คลังเรื่องเด่น
-
เรียงลำดับจิตตภาวนา ...หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
"..อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาอยู่ที่จิตไม่อยู่ที่อื่น อย่างหลวงปู่มั่นท่านแสดง เรากราบราบทันทีเลย ไม่มีใครพูด ในตำราท่านก็ไม่บอก ท่านบอกไว้แต่ว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ ไปเท่านั้น แต่ท่านอาจารย์มั่นท่านมาพูดว่า ฐีติภูตํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาเกิดขึ้นจาก ฐีติภูตํ คือจิตแท้ เกิดจากนี้ แต่ท่านเอานี้ออกไป เมื่อเปิดอันนี้แล้ว ฐีติภูตํ ก็จะบริสุทธิ์เอง ท่านว่างั้น เพราะอันนี้เป็นเครื่องปกปิดต่างหาก ท่านจึงพูดตั้งแต่อันนี้เป็นอวิชชาไปเลย ท่านว่างั้น เวลาพิจารณาก็เป็นอย่างนั้น
พิจารณาเข้าไปถึงนั้นแล้วหมุนเข้าไปหาจิต หมุนเข้าไปหาจิตแล้วมันก็พิจารณาทางจิตอีก สติปัญญานี้มีหลายขั้นนะ คำว่าสติปัญญาการพิจารณา ขั้นล้มลุกคลุกคลาน คือการภาวนาล้มลุกคลุกคลานดังที่เราฝึกเบื้องต้นใช้คำบริกรรม นี้เป็นอันหนึ่ง จากนั้นก็พิจารณาถึงสมาธิ ออกจากสมาธิแล้วเข้าเป็นปัญญา พิจารณาร่างกายนี้ก็เป็นปัญญาขั้นหนึ่ง พอพิจารณาร่างกายคล่องแคล่วว่องไวเข้าไป จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญาเราก็เรียนในปริยัติตั้งแต่ก่อน งงเป็นไก่ตาแตกไม่รู้ แต่ก็ไม่ถือเป็นอารมณ์อะไรมากนัก
สุตมยปัญญา... -
ฝึกตัดร่างกายไว้ ตายเมื่อไรไปพระนิพพาน โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ฝึกตัดร่างกายไว้ตายเมื่อไรไปพระนิพพาน
ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ในเมื่อนึกถึงความตายได้ นึกถึงพระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ได้ ทรงศิลได้ ก็ตั้งอารมณ์
ไว้โดยเฉพาะพระนิพพาน ให้มีความเข้าใจตาม
ความเป็นจริงว่าร่างกายของเรามีสภาพไม่เที่ยง
มันเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สลายตัวไปในที่สุด
ให้ถือว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกาย
เป็นเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว ไม่ช้ามันก็ตาย
ถ้ามันตายเมื่อไร ขึ้นชื่อว่าร่างกายเลวๆ อย่างนี้
เราไม่ต้องการมันอีก เราต้องการนิพพานจุดเดียว
ถ้าคิดอย่างนี้ทุกวันนะ เวลาที่ป่วยหนักใกล้จะตาย
อารมณ์ทั้งหมดที่คิดวันละเล็กวันละน้อย มันจะ
รวมตัวเพื่อนิพพานโดยตรง จะวางเฉยทั้งหมด
การที่จะไปนิพพานได้จริงๆ อารมณ์จิตมันจะ
วางเฉยในทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมด ขณะที่เราป่วย
ไร่นาสาโทบ้านช่องทรัพย์สินต่างๆ มันก็เฉยเมย
ก็ไม่สนใจ จิตมันเฉยมีอารมณ์ทรงเกาะเฉพาะ
พระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ หรือพระธรรม พระสงฆ์
ด้วยก็ได้ตามใจชอบ แต่มันจะไม่สนใจใน
ทรัพย์สิน ไม่สนใจกับร่างกาย ถือว่าร่างกายมัน
จะตายก็เชิญตาย เราจะไปนิพพาน... -
"หลวงปู่ศรี มหาวีโร โปรดผีเปรต"
...สมัยหนึ่ง หลวงปู่ศรีท่านมาพักบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่ถ้ำพระ ในเขตบริเวณวัดถ้ำกวาง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ดีใจและวิงวอนท่านว่า... "ท่านอาจารย์ โปรดช่วยเมตตาหน่อย
โปรดกรุณาปราบเปรตตัวดุร้าย ที่มักไปหลอกหลอน และก่อกวนชาวบ้านอยู่เสมอ ห้อยโหนบนต้นไม้ให้ชาวบ้านเห็นบ้าง เดินลากเท้าไปตามถนนบ้าง ทำให้ชาวบ้านกลัวกันจนขี้หดตดหาย"
ในตอนเย็นวันนั้นเอง หลวงปู่ศรี ท่านนั่งสมาธิพิจารณาธรรมบริเวณลานหินลาดใต้ต้นจำปา ไม่ห่างจากถ้ำพระมากนัก พิจารณาดูผีเปรตตัวนั้น ว่าพอจะแผ่เมตตาโปรดได้บ้างไหม อีกไม่นานก็มีเสียงค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ๆ กลายเป็นสายลมพัดวูบ ๆผ่าน ต้นไม้แถบนั้นเสียงดังครืน ๆ ครืน ๆ ในที่สุดเปรตนั้นก็แสดงตนปรากฏในสมาธิธรรมของท่านอย่างประจักษ์ ประหนึ่งว่า "นั่งสนทนากันอย่างคนเราธรรมดา"
หลวงปู่ศรี ท่านได้ถามว่า "เจ้าชื่อว่าอะไร? ที่ต้องมาเกิดเป็นเปรต เสวยทุกขเวทนาอันร้ายกาจเห็นปานนี้ เพราะกรรมใด"
เปรตนั้นตอบว่า "ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ข้าพเจ้าชื่อว่า "บัก(นาย)พรหม" เป็นนามตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุที่เท้าข้างหนึ่งของข้าพเจ้าถูกไม้ทับจึงเป (แบน) คนทั้งหลาย... -
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์
ถาม: ......................................
ตอบ: เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เราสัมผัสได้เองอยู่แล้ว เพราะความรู้สึกของเรามี แต่ว่าให้รับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปยินดียินร้ายด้วย
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสรุปสั้น ๆ ว่า "อย่าติดในสุขและอย่ากังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ให้ได้ ถ้าวางเฉยในร่างกายนี้ยังไม่ได้ ก็ให้เบื่อร่างกายนี้ให้ได้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม" เรื่องอะไรที่จะขวนขวายแบกเพิ่มไม่ต้องไปหาแล้ว ทำเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด แล้วก็ยอมรับกฎของกรรม
ท่านบอกว่าเป็นพระอรหันต์เขาเป็นกันแค่นี้ ไม่เอาเยอะหรอก การยอมรับกฎของกรรมทำยากที่สุด ถ้าคนปัญญาไม่ถึงก็จะยอมรับแบบโง่ ๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อชา ซึ่งเป็นพระด้วย พายุฝนตีหลังคากุฏิเปิงไป ท่านก็ปล่อยให้ฝนรั่ว ให้แดดเผาอยู่อย่างนั้น จนหลวงพ่อชาทนไม่ได้
เมื่อท่านไปถึงบอกว่า "คุณ..ซ่อมหลังคาเสียหน่อยสิ"
พระท่านบอกว่า "ผมปล่อยวางแล้วครับหลวงพ่อ"
หลวงพ่อชาท่านบอกว่า "ปล่อยวางแบบควายนะสิ ควายมันทนแดดทนฝนได้มากกว่าคุณอีก"
อะไรก็ตามถ้ายังสามารถแก้ไขด้วยกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์... -
พระคาถาล้างกรรม หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
พระคาถาล้างกรรม หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
พระคาถานี้คุณยายฟื้น ข้างวัดบางนมโคท่านมักมาขึ้นพระกรรมฐานกับหลวงปู่ปาน เป็นประจำ วันหนึ่งมีชายสองคนมาคุมร่างแกไปถึงสำนักพระยายมราชเมื่อตรวจดูก็รู้ว่าเอามาผิดคน ท่านพระยายมราช จึงให้เอาไปส่งก่อนกลับท่านได้ฝากสองคาถานี้ให้นำมาถวายหลวงปุ่ปาน วัดบางนมโค คือ๑.คาถาล้างกรรม เพื่อที่ลูกหลานคนใดได้สวดบรรพบุรุษจะบรรเทากรรมหนักลง และ๒.บทกรวดน้ำ ที่สามารถกรวดให้แก่วิญญาณสัมภเวสีให้พ้นทุกข์ เมื่อคืนมายังเมืองมนุษย์คุณยายฟื้น ได้นำมาถวายหลวงปู่ปาน ซึ่งคาถานี้อยู่ในหนังสือเล่มเก่าของวัดบางนมโค ต่อมาคาถานี้ได้หายไปในการพิมพ์หนังสือใหม่ ผมมีต้นฉบับของเก่าเลยถ่ายมาลงเป็นวิทยาทานครับ
คาถาล้างกรรม
(ให้ตั้งนะโม 3 จบ)
*พุทโธ อะระหัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวัณโณ พุทโธ อะระหัง กัมมะโตเมตัง กัมมะภันทะนัง ชีวิตตังให้ไปจุติ ให้ทุกชีวิตทุกวิญาณจงไปผุดไปเกิด (3 จบ)
บทกรวดน้ำ
*อิมินา ปุญญกัมเมนะ ขอเดชเดชะกุศลผลบุญ ที่ข้าพเจ้าอุทิศไปให้คุณบิดามารดา ญาติกาทั้งหลาย สมณชีพราหมณ์ อีกทั้งเรือด ริ้น ลา พระอินทร์เจ้าฟ้า พระโคดม พระพรหมมีฤทธิ์ พระอาทิตย์ พระจันทร์... -
เสียงธรรม ตำนานวันสงกรานต์ โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
13 เมษายน 2558 วันปีใหม่ของไทย -
ติดวัตถุมงคลยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล
พระอาจารย์ กล่าวว่า "มีคนจำนวนหนึ่งไม่มากนัก แต่มักจะเป็นนักวิชาการมีชื่อเสียง เขาจะเน้นเอาธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า บุคคลมี ๔ ประเภท มีอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ และปทปรมะ ถ้าไปเอาประเภทธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียวเนยยะก็ตาย ศาสนาก็ไปไม่ได้
อย่างศาสนาของเรา นักวิชาการสร้างแผนภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมปิรามิด ฐานล่างสุดมีขนาดใหญ่ ก็คือพวกที่ยังติดพิธีกรรม ในช่วงกลางก็เป็นพวกที่เริ่มเข้าหาศีล สมาธิ ในช่วงปลายเป็นพวกที่ปฏิบัติครบในไตรสิกขา ก็คือมีปัญญาร่วมด้วย ก็แปลว่าขึ้นไปก็เหลือนิดเดียว คราวนี้ในส่วนที่ว่ามา เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า ต่อให้คนพูดเอง เอาธรรมะบริสุทธิ์ไปให้ล้วนๆ ก็ไม่ทำหรอก แต่มักจะแสดงความเห็นให้ดูเก๋ เท่ ฉลาด
ถ้าเราไปดูบาหลีซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ของอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรอิสลามมากที่สุดในโลกถึง ๒๕๐ กว่าล้านคน บาหลีเป็นเกาะเล็กๆ นิดเดียว แต่เป็นฮินดู และความเป็นฮินดูเหนียวแน่นชนิดอิสลามแทรกไม่เข้า วันหนึ่งๆ มีการบวงสรวงบูชาพระเจ้า ๔ - ๕ รอบ เช้ายันค่ำ ต้องมานั่งเตรียมเครื่องบูชาไปถวายที่เทวาลัย... -
หลวงปู่ไดโนเสาร์ ตอบปัญหาธรรม ''บทเรียนราคาแพงของผู้ปรารถนาพระนิพพาน''
ต้องการนิพพานจริงหรือนิพพานหลอกตัวเอง
โยม : หลวงปู่ครับ ทำไมผมยิ่งทำบุญ
ยิ่งปฏิบัติธรรม ยิ่งทำสมาธิก็เหมือน
ยิ่งทุกข์เหลือเกินครับ
ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาการเงิน ไม่รู้อะไรประดังประเด
เข้ามาตลอดครับหลวงปู่
หลวงปู่ : เวลาคุณทำบุญ
เวลาคุณปฏิบัติ มันกระทบกับเงิน ทอง
หรือเวลาปกติ ของคุณหรือเปล่า
โยม : เปล่าครับผม
เวลาผมทำบุญผมก็ ไม่ได้ลำบาก
เงินทองก็เป็นส่วนเหลือจากการเก็บ
การดูแลครอบครัวแล้วการปฏิบัติของผม
ก็กระทำโดยไม่กระทบกระเทือนใคร
พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมียก็อนุโมทนา
แต่มันก็มีปัญหาเรื่องอื่นๆเข้า มาไม่ขาด
หลวงปู่ : คุณ เวลาคุณปฏิบัติคุณก็
ต้องการพระนิพพานใช่หรือเปล่า
นิพพานก็ต้องหนีโลก ต้องเบื่อโลก
ถ้ามันไม่มีปัญหาเข้ามาคุณจะหนี
โลกได้อย่างไร ถ้าคุณยังหวังสุข
ในโลกนี้ นิพพานของคุณก็เป็น
นิพพานหลอกตัวเองหล่ะสิ
โลก เป็นโรงเรียน ที่ใหญ่ที่สุดปัญหาที่
เข้ามาคือ บทเรียน มารทั้งหลายคือครูของเรา
เมื่อคุณปฏิบัติ สูงๆขึ้นไปปัญหามันก็จะสูง
ขึ้นไปด้วย ปัญญาคุณแค่อนุบาล ปัญหา
มันก็อนุบาล บทเรียนก็อนุบาล
ครูก็ครูสอนอนุบาล
แต่เมื่อคุณเรียนปริญญา
ปัญญาระดับปริญญา... -
พบพระธาตุ..ในห่้องนอน หลังจากได้ยินเสียงสวดมนต์.ทุกคืน
ก่อนที่จะพบพระธาตุ.ได้ไปไหว้ หลวงพ่อพระนอนมาครับ.และก็เดินเล่นที่เมืองโบราณ.ซึ่งผมจะไปประจำ.หลังจากกลับมาบ้าน.,ช่วงกลางคืนจะได้ยินเสียงสวดมนต์แว่วๆครับ.ตอนแรกคิดว่าหูฟาด...ผมนอนฟังได้ยินเสียงสวดแบบเพราะมาก..หลังจากนั้นประมาณ.๓ วัน ผมปัดกวาดห้อง..และเจอ.อยู่ข้างเสาร์ในห้องครับ..พอสัมผัสจะนิ่มมือมากๆ..ซึ่งไม่เหมือนพวกเรซิ่น..เม็ดกันชื้นจะคนละแบบครับ..ใช้กล้องส่องดูจะมีการตกผลึกจากภายใน..เหมือนกับมีแสงเปล่งออกมาจาก.พระธาตุครับ.และเปลี่ยนสีสันเองได้ครับ..บางครั้งดูเข้มๆ..บางครั้งก็ดูใสๆ.ครับ.ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า..พระธาตุนี้มาได้ยังไง.. -
"ศีล เครื่องกลั่นกรองอย่างหยาบ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ศีล เครื่องกลั่นกรองอย่างหยาบ"
"ศีล" จัดเป็นเครื่องมือสำหรับกลั่นกรองคนออกจากสัญชาตญาณของสัตว์ทั่วไปได้ ดีที่สุด
เพระว่า สัญชาตญาณของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมมีความเห็นแก่ตัวเป็นมูลฐาน
แล้วก็อิจฉา ริษยา ฆ่าฟัน บั่นทอนกำลังของผู้อื่น
เพื่อจะยื้อแย่ง หยิบฉวย เอาเนื้อหนังแลทรัพย์สิ่งของ ของคนอื่นมาเป็นของตัว ไม่คิดถึงความชั่วช้าสามานย์
ในการกระทำอันเป็นบาปกรรมนั้นเลย
"ศีล" ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องกลั่นกรองอย่างหยาบ ก็ยังได้ชื่อว่า "ละบาปทางกายและวาจา"
ซึ่งปรากฏออกมาแก่สายตาของสามัญชนทั่วไป .. "
เทสภาษิต
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
พระอาจารย์เล็กสอนว่า "อย่าจำในสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเรา"
พระอาจารย์เล็ก สอนลูกศิษย์เสมอว่า
"อย่าจำในสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเรา
แต่ถ้าใครทำดีกับเราให้จำเอาไว้ และรอเวลาทดแทน"
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
ฌาน สมาธิ กัมมัฏฐาน ๔๐ โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
จงละอารมณ์ที่ยังมาไม่ถึงนั้นเสีย เพราะสิ่งที่ยังมาไม่ถึงก็เป็นอนาคต อารมณ์ที่ล่วงไปแล้วก็เป็นอดีตไป
อารมณ์ที่เกิดอยู่ในเดี๋ยวนี้ก็ไม่ควรยึดถือเอา ดังนี้”
เรื่องกัมมัฏฐาน ๔๐ นั้น ในตำราท่านไม่ได้แยกออกว่า อันนั้นเป็นอารมณ์ของฌาน อันนั้นเป็น อารมณ์ของสมาธิ หรือท่านแยกไว้แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นตำราก็เป็นได้ ฉะนั้น เทศนากัณฑ์นี้จะรวม กัมมัฏฐาน ๔๐ นั้นไว้เสียก่อนว่า กัมมัฏฐานใดควรเป็นอารมณ์ของฌาน และกัมมัฏฐานใดควรเป็น อารมณ์ของสมาธิ ต่อไปถ้ามีโอกาสจะเทศน์เรื่อง อัปปมัญญา ๔ อาหาเรปฏิกูล ๑ ธาตุววตฺถาน ๑ ให้ฟัง
กัมมัฏฐาน ๔๐ นั้น
พวกที่เป็นอารมณ์ของฌาน ได้แก่ กสิณ ๑๐ อสุภ ๑๐ อรูปฌาน ๔ รวมเป็น ๒๔
ส่วนพวกที่เป็นอารมณ์ของสมาธิ ได้แก่ อนุสสติ ๑๐ อัปปมัญญา ๔ อาหาเรปฏิกูล ๑ ธาตุววตฺถาน ๑ รวมเป็น ๑๖
อนุสสติ ๑๐ ได้แสดงแล้ว ยังเหลือแต่ อัปปมัญญา ๔ อาหาเรปฏิกูล ๑ ธาตุววตฺถาน ๑ นี่แล เรื่องบัญญัติจำเป็นจะต้องจดจำหน่อย ความจำเรียกว่า สัญญา ถ้ามีสัญญาอยู่สมาธิก็จะไม่รวมลงได้ ถ้าสมาธิรวมได้แล้ว กัมมัฏฐาน ๔๐ เป็นอันว่าทำถูกต้องแล้ว ถึงอย่างไรบัญญัติก็ต้องเป็นบัญญัติ อยู่ดี ๆ นี่แหละ
ทีนี้จะอธิบายถึงเรื่อง... -
โลกียอภิญญา....การฝึกกสิณและอานุภาพของกสิณ
วันนี้ก็มาว่าเรื่องของการฝึกเกี่ยวกับ กสิณทั้ง ๑๐ ของเราต่อไป เมื่อวานได้กล่าวไปแล้วถึง วรรณกสิณทั้งสี่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว
เรื่องของกสิณนั้น แม้ว่าจะเป็นกรรมฐานที่หยาบ มีนิมิต มีสัมผัสได้ จับได้ ต้องได้ แต่ว่ามันลำบากด้วย
*การหานิมิตกสิณ* เพื่อที่จะใช้ในการเพ่งและพิจารณา
สำหรับวันนี้ก็จะกล่าวถึง ธาตุกสิณทั้งสี่ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ กสิณทั้งสี่กองนี้เริ่มจาก
ปฐวีกสิณ เราก็ต้องหานิมิตกสิณก่อน สมัยโบราณท่านบอกว่าให้ใช้ดินสีอรุณ คือสีเหลืองอมแดง เพื่อนำมาทำเป็นนิมิตกสิณ ต้องเอาดินมาละเลงบนผ้าสดึง แต่ว่าสมัยนี้ของเราถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ดีแต่เนื่องจากว่าสมัยนี้บางทีการหา วัสดุมาทำมันยากอยู่สักนิดหนึ่ง เด็กรุ่นหลังๆ กระทั่งดินสีอรุณหรือดินขุยปูในลักษณะนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรยังไม่รู้จักเลย เราก็ใช้ดินทั่วๆไป อาจจะเอามานวดมาปั้นก็ได้ ปั้นให้เป็นรูปกลมๆ ขนาดที่เราชอบใจก็ได้ หรือว่าจะปั้นให้เป็นสี่เหลี่ยมก็ได้ หรือว่าจะทำเป็นนิมิตกสิณอย่างของคนโบราณคือละเลงลงบนผ้าที่กว้างเมตรสองคืบสี่นิ้วก็ได้หรือว่าจะปัดกวาดสถานที่ใดที่หนึ่งให้สะอาด... -
อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น( โดยสมเด็จองค์ปฐมฯ)
อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น
(โ ด ย ส ม เ ด็ จ อ ง ค์ ป ฐ ม)
ทรงเมตตาสอนไว้เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๕ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่อ่าน แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผล มีความสำคัญโดยย่อดังนี้
ในวันนี้ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรม มองเห็นชายคนหนึ่งที่แพเลี้ยงปลาของวัด จับปลาสวายตัวใหญ่ (ปลาของวัดเชื่องมาก) ขึ้นมาจากน้ำ ปลาก็ดิ้นจนหลุดจากมือตกน้ำไป เขาก็จับปลาขึ้นมาใหม่ด้วยความสนุกสนาน ในครั้งนี้ปลาดิ้นแล้วตกลงที่พื้นกระดานของแพปลา แล้วจึงตกลงไปในน้ำเมื่อพวกเราเห็นการกระทำ (กรรม) ของเขา ก็เกิดอารมณ์ปฏิฆะ (ไม่พอใจ) พูดขึ้นว่า ”บ้า” อีกท่านหนึ่งพูดว่า “ทะลึ่ง” ซึ่งเป็นการคิดชั่ว พูดชั่ว (สอบตกในมโนกรรมและวจีกรรมทั้งคู่)
สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาตรัสสอนว่า (เพื่อสะดวกในการจดจำ แล้วนำไปปฏิบัติต่อ ขอเขียนเป็นข้อๆ) ดังนี้
๑. "เหตุที่จิตมีอุปาทาน ยึดเอากรรมของผู้อื่นมาใส่จิตของเรา จึงกล่าวเป็นวจีกรรมหลุดออกไป เพราะเหตุไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของจิต ที่ยึดเอาอุปาทานนั้นๆ(บุรุษผู้สร้างกรรมกับปลา) ถ้าไม่ใช่อดีตกรรมส่งผลให้เขาทำกับปลา กล่าวคือ... -
"เมตตากรุณา ธรรมที่เคียงคู่กัน" (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
.
"เมตตากรุณา ธรรมที่เคียงคู่กัน"
" .. เมตตา ที่แท้จริงจะไม่เกิดโดดเดี่ยวเพียงหนึ่งเดียว
"กรุณา" ต้องมีควบคู่กับ "เมตตา" เสมอ
เมื่อปรารถนาให้เป็นสุข ก็ต้องช่วยให้พ้นทุกข์
แม้ธรรมสองประการนี้ไม่เกิดควบคู่กัน ก็เป็นธรรมที่ไม่เกิดแก่จิตใจจริง
เป็นเมตตาปลอม เป็นเมตตาเพียงที่วาจา
หลอกทั้งตนเองและหลอกทั้งผู้อื่นเท่านั้น การหลอกนี้เกิดขึ้นมิได้ว่างเว้น
จนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ตนกำลังหลอกตัวเองและหลอกผู้อื่นด้วย
หลอกให้เข้าใจว่ามีเมตตา ซึ่งเป็นคุณธรรมอันงาม เป็นที่นิยมชมชอบ
ธรรมสองประการนี้ไม่ได้เกิดที่ไหน แต่เกิดในจิตใจและจักปรากฏออกทางกาย
แม้ "เมตตาเกิดจริงกรุณาจักเกิดตามจริงด้วย" ยิ่งกว่านั้นธรรมสำคัญในสายเดียวกันนี้
ก็จะเกิดตามมาเช่นกันนั่นคือ "มุทิตา" ที่มีความหมายว่า ยินดีด้วยกับความสุขของผู้อื่น
ควรรู้จักธรรมทั้งสามนี้ให้ถูกจริงจะได้สามารถสร้างใจตนเอง
ให้งดงามยิ่งนักได้ด้วยธรรมสำคัญยิ่งนี้ .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก -
เปิดตำนาน 52 เรื่องผี และสิ่งลี้ลับในจังหวัดสงขลา!
เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้รับทราบจากการออกเดินทางไปทำงานวิจัย ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดสงขลา เเน่นอนล่ะว่าการออกเก็บข้อมูลงานทางไทยคดีศึกษาในเรื่องต่างๆ ตามสถานที่ต่างๆย่อมต้องได้รับทราบข้อมูลทั้งเชิงประจักษ์ เเละความเชื่อในเเนวทางเฉพาะถิ่น อาทิ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องภูติผี เเละดวงวิญญาณ(ลัทธิวิญญาณนิยม)เพื่อนๆ หลายๆ คนของผู้เขียนเลยขอให้ทำการรวบรวมนำมาเล่าสู่กันฟัง(บ้าง) เพื่อเป็นประสบการณ์เเลกเปลี่ยนกัน
ปล. เชื่อก็ได้...ไม่เชื่อก็ได้..เเล้วเเต่จะคิดนะครับ
1.หน้าโรงเรียนอุดมศึกษาพานิช.. สมัยก่อนล่วงผ่านเลยมามีเรื่องเล่ากันปากต่อปากจากผู้สูงวัยว่าที่เชิงสะพานตอนเช้าตรู่(ราวตี 4-6 โมงเช้า)มักจะมีสาวสวยผมยาวผิวขาวมากๆ ใส่ชุดขาวมายืนโบกรถอยู่ หากใครจอดรถรับ เธอจะหายไปพร้อมกับความซวย หรือเรื่องร้ายๆที่เข้ามาเยือนคนดวงซวยคนนั้น...บรื๋ออออ
2.บริเวณถนนศรีภูวนารถ มีซอยหลายซอยมากๆ มีอยู่ซอยหนึ่งคือซอย 12 ซอยนี้เองมีโรงเก็บหัวหอมร้างอยู่ซอยหนึ่ง เล่าลือกันว่าผีดุมากๆ มีเรื่องเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนมีลูกจ้างโรงเก็บหัวหอมถูกบานประตูเหล็กตกใส่... -
การสร้าง-การซ่อมแซม พระปฏิมากร รูปลักษณ์ ถาวรวัตถุในพระศาสนา และ อุปการะต่อการบำเพ็ญบารมี
พระในหลวงทรงสร้างเองและเสด็จฯเททอง
พระในหลวงทรงสร้างเองและเสด็จฯเททอง :ชั่วโมงเซียน โดย ป๋อง สุพรรณ
"พระในหลวง" ในวงการพระเครื่อง หมายถึง พระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างเอง และเสด็จฯ เททองหล่อ ซึ่งเป็นพระเครื่องที่ประชาชนต่างเช่าเก็บสะสมเอาไว้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ภ.ป.ร. พระราชทานสงครามเกาหลี พ.ศ.๒๔๙๓ เหรียญ ภ.ป.ร.พระราชทานสงครามเวียดนาม เหรียญทรงผนวช เนื้อขาว วัดราชบพิธ พ.ศ.๒๕๐๗ เหรียญทรงผนวช วัดบวรนิเวศ พ.ศ. ๒๕๐๘ เหรียญหลวงพ่อโสธร หลัง ภ.ป.ร. พ.ศ. ๒๕๐๙ เหรียญพระพุทธชินราช หลังพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. รุ่นแม่ทัพภาค ๓ จัดสร้าง พ.ศ.๒๕๑๗ เหรียญพระชัยหลังช้าง หลัง "ภ.ป.ร." คณะสงฆ์สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ
กระแสความต้องการเหรียญ ร.๙ เนื่องจากทุกคนมองว่า พระองค์ท่านมีอภิญญามาก ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย ต่างนับถือพระองค์อย่างมาก ตรงนี้เชื่อว่า พระเครื่องที่มีการสร้างออกมาเสมือนเป็นตัวแทนพระองค์ท่าน ให้ประชาชนเคารพนับถือนั้น ต่างได้รับความนิยมทั้งหมด ดูได้จากเสื้อที่มีขายออกมา... -
การปรามาสพระที่เกิดจากกิเลสมาร จะแก้ไขอย่างไร? โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
"กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ ในระยะนี้ไม่ทราบว่า
เป็นเพราะเหตุใด ลูกมีอารมรณ์อยากจะด่าพระบ้าง
ด่าหลวงพ่อบ้าง ปรามาสพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหายครับ...?"
เหตุที่จะเกิดได้เพราะการเจริญกรรมฐาน ถ้าการเจริญ
กรรมฐานทำดีขึ้นมาจะข้ามขั้นพอที่มารจะดึงไม่อยู่
อารมณ์นี้จะเกิด เป็นเรื่องของพระยามาราธิราช
เขาเรียก กิเลสมาร น่ะ มันเกิดเข้ามาคร่อมใจห้ามได้ดี
ถ้าดีกว่านี้จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของเขา เรียกว่าจะไม่
ลงนรก คิดจะทำจิตใจให้ฟั่นเฝือไปโกรธนั่น โกรธนี่
เว้นนั่นเว้นนี่เสีย
แต่ว่ามันจะเป็นชั่วคราว บางทีก็สัก 4-5 เดือน และต่อไป
ก็หาย ถ้าอารมณ์ดีขึ้นมาก็ขอขมาโทษพระรัตนตรัย
ขอขมาโทษพระพุทธเจ้า ถ้ามันฟุ้งก็ฟุ้งไป ถ้าเลิกฟุ้ง
รู้สึก ตัวขึ้นมาได้ก็ขอขมาโทษใหม่ อย่างนี้ไม่ช้าก็หายนะ
ไม่เป็นไร
แม้แต่ฉันในช่วงเจริญฌานโลกีย์ มันก็มีเหมือนกันก่อน
จะขึ้นอันดับสูงนะ นี่มันก็มีอาการอย่างนี้เป็นธรรมดา
ที่ท่านบอกว่ากิเลสมารเข้าครอบงำจิต เรายอมแพ้มัน
เราก็ตกต่ำแน่นอน มันอาจจะเผลอ ขอขมาแล้วเผลอ
ก็ว่ากันไป มีสติใหม่ ก็ตั้งใจขอขมาใหม่ ไม่ช้ามันก็เลิก
อย่าง อาจารย์ฉัตร... -
พระอาจารย์เล็ก สอนเรื่อง "สิ่งที่ต้องระวังในการทำงานสาธารณประโยชน์"
ความสำเร็จทางการงานไม่ได้สำคัญเท่ากับความสำเร็จในใจ
ความสำเร็จในใจก็คือทำอย่างไรให้เราลด รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเราได้
งานที่ผ่าน ๆ ไป พวกเราลดความโลภได้แน่นอน เพราะว่าเรื่องของการบริจาคเงิน บริจาคของต่าง ๆ
พวกเราควักอย่างไม่ห่วงหน้าห่วงหลัง ทีนี้ก็เหลือแต่โกรธกับหลงว่าเราลดละได้จริงไหม ?
เวลาทำงานจะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ บางทีอาจจะเกิดจากความเห็นไม่ตรงกันบ้าง เหนื่อยขึ้นมาแล้วคุมอารมณ์ไม่อยู่บ้าง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกว่า ใครก็ตามที่ทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อสร้าง
จะมีสารพันปัญหาเข้ามาอยู่เสมอ ถ้าเราสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จะทำให้เราเข้าถึงธรรมได้เร็ว
เพราะว่าต้องชนอยู่กับของจริงอยู่ตลอด
จากงานต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็เหลืออยู่แค่อย่างเดียวว่า สังเกตตัวเองว่าโกรธกับหลงของเราเหลืออยู่แค่ไหน ?
แต่ว่าบางทีก็สังเกตได้ยาก เพราะว่า ปีติขึ้นมาบัง มัวปลาบปลื้มยินดีกับงานที่ตัวเองทำ
ทำกันแบบไม่เหนื่อยไม่หน่าย มีแรงเท่าไรก็ทุ่มลงไป จนลืมนึกถึงเรื่องกิเลสที่ซ่อนอยู่ในใจของตนเองไป
ถ้าจิตไม่ละเอียดจริง... -
คาถาสำหรับค้าขาย
อยากได้บทสวดสำหรับคาถา เนื่องจากตอนนี้ลงทุนเกี่ยวกับการค้าขายเป้นเงินลงทุนก้อนสุดท้าย ขอคำแนะนำหน่อยครับ สอบถามอีกนิดบทสวดคาถานะเราสามารถท่องหลายๆๆบทได้ไหมครับ หรือว่าต้องสวดบทใดบทหนึ่งครับ -
นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกๆท่านครับ ขอเปิดบ้านใหม่แต่ยังมีเรื่องราวสาระต่างๆเหมือนอย่างที่เคยทำมาแต่เดิม ขอนำเสนอสารธรรมต่างๆของหลวงพ่อและเกี่ยวกับวัดท่าซุงเป็นหลัก
ทุกท่านสามารถเข้ามาบอกเล่าเรื่องราวดีๆของตัวเอง, ข่าวคราวต่างๆหรือประสบการณ์พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุภาพและไม่เป็นการกระทบกระทั่งต่อผู้แสดงความคิดเห็นท่านอื่นในกระทู้
ยินดีต้อนรับทุกๆท่านและขอขอบคุณที่ได้ติดตามอ่านกันตลอดมานะครับ -
กระทู้เปล่าครับ
ใครสนใจสามารถเข้าไปดูบทความเดิมของกระทู้นี้ได้ที่นี้เลยครับ >>> วิธีฝึกกสิณลม -
" มาตุคาม มหาภัยพรหมจรรย์ " ( หลวงปู่แหวน )
บุพเพสันนิวาสอันเหลือเชื่อของหลวงปู่แหวน
...หลวงปู่ว้าวุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง จิตที่เคยควบคุมบังคับให้สงบนิ่งได้ก็เกิดปรวนแปรไป ความคิดคำนึงคอยแต่จะโลดแล่นซัดส่ายไปหาหญิงงามอย่างเดียว ทำให้หลวงปู่แหวนเกิดความหวาดกลัวตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ขืนอยู่ต่อไปอาจจะพ่ายแพ้ต่อกิเลสเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้น หลวงปู่แหวนจึงตัดสินใจเก็บบริขารทั้งหลายเดินทางกลับประเทศไทยอย่างฉับพลัน ทันที เมื่อข้ามแม่น้ำโขงสู่ผืนแผ่นดินมาตุภูมิแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นไปทางอำเภอศรี เชียงใหม่ ระหว่างเดินทางหนี "มาตุคาม" ซึ่งเป็นเนื้อคู่บุพเพสันนิวาสมาแต่ชาติปางก่อน จิตใจของหลวงปู่ยังโลดแล่นไปหาสาวงามเกือบตลอดเวลา เป็นความรู้สึกที่ฟุ้งซ่านที่รุนแรงร้ายกาจสุดพรรณานาทีเดียว
หลวงปู่แหวนเดินทางมาถึงพระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง จึงหยุดยั้งอบรมตนอยู่ ณ ที่นี้ และก็เป็นวาสนาของหลวงปู่ที่ได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านได้ปลีกตัวออกจากหมู่คณะมาบำเพ็ญภาวนาอยู่ในบริเวณนั้นพอดี
หลวงปู่แหวนมีปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับท่านอาจารย์ใหญ่ การได้มาพักอบรมตนอยู่ใกล้กับท่านพระอาจารย์มั่นก่อนเข้าพรรษาปีนั้น... -
พระราชกรณียกิจด้านการศาสนาของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
บทความพิเศษ : พระราชกรณียกิจด้านการศาสนาของ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์มิให้ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่เป็นความชั่วและเป็นแนวทางที่ทำให้มนุษย์เลือกกระทำแต่ความดี เป็นผลให้เกิดความสงบร่มเย็นในสังคมของมนุษย์ ในโลก ศาสนาจะดำรงอยู่ได้ก็เมื่อมีผู้เคารพ ศรัทธาเลื่อมใส ประพฤติตามหลักธรรมแห่งศาสนานั้นๆ ตลอดจนอุปถัมภ์ค้ำจุนศาสนาไว้ทุกวิถีทางอย่างสม่ำเสมอ
การอุปถัมภ์ศาสนา หมายความถึงการที่ผู้นับถือศาสนานั้นๆ ปฏิบัติบำรุงศาสนาของตนทุกวิถีทางด้วยใจบริสุทธิ์ เช่น ยึดมั่นในพระธรรมคำสั่งสอน ของพระศาสดา ซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน ไม่ทำลายศาสนวัตถุ อุปถัมภ์นักบวชซึ่งเป็นผู้สืบพระศาสนาให้ดำรงมั่นคงอยู่ เป็นต้น
ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาตามความเชื่อและศรัทธาของตน พระมหากษัตริย์แต่อดีตจน ถึงปัจจุบันแม้จะทรงเป็นพุทธมามกะ แต่ทรงอุปถัมภ์ศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทยมาโดยตลอด
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักในความสำคัญของการอุปถัมภ์ศาสนา ดังนั้น... -
" อานิสงส์การทอดกฐินและการทอดผ้าป่า " ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง )
ผู้ถาม
การทอดผ้าป่า กับการทอดกฐิน อย่างไหนได้อานิสงส์มากกน้อยกว่ากันคะ.........?
หลวงพ่อ
ความจริงผ้าป่า กับกฐิน เป็น สังฆทาน ด้วยกันทั้งคู่นะ
แต่ทว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐิน ได้มากกว่าเพราะกฐินมีเวลาจำกัด
จะทอดตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น
การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นมหาทุกขตะ
คำว่ามหาทุกขตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ท่านเอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ของตนนำไปแลกกับด้ายหนึ่งกลุ่ม เข็มหนึ่งเล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
ท่านกล่าวว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้
แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดอานิสงส์จะให้ผลท่านผู้นั้น
เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา แล้วลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๕๐๐ ชาติ
เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี... -
พระธาตุวัดหลวงขุนวิน
บนดอยหลวงสูงเสียดฟ้า วัดหลวงขุนวิน เป็นวัดโบราณมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
วัดหลวงขุนวิน หมายถึง วัดที่ใหญ่โตที่อยู่ต้นแม่น้ำของลำน้ำแม่วิน
อีกความหมายหนึ่งคือ เป็นวัดของหลวงของเจ้าฟ้าหรือเจ้าแผ่นดินที่อยู่
ณ ต้นแม่น้ำของแม่วิน
วัดหลวงขุนวิน หมู่ที่ 7 ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ 50360
ประวัติพระธาตุวัดหลวงขุนวิน
....ในสมัยพุทธกาลหลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว
เสด็จสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายนานได้ 25 พรรษา ครั้งนั้นพระพุทธองค์
ทรงประทับอยู่ในพระวิหารเชตะวัน ปัจจุบันสมัยใกล้รุ่งคืนหนึ่งพระพุทธองค์
ทรงรำพึงว่า “อายุตถาคตได้ 60 พรรษา นับแต่นี้ไปอีก 20 พรรษาบริบูรณ์
ก็จะนิพพานไปเวไนยสัตว์ผู้มีบุญสมภารมาก (มีบุญสะสมไว้มาก)
ต่างก็เข้ามาสู่ในคำสอนของคถาคตสำเร็จมรรคสำเร็จผลไป
สัตว์โลกที่มีสมภารอ่อน (มีบุญที่สะสมไว้น้อย) ก็ยังมีอีกมาก
เราสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ถึงมรรคถึงผลนั้นก็หาได้สอนเต็มที่ไม่
แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ไม่พอเต็ม 25 อสงไขยทุกตัวสัตว์ได้
เราก็จักนิพพานไป สมควรเราจะตั้งจิตอธิษฐานไว้ยังพระพุทธศาสนา
พระบาท พระธาตุ และพระรัตนตรัย... -
หลวงตาแตงอ่อน ใช้เตโชธาตุในร่างกายเผาพิษไข้มาลาเรีย
" หลวงตาแตงอ่อน ใช้เตโชธาตุเผาพิษไข้มาลาเรีย "
หลวงตาแตงอ่อนเมตตาเล่าว่า เมื่อครั้งได้ญัตติเป็นพระในสังกัดธรรมยุตินิกาย
โดยมีพระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล ) สมัยนั้นสมณศักดิ์เป็นพระเทพกวี วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี ได้ตั้งใจศึกษาทางด้านปริยัติ จนสอบได้นักธรรมโท คิดว่าจะตั้งใจให้ได้นักธรรมเอก แต่ไม่ทันได้สอบ ได้อาพาธด้วยไข้มาลาเรียก่อน โยมมารดาจึงขอนิมนต์ให้ลาสิกขาแล้วมารักษาตัว ด้วยองค์ท่านมีความแน่วแน่ในร่มผ้ากาสาวพัตร์ จึงได้บอกโยมมารดาว่า
" ถ้าจะตายก็ขอตายในผ้าเหลือง ไม่ลาสิกขา ถ้าจะตายลาสิกขาออกไปก็ตายเหมือนเดิม "
โยมมารดาจึงตอบไปว่าถ้าไม่ลาสิกขาก็ขอนิมนต์ไปรักษาที่บ้าน
หลวงตาก็พิจารณาว่า เราอาพาธอยู่เกรงว่าจะเป็นภาระให้หมู่คณะสงฆ์ จึงตัดสินใจกราบลาท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์จูม พันธุโล
มาจำพรรษากับ หลวงปู่สีลา อิสสโร ที่วัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
ในระหว่างที่จำพรรษาที่นี่ ได้ตั้งใจเพียรภาวนา แต่พอจะนั่งสมาธิ ก็รู้สึกว่าหนาวสั่นใจจะขาด เป็นอย่างนี้อยู่ทุกครั้ง
วันหนึ่งได้มีโอกาสไปลงปาฏิโมกข์ ที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร โดยมีหลวงปู่กงมา... -
อย่าทอดทิ้ง...พระในบ้าน ( สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี )
มีคุณนายคนหนึ่ง…..
ใจบุญสุนทาน…ตักบาตรทุกเช้า
ตักบาตรเสร็จ.. ก็แต่งสำรับกับข้าว…อย่างบรรจงประณีต ..
เพื่อเอาไปถวาย…..ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ…ผู้เป็นเจ้าอาวาส
ด้วยความเคารพนับถือ..ในจริยวัตรของท่าน
และชอบฟังท่านคุย….เล่าเรื่องต่าง ๆ…
เรียกว่า….ตักบาตรเสร็จ…
คุณนายต้องมาวัดทุกวัน…
ถวายอาหารเสร็จ…ก็คุยกับพระสมเด็จ…
วันหนึ่ง…
หลังจากคุณนายกลับแล้ว….
พระหนุ่มรูปหนึ่ง….ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ
เข้าไปกราบเรียนว่า…
คุณนายคนนี้…ใจบุญสุนทานจริง ๆ….
แต่เคยได้ยินว่า…เป็นคนใจแคบ…
เหลือแม่อยู่คนเดียว..
ปล่อยให้อดๆ..อยากๆ…ไม่เอาใจใส่…..
ปล่อยให้อยู่ห้องแคบ ๆ…หลังบ้าน
ส่วนตัวเองและลูก ๆ ..
อยู่ตึกใหญ่โต…สะดวกสบาย….
เวลาพูดจากับแม่…ก็ฟังไม่ได้..
หยาบคาย….ขู่ตะคอก…กระแทกกระทั้น…
ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด…
ชนิดหน้ามือ..เป็นหลังมือ…
แม่…จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน..ก็ไม่ได้…
ไม่ยอมให้ออก…
มีแม่แก่…หลงๆ ลืม ๆ..สติไม่สมประกอบ..
อายเขา…
มีคนเขาเล่าให้ฟัง…หลายรายแล้ว…
เท็จจริงอย่างไร….ไม่ทราบได้…
สมเด็จ….นั่งฟังเฉย…ไม่พูดว่าอะไร
วันหนึ่งมีกิจนิมนต์…ไปทำบุญบ้าน
ขากลับ….เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย…... -
หลวงพ่อปานสอนหลวงพ่อฤๅษีเดินบนน้ำ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
หลวงพ่อปานสอนหลวงพ่อฤาษีเดินบนน้ำ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ในคืนหนึ่งฉันคิดว่า ถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันจะลองฝึก
เดินน้ำดู ว่ามันจะเป็นยังไงการเดินน้ำเดินท่า จะลอง
เดินน้ำดู แล้วก็ลองเดินกลางคืนดึก ๆ ฉันก็เริ่มใช้ปถวีกสิณ
กสิณดินเอาเข้ามาเพ่ง เพ่งจนกระทั่งปรากฏว่าน้ำในแก้วแข็ง
จะเอานิ้วจิ้มลงไปตรงไหน น้ำมีสภาพเหมือนน้ำแข็งทุกอย่าง
มันแข็งเป๋งเหมือนกับหิน ซ้อมอยู่อย่างนี้ ๓ คืน เมื่อ ๓ คืน
แน่ใจแล้ว คืนหนึ่งตอนตี ๒ แล้วก็เดือน ๑๒ เสียด้วยนะ
กำลังหนาวจัด ที่วัดบางนมโคนั่นมันด่านลม ลมหนาวพัดมา
น้ำเป็นคลื่น ความหนาวเย็นสะท้าน
ฉันก็เตรียมจะเดินน้ำ คิดว่าตอนนี้มันหนาวนี่ แล้วดึก ๆ อย่างนี้
หลวงพ่อท่านคงจะไม่ออกไปนอกกุฏิ พระแก่คงจะไม่สู้กับ
ความหนาว ฉันนุ่งผ้าผืนเดียว เตรียมพร้อมที่จะลงน้ำ ไปนั่ง
อยู่ที่โป๊ะหน้าวัดแล้วก็เข้าปถวีกสิณ ประเดี๋ยวเดียวอธิษฐานจิต
เอานิ้วจิ้มลงไปในน้ำ ปรากฏว่าน้ำแข็ง ฉันแน่ใจว่าน้ำแข็งมัน
จะเดินได้แล้วฉันก็ก้าวลงจากโป๊ะ ตอนก้าวลงนี่แหละ บรรดา
ลูกหลานทั้งหลาย การคุมอารมณ์มันไม่ทรงสภาพ สมาธิมัน
เคลื่อน ตอนนี้เอง พอก้าวลงจากโป๊ะ ตัวมีน้ำหนักตัวทาง...
หน้า 403 ของ 411