เพื่อการกุศล *☆.• ด่วน !!! เปิดกรุ !!! ของดียุคแรก อ.แทน อ.โอม เมืองสุรินทร์ •.☆*

สวัสดีครับ ใกล้เทศกาลงานบุญเดือน6 หรือ บุญวิสาขะ วันสำคัญทางศาสนาของพวกเรา ชาวพุทธ ช่วงนี้ยุคนี้ ครูบาอาจารย์ท่านย้ำนักย้ำหนาว่าให้รีบตักรีบตวง สร้างบุญสร้างกุศล สร้างคุณงามความดีใส่ตัวไว้ให้มากๆ เอาไว้เป็นทุนเป็นเสบียงติดตัว เป็นเครื่องคุ้มตัวคอยตามติดเราไป เผื่อในยามตกจะได้ไม่ต่ำ ยามยากจะได้ไม่ลำบาก เพราะบุญกุศลทั้งหลายนี่แหละจะเป็นเครื่องคุ้มเครื่องช่วย เป็นที่พึ่งพาของเราในภายภาคหน้าครับ

ในทางของท่าน อ.โอม เอง ท่านก็ย้ำก็เตือนมาตลอดเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเรื่องเหตุเพทภัยต่างๆ หรือความทุขก์ยากปากท้อง ท่านก็บอกก็เตือนเป็นระยะๆ ท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ยุคต่อไปนี้ สิ่งไหนไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งไหนไม่เคยมีเคยเกิด ก็จะมีจะเกิดให้เราได้รู้ได้เจอมากขึ้นเรื่อยๆ บางอย่างพอหาทางช่วยทางกันให้ได้ ท่านก็พยายามทำให้ ได้มากได้น้อยก็ดีกว่าไม่มีเลย แม้ครูบาอาจารย์หลายๆท่านทั้งที่อยู่เบื้องหน้าหรืออยู่เบื้องหลังท่านก็ยังคงคอยช่วยคอยผ่อนหนักให้เป็นเบา ตามกำลังตามเหตุตามปัจจัยครับ ส่วนเราๆผู้มีจิตน้อมในศรัทธา ก็อาศัยศรัทธานี่แหละครับเป็นแรงเป็นกำลังให้เราได้สร้างบุญสร้างกุศลไว้เป็นที่พึ่งที่ระลึกกันต่อไปครับ...

 

ทิ้งช่วงห่างหายไปนาน วันนี้ได้ฤกษ์ได้ยามดีก็เลยมาเล่าเรื่องราวให้ได้ฟังได้อ่านกันอีกแล้วครับ

เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมต้องกลับไปทำธุระที่สุรินทร์อยู่หลายวัน พอเสร็จธุระก็เลยแวะเข้าไปเยี่ยมไปยามครูบาอาจารย์ทั้งท่าน อ.แทน และท่าน อ.โอม พูดคุยถามไถ่พอได้หายคิดถึงครับ ไปคราวนี้ไปไม่เสียเที่ยวครับ ก่อนกลับก็ยังได้ของดีที่ถือว่าเป็นรุ่นแรกของทั้งสองท่านกลับมาฝากพี่ๆเพื่อนๆได้ร่วมบุญกันด้วยครับ และต้องขอบอกว่าแต่ละอย่างมีจำนวนน้อยจริงๆ เพราะเป็นของที่ท่าน อ.โอม แบ่งเก็บไว้บูชาบนหิ้งครับ

รายการแรก เป็น พระสมเด็จรุ่นแรก เนื้อว่าน ฝังเหล็กไหล 7 ชนิด ของท่าน อ.แทน พระสมเด็จรุ่นแรกนี้ ท่าน อ.แทน ท่านสร้างตั้งแต่สมัยท่านยังบวชอยู่เมื่อปี38 ในปีนั้นท่านได้ชวนผมซึ่งได้ไปบวชเณร(โข่ง) อยู่กับท่านไปโปรดญาติโยมที่ อ.หนองจันทร์ จ.หนองคาย ไปอยู่ที่วัดหนองจันทร์ คราวนั้นไปอยู่ประมาณอาทิตย์หนี่ง ช่วงว่างๆที่ไม่มีญาติโยมมาหาท่าน อ.แทน ผมก็จะเดินเล่นเดินดูไปทั่ววัดครับ และที่สังเกตเห็นก็คือในวัดนี้มีว่านเกิดอยู่หลายชนิด เท่าที่จำได้ก็จะมีพญากาสัก พญาว่าน ว่านเอ็นเหลือง ว่านพาก ว่านทรหด เสน่ห์จันทร์แดง,เขียว,ขาว ว่านนางกวัก ว่านเศรษฐี ว่านดอกทอง และอีกหลายชนิดครับ ผมก็เลยมาเล่าบอกท่าน อ.แทน ท่านว่าดีๆ และให้ลองไปขอหลวงพ่อเจ้าอาวาสดู ถ้าท่านให้ก็ดีจะได้เอาไปสร้างพระครับ ผมก็เลยลองไปถามไปขอท่านเจ้าอาวาสดู ท่านก็เมตตาครับ ท่านว่าอยากได้ก็ขุดเอาไปเลย แถมยังหาถุงกระสอบให้ด้วย ท่านเล่าว่า ว่านทั้งหมดที่เห็นอยู่ในวัดเป็นของท่านเจ้าอาวาสองค์ก่อนท่านปลูกเอาไว้ เพราะท่านเป็นหมอยาหมอวิชาใช้ช่วยเหลือญาติโยมตอนสมัยท่านยังอยู่ครับ พอได้รับอนุญาตผมก็เดินทั่ววัดเลยครับ ขุดเอาว่านทุกอย่างที่เห็น แบ่งมาอย่างละสองสามหัว จริงๆท่านเจ้าอาวาสท่านก็ว่าให้ขุดไปเยอะๆหรือหมดเลยก็ได้ เพราะเหลือเอาไว้ก็ไม่มีใครเอาไปใช้ประโยชน์อะไร แต่ผมเกรงใจก็แบ่งขุดมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ที่เหลือก็ให้เป็นเชื้อเป็นพันธุ์ต่อไปครับ และขนาดว่าแบ่งขุดมาแล้วยังได้เกือบๆเต็มถุงกระสอบครับ

หลังจากกลับมาที่วัดโพธิ์ศรีธาตุ ผมเอาว่านทั้งหมดที่ได้มา เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆบางๆ ตากแดดจนแห้งแล้วก็เอาไปจ้างร้านยาในเมืองบดให้ครับ

พอดีตอนนั้นมีพระอยู่รูปหนึ่ง (ตอนนี้สึกไปแล้ว) ชื่อว่าหลวงพี่ณรงค์ ท่านมีบล็อกพระที่ท่านแกะขึ้นเองจากไม้ เป็นบล็อกพระสมเด็จแบบตัดขอบ พอรู้ว่าท่าน อ.แทนจะสร้างพระ ท่านก็เลยถวายให้ใช้บล็อกของท่านครับ ส่วนผมก็แกะบล็อกพระขุนแผนพิมพ์เล็กถวายท่านเหมือนกัน ดังนั้นในการสร้างพระรุ่นแรกของท่าน อ.แทน ในสมัยที่ท่านยังบวชเป็นพระอยู่นั้น มีด้วยกัน 2 แบบ คือ พระสมเด็จสามชั้น และพระขุนแผนพิมพ์เล็ก ครับ

มวลสารที่นำมาสร้างพระรุ่นแรกทั้ง 2 แบบนี้ ประกอบไปด้วย ว่านหลายสิบชนิด ข้าวก้นบาตรท่าน อ.แทน เสกให้ สีผึ้งมหาเสน่ห์ตลับประจำตัวของท่าน อ.แทน น้ำมันตังอิ้ว และเหล็กไหล 7 ชนิดที่ท่าน อ.แทน ได้มาตั้งแต่สมัยเดินธุดงค์ตอนหนุ่มๆครับ

การสร้างพระรุ่นแรกของท่าน อ.แทนนี้ ตำผงกดพิมพ์กันวันเดียวได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ผมกับหลวงพี่ณรงค์สลับกันตำสลับกันปั๊ม โดยมีท่าน อ.แทน คอยนั่งกำกับอยู่ด้วยจนเสร็จ เริ่มทำกันตั้งแต่ประมาณเกือบๆ 10 นาฬิกา จนไปถึงเกือบๆบ่ายสอง ท่าน อ.แทน ท่านก็ให้หยุดทำ เพราะใกล้ถึงเวลากวาดลานวัดในช่วงบ่ายครับ พระที่ปั๊มได้ผมจำจำนวนแน่นอนไม่ได้แล้ว แต่คร่าวๆ แบ่งเป็น
1. พระสมเด็จ ประมาณ 100 กว่าองค์ มี 2 แบบ คือ แบบฝังเหล็กไหล และแบบธรรมดาเคลือบแล็กเกอร์

2. พระขุนแผน พิมพ์เล็ก สร้าง 171 องค์ มี 2 แบบ คือ เนื้อพิเศษสีผึ้งล้วน 1 องค์ เนื้อว่าน 170 องค์ครับ

พระรุ่นแรกของท่านอ.แทน นี้ เป็นรุ่นที่มีประสบการณ์ครบเครื่อง ทั้งแคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งคงทั้งอุด กันเขี้ยวงา ทั้งเมตตา มหาเสน่ห์มหานิยม ทั้งกันกระทำกันผีสางรังควานดีเยี่ยมเลยครับ สมกับคำพูดติดปากของท่าน อ.แทนที่ท่านมักจะพูดบ่อยๆเวลาที่ท่านให้วัตถุมงคลใครไปท่านก็จะสำทับลงท้ายว่า

"#ดีๆเอ้าดีแล้วทีนี้ไปไหนก็อยู่ได้สบายแล้วทีนี้..."

 

มาต่ออีกรายการครับ เมื่อประมาณปี 38 ตอนนั่น ท่าน อ.แทน ท่านยังบวชเป็นพระอยู่ที่วัดโพธิ์ศรีธาตุ ผมได้นิมนต์ท่านมาฉันเพลที่บ้าน หลังจากถวายเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ผมกับท่าน อ.แทน ก็ได้นั่งคุยเล่นกันซักพักหนึ่ง เห็นว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วก็เลยนิมนต์ท่านขึ้นชั้นบนของบ้านเพื่อไปดูที่หิ้งพระ และก็ขอเมตตาท่านให้ช่วยเสกพระทั้งหมดบนหิ้งเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือจะพูดง่ายๆก็คือเพื่อเพิ่มความขลังนั่นแหละครับ ท่านก็เมตตานั่งเสกให้เกือบๆสิบนาที พอลืมตาขึ้นมา ท่านก็บอกว่า "ดีแล้วดีดี ครอบให้ทั้งบ้านแล้ว.." พอได้เวลาสมควรก็พาท่านกลับมาส่งที่วัดครับ

หลังจากนั้นไม่นาน ผมตั้งใจว่าอยากจะสร้างพระเนื้อตะกั่วถวายท่าน อ.แทน ซักรุ่นหนึ่ง คิดว่าจะทำแค่ 108 องค์ก็พอ เพราะผมมีก้อนตะกั่วที่เคยหลอมไว้เป็นแผ่นหนาประมาณครึ่งเซ็นขนาดเท่าฝ่ามือ ห่อกระดาษเก็บซุกไว้ใต้หิ้งพระซึ่งได้ผ่านการปลุกเสกจากท่าน อ.แทน พร้อมพระทั้งหิ้งมาแล้ว ก็เลยตั้งใจว่าจะเอาตะกั่วชนวนก้อนนั้นมาสร้างพระถวายท่าน อ.แทน ผมก็เลยแกะพิมพ์เป็นพระปิดตาสี่กรขนาดเท่าปลายก้อยขึ้นบล็อกหนึ่ง แต่ดูแล้วตะกั่วชนวนที่มีน่าจะไม่พอก็เลยไปซื้อตะกั่วมาเพิ่มครับ

พอได้ฤกษ์งามยามดี ผมก็จุดธูปอธิษฐานบอกกล่าวเทพยดาครูบาอาจารย์ เสร็จแล้วก็ตั้งเตาหล่อตะกั่วเลย โดยใส่ตะกั่วทั้งหมดที่มีทั้งตะกั่วชนวนที่ท่าน อ.แทน เสกแล้วกับก้อนตะกั่วที่ซื้อมาเพิ่มลงในกะทะพร้อมกันเลยโดยวางตะกั่วก้อนใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ไว้ด้านล่างแล้ววางตะกั่วชนวนไว้ข้างบน รอไปสักพักตะกั่วก้อนใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ก็เริ่มละลายตัวจนหมดเหลือแต่แผ่นตะกั่วชนวนที่ยังไม่ละลาย รอเวลาผ่านไปนานพอสมควร แผ่นตะกั่วชนวนก็ไม่ละลายซักที ลองเอาที่ตักคนๆเขี่ยๆดูก็ยังคงสภาพเดิมอยู่ ในตอนนั้นความรู้สึกผมเริ่มแปลกๆแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม ยกกะทะลงเขี่ยเอาแผ่นตะกั่วชนวนแยกออกมาก่อน รอจนตะกั่วที่ละลายไปแล้วให้แข็งตัวเหมือนเดิม เสร็จแล้วก็เริ่มหล่อใหม่ คราวนี้เปลี่ยนเอาตะกั่วชนวนลงกะทะก่อนรอซักพัก ตะกั่วชนวนก็ละลายตามปกติ ในใจตอนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อยคิดว่าคราวนี้น่าจะได้แล้ว ก็เลยเอาตะกั่วก้อนใหญ่ที่ซื้อมาเพิ่มลงกะทะ รอสักพักตะกั่วก้อนใหญ่ก็ละลายตัว ทีนี้ยิ้มออกแล้วครับ คิดว่าได้แน่ เลยเตรียมเอาที่ตักมาตักตะกั่วเพื่อเทลงพิมพ์พระปิดตา ตอนนั่นพอเอาที่ตักคนลงไปในกะทะ ใจหายแว๊บเลยครับ

แปลกแต่จริง!!! #ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ !!!

ตะกั่วชนวนที่ละลายไปก่อนหน้าแล้วนั้นกลับแข็งเป็นก้อนเหมือนเดิม ไม่ยอมละลายเข้ากับตะกั่วธรรมดาที่ซื้อมาเพิ่ม หลังจากนั้น ผมก็พยายามทำทุกกรรมวิธีในการหลอมตะกั่วให้เข้ากันกี่รอบๆก็ไม่สำเร็จ ถึงขนาดว่าจุดธูปอธิษฐานบอกกล่าวท่านอ.แทนแล้ว ก็ไม่ละลายแต่อย่างใด พยายามหลอมด้วยไฟแรงแค่ไหน ตะกั่วทั้งสองก้อนก็ไม่ละลายเข้ากัน!!!!!

ถ้าก้อนใหญ่ละลายก่อน ก้อนเล็กที่เป็นตะกั่วชนวนก็ไม่ละลาย

พอเปลี่ยนใหม่ นำก้อนเล็กที่เป็นตะกั่วชนวนลงหลอมก่อน พอละลายแล้ว ก็เอาตะกั่วก้อนใหญ่ใส่ลงไป พอตะกั่วก้อนใหญ่ละลายหมด กะว่าเข้ากันแน่ๆ..แต่พอคนดู..ปรากฏว่าตะกั่วชนวนที่ละลายไปก่อนหน้านั้นแล้วกลับแข็งตัวเหมือนเดิม ไม่ยอมละลายเข้ากับตะกั่วใหม่ สลับกันอยู่อย่างนี้หลายรอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่ธรรมดาแล้ว ขืนฝืนทำต่อไปก็คงไม่ได้ ก็เลยมีทางเดียว วันรุ่งขึ้นเอาตะกั่วทั้งหมดไปหาท่าน อ.แทนที่วัด พอไปถึงก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง ท่านฟังแล้วหลับตาลงไปนิดหนึ่ง...ท่านก็ยิ้มๆ...แล้วก็ขอตะกั่วชนวนก้อนนั้นไป

พอผมส่งให้..ท่านก็นำไปวางไว้บนฝ่ามือ แล้วก็แค่ ตบๆ พร้อมกับบอกว่า..ละลายๆ.. แล้วท่านก็ส่งกลับมาให้คืน หลังจากนั้นพอนำกลับมาหลอมอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อครับ คราวนี้แป๊บเดียวก็ละลายเข้ากันหมดเลย ก็เลยได้หล่อพระปิดตาได้ตามความตั้งใจ ครบ 108 องค์ แถมหล่อพญาเ สื อ โ ค ร่ งได้อีก สิบกว่าตัวบล็อก พ ญ า เ สื อ โ ค ร่ ง ก็แตก ผมก็เลยเลิกหล่อ แล้วก็นำพระปิดตาและ พ ญ า เ สื อ โ ค ร่ ง ไปถวายให้ท่าน อ.แทน เสก ในตอนผมก็ไปบวชขาวอยู่กับท่านด้วย

พระปิดตารุ่นนี้ ท่าน อ.แทน ท่านเมตตาเสกให้อย่างเต็มที่ ถึง 5 วัน 5 คืน ว่างเป็นเสก ตอนเช้า ตีสี่ ท่านก็ลุกขึ้นมานั่งเสกไปจนถึงตืห้า ช่วงกลางวันถ้าไม่มีญาติโยมมาหา ท่านก็จะนั่งเสกพระปิดตารุ่นนี้ ครึ่งชั่วโมงมั่ง หนึ่งชั่วโมงมั่งแล้วแต่โอกาส ตกตอนกลางคืนก่อนจำวัด ท่านก็เสกอีกร่วมๆชั่วโมง ทำอย่างนี้ทั้ง 5 วัน 5 คืนเลยครับ พอถึงวันถึงวันที่ 5 ท่านก็บอกว่า

"เต็มแล้ว เสกไม่เข้าแล้ว แค่นี้ใช้ได้แล้ว เอาไปใช้ได้เลย"

พระปิดตา และ พ ญ า เ สื อ โ ค ร่ ง รุ่นนี้หลังจากท่านได้แจกจ่ายให้กับญาติโยมไป ปรากฎว่ามีประสบการณ์ เรื่องกันเขี้ยว กันงูนี่ ชาวบ้านแถวนั้นที่ลงไปทำงานอยู่ภาคใต้ การันตีเป็นเสียงเดียวกันเลยครับ แล้วประเภทรถล้ม รถคว่ำจนรถพัง แต่คนแค่ถลอกเล็กน้อยนี่ก็หลายรายเลยทีเดียวครับ และก็มีบางคนแอบเอาไปใช้ทางเมตตาก็ว่าเยี่ยมไม่แพ้กันครับ...

 

อีกหนึ่งรุ่นตำนานที่ทั้งท่าน อ.แทน และ อ.โอม ได้เสกไว้ให้อย่างเข้มขลังมีประสบการณ์เล่าขานกันมากและถือว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่ อ.โอม ได้สร้างขึ้นด้วยตัวท่านเองครับ

พระปิดตาลอยองค์ เนื้อผงมวลสาร พระชุดนี้ ท่าน อ.โอม สร้างขึ้นตอนประมาณปี2537 ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นหลังจากได้เนียนวิชาต่างๆมาพอสมควรก็เลยอยากลองวิชาที่ร่ำเรียนมา ก็เลยคิดว่าจะสร้างพระขึ้นมาซักรุ่นหนึ่ง และด้วยความชอบสวนตัวขิงท่าน อ.โอม ท่ามีความชอบในรูปลักษณ์ของพระปิดตามาก ท่านบอกว่า พระปิดตาก็คือภาคอิทธิฤทธิ์ของพระมหากัจจายนะ ท่านเป็นพระมหาสาวกที่มีรูปงามมาก มีพลังเมตตาสูงเป็นที่รักของพรหมเทพเทวาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งยังเป็นผู้มรฤทธิ์มากอีกองค์หนึ่ง ด้วยความที่ท่านมีรูปงามมากจนทำให้ผู้คนเข้าใจผิดนำท่านไปเทียบเคียงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจึงตัดสินใจอธิษฐานฤทธิ์เพื่อเปลี่ยนรูปร่างของท่านจากที่มีรูปที่สง่างามให้กลายเป็นพระภิกษุที่มีรูปร่างอ้วนพลุ้ย แต่ถึงอย่างงั้นต่อให้รูปร่างท่านจะเปลี่ยนไปแต่รัศมีบารมีของท่านยังสง่างามและยังคงเป็นที่รักของเหล่าพรหมเทพเทวาเช่นเดิมครับ ด้วยเหตุนี้ท่าน อ.โอม ท่านจึงตั้งใจที่จะสร้างเป็นพระปิดตาขึ้นมาเป็นรุ่นแรกของท่าน และเริ่มรวบรวมมวลสารต่างๆ เช่น ดินจอมปลวก 7จอม เลือกเอาเฉพาะจอมปลวงที่มีภูมิเจ้าที่รักษาพูดง่ายๆก็คือ จอมปลวงที่มีคนไปขอหวยแล้วถูกกันเยอะๆ ท่านก็จะไปพลีมาเป็นมวลสาร ดินขุยอุดรูปู แถวบ้านท่านเป็นทุ่งนา วันไหนมีฤกษ์ดี ท่านก็จะออกหาดินขุยอุดรูปูนี้มาเก็บไว้ครับ รังหมาร่าเกาะตาพระพุทธรูป กระเบื้องวิหารเก่าหลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์ เป็นพระอริยสงฆ์ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น และหลวงปู่ดูลย์ ท่สนก็ไปขอพลีมา ดอกไม้พวงมาลัยที่ท่านถวายตอนสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ผงธูปบูชาพระ ว่านยาหลายชนิด ข้าวสารหิน เป็นต้นครับ

พอรวบรวมมวลสารได้ตามที่ท่านต้องการแล้ว ท่านก็ได้แกะบล็อกพระปิดตาพิมพ์ตุ๊กตาขึ้นมาบล็อกหนึ่งก่อนแล้วลองผสมผงมวลสารต่างๆและกดพิมพ์จนครบ 108 องค์ แล้วจึงแกะบล็อกที่สองขึ้นเป็นพระปิดตาพิมพ์ข้าวต้มมัด กดครบ 108 องค์ก็แกะพิมพ์ที่สามเป็นพิมพ์พุงป่อง กดครบ 108 องค์ ก็เเกะพิมพ์ที่สีาขึ้นมาเป็นพิมพ์สี่กร กดครบ 108 องค์ มวลสารที่มีเหลืออยู่นิดหน่อย ท่านอ.โอม ก็เลยกดเป็นพิมพ์ข้าวต้มมัดแบบครึ่งองค์ครึ่งซีกได้ไม่กี่สิบองค์มวลสารที่มีก็หมดพอดีครับ

พระชุดนี้อ.โอม เสกเดี่ยวอยู่ร่วมปีครับ ทุกคืนหลังสวดมนต์เย็นเสร็จท่านก็จะนั่งเสกพระปิดตาชุดนี้ทุกคืน ชั่วหนึ่งระยะเทียนเล่มบาท คือประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชัาวโมง ในการปลุกเสกแต่ละครั้งท่านจะอธิษฐานจุดเทียนเล่มบาทไว้หนึ่งเล่มเปรียบเสมือนเป็นเทียนชัยตั้งไว้บนกล่องกระดาษที่บรรจุพระปิดตาไว้ แล้วท่านก็จะนั่งเสกไปจนสิ้นเทียนคือจนเทียนมอดหมด ทำอย่างนี้ทุกคืนทุกครั้งจนมีน้ำตาเทียนที่ละลายเคลือบอยู่บนฝากล่องพระปิดตาหนาเกินครึ่งเซ็นเลยครับ มีบางครั้งท่านนั่งเสกจนใกล้จะสิ้นเทียน อยู่ๆม้วนสายสิญจ์ที่อยู่ในมือท่านก็ลอยกระเด็นออกจากมือทั้งๆที่ท่านไม่ได้ขยับตัวเลยก็มี และก่อนที่ท่านจะหยุดเสกพระปิดตาชุดนี้ ได้มีเหตุการณ์เกิดอย่างเกิดขึ้นเป็นการแสดงฤทธิ์แสดงพุทธคุณของพระปิดตาชุดนี้ให้เป็นให้เป็นมั่นใจว่า พระปิดตารุ่นแรกที่ท่านตั้งใจสร้างตั้งใจเสกขึ้นมาชุดนี้นั้นมีพุทธคุณเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์จริงจนเป็นที่มั่นใจได้ว่า ถ้าแจกจ่ายให้ใครไป ก็สามารถช่วยเหลือคุ้มครองผู้ที่ได้ไปอย่างแน่นอนครับ

เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็คือ ในคืนสุดท้ายที่ท่านเสกพระปิดตาชุดนี้ ท่านก็อธิษฐานเทียนตั้งไว้บนน้ำตาเทียนที่เคลือบฝากล่องพระเหมือนอย่างทุกคืนนั่นแหละครับ แต่ว่าคืนนั้นสภาวะที่เกิดขึ้นมันแปลกกว่าทุกคืน ท่าน อ.โอม เล่าให้ฟังว่า คืนนั่นพอเข้าสมาธิภาวนา สภาวะภายในมาดิ่งลงนิ่งสนิทไป ท่านก็เลยทรงอยู่ในอารมณ์นั้นไปตลอด จนเวลาผ่านไปนานขนาดไหนก็ไม่รู้ พอสภาวะภายในมันคลาย ท่านก็ค่อยๆถอยสมาธิออกมาอธิษฐาน ตอนนั้นเองแหละครับ ที่ท่านรู้สึกว่ามีไอร้อนมาปะทะที่หน้าอย่างแรง แต่ท่านก็ยังคงสมาธิอธิษฐานจนเสร็จสิ้น แล้วจึงถอนจากสมาธิและลืมตาขึ้นเพื่อพรมน้ำมนต์ แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือเปลวไฟกำลังลุกโชนสูงเกือบๆฟุตได้ ไหม้อยู่เฉพาะบนฝากล่อง และเท่าที่เห็นน่าจะไหม้นานแล้ว เพราะน้ำตาเทียนบนฝากล่องที่หนาเกือบครึ่งเซ็นได้ละลายมอดไหม้ไปกับเปลวไฟหมดแล้ว เหลือแต่เปลงไฟที่ลุกโชนโชติช่วงอยู่บนฝากล่องกระดาษ แต่พอ อ.โอม ท่านลืมตาขึ้นมา ท่านก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกใจอะไรนะครับ ท่านก็หยิบกำหญ้าคามาพนมมืออธิษฐานอยู่สักพักโดยที่ไฟก็กำลังลุกโชนอยู่ตลอดเวลา แล้วท่านก็จุ่มน้ำมนต์พรมไปที่กล่องพระปิดตาทั้งหมด ทันที่น้ำมนต์กระทบฝาลังโดยปกติแทนที่น้ำพรมลงใส่เปลวไฟที่กำลังลุกอยู่บนน้ำมันหรือน้ำเทียน จะต้องทำปฏิกิริยาเกิดเป็นเปลวไฟลอยพรึบขึ้นในอากาศตามควันขึ้นมา แต่ครั้งนี้แปลกตรงที่พอท่าน อ.โอม อธิษฐานเสร็จแล้วพรมน้ำมนต์ลงไปที่เปลวไฟ ไฟก็มอดดับลงโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อมาตรวจเช็คดูความเสียหาย เพราะคิดว่า ไฟลุกขนาดนี้ควันโขมงขนาดนี้ พระต้องมีชำรุดบ้างแน่ๆ แต่พอพากันเข้ามาดูกลับปรากฎว่าแม้แต่กล่องก็ไม่มีรอยไหม้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งพระที่อยู่ในกล่องอยู่เป็นปกติมาก ทิชชู่ที่ใช้วางรองพระยังไม่มีริ้วรอยเลยครับ นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์มาก ท่าน อ.โอม ท่านเลยบอกว่า ของท่านเสกเสร็จแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวเอาไปถวายขอให้ท่าน อ.แทน ซึ่งตอนนั้น ท่าน อ.แทน ยังบวชเป็นพระอยู่เสกปิดให้อีก 7 วัน เป็นอันจบ ซึ่งพอเอาไปขอให้ท่าน อ.แทน เมตตาเมตตาปิดให้ พอท่านเห็นพระปิดตาท่านก็ยิ้ม แล้วท่านก็พูดว่า "พลังดีพลังดีพระปิดตามหานิยม" แล้วท่านก็หัวเราะ ตอนนั้นท่าน อ.แทนให้เอาพระปิดตาทั้งหมดมาเรียงใส่ในพานแล้วให้วางไว้ตรงหัวนอนของท่าน ท่านเมตตาเสกพระปิดตาชุดนี้ให้อย่างเต็มที่ ทั้งกลางวันกลางคืน เรียกว่า ว่างตอนไหน ท่านก็นั่งเสกให้จนครบกำหนด วันทร่ท่าน อ.โอม ไปรับพระปิดตาจากท่าน อ.แทน พอท่านเห็นหน้า อ.โอม ท่าน อ.แทน ก็บอกว่า "เออมาเอาไปเต็มหมดแล้ว เสกไม่เข้าเเล้ว ดีแล้วดีแล้ว เอาไปใช้ไปไหนก็ได้สบายแล้วทีนี้..."

พระปิดตาชุดนี้ ท่าน อ.โอม ถวายให้ท่าน อ.แทน หลวงตาสาร และแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาไปจนเกือบหมด ปรากฎว่าเป็นรุ่นที่มีประสบการณ์ทุกด้าน ทั้งเมตตา แคล้วคลาด แม้แต่เดินเหยียบจงอางตัวยาวร่วมสามเมตร มันยังนิ่งไม่สามารถขยับได้เลยครับ

 

บรมครูปู่ฤๅษีรูจี
บรมครูตักศิลาเขาอ้อ

ย้อนไปเมื่อประมาณปี46 หรือ ปี47 นี่แหละครับ (เริ่มจะจำไม่ค่อยได้ซะแล้ว) ได้มีคหบดีท่านหนึ่งได้เดินทางมาที่สำนักท่าน อ.ฆราวาสธรรม เพราะท่านได้รู้มาว่า ท่าน อ.ฆราวาสธรรมนั้นท่านเป็นศิษย์สายในดง ก็เลยลองเดินทางมาดูด้วยตัวเอง หลังจากทั้งสองท่านได้พบได้พูดคุยกัน ท่านคหบดีก็เกิดศรัทธา ก่อนกลับท่านก็เลยบอกว่าจะนำเศษแผ่นตะกั่วชนวนที่เหลือจากการสร้างวัตถุมงคล รุ่น115 ปี หลวงปู่อิง โชติโญ พระอภิญญาใหญ่ศิษญ์ของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรมาให้ โดยท่านเล่าให้ฟังว่า เศษแผ่นตะกั่วนี้ คือแผ่นตะกั่วที่นำไปขอความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณทรงอภิญญาทั่วประเทศในยุคนั้น ให้ลงอักขรเลขยันต์ให้เพื่อนำมาหลอมและรีดเป็นแผ่นชนวนเพื่อสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่อิง ครับ

หลังจากได้เศษแผ่นชนวนตะกั่วมาได้ไม่นาน ท่าน อ.ฆราวาสธรรมเรียกให้ผมเข้าไปหา และบอกว่าอยากจะสร้าง บรมครูปู่ฤๅษีรูจี ขึ้นมาซักรุ่นหนึ่งเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณและเพื่อบูชาคุณท่าน ให้สร้างแค่ 108 องค์ ด้วยเนื้อ ตะกั่วมหาชนวนล้วนๆ โดยงานนี้เป็นงานด่วน มีเวลาเตรียมงานไม่นานเพราะมีฤกษ์บังคับอยู่ครับ งานนี้จารย์เบียร์ เป็นคนปั้นหุ่นองค์ปู่ ผมเป็นคนถอดบล็อก โดยทำเป็นบล็อกปูนปลาสเตอร์แบบบล็อกประกบสองชิ้นเพียงบล็อกเดียว พอได้ฤกษ์งามยามดีตามที่ท่าน อ.ฆราวาสกำหนดไว้ ก็ไปทำพิธีหล่อที่หน้าสำนักของท่าน อ.ธรรม โดยก่อนทำพิธีได้จุดธูปอธิษฐานบอกกล่าวครูบาอาจารย์และองค์ปู่ฤๅษีรูจีให้ได้ท่านรับรู้และขอให้การหล่อสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่าได้มีอุปสรรคหรือความเสียหายใดๆเกินขึ้นครับ เนื่องจากเป็นบล็อกปูนปลาสเตอร์ ถ้าทำการหล่อต่อเนื่องได้อย่างมากก็สิบกว่าองค์บล็อกก็จะร้อนและแตกกระเทาะได้ แต่งานนี้ก็แปลกครับการหล่อสามารถหล่อไปได้เรื่อยๆต่อเนื่องจนครบ 108 องค์ พอครบองค์ที่ 108 ตามที่อธิษฐานไว้ ตอนที่แกะองค์สุดท้ายออกจากบล็อก พอองค์ปู่หลุดออกจากบล็อกปั๊บ บล็อกก็ลั่นเปรี๊ยะแล้วแตกออกจากกันทันทีครับ แปลกมากๆ...

บรมครูปู่ฤๅษีรูจี รุ่นนี้ ท่านอ.ฆราวาสธรรม กับ ท่าน อ.โอม ได้เสกร่วมกันหลายวาระ และยังได้นำเข้าในพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ภายในสำนัก โดยได้อาราธนานิมนต์พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมของสายเขาอ้อในยุคนั้นมาร่วมพิธีปลุกเสกบรรจุคุณตามแบบตำรับของสำนักเขาอ้อหลายรูป เท่าที่จำได้ก็ พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน พ่อท่านมหาอุทัย วัดดอนศาลา และพ่อหลวงชนะ วัดดอนชัย เป็นต้นครับ

บรมครูปู่ฤๅษีรูจี รุ่นนี้ ท่าน อ.โอม เคยบอกไว้ว่า "ขลังตั้งแต่ยังบ่เสกอีกเด้อบูชาให้ดีๆทำอะไรก็รอดปลอดโปร่งทำอะไรก็สำเร็จดีแท้ๆเด๊..."

 

เปิดให้ร่วมบุญ ของดียุคแรก อ.แทน อ.โอม

เป็นโอกาสดีครับ ปีนี้ ท่าน อ.โอม ได้มอบวัตถุมงคลชุดเก่าเก็บยุคแรกๆทั้งของท่าน อ.แทน และของท่าน อ.โอม เอง ให้นำมาให้พี่ๆเพื่อนๆทุกท่านที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญกันครับ

1. สมเด็จว่านรุ่นแรก ฝังเหล็กไหล ปี38 อ.แทน มี 2 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 1,000 บาท ปิดครับ

2. ปิดตาเนื้อตะกั่วชนวน รุ่นแรก อ.แทน ปี38 ด้านหลังจารยันต์ มี 8 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท

3. ปิดตาเนื้อผง รุ่นแรก อ.โอม ปี37 มี 5 พิมพ์ คือ

3.1 พิมพ์ตุ๊กตา มี 5 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท

3.2 พิมพ์ข้าวต้มมัด มี 6 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท

3.3 พิมพ์ข้าวต้มมัด ครึ่งซีก หลังฝังขี้ตะกั่วชนวน มี 1 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท ปิดครับ

3.4 พิมพ์พุงป่อง มี 4 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท

3.5 พิมพ์สี่กร มี 2 องค์ ร่วมบุญ องค์ละ 400 บาท

4. บรมครูปู่ฤๅษีรูจี เนื้อตะกั่วมหาชนวน มี 2 แบบ

4.1 แบบปิดทองเสกที่ผ้านุ่ง มี 2 องค์ ร่วมบุญองค์ละ 400 บาท ปิดครับ

4.2 แบบไม่ปิดทอง มี 6 องค์ ร่วมบุญองค์ละ 400 บาท

5. ปลักสาริกา แก่นมะขาม รุ่นแรก อ.แทน มี 1 ตัว ร่วมบุญ ตัวละ 400 บาท ปิดครับ

เปิดให้ร่วมบุญกับท่าน อ.โอมปัจจัยทั้งหมดมอบให้ท่าน อ.โอมทั้งหมด แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

บวกค่าส่ง EMS 50 บาท


ร่วมบุญได้ที่

ธนาคารกรุงไทย
1890046000
นายพลกฤษณ์ แข่งขัน


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุ

 

1. หลังไมค์ (ส.) สมเด็จว่านองค์ที่1, ปู่รูจีธรรมดา1, ปลัดสาริกา1, ตะกรุดสามแสนโกฏิ2,

โอนแล้ว 2650. 06/05/68 20:09 น.

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ

 

2. หลังไมค์ (No.) สมเด็จว่านองค์ที่2, ปิดตาตะกั่ว1, ปิดตาครึ่งองค์1, ปู่รูจีปิดทอง1,

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ

 

3. คุณ chanon ปู่รูจี1,

โอนแล้ว 450. 06/05/68 20:59 น.

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ

 

1.หลังไมค์ (ส.) จองเพิ่ม ปิดตาตะกั่วชนวน1, ปิดตาต๊กตา1, ปิดตาข้าวต้มมัด1, ปิดตาพุงป่อง1, ปิดตาสี่กร1, ปู่รูจีปิดทอง1,

โอนแล้ว 2500. 06/05/68 22:02 น.

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ

 

4. หลังไมค์ (Non.) ปู่รูจี1,

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ