเศษ ที่ยอมรับยอมเชื่อ ว่าความคิดพิเศษนั้นมีอำนาจใหญ่ยิ่งจริง อาจพาให้พ้นทุกข์ได้จริง ทั้งทุกข์น้อยทุกข์ใหญ่ จนถึงทุกข์สิ้นเชิง จะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของตนเองนี้เป็นสัจจะ คือเป็นความจริงแท้ ไม่ว่าผู้ใดจะเชื่อหรือจะไม่เชื่อก็ตาม ก็เป็นความจริง... -
คำอธิษฐานปีใหม่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
คำอธิษฐานปีใหม่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ก่อนวันขึ้นปีใหม่ หลวงพ่อแนะนำ ให้อธิษฐานอย่างนี้
ใกล้เวลา 5 ทุ่ม 45 นาที ใกล้ๆจะ 6 ทุ่ม(เที่ยงคืน)ใช่ไหมเล่า ก็ไปนั่งหน้าพระพุทธรูป บูชาพระ นึกถึง
พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ เทวดา และพระพรหม ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหมด บูชาท่านขอลาภ
'' ขอให้ความซวยทั้งหมด ความยากจน จงไปกับปีเก่า แล้วความรวย ความดี ความโชคดี จงมากับปีใหม่ ''
หลังจากนั้นก็ ภาวนา พระคาถาเงินล้าน เรื่อยๆไป พอนาฬิกาตีเป๊ง ขึ้นปีใหม่
" ขอให้ความซวย จงหายไปพร้อมกับปีเก่า ฉันต้องการความรวย จากปีใหม่ "
แต่ถ้าทำตามน้ำทุกวันจะดีมากเลย จะมีการทรงตัว เงินจะเหลือใช้ ทำทุกวันดีกว่า
จะทำเป็นสมาธิ เวลาใดก็ได้ นั่นดีมากนะ ต่อไปจะรวยใหญ่
พระคาถาเงินล้าน
ตั้งนะโม 3 จบ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระ อิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปะติจฉามิ
เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ... -
หลวงปู่ตื้อ พบเทพยดาผู้บำเพ็ญบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
หลวงปู่ตื้อ พบเทพยดาผู้บำเพ็ญบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ในครั้งที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้ธุดงค์วิเวกไปทางอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ท่านได้พักบำเพ็ญเพียรอยู่ในสถานที่สัปปายะแห่งหนึ่ง
มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่หลวงปู่ กำลังเดินจงกรมอันเป็นกิจวัตรปกติในการบำเพ็ญของท่าน ปรากฏร่างของเทพยดาตนหนึ่ง
มาในรูปของชีปะขาวเหาะลอยมาใกล้ทางเดินจงกรมของหลวงปู่
เทพยดาตนนั้นได้สำแดงตนลอยสูงขึ้นไปแล้วหยุดยืนนิ่งอยู่บนยอดไม้ เหนือทางเดินจงกรมขึ้นไป ลอยขึ้นไปยืนนิ่งอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ทำ อะไร หลวงปู่ยังคงเดินจงกรมอยู่ตามปกติ เทพยดาก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ ณ ที่นั้น
หลวงปู่จึงได้กำหนดจิตถามขึ้นว่า “ท่านเทพยดาผู้มีศีลธรรมอันดีงามทำไมท่านจึงไปยืนอยู่บนที่สูง คืออยู่สูงมากกว่าอาตมาผู้เป็นศิษย์ของพระตถาคตเจ้าผู้กำลังปฏิบัติธรรมอยู่เล่า ทำไม่ท่านไม่ลงมากราบไหว้แสดงความเคารพเล่า?”
เทพยดาตนนั้นยังยืนนิ่งเฉยไม่แสดงกิริยาอาการอย่างใด หลวงปู่จึงกำหนดถามอีกว่า “ท่านเทพยดาผู้มีศีลาจารวัตรอันงามท่านเป็นฤๅษีหรือ หรือว่าเป็นอรหันต์”
เทพยดาตนนั้นแสดงอาการกางแขนออกทำอาการบุ้ยใบ้มาทางท่าน... -
ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในมหามงคลสมัย วันฉัตรมงคล ที่จะเวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่งในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม ศกนี้ นับเป็นมหามงคลสมัยที่ปวงชนชาวไทยจะได้ถวายความจงรักภักดี และได้ถวายพระพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้เป็นทั้งพระมหากษัตริย์อันประเสริฐ และประดุจดังพระเทพบิดรของปวงชนชาวไทย
ในวาระเช่นนี้ คอลัมน์นี้จะแสดงเนื้อความอันเป็นการเฉลิมพระเกียรติในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในบางมุมบางแง่ซึ่งอาจไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่เป็นความจริงซึ่งบังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อพสกนิกรทั้งหลายจะได้รู้จะได้ทราบว่า พระประมุขของเรานั้นใช่ว่าจะเรืองพระบรมเดชานุภาพเฉพาะแต่ทางโลกก็หาไม่ แต่ในทางธรรมก็ทรงบรรลุภูมิธรรมอันสูงยิ่ง สมแล้วที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เป็นหลักชัยที่ค้ำชูทำนุบำรุงพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าในพระราชอาณาจักรตลอดระยะเวลาอันช้านาน
เมื่อแรกเริ่มครองราชย์ก็ทรงประกาศเป็นพระปฐมบรมราชโองการ อันยังก้องกังวานทั่วผืนฟ้าแผ่นดินสิ้นถึงทุกวันนี้ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”... -
การดูหมิ่นในหลวง ก็คือโค่นชาติบ้านเมือง ( หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน )
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กับ ในหลวง
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ
“...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือหัวใจของชาติไทยเรา
นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
นี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน
อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย
เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว
มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด
มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ
สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้ว สกุลนั้นไม่เจริญ
สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง
พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ผู้นั้นเป็นผู้ดี
นี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา
คือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ
ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย
จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ
พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์
อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน
อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา
พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี...”
“...การดูหมิ่นในหลวง... -
หลวงพ่อคูณ...เผชิญเหล่าวิญญาณห่วงสมบัติที่ภูควาย
หลวงพ่อคูณ...เผชิญเหล่าวิญญาณห่วงสมบัติที่ภูควาย
ชอบอ่านเรื่องราวเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านออกธุดงค์ แล้วมีประสบการณ์ที่ลี้ลับมหัศจรรย์ เมื่อท่านเผชิญวิญญาณเร่ร่อน สัมภเวสี และบรรดาโอปปาติกะ ทั้งหลาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ ถ้าพวกที่เป็นสัมมาทิฐิ ก็จะพากันมาฟังเสียงสวดมนต์ มาฟังเทศน์ ฟังธรรม มาคอยใส่บาตร ฯลฯ เพื่อสะสมบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป
ส่วนพวกที่เป็นมิจฉาทิฐิก็จะมาคอยหลอกหลอนหรือทำร้ายพระสงฆ์องค์เจ้า โดยไม่ได้เกรงกลัวบาปกรรม ว่าจะส่งผลตามมาอย่างไร ดังเช่น ที่ครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านประสบพบเจออยู่บ่อยๆ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ ท่านก็มีประสบการณ์เมื่อครั้งออกธุดงค์แล้วนำประสบการณ์ที่ได้พบได้เจอ มาเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังเช่นกัน
ประสบการณ์อันมหัศจรรย์ และลี้ลับ เมื่อครั้งสมัยที่หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ได้เดินธุดงค์รอนแรมตามลำพังไปตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๒ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ท่านได้สร้างบารมี ด้วยการไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคอีสาน... -
13 ตุลาคม วันนวมินทรมหาราช / น้ำพระทัยราชวงศ์ ในวันนี้ และในอดีต
13 ตุลาคม วันนวมินทรมหาราช
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ไม่ต้องกั้น
โดยดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
มีอยู่ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปที่เซ็นทรัลวันที่มีประชุมรัฐสภาโลก วันนั้นผมจำได้ผมติดอยู่บนท้องถนนฝนตกผมก็มีวิทยุเลยได้ยินรับสั่งกับตำรวจมาเลย "วันนี้ไม่ต้องกั้นรถ"
ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฏรอยู่ตลอดเวลา วันนี้เป็นวันฝนตกรถติดกันอย่างมหาศาลถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีกสร้างความ ทุกข์ให้กับประชาชน ทรงวิทยุบอกตำรวจว่า "ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชนไม่ต้องกั้นเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน"
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
(ขอบคุณภาพ จากสำนักข่าวท๊อปนิวส์ )
ติดตามภาพและรายละเอียด วันนี้ในอดีต ได้จาก https://www.facebook.com/#!/infodivohm -
อานิสงส์การลอยกระทง โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ วันลอยกระทง
อานิสงส์การลอยกระทง
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ก่อนที่เราจะลอยกระทงก็จงตั้งใจบูชาพระรัตนตรัยก่อน
และหลังจากนั้น ก็ขอขมาโทษต่อองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดา
ที่เราได้เคยปรามาสในพระรัตนตรัย ถ้าเราไม่เคยปรามาส
โทษอันใดของเราก็ไม่มี ทำจิตของเราให้ผ่องใส
และที่เคยปรามาสแล้ว ถ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา
ทรงสงเคราะห์ยกโทษให้เราก็หมดไป กำลังใจของเราก็พึงมีแต่กุศล
เอาล่ะบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนหน้า ถ้าจะถามว่าลอยกระทง
มีอานิสงส์อย่างไร ก็ขอกล่าวว่า
อานิสงส์การลอยกระทง ถ้ากำลังใจของท่าน ทำด้วยกำลังใจเป็นกุศล
ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนยังอ่อนที่จะต้องเร่ร่อน
ไปในวัฏสงสาร อย่างน้อยที่สุดทุกท่านก็เกิดเป็นเทวดา
เพราะอำนาจของพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ
ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทมีความมั่นคง
จิตตั้งตรงเป็นฌาน ท่านก็เกิดเป็นพรหม
ถ้าบุคคลใดไม่นิยมในร่างกายของตน เห็นว่าองค์สมเด็จพระทศพล
ทรงเป็นอัจฉริยมนุษย์ มีความดีประเสริฐสุดยิ่งกว่ามนุษย์ เทวดา
และพรหม ขันธ์ ๕ ขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังพัง
เราก็คิดว่า... -
ทำบุญอย่างไรให้สมหวังในรัก
มีความเชื่อที่เข้าใจกันผิดๆที่เห็นกันบ่อยๆคือ การทำบุญซื้อความรัก
ประโยคนี้อาจไม่ค่อยมีใครเคยได้ยิน แต่ถ้าถามว่าใครเคยเอาเงินไปซื้อพวงมาลัย ซื้อของทำบุญ หยอดเงิน ถวายของพระเสร็จแล้ว เอามิือประนมนิ้วโป้งจรดหน้าผาก "สา.....ธุ ขอให้เจอเนื้อคู่ซะทีเถ๊อะ.... ขอให้เราสองครองคู่อยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลายที่เถ๊อะ....." อันนี้อาจฟังดูคุ้นๆขึ้นมาบ้าง
ถ้าคนเราขอคนรัก ความรักดีๆกันได้ง่ายๆยิ่งกว่าใช้บัตร easy pass ผ่านด่านทางด่วนล่ะก็คงจะดี แต่เพราะขอไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้นี่สิ เลยน่าจะมาเอะใจว่าทำพิธีกรรมผิดวิธีไปหรือเปล่่า?
ที่ว่าการยกมือปรกๆขอนั้น แท้ที่จริงเค้าเรียกว่า "การอธิษฐาน" การอธิษฐานมันไม้ใช่อย่างการยกมือแบมือขอหรอกนะ แท้ที่จริงการอธิษฐานเค้าหมายถึงการกำหนดจิต ตั้งใจ ตั้งเป้าหมายให้ใจได้ตามนั้น
แต่จะได้ไม่ได้นี่ขึ้นอยู่กับว่าเราเดินทางถูกไหม อดทนเดินทางไปจนถึงเป้าหมายไหม
การทำบุญนั้นช่วยนำอะไรดีๆเข้ามาในชีวิตจริง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เรามีคนรักที่ดีได้จริง และทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับคนที่เรารักได้จริง ช่วยดึงดูดใจสองดวงได้จริง แต่ต้องทำให้ถูก
การทำทานช่วยเรื่องความรักได้อย่างไร?... -
ธรรมผุด หรือ กิเลสผุด แล้วก็อ้างเลห์คิดเออเองว่าเป็น ธรรมผุด หลอกตัวเอง
ธรรมผุด หรือ กิเลสผุด แล้วก็อ้างเลห์คิดเออเองว่าเป็น ธรรมผุด
หลอกตัวเองเข้าใจผิดๆ
หลวงตามหาบัวเมตตาตอบปัญหา
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด
โยม : เขาบอกคนเราทุกข์เพราะสิ่งที่ผุดขึ้นในจิตใช่ไหมครับ
หลวงตา : มันไม่ใช่เสมอไป ทุกข์เพราะสิ่งที่ผุดขึ้นในจิต ธรรมผุดขึ้นในจิตก็ได้ กิเลสผุดขึ้นในจิตก็ได้เข้าใจไหม ถ้ากิเลสผุดขึ้นในจิตแล้วสร้างทุกข์ ถ้าธรรมผุดขึ้นในจิตแล้วสร้างสุขเข้าใจไหม เพราะอย่างนั้นมันจึงไม่เสมอไป ให้ผุดเป็นธรรมแล้วเป็นสุขเข้าใจไหม
เทศน์อบรมพระสงฆ์และฆราวาส
ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อค่ำวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
สายบุญสายกรรมมีอยู่
...พอพิจารณารวมลงมาถึงจุดนั้นก็มีความรำพึงขึ้นมาว่า ทำไมจิตดวงเดียวนี้จึงเป็นได้หลายอย่างนัก เวลามันจะคว่ำโลกธาตุนะ จิตดวงเดียวนี้ทำไมจึงเป็นได้หลายอย่างนัก เดี๋ยวว่าดี เดี๋ยวว่าชั่ว เดี๋ยวว่าสุข เดี๋ยวว่าทุกข์ แม้จะไม่มีมากมายแต่ก็เป็นเครื่องหมายให้ทราบแล้วว่าสิ่งเหล่านี้มี เศร้าหมองก็มีตามธรรมขั้นนั้น ผ่องใสก็มีในธรรมขั้นนั้น ยังไม่ใช่ขั้นหลุดพ้น รำพึงว่าดีว่าชั่วก็มีตามธรรมขั้นนี้... -
อยากให้พ่อแม่ในอดีตชาติได้รับบุญบวชด้วย
ถาม : ตามที่กล่าวถึงการบวชพระ ถือว่าเป็นอานิสงส์พิเศษ ที่พ่อและแม่สามารถได้รับทันทีโดยไม่ต้องอนุโมทนา จึงอยากจะเรียนถามเพิ่มเติมว่า อานิสงส์นี้จะเฉพาะพ่อแม่ในชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น หรือหมายรวมถึงพ่อแม่ในอดีตชาติด้วย ?
ตอบ : ปัจจุบันอย่างเดียว อดีตชาติต้องบวชในอดีต แต่ไม่แน่ ถ้าหากท่านรู้แล้วโมทนาด้วยก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้ารับโดยไม่ต้องโมทนาด้วยนับเฉพาะพ่อแม่ชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น
ถาม : เนื่องจากสาเหตุพิเศษอะไรหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มีท่านเราก็ไม่ได้บวช
ถาม : หากต้องการให้ท่านที่เป็นพ่อแม่ในอดีตชาติรับได้ด้วย ต้องบอกกล่าวให้ท่านอนุโมทนา หรืออุทิศส่วนกุศลให้ จึงจะได้อนุโมทนาใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูกต้อง และท่านต้องอยู่ในภูมิที่โมทนาได้ด้วย ถ้าอยู่ในภูมิที่โมทนาไม่ได้ อุทิศให้ตายก็ไปไม่ถึง
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๖
ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3877
. -
หลักพิจารณาความเป็นมนุษย์ในตัวเอง : หลวงปู่แหวน
หลักพิจารณาความเป็นมนุษย์
หลวงปู่แหวนท่านว่า.... เรามีหลักที่จะพิจารณาตัวเองใน ๓ หลัก ๔ หลัก ถ้าหากว่าในช่วงใดเรามีกิเลสโลภโมโทสันขึ้นมา หมายถึงเรามีความโกรธจัด อยากจะฆ่าใคร ฆ่า อยากจะแกงใคร แกง
อยากจะด่าทอเสียดสีใคร ว่ากันให้ตามอำเภอใจ ในช่วงนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ แต่ใจของเราเป็นสิ่งที่ลดต่ำลงไปกว่านั้น คือลดต่ำกว่าความเป็นมนุษย์
ถ้าโมโหไปเกิดฆ่าสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งขึ้นมา เปอร์เซ็นต์แห่งความเป็นมนุษย์ ลดต่ำลงไปจะถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะศีลห้าขาด
ขณะใดที่คุณเกิดความโลภมาก คุณไปคิดลักขโมยจี้ปล้นฉ้อโกง ทำลายศีลข้ออทินนาทาน
เปอร์เซ็นต์แห่งความเป็นมนุษย์ก็ลดลงไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ความเป็นมนุษย์ก็ไม่สมบูรณ สัตว์เดรัจฉานมันก็มาชิงเกิดในช่วงนี้
เพราะจิตใจของเราอยู่ในระดับเท่า ๆ กัน ในเมื่อสิ่งใดมันมีระดับเท่า ๆ กัน มันก็เข้าขากันได้ อันนี้ในขณะนั้นก็แสดงว่า กายของเราเป็นมนุษย์ แต่ขอโทษ ใจของเรามันกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานเสียแล้ว
แต่ว่าในขณะใดที่ใจของเรานี้มันมีศีลธรรม มีความเมตตาปรานี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กว้างขวาง ในขณะนั้นใจของเราเป็นมนุษย์ กายของเราก็เป็นมนุษย์... -
รวบรวมบทความขั้นตอนการทำพระสมเด็จ
สมเด็จพระสังฆราชสุก (ไก่เถื่อน) นี้ ท่านเป็นพระอาจารย์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เคารพเป็นอย่างยิ่ง และถือเอาวัตรปฏิบัติ ตลอดจนวิธีการสร้างพระขององค์พระอาจารย์องค์นี้มาสร้างสมเด็จวัดระฆัง พระสมเด็จบางขุนพรหม และพระสมเด็จเกศไชโย อันนับเป็นพระเนื้อผงที่ได้รับความศรัทธานิยมสูงสุดมาโดยตลอด ดังนั้นขั้นตอนกรรมวิธีการสร้างพระเนื้อผงในลำดับต่อๆมา จึงได้ยึดเอาขั้นตอนกรรมวิธี การจัดเตรียม การสร้าง และการปลุกเสก ตามอย่างสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นปัจจัยหลักปฏิบัติ
การจัดเตรียมวัสดุ เป็นที่ทราบกันดีว่ามวลสารหลักในพระเนื้อผงก็คือ ผงปูนขาว ซึ่งโบราณจะใช้เปลือกหอยมาเผาไฟ แล้วบดให้ละเอียด เรียกว่า “ผงปูนเปลือกหอย” ซึ่งมีคุณสมบัติ เช่นเดียวกัน
เมื่อได้มวลสารหลัก ก็จัดเตรียมผงที่เป็นมงคลต่างๆ อาทิเช่น ว่านดอกไม้ แร่ทรายเงิน ทรายทอง วัสดุศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลทั้งหลายที่เห็นสมควรนำมาเป็นส่วนผสมนำมาบดเป็นผง เป็นต้น
สิ่งที่ช่วยประสานเนื้อผง และทัพสัมภาระทั้งหลาย ให้เกาะติดเป็นเนื้อเดียวกันในสมัยโบราณจะใช้กล้วยน้ำ และน้ำมันตังอิ๊ว (กล้วยน้ำเป็นคำโบราณ = กล้วยน้ำว้า ,... -
หลวงพ่อปานเลี้ยงเปรต
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"เด็กกรุงเก่า" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากบารมีหลวงพ่อปาน
สมัยเด็กผมอยู่บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรี อยุธยา มีพระเกจิอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคนั่นเอง
พวกผู้ใหญ่เล่าว่า หลวงพ่อปานมีบารมีแก่กล้ายิ่งนัก มีลูกศิษย์ลูกหามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งชาวบ้านร้านช่องทั่วไปไม่ว่าใกล้ไกล ทั้งพระภิกษุอีกหลายรูป เช่น พระมหาวีระ ถาวโร หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" แห่งวัดป่าซุง อุทัยธานี เป็นต้น
แม้ว่าท่านจะล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว แต่ชื่อเสียงก็ยังเป็นที่กล่าวขวัญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายมาถึงทุกวันนี้
ขนาดลูกศิษย์ยังเพียงนี้ แล้วตัวพระอาจารย์เล่าจะเรืองเดชขนาดไหน?
หลวงพ่อปานเรืองวิทยาคมและเมตตาจิตสูงส่ง แผ่เมตตาให้สัตว์โลกทั่วไป ไม่ว่ามนุษย์หรือภูตผีปีศาจทั้งหลาย จนมีเรื่องเล่าขานต่างๆ นานา สืบต่อกันมาถึงบารมีของหลวงพ่อปานไม่สิ้นสุด
ขอเล่าถึงกิตติศัพท์โด่งดังของพระเกจิอาจารย์สู่กันฟังสักเรื่องสองเรื่อง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเดชบารมีของท่านว่าเกรียงไกรเพียงใด... -
หลวงปู่ดู่สอนศิษย์เรื่อง กรรมทางวาจา
หลวงปู่ดู่สอนศิษย์
หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้
นำไปปฏิบัติ คือ มงคล 38 ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ
นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล
ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร
คำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น
จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี
บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี
คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตาย
ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ
หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา
ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน
แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ ท่านสอนศิษย์เสมอว่า
อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา
เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่
ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง
ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไป
ถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก
เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน
ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป... -
เสียงธรรม การปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ตั้งใจ
เครดิต :::
โดย ท่านจิตโต บ้านสบายใจ -
วันอาสาฬหบูชา โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
วันอาสาฬหบูชา
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงปฐมเทศนา
"ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" โปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ และท่านโกณทัญญะ
ได้บรรลุพระโสดาบันเป็นปฐมสาวก
พระธรรมเทศนา หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
สำหรับใจความจริง ๆ ใน "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" ความมุ่งหมายขององค์สมเด็จพระจอมไตร
ก็หมายเอา "อริยสัจ" คือว่า อริยสัจนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสก็หมายถึง
เป็นเรื่องของความจริง
คำว่า "อริยะ" นี่เขาแปลว่า บริสุทธิ์ผุดผ่อง "อริยสัจ" หมายถึง เราทรงความจริงที่เราเข้าถึง
ความบริสุทธิ์ทางใจ เรื่องของกายแต่ละคนหาความบริสุทธิ์ไม่ได้ เพราะกายมันสกปรก
ความบริสุทธิ์จริง ๆ มันต้องเป็นความบริสุทธิ์ทางใจ
ความบริสุทธิ์ทางใจ ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสในวันนั้นว่า โดยย่อท่าน
บอกว่า "จงละตัณหา ๓ ประการ" ตัณหา แปลว่า ความอยาก
๑.สิ่งที่ยังไม่มี อยากให้มีขึ้นเรียกว่า "กามตัณหา"
กาม เขาแปลว่า ความใคร่ ตัณหา แปลว่า อยากใคร่ อยากจะได้
๒.สิ่งที่มีอยู่แล้ว อยากให้ทรงตัวอย่างนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
อย่างนั้นเรียกว่า "ภวตัณหา"
๓.สิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงไป... -
บันทึก 7 วันสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพของคุณนกเอี้ยง
บันทึก 7 วันสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพ
ส่วนใหญ่ที่เคยอ่านมามักจะลงเรื่อง "เดือนสุดท้าย" ของหลวงพ่อ บันทึีกโดยหลวงพี่วิรัช แต่บันทึกของคุณนภดล นาควิเชตร์ (คุณนกเอี้ยง)ยังไม่เคยเห็นมีการนำมาลงเอาไว้
ตามที่ทราบมาในหนังสือประวัติหลวงพ่อฉบับที่จะพิมพ์ใหม่จะไม่มีส่วนเดือนสุดท้ายและส่วนผลงานการก่อสร้างวัด จะมีแต่ส่วนประวัติของหลวงพ่อเพียงอย่างเดียว เพราะเหตุนี้บันทึก 7 วันสุดท้ายของคุณนกเอี้ยงคงมีโอกาศน้อยที่จะถูกนำกลับมาพิมพ์ให้อ่านกันอีกครั้งนึง
ลองอ่านกันดูครับ ผมกลับมาอ่านครั้งไหน น้ำตารื้นขึ้นมาได้ทุกครั้งไปครับ
https://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/page-574 -
สูตรทำบุญไม่เสียเงินของ หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ
สูตรทำบุญไม่เสียเงินของ หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ
พอตื่นเช้ามาขณะล้างหน้า หรือดื่มน้ำให้ว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมังสรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ”
ก่อนจะกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ (เป็นอนุสสติอย่างหนึง)
ออกจากบ้านเห็นคนอื่นเขากระทำความดี เป็นต้นว่า ใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ข่าวงานบุญต่างๆ ฯลฯ ก็ให้นึก อนุโมทนา กับเขา
ผ่านไปเห็นดอกไม้ที่ใส่กระจาดวางขายอยู่ หรือดอกบัวในสระข้างทาง ก็ให้นึกอธิฐานถวายเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยว่า “พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ” แล้วต้องไม่ลืมอุทิศบุญให้แม่ค้าขายดอกไม้ หรือรุกขเทวดาที่ดูแลสระบัวนั้นด้วย ตอนเย็นนั่งรถกลับบ้าน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมบูชาพระรัตนตรัยโดยว่า “โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา” (เป็นการบูชาระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ก่อเกิดอานิสงค์แห่งบุญในดวงจิต) เวลาไปที่ไหนเห็นข่าว คนตาย คนเจ็บ คนป่วย คนที่กำลังมีความทุกข์ ก็ดี ผ่านจุดที่คนตายบ่อยๆ เห็นศาลเจ้า ศาลพระภูมิ ก็ดี ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า บารมีรวมของครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด(หรือองค์พระโพธิสัตว์ที่นับถือ) แผ่บุญไป (เป็นการเจริญเมตตา... -
สูตรทำบุญไม่เสียเงินของหลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ
พอตื่นเช้ามาขณะล้างหน้า หรือดื่มน้ำให้ว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมังสรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ” ก่อนจะกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ (เป็นอนุสสติอย่างหนึง) ออกจากบ้านเห็นคนอื่นเขากระทำความดี เป็นต้นว่า ใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ข่าวงานบุญต่างๆ ฯลฯ ก็ให้นึก อนุโมทนา กับเขา
ผ่านไปเห็นดอกไม้ที่ใส่กระจาดวางขายอยู่ หรือดอกบัวในสระข้างทาง ก็ให้นึกอธิฐานถวายเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยว่า “พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ” แล้วต้องไม่ลืมอุทิศบุญให้แม่ค้าขายดอกไม้ หรือรุกขเทวดาที่ดูแลสระบัวนั้นด้วย ตอนเย็นนั่งรถกลับบ้าน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมบูชาพระรัตนตรัยโดยว่า “โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา” (เป็นการบูชาระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ก่อเกิดอานิสงค์แห่งบุญในดวงจิต) เวลาไปที่ไหนเห็นข่าว คนตาย คนเจ็บ คนป่วย คนที่กำลังมีความทุกข์ ก็ดี ผ่านจุดที่คนตายบ่อยๆ เห็นศาลเจ้า ศาลพระภูมิ ก็ดี ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า บารมีรวมของครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด แผ่บุญไป (เป็นการเจริญเมตตา ฝึกให้จิตมีพรหมวิหาร เป็นการบำเพ็ญบุญ)
ก่อนนอนก็นั่งสมาธิ เอนตัวนอนลง... -
วิธีสอนสมาธิให้เด็กๆ โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
ถาม : อยากให้สอนสมาธิให้เด็กๆ ค่ะ
ตอบ : ถ้าอยากฝึกสมาธิต้องมาตอนเย็นๆ ถ้าเด็กๆ อยากเก่งให้ทำสมาธิเยอะๆ หลวงตาเรียนตอนแก่ๆ ยังสอบได้ที่ ๑ ตลอด ถ้าทำสมาธิไว้นะจ๊ะ แล้วจะเรียนเก่งทุกคน
ถ้าเรานั่งพุทโธๆ เป็นแล้วก็อย่าทิ้ง พุทโธก็ได้ นะมะพะธะก็ได้ สัมมาอะระหังก็ได้ พองหนอยุบหนอก็ได้ ทำสมาธิไว้ทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยแล้วจะเก่ง มีโอกาสต้องรีบทำนะจ๊ะ จะได้แซงเพื่อน เอาที่ ๑ มาเลย หลวงตาเรียนตั้งแต่เด็กจนแก่ ยังไม่มีใครแย่งที่ ๑ จากหลวงตาได้เลย
ใช้วิธีหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ แล้วก็นับ ๑ พอครบ ๑๐ ก็งอนิ้วไว้หนึ่งนิ้ว แล้วก็พุทโธ ๑ พุทโธ ๒ ไปเรื่อย พอครบ ๑๐ นิ้วเมื่อไรก็ไปวิ่งเล่นได้ เราพุทโธได้ตั้ง ๑๐๐ เดี๋ยวนี้ข้าวของแพง ถ้าหาได้ไม่ถึง ๑๐๐ บาท ก็ไม่พอกิน ดังนั้นพุทโธก็เลยต้องให้ได้วันละ ๑๐๐ ครั้งด้วย (หัวเราะ)
ขอให้เรียนเก่งๆ นะจ๊ะ สมองคนพัฒนาได้ลูก สมองคนพัฒนาตามสมาธิ ถ้าสมาธิดี สมองจะดีเอง
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ - หน้า 2 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน -
๑๐ บุญ ที่ทำแล้วจะรุ่งเรืองทุกด้าน
ประการที่ 10. บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ตรงสัจจะ
คือ ทำปัญญาให้ตรงสัจจะอันล้ำลึกหรือการทำปัญญาให้ตรงกับเป้าหมายสูงสุดของชีวิตปรับวิถีทาง ทำกิจการงานทุกอย่างให้ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่าย
ประการที่ 9. บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา
ในข้อนี้เราจะเห็นได้ว่า เมื่อใครทำความดี เราควรยินดีในความดีของเขา ทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น ไม่อิจฉาริษยา บุญนี้จะส่งผลให้เรามีมิตรมาก มีความสัมพันธ์ที่ดี
ประการที่ 8. บุญที่เกิดจากการอุทิศบุญ
เมื่อเราทำความดีใดๆ เราก็ควรหมั่นเผื่อแผ่ความดีให้แก่คนอื่น บางความดี ความชอบในผลงานให้แก่คนอื่น บุญจะส่งผลให้เราจิตใจสะอาด อิสระและยิ่งใหญ่ขึ้น (ถ้าเรายิ่งอุทิศบุญมากแล้ว บุญนั้นก็จะสะท้อนกลับมาหาเราเป็น 2 เท่าของบุญทั้งหมด เราไม่ต้องกลัวว่าบุญของเราจะหมดไป)
ประการที่ 7. บุญที่เกิดจากการแสดงธรรม
เมื่อเรารู้ว่าใครที่ด้อยกว่าเราแล้ว เราก็ควรแนะนำ สั่งสอน ตักเตือนเขาด้วยความเมตตา ด้วยใจที่ปรารถนาดีจริงๆ เป็นการแสดงธรรม ซึ่งจะส่งผลให้เราแตกฉานและมั่งคงในความดีงาม หรือถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องธรรมมากนัก เราก็อาจจะซื้อหรือแจกซีดีธรรมะก็ได้
ประการที่ 6.... -
กายในกาย โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ
“ กายในกาย ”
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
ใน “มหาสติปัฏฐานสูตร”
พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถึง “กายในกาย” ไว้
สำหรับนักปฏิบัติขั้นต้น ... ก็ถือเอา อวัยวะภายใน เป็น กายในกาย
ส่วนท่านที่ได้ “จุตูปปาตญาณ” แล้ว
(จุตูปปาตญาณ คือ ญาณหยั่งรู้การจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)
ก็ถือเอา กายที่ซ้อนกาย อยู่นี้เป็น กายในกาย
“กายในกาย” มีได้อย่างไร ?
ขอตอบว่า เป็นกายประเภท อทิสมานกาย
คือ ดูด้วยตาเนื้อไม่เห็น
ต้องดูด้วย “ญาณ” ... จึงเห็น
ตามปกติ กายในกาย หรือ กายซ้อนกายนี้
ก็ปรากฏตัวให้เจ้าของกายรู้อยู่เสมอ ... ในเวลาหลับ
ในขณะหลับนั้น ฝันว่าไปไหน
ทำอะไรที่อื่น จากสถานที่เรานอนอยู่
ตอนนั้นเราว่าเราไป และทำอะไรต่ออะไรอยู่
ความจริงเรานอน และเมื่อไปก็ไปจริง จำเรื่องราวที่ไปทำได้
บางคราวฝันว่าหนีอะไรมา พอตื่นขึ้น ก็เหนื่อยเกือบตาย
กายนั้นแหละที่เป็น กายซ้อนกาย หรือ กายในกาย
ตามที่ท่านกล่าวไว้ใน “มหาสติปัฏฐาน”
ตามที่ นักเจโตปริยญาณ ต้องการรู้
(เจโตปริยญาณ คือ ญาณหยั่งรู้ใจผู้อื่นได้)
“กายในกาย” แบ่งออกเป็น ๕ ขั้น คือ
๑. กายอบายภูมิ
มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับขอทาน... -
การแก้กรรมความรัก
เรื่องเนื้อคู่นั้นตามหลักความเป็นจริงทุกๆ คน
จะมีเนื้อคู่แท้เป็นของตัวเอง
แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เกิดมาร่วมกันเป็นเนื้อคู่แท้ และมีอีกหลายคนที่จะได้อยู่ร่วมกับคู่ครอง คู่กรรม คู่อื่นๆที่ยังไม่ใช่เนื้อคู่แท้
ต้องแจ้งให้ทราบว่า ดวงคนเราทุกคนนั้นตามหลักความจริงมีเนื้อคู่แท้กันทุกคน
แต่ใครจะได้เกิดมาอยู่ร่วมกับเนื้อคู่แท้ของตนเท่านั้นเอง ที่พิมพ์แจ้งอย่างนี้ก็เพราะกรรมแต่ละคนทำมาไม่เหมือนกัน
บางท่านทำกรรมกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนมามากมาหลายภพชาติ
ก็จะทำให้เกิดมาในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอและอยู่ร่วมกับเนื้อคู่ของตน
และจะได้ใช้กรรมกับคู่กรรม คู่ครอง คู่อื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อคู่แท้ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานดั่งเช่นทุกวันนี้
วิธีแก้กรรมเรื่องเนื้อคู่
1. ความซื่อสัตย์ต่อคนรัก
2. ความมั่นคงในความรัก
3. การไม่คิดและนอกใจต่อคนรัก
4. การไม่ผิดคู่ ลูก สามี หรือภรรยาใคร
5. ไม่พูด ไม่ทำให้คนที่รักกันต้องแตกแยกจากกัน (รักกันด้วยความถูกต้องด้วยความดี)
6. และสุดท้ายที่ ห้ามทำอย่างเด็ดขาด คือการเป็นพ่อสื่อ แม่สื่อให้กับใคร เพราะจะเป็นกรรม ทำให้เราต้องพลัดจากคู่ครอง คู่แท้ คู่รักของตน
ตรวจศีลข้อ3
ศีลข้อ 3... -
อาชีพที่เสี่ยงต่อการตกนรก
สมเด็จโตบอกไว้ มีหลักฐานในหนังสือของสำนักปู่สวรรค์ บางแค เพชรเกษม 65 ว่า อาชีพที่เสี่ยงต่อการตกนรกคือ ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา ทนายความ
อาชีพที่เสี่ยงต่อการตกนรก ตามกฎของโลกวิญญาณ
๑.ตำรวจ
ตำรวจในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้ว ต้องตกนรกเจ็ดชาติ เพราะว่าตำรวจถือว่าตัวมีกฎหมายทีสมมุติอยู่ในมือ เอะอะก็จะจับ ผิดถูกค่อยว่ากันที่หลัง ให้แก้กันที่ศาล
๒.อัยการ
อัยการในโลกมนุษย์ตายแล้ว จะต้องตกนรกห้าชาติ เพราะอัยการจะไม่รับรู้เรื่องผิดถูก จะต้องเอาผู้ต้องหาเข้าคุกให้ได้ เพราะอัยการจะถือหลักว่า เอาชนะความได้มากจะเป็นผลงานของอัยการ
๓.ผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาในโลกมนุษย์ ตายแล้วจะต้องตกนรกสามชาติ เพราะว่าฟังตามขบวนการที่วางมาให้ ไม่ได้ไปสืบให้รู้จริงด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ เพราะฉะนั้นคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้กฎหมาย จึงตัองติดคุกไปมากแล้วในโลกมนุษย์
๔.ทนายความ
ทนายความในโลกมนุษย์ ตายจากโลกมนุษย์แล้ว ต้องตกนรกสองชาติ เพราะทนายความจะไม่รับรู้อะไร คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ลูกความชนะเท่านั้น โดยกฎอันนี้ทางโลกวิญญาณถือว่ามีกุศลจิต แต่บางครั้งก็ช่วยคนทำผิดจริงให้ไม่ต้องติดคุก เป็นต้น
ฉะนั้น...
หน้า 404 ของ 411