แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DYD1iAV3slM]แผ่นดินของเรา โดย ยุทธนา มุกดาสนิท - YouTube[/ame]

    ทำได้ดีมาก ดูเพลินเลย น้ำตาไหล

    ยายซุบกับในหลวง

    ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70 แห่งบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ยากจนมาตั้งแต่ยังสาวจวบจนวันนี้
    หากแต่เธอกลับยืนยันว่า เธอมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก
    อดีตที่หมายถึงชีวิตใหม่ แกไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี
    การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี
    ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นหากแต่การเสด็จพระราชดำเนินในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อมาจนถึงวันนี้
    ถาม -สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวงใช่ไหม?
    ยาย -ใช่ ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทรในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯมาทางเหนือ ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมาครึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่รู้หรอกนะตอนนั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอกในหลวงจะมา เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว
    ถาม -เดินไม่ไหว แล้วไปรับเสด็จยังไงล่ะ?
    ยาย -ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย
    ถาม -ทำไมถึงเลือกไปเฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอรักษาตัวเองล่ะ?
    ยาย -ไม่รู้สิ คืออยากเห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้แต่ขอไปรับเสด็จก่อน แลกตัวแลกชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก เพราะน้ำแห้งเรือเครื่องก็ไม่มี ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน
    ถาม -แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม?
    ยาย -ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียงดัง)
    ถาม -แล้วยายได้เห็นท่านไหม?
    ยาย -ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ แล้วก็เห็นไม่นานเพราะว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำทางเข้าออกหมู่บ้าน

    ถาม -ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก แล้วรอดมาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น?
    ยาย -ตอนนั้นไส้ติ่งกำลังจะแตก เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฎร แล้วทอดพระเนตรเห็นเรานั่งหน้าซีดพิงเพื่อนไว้ คือตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ ท่านทอดพระเนตรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี พระองค์ก็ถามว่าเป็นอะไร? ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่าเจ็บมากี่วันแล้ว? เราก็บอกว่า เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้ ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู

    ถาม -แล้วหมอว่ายังไงล่ะ?
    ยาย -หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่ในหลวงซึ่งทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก

    ถาม -แล้วยายรู้ได้ยังไงว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง?
    ยาย -รู้สิ เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลยห่างกันเกือบ 1 กิโลน่ะ (แค่นี้ก็ตื้นตันแทนคุณยายแล้ว)

    ถาม -รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น?
    ยาย -ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่คิดว่าตัวเองรอดแน่ มันมีกำลังใจ คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะตายไม่ได้

    ถาม -พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือไม่ ?
    ยาย -ท่านให้เอา ฮ. มารับ ท่านตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็หิ้วปีกเราไป ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง พอเราขึ้นไป ก่อนที่ประตู ฮ. จะปิด เราก็มองลงมาเห็นในหลวง ท่านทรงโบกพระหัตถ์เราซาบซึ้งมาก ยิ่งบอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้

    ถาม -ถ้าไม่มีในหลวงในวันนั้น ก็ต้องตายแน่?
    ยาย -แน่นอน ไม่ต้องอะไรหรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาทีก็ไม่รอดแล้ว แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้งไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวันจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า

    ถาม -ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่ ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตายเหมือนกับได้ชีวิตใหม่?
    ยาย -ใช่ ชีวิตทุกวันนี้ถึงฉันแก่แล้วแต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิด ใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์ เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา
    ถาม -ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?
    ยาย -จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพักใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างเราพูดไม่ค่อยไหว แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอกจากเรา ก็มีหมออีก 2 คน แล้วก็คนขับอีก 2 คน จำได้แค่นี้ล่ะ

    ถาม -ฮ. พาไปที่โรงพยาบาลไหนล่ะ?
    ยาย -โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี

    ถาม -แล้วยายพักอยู่กี่วัน?
    ยาย -ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้แล้วแต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตายแน่แล้วถ้าเราตาย ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตาทรงดูแลเราอย่างดี ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลยพูดตรง ๆ ว่าดีกว่าบ้านที่ฉันอยู่อีก หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดีด้วย

    **ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ
    ถามสาร ทุกข์สุขดิบทุกวัน คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเรานะว่า จะฝากอะไร ถึงท่านไหม เราบอกให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มันตื้นตันจนนึกไม่ออก**

    ถาม -หลังจากวันนั้นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
    ยาย -ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีกเลย ถ้าเรามีโอกาสจะขอเข้าไปกราบแทบพระบาทเลย สิ่งที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือเราไว้ เป็นความซาบซึ้งที่สุดในชีวิตแล้ว

    **คิดดูสิโลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เราเป็นแค่ชาวบ้านจน ๆ แต่ท่านห่วงเราเหมือนเราเป็นลูกพระองค์ท่าน ทรงห่วงเราเหมือนที่เราห่วงลูก ท่านทรงเสียสละแม้กระทั่งของส่วนพระองค์ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคนอย่าง เรา พูดตรง ๆ ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติก็ทดแทนไม่หมด**

    ถาม -กลับมาบ้านแล้ว เป็นอย่างไร?
    ยาย -ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ พระองค์ท่านก็ส่งเงินมาให้อยู่ถึง 1 ปี ครั้งละ 3-5 พันบาท ส่งมาหลายครั้งอยู่ เรารู้เพระว่าใส่ซองสีขาว ประทับตราสำนักพระราชวัง
    จาก เหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่ท่านป่วยเราก็ไม่มีเงินไปเฝ้า ไปแสดงความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวัน ดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลย
    **ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับเรา แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย**

    ถาม -การเสียสละของในหลวงคราวนั้น ได้เอามาปฏิบัติตามหรือไม่?
    ยาย -มีส่วนมากเลย เวลาคนในหมู่บ้านเขาป่วยเป็นอะไร ฉันก็ไปเยี่ยมเขาทั่วไปไหนไปกัน มีใครเจ็บในหมู่บ้านนี่ฉันจะไปเยี่ยมหมด บางที ถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติเขา แต่เราก็ไป ไปนั่งพูดคุยให้กำลังใจ บางทีก็ไปบีบให้นวดให้ นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา และเราให้คนอื่นต่อ

    **เมืองไทยเราโชคดี ที่มีในหลวง โชคดีมาก ๆ ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกอีกแล้วที่จะเป็นห่วงชาวบ้านอย่างฉันเท่ากับท่าน คนอย่างเราเปรียบไปก็เหมือนมดปลวกแต่ท่านก็ยังใส่ใจ
    ท่านใส่ใจจริง ๆ เหมือนกับว่าคนไทย คือ ลูกของท่านทั้งแผ่นดิน**

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มีนาคม 2014
  2. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    9 มี.ค.57 แฉ..สงครามชิงน้ำมันบล็อกที่ 3 สู่การเดินพลาดตัวเดียว แพ้ทั้งกระดาน

    มีหลายคนสงสัยว่าประเทศไทย ทั้งที่มีแหล่งพลังงานน้ำมันภายในประเทศ ในอ่าวไทย เหตุใดราคาน้ำมันของเราจึงกลับแพงกว่าชาติอื่นในเอเซีย ?? ..ทำไมใช้น้ำมันแพงว่างั้นเถอะ มันมีสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น สรุปได้ 3 ระยะ และยังสัมพันธ์กับปัญหาชายแดนใต้ที่รุนแรง ในปัจจุบันด้วย คือ

    1. ระยะแรก..เพราะมาเลเซียต้องการยึดครอง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และแหล่งพลังงานในอ่าวไทย “ ในบล็อกที่ 3 “ ที่มีอังกฤษให้การสนับสนุน โดยมีผู้สั่งการก่อความรุนแรง ทุกกลุ่มโจร จากมาเลเซีย คือ อดีตสุลต่านหรืออดีตกษัตริย์รัฐปัตตานี , กลุ่มวาดะห์ ร่วมกับกลุ่มเบอร์ซาตู ต่อมาสถานการณ์เบาบางลง เนื่องจากสถาบันเบื้องสูง 2 พระองค์ ได้ทรงพบหารือพระราชาธิบดีของมาเลเซีย จึงมีการจับกุมอาวุธ ผู้ก่อการในมาเลเซีย

    2. ระยะต่อมา..ช่วงชายดูไบเป็นนายกฯ มีการอุ้ม ฆ่า ผู้ที่สงสัยก่อความรุนแรง และสังหารหมู่จำนวนมาก จึงยังเกิดเหตุอยู่ เป็นฝีมือกลุ่มขบวนการค้าของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อน และชายดูไบร่วมกับคอมมิวนิสต์กลายพันธุ์ มีปฎิญญาฟินแลนด์ร่วมกัน 1 ใน 4 แผนนั้น คือการแยกดินแดน ที่เริ่มมีเค้าลางตั้งแต่ปี 49 โดยใช้วาดะห์ และสร้างกลุ่มกองโจรลับๆ ที่แยกตัวมาใหม่อีกหลายกลุ่ม เช่น BRN ฯลฯ

    3. ระยะหลัง-ปัจุบัน..ชายดูไบและแก๊งค์อั้งยี่แดงรู้เรื่องแหล่งพลังงานในจังหวัดชายแดนนี้ จึงผสมโรงสั่งการก่อการร้ายสากล โดยก่อความรุนแรงกับคนไทยพุทธ และมุสลิมหนักข้อขึ้น เพื่อให้ประชาที่อยู่อาศัยหวาดกลัว และยอมขายที่ดิน เพื่อละถิ่นถิ่นฐานอพยพไปอยู่ที่อื่น (คล้ายๆ เผาไล่ที่ว่างั้นเถอะ) และพวกชั่วนี้ก็จะไปกว้านซื้อที่ดินเหล่านั้น มาเป็นของตนเอง ในช่วงที่ปูเน่าเพลี่ยงพล้ำนี้ เขาถึงกับเร่งการสั่งฆ่าที่ภาคใต้มากขึ้น เพื่อล่อบิ๊กชายชุดเขียวออกจาก กทม. หวังจะลอบสังหาร แต่โดนรู้ทันเสียก่อน ตามที่เคยเล่ามาแล้ว

    การข่าวส่วนหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าการแย่งชิงแหล่งพลังงาน กำลังเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เพราะพลังงานในตะวันออกกลางใกล้จะหมด ในอีกไม่เกิน 10 ปี ข้างหน้าอย่างแน่นอน จะเกิดวิกฤติพลังงานขึ้น ประเทศยักษ์ใหญ่มหาอำนาจ จึงมุ่งหน้าใช้สรรพกำลังเต็มอานุภาพในการแย่งชิงกันหนัก

    ช่วงกลางรัฐปูเน่า เคยอนุญาตให้สหรัฐฯ มาตั้งฐานตรวจอากาศในไทย โดยเป้าหมายแท้จริงๆ ก็เพื่อสำรวจแหล่งพลังงานในทะเลจีนใต้ ตรงหมู่เกาะสแปรตลีย์ และในอ่าวไทย “ ในบล็อกที่ 3 “ จุดนี้ด้วย จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ทั้งมาเลเซีย และเขมร พยายาม ที่จะอ้างสิทธิเข้าครอบครองพื้นที่ทางทะเล เป็นเบื้องหลังที่ทำให้เขมร มีการอ้างเขตแดนเขาพระวิหารไปฟ้องศาลโลก โดยมีฝรั่งเศสหนุนหลัง นั่นเอง

    หากผู้ใดได้สิทธิการครอบครอง อ่าวไทยในบล็อกที่ 3 ที่เป็นส่วนหางของแหล่งน้ำมัน ที่เชื่อมต่อเป็นสายพลังงานมาจากหมู่เกาะสแปรตลีย์ ก็จะมีมูลค่าโคตรมหาศาลมากกว่า 7 แสนล้าน-ล้านบาทที่เดียว ดังนั้นที่บริษัทเผาไทยทำท่าจะสมยอมกับเขมร ให้เสียเขาพระวิหาร ก็จะทำให้ประเทศไทย ถูกฉีกแบ่งแยกดินแดนทันที

    เราจึงพบผู้นำทั้ง สหรัฐฯ จีน มาเลเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย เขมร ป้วนเปี้ยนที่พยายามหาเหตุเข้าแย่งชิงพลังงานย่านนี้ เพื่อผลประโยชน์ของชาติเขา แต่ผู้นำไทยยึดตัวเอง พรรคพวก และอ่อนแอ ประเทศจึงอ่อนแอ ประชาชนขาดสามัคคี ต่างชาติจึงรุกราน เหมือนถูกแร้งรุมทึ้ง

    ดังนั้น ที่ราคาน้ำมันในไทยที่แพงสุดกู่ ก็เพราะ 2 มูลเหตุสำคัญ คือ
    1. การถือครองหุ้น ปตท. ที่ทุนนิยมสุดโต่งได้นำทรัพย์สินแผ่นดินไปขาย แบ่งปันให้พนักงาน สส.-สว. คนมีชื่อเสียง NGO และคนในตระกูล โดยมีเป้าหมายเพื่อครอบครองแหล่งพลังงาน

    2. การเอาต่างชาติมาถือหุ้นค้ำ ทำให้ทวงคืนยาก จึงถูกขีดเส้นให้ขายน้ำมันให้ต่างชาติในราคาถูก ไม่ต้องเสียภาษี - ได้สัมปทานราคาถูก แต่ผลร้ายคือทำให้คนไทยต้องมาจ่ายซื้อน้ำมันของตัวเองในราคาที่แพง

    ปัจจัยนี้จึงส่งผลให้มวลชนกลุ่มสุทิน ที่ไปปิด ไปยึด ปตท.หลายเดือน จึงไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศถูกลง เพราะรัฐอั้งยี่แดงไปตกลงกับต่างชาติไว้แล้ว มีการเซ็นสัญญาประเทศในอาเซียน และมหาอำนาจ อีกทั้งการที่เขาถือครองหุ้น มันมัดคอเราอยู่ คดีที่ลุงจำลองนำ พันธมิตรไปฟ้องกรณีการขายหุ้น ปตท.เมื่อหลายปีที่ผ่านมา จึงยังไม่ตัดสิน เพราะมีประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ที่กำลังเล่นสงครามตัวแทนถล่มกันอยู่ในเวลานี้เข้ามาเกี่ยวข้อง

    ให้ดูกรณี อิรัก ซัดดัม และล่าสุดการแบ่งแยกประเทศในซูดาน เป็นเหนือ-ใต้ นั้น ความจริง คือซูดานใต้มีแหล่งน้ำมัน สุดท้ายก็ยกสัมปทานให้สหรัฐฯ แลกกับอำนาจของผู้ปกครองซูดานใต้ชุดใหม่ แล้วได้รับการรับรองจากสหรัฐฯ-ยุโรป ในการแบ่งแยกประเทศนั่นเอง

    วันนี้สถานการณ์ปัญหาพลังงาน ซับซ้อนมาก สหรัฐฯ กับจีน และอีกหลายประเทศกำลังร่วมกันชิงแหล่งน้ำมันในทะเลจีนใต้ แต่รัสเซียกับจีน เป็นพวกคอมมิวนิสต์เหมือนกัน จึงขายเรือดำน้ำพร้อมเรดาร์ที่ทันสมัยที่สุดให้เวียดนาม เพื่อดึงเวียดนามมาอยู่ข้างจีน เพราะว่าเป็น 1 ใน 3 ฐานทัพในเอเซียของสหรัฐฯ เขาจึงตอบโต้ โดยการใช้ยูเครนเป็นสมรภูมิในการต่อสู้แบบนอมินี และให้ UN บอยคอตรัสเซีย อายัดเงินผู้นำยูเครนตอนนี้แหละ

    จนมาถึงเหตุการณ์เครื่องบินสัญชาติมาเลเซีย ที่มีผู้โดยสารจีนเกือบ 160 คน ที่บินมุ่งหน้าเข้าสู่จีนทั้งที่ต้องบินไปมาเลเซีย แล้วสูญหายไปกลางทะเล นั่นเพราะอาจโดนสอย หรือก่อวินาศกรรมสูงมาก (มีพาสปอร์ตนักท่องเที่ยวปลอม ที่ขโมยไปจากไทยเมื่อ 2 ปีก่อนด้วย) เพราะก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามยิงเครื่องบินโดยสารมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจีน-รัสเซีย ที่เป็นฝั่งคอมมิวนิสต์โจมตีค่าเงิน และหุ้นของสหรัฐฯ อย่างหนัก จนเศษฐกิจสหรัฐฯ ทรุด ธนาคารหลายแห่งต้องปิดลง หนี้อหังสาในประเทศกายเป็น NPL เพียบ

    จนต้องมีการซ้อมรบ ยิงขีปนาวุธข่มขู่กันไป-มา นำเรือรบมาเผชิญหน้า ก็เพราะต้นเหตุของพลังงานในทะเลจีนใต้ บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ นี่แหละ นี่คือปัญหาของพลังงานไทยยาวนานมานับร้อยปี ที่มีผลทั้งปัจจัยภายนอกและในประเทศ ที่เราทุกคนต้องใช้น้ำมันโคตรแพง และยังมีคนชักใยให้ทุนสั่งการก่อการร้ายสากลในจังหวัดชายแดนไต้เพื่อแย่งชิงที่ดิน และยังขายชาติแนวเขตแดนเขาพระวิหารให้เขมร...มันไม่ใช่สีแดง สีเหลือง สีฟ้า ผิวเผินอย่างที่เข้าใจ แต่มันมีอะไรที่ลึกซึ้ง สลับซับซ้อน อีกมากที่ถึงเวลาจะต้อง แฉ ให้คนไทยตาสว่างกันเสียที

    แม้แต่อาหรับเอง บ.พลังงาน มูบาดาลา ปิโตรเลียม ของรัฐอาบูดาบี ที่มีการจัดตั้งบริษัทลูก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ“เพิร์ล ออยส์(ประเทศไทย)จก” ก็ยังมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ “ตึกชิน 3” มันมีส่วนเชื่อมโยงเกี่ยวพันทางด้านธุรกิจพลังงานกับ ชายดูไบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการทำธุรกิจพลังงานในอ่าวไทย..ที่คนในครอบครัวนี้กำลัง “ฮุบทรัพยากรของชาติ” เมื่อมวลชน กปปส.เฉียดไปใกล้เมื่อวันก่อน จึงถูกโจมตีด้วย M79 และอาวุธปืน และพบกองกำลังชุดดำบนตึกจำนวนมากนั่นเอง !!..

    รัฐอั้งยี่แดง จึงพยายามกีดกันถวิลฯ ออกจากเลขา สมช. และข่าวว่าตอนนี้กำลังประวิงเวลา ยื้อ เตะถ่วงคืนตำแหน่งตามคำพิพากษาศาลไคฟงปกครอง เพื่อทำลายหลักฐานต่างๆ ตลอด 2 ปีกว่า เช่นการเจรจากับ BRN ก็มีเงื่อนงำเรื่องผลประโยชน์ หรือการใช้กลไกและทรัพยากรของ สมช.สกัดกั้นฝ่ายเคลื่อนไหวฝ่ายต้านรัฐเทียม

    เพราะหากถวิลมารับหน้าที่ต่อเร็ว เรื่องปริศนาดำมืดเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เหตุการณ์ลอบวางระเบิด กราดยิง พระ ผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ตายที่ภาคใต้ทุกวัน และเหตุก่อการร้ายสากลที่ระยอง ตราด สถานที่สำคัญ และทั่ว กทม.ตอนนี้ จะต้องถูกเปิดโปงแตกโพล๊ะแน่ๆ..ฮูย..งานนี้แหก็หว่านไม่พอแล้ว

    ระยะต่อไปให้จับตาสถานการณ์ ขจัดแย้แดงดังต่อไปนี้
    1. ชาย 3 สี สั่งกำลังระดมนายทหารพระธรรมนูญแจ้งจับขบฎอั้งยี่แบ่งแยกแผ่นดินทั่วประเทศเชื่อมโยงเป็นขบวนเดียวกัน และเป็นคดีเดียวกัน
    2. จะมีการหลอกประชาชนว่าให้สมัครเป็นการ์ด กปปส. แต่ในแบบฟอร์มนั้นกลับเป็นสมัครการ์ดแบ่งแยกดินแดน อพปช..การข่าวว่า ก่อน 15 มี.ค.ทีมแรมบ้า จะไปหลอกชาวบ้านในภาคตะวันตก กลาง เหนือ ตะวันออก และวันที่ 15 มี.ค. จะรับสมัคร เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล...ที่นี้แหละคนมีชื่อจะเข้าปิ้งกันเป็นแถบ หากรู้จงใครบอกต่อๆ ไปด้วย ว่าอย่าไปเข้าเฉียดใกล้พวกนี้..คุกข้อหากบฎรออยู่นะ..ไม่ต้องอยากได้เงินค่าจ้างนิดหน่อย และเสื้อผ้าชุดดำที่เขาเอาแจกหรอก..เพราะขืนไปรับมาจะถูกเปลี่ยนเป็นชุดนักโทษสีน้ำตาลแทน..ฮา
    3. บิ๊กชายชุดดำ จะสั่งตั้งกรรมการสอบวินัย ชายชุดดำพะเยา เชียงใหม่ และอีกหลายพื้นที่ที่ปรากฎภาพ พฤติกรรม และการข่าวจาก กอ.รมน.ว่าไปเข้าใกล้ อารักขา หรือสนับสนุน กบฏอั้งยี่แบ่งแยกดินแดน และจะโอนคดีกบฏอั้งยี่ มาดำเนินการที่ส่วนกลาง (ต่อไปใครที่เฉื่อยชาไม่สร้างผลงาน จับกุมคดีก่อการร้าย หรือคดีที่เกี่ยวพันกับเสื้อแดง จะโดนล้างบางหมด เพื่อเปลี่ยนชุดใหม่มาทำแทน)
    4. พอคดีกบฏแบ่งแยกดินแดนเดินหน้าเต็มสูบลื่นไหล ทีนี้ล่ะมึงเอ๊ยย โดดกันเป็นกบ ทั้งลูกพี่ ลูกน้อง สังเกตุไหมว่าหมอแคนอีสาน ตอนนี้หายไปไหน และจะได้เห็นแกนนำเสื้อแดงทั้งหลาย จะพยายามตีชิ่ง รักษาระยะห่างจากชายแดนราว 80 กม. แม้แต่เป็ดเหลิมเองที่กลัวเครื่องบิน ตอนนี้ก็เริ่มฝึกแล้ว เพราะว่า..ลมมันเย็น..ฮา
    5. วันที่ 12 มีนาคม ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ จะตัดสินคดีร่างกฎหมายเงินกู้อัปยศ 2 ล้าน-ล้านบาท ที่คาดว่าจะเป็นโมฆะ จากนั้นเหล่าบรรดา สส. สว. และอดีต ครม.สายแดง จะถูก ปปช. ตั้งข้อกล่าวหายกเข่งหลายร้อยคน ว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ..ฮูย
    6. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นเรื่องต่อศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งทั่วไป 2 กุมภา เป็นโมฆะ..ฮูย

    นี่แค่เบาะๆ เริ่มๆ ล้อเล่นนะ..พวกแก๊งค์อั้งยี่แดงจะเจออะไรที่ต้องอ้าปากค้างกว่านี้อีกเยอะ..ลับ ลวง พลาง ให้คิดว่าชาย 3 สี จะปฎิวัติยึดอำนาจ (เหมือนไฟฟ้าช๊อต) ทำให้แก๊งค์อั้งยี่แดงปล่อยของอาละวาด เปิดไพ่จนหมด ตกหลุมพลางข้อหาฉกรรจ์ว่าเป็นกบฎ..โทษ คือประหาร และจำคุกยาว..หลอกต้อนให้มาเข้ากระบวนการยุติธรรม (เหมือน แห อวน) ..จัดการได้อย่างชอบธรรม เฉียบขาด สากลยอมรับ..เอาชนะพวกชั่วนี่ชนะไม่พอ ต้องชนะเลิศด้วย..

    ระบบพังยับเยินแน่ๆ ข้าราชการคนไหนยังสวามิภักดิ์ สมุน บริวาร เครือข่ายธุรกิจ..รีบชิงถีบหัวส่งด่วน จับพวกเดียวกันได้จับเอาผลงานไว้ก่อน จัดการพวกเดียวกันได้ จัดการก่อน ใครลงมือก่อนก็รอด พรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้เรื่องดำมืดจัดการให้หมด หนีได้หนีไปเลย ก่อนที่จะถูกแก๊งค์อั้งยี่แดง สั่งตัดตอนหมดทุกคนพวกเดียวกัน เพราะเขาไม่เอาคนเก็บความลับเขาไว้แน่ !!

    สถานการณ์ประจำวัน...เวลา 21.30 น. ชายชุดเขียว ม.พัน.1 รอ. ได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิง 2 คน จากเหตุชิงทรัพย์บริเวณสนามหญ้า ใน มศว.ประสานมิตร โดยสามารถตะครุบจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 คน ชื่อ นายวัฒนพัฒน์ สังคมณี อายุ 30 ปี และได้ส่งมอบกระเป๋าถือคืนให้กับผู้เสียหาย และส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้กับชายชุดดำเพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว

    แถว รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้จัดแนววงแหวนเพื่อการระวังป้องกันไว้ ดังนั้นขอความร่วมมือจากผู้พักอาศัยคอนโดมิเนียม , ตึกแถว , บ้านพัก , ห้องพัก-ห้องเช่าต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง รพ.มงกุฎวัฒนะ ระหว่าง ซอยแจ้งวัฒนะ 12 - 14 และ 13 - 15 หากพบสิ่งผิดปกติ หรือมีแจ้งเบาะแสการใช้อาวุธ ให้โทรแจ้งไปที่โรงพยาบาล หน่วยชายชุดเขียว และชายชุดดำ 191 และช่วยกันถ่ายภาพเผยแพร่ทันที

    การข่าวแจ้งว่า หลังวันที่ 11 มี.ค. เป็นต้นไป แก๊งค์อั้งยี่แดง จะสั่งสมุนแมงเม่ามาก่อกวน อาละวาดมวลชน กปปส.หนักขึ้น โดยเฉพาะบ้านพักบุคลสำคัญ และสถานที่ราชการสำคัญแถวแจ้งวัฒนะ เพราะเป็นที่ตั้งของศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ และ ปปช.ที่จะตัดสินหลายคดี ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงดันรู้ทันล่วงหน้าซะแล้ว จึงระดมสรรพกำลัง จุดบังเกอร์ สนธิกำลังชุดลาดตระเวนผสมชายชุดเขียว และชายชุดดำ ตลอดเวลา

    ส่วนพ่อค้าป๊อบคอร์น (จากไหนไม่รู้) เสธ ฝันไปว่า เขาเหล่านั้นจัดตะหลิ๋วคั่วข้าวโพดรุ่นพิเศษวาบวับเต็มอัตราศึก ไม่บอกว่ารุ่นไหน แต่รับประกันได้ว่าสุโค่ยโคตรๆ คั่วป๊อบคอร์นร้อนๆ ฉ่า ไว้ต้อนรับขับสู้ผู้บริโภค แมงเม่าแดง ไม่อั้นไว้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน !!..

    แมงเม่าแดง ก่อนจะเผลอบินผ่านเข้าไปในแดนสีชมพู..สั่งลาเมียให้หาผัวใหม่ได้เลยนะ..ฮา

    @เสธ น้ำเงิน


    ที่มา : https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    18 มี.ค.57 แฉ..แก๊งค์อั้งยี่แดงพัวพัน ผู้โดยสารบินมาเลย์มหาภัย สู่..ตับๆๆ คางคกตู่

    การข่าวเที่ยวบินมหาภัย มาเลย์แอร์ไลน์ MH370 มีการหลั่งไหล พรั่งพรู ออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดมีการยืนยันเป็นหลักฐาน ว่ามีทั้งเกษตรกร ชาวประมง และชาวบ้าน อย่างน้อย 9 คน แจ้งกับทางการมาเลย์ ว่าเห็นเครื่องบินได้บินอยู่เหนือหมู่บ้านเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่เห็นแสงจ้าบนท้องฟ้า และเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ ในคืนที่เครื่องบินหายไปจากจอเรด้าห์..(แต่มาเลย์กลับปกปิดข้อมูลนี้ เงียบกริบแต่แรก)

    ที่ชาวบ้านเห็นได้ เพราะเครื่องบินได้บินต่ำเพื่อหลบเรดาร์ หลังจากหันหัวกลับในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ยอมบินข้ามทะเลจีนใต้ แต่เปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศตะวันตก ทางทะเลอันดามันแทน เครื่องบินใช้เพดานบินต่ำมากเพียง 5,000 ฟุต เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยเรดาร์ ใช้สภาพภูมิประเทศเป็นที่กำบัง เป็นวิธีการที่นับว่าเสี่ยงและเป็นอันตราย เพราะมีแรงดันมหาศาล และการบินต่ำในตอนกลางคืน โดยปราศจากเรดาร์ช่วยนำทาง อาจทำให้เครื่องบินชนกับต้นไม้หรือภูเขาได้

    เรดาร์ทหารตรวจพบเครื่องบินเที่ยวนี้ครั้งสุดท้าย เมื่อเวลา 02.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น บินอยู่เหนือช่องแคบมะละกา แล้วมีข้อมูลสื่อสารผ่านดาวเทียม ว่า 7 ชั่วโมงต่อมา เมื่อเวลา 08.11 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันถัดไป ยังพบว่าเครื่องบินเดินทางต่อไปได้อีก ทางออสเตรเลีย บอกว่าการค้นหาในพื้นที่ 6 แสนตารางกิโลเมตร บริเวณมหาสมุทรอินเดีย ไม่ต่างจากการหาเข็มในกองฟางขนาดใหญ่..ฮา

    เอ้า ช่วยกันปกปิดเข้าไปเถอะ..พ่นเปลี่ยนสีเครื่องบินใหม่เสร็จหรือยัง และเวลาขนถ่ายผู้โดยสารพร้อมลูกเรือที่ตื่นจากน๊อคไปขึ้นเรือพิฆาต ขับอ้อมไปอีกทางหน่ะ นับจำนวนให้ครบด้วย เด็กเล็ก 2 คน ก็หานมให้กินให้เรียบร้อย..อย่าเผลอพาแอบมาเทียบเรือขึ้นฝั่ง ที่ประเทศไทยฝั่งอันดามันช่วงกลางดึกล่ะ จะยุ่งกันใหญ่ !!

    และอย่าลืมผู้โดยสารสำคัญชาวอิหร่าน 2 คน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ที่ทางการยกเลิกแล้ว เป็นชื่อคนอื่นชาวอิตาลี และออสเตรียที่หายไปจากประเทศไทยนะ 2 คนนี้ต้องดูแลอย่างดี พามาเที่ยวสวนลุมฯ แวะหากำนันให้ได้ เพราะดันมีนักโกงเมืองในบริษัทเผาไทยหลายคน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับผู้โดยสาร 2 คนนี้ ตามขั้นตอนดังนี้
    - คนแรก คือ ชายดูไบ เป็นผู้จ่ายค่าจ้าง สั่งให้ทำ และสั่งให้เดินทาง ไม่ทราบวัตถุประสงค์
    - คนที่สอง คือ หัวหน้าซุ้มมือปืน 10 ล้านกระบอก ณ คลองหลอด รับคำสั่งชายดูไบ ใช้ให้ลูกน้องไปซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินมหาภัยนี้
    - วันที่ 6 มี.ค. 2557 มีผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินจากในเมืองไทย ทางออนไลน์ กับ บ.ทัวร์ 2 แห่ง ที่พัทยาด้วยเงินบาท ระบุชื่อผู้โดยสาร 2 คนชาวอิหร่าน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอมฯ ของชาวอิตาลี และออสเตรีย ที่หายในไทย จากนั้น บ.ทัวร์ 2 แห่ง ออกสลิปการจ่ายเงินค่าซื้อตั๋วเครื่องบิน
    - วันที่ 6 มี.ค.2557 ช่วงบ่าย พ่อไอ้ปื๊ดลางานไปทำธุระที่เมืองลอดช่อง พบชายดูไบตามที่นัดกันที่โรงแรมหรู และติดต่อธุรกิจส่วนตัวเรื่องท่าเรือ แล้ววันถัดมาเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปที่มาเลย์ นำสลิปการจ่ายเงินที่พัทยาจากเมืองไทยนี้ ไปให้ผู้โดยสารอิหร่าน 2 คน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ที่นอนรออยู่ที่มาเลย์
    - วันที่ 7 มี.ค.2557 ชายทั้ง 2 คนนั้นใช้สลิปการจ่ายเงินดังกล่าว ไปขึ้นตั๋ว Booking ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลย์
    - วันที่่ 8 มี.ค.2557 ราวเที่ยงคืนกว่า ชายทั้ง 2 คนใช้พาสปอร์ตปลอม มีชื่อ และปรากฏภาพกล้องวงจรปิด ขึ้นเครื่องเที่ยวบินมหาภัย MH 370 ออกเดินทางจุดหมายจะไปปักกิ่ง ของจีน
    - อีก 1.30 ชม. ต่อมา เรดาร์การบินพลเรือน มาเลย์ ขาดการติดต่อกับเที่ยวบินนี้ พร้อมลูกเรือ และผู้โดยสาร 239 คน หายวับไป จนกระทั่งทุกวันนี้ โดยไม่ทราบชะตากรรม

    ** ในอดีตที่ผ่านมา หัวหน้าซุ้มมือปืน 10 ล้านกระบอก ณ คลองหลอด เคยถูกจับได้ว่ามีความพยายามกลบหลักฐานอุดตลุด เพราะซื้อตั๋วที่เดินทางไปจีนและมาเลย์ กับบริษัท น้ำตะวันออก และบริษัทนี้ ได้ไปซื้อตั๋วต่อ บ.ทัวร์ 2 แห่ง ดันออกมาแฉว่า ถูกข่มขู่จากสมุนบริวารแก๊งค์อั้งยี่แดง ให้แก้ไขชื่อในใบเสร็จ ที่สั่งซื้อตั๋วเครื่องบิน และจ่ายเงิน เอาชื่อหัวหน้าซุ้มมือปืน 10 ล้านกระบอก ณ คลองหลอด ออกไป แต่บริษัททัวร์ไม่ยอม เพราะได้ส่งเอกสารแจ้งเสียภาษี ต่อกรมรีดภาษีไปแล้ว

    คำถามปริศนา
    - ไม่ได้หมายความว่าชายอิหร่าน 2 คนนี่ต้องจี้ควบคุมเครื่องบินเสมอไป เพียงแต่ว่ามีเกี่ยวพันลับๆ กับผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินบางคนในไทย เช่น แก๊งค์ทำพาสปอร์ตปลอม ฯลฯ
    - ชายดูไบ จ้าง สั่งให้ชาวอิหร่าน 2 คนเดินทาง ขึ้นเครื่องเที่ยวนี้ทำไม ?
    - หัวหน้าซุ้มมือปืน 10 ล้านกระบอก ณ คลองหลอด เกี่ยวพันการซื้อตั๋วเครื่องบินมาเลย์เที่ยวนี้ ให้คนอิหร่าน 2 คน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ด้วยหรือไม่ ?
    - พ่อไอ้ปื๊ด เอาสลิปการจ่ายเงินค่าตั๋วที่พัทยา ไปให้ใครที่มาเลย์ ?
    - บนเที่ยวบินนี้มีอุปกรณ์ไฮเทคของคนไต้หวัน พร้อมทีมงาน ที่จะนำเสนอขายให้จีน และมีอุปกรณ์นิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ..ใครอยากได้ของเหล่านี้ มูลค่ามันเท่าไร?
    - คนไทยกับคนจีน คือ พี่น้องกัน คนเอเชียเหมือนกัน คนจีนหลายล้านคน เขารักราชวงศ์ไทย คนจีนในประเทศจีน รักในหลวงของเราจำนวนมาก..คนเอเชีย ควรรักคนเอเซียด้วยกัน หรือแก๊งค์อั้งยี่แดง จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกกับเขาหรือ?

    การหลอกชาวโลก ขู่กรรโชกทรัพย์พวกเดียวกัน ต้มตุ๋นชาวบ้าน ใช้คนไปตายและติดคุกแทน

    1. ชายดูไบ เคยหลอกเอาโรงแรมแห่งหนึ่งเครือชิน (ที่หลวงปู่ฯ ไปจองให้ลูกศิษย์วันก่อน และกีร์เคยปีนหนีลงมาตอนปี 53) มาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ เพราะเดิมทีโรงแรมนี้ชื่อ Deville มีนาย พี. อดีต ส.ส.สังกัดบริษัทพลังพระ ของมหาอดข้าว ต่อมามหาฯ โอนบริษัทพลังพระ ให้ชายดูไบ เป็นหัวหน้าต่อ เข้าร่วมรัฐบาลผสมในขณะนั้น ชายดูไบก็เริ่มขู่กรรโชกทรัพย์ทันที เห็นว่า พี. มีฐานะดี จึงหลอกให้รับตำแหน่ง รมว.ค้าขาย เพราะเป็นโควต้าของบริษัทที่ได้มา แต่ต้องจ่ายให้ชายดูไบ ในฐานะผู้เสนอชื่อเป็นเงิน 250 ล้านบาท

    ขณะนั้น พี.เงินสดขาดมือ จึงได้มีการเจรจาโอนโรงแรม Deville ให้ชายดูไบทดแทนเงินสด แต่หลังจากนั้น 2-3 เดือน ชายดูไบก็เห็นด้วยกับรัฐบาลประกาศยุบสภา โดยที่ พี. ยังไม่ทันได้ถอนทุนคืน โรงแรมสมบัติของ พี. จึงกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของชายดูไบ โดยแค่ขู่กรรโชกทรัพย์ แต่ไม่ต้องลงทุนใดๆ สักบาท มาเปลี่ยนชื่อ รร.ให้จนชื่อปัจจุบัน จนผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันกับ พี. ตั้งแต่นั่นมา..ฮา

    2. การข่าวส่วนหนึ่งจากขุนพลข่าวกรองอีสาน ที่ใกล้ชิดอดีต ส.ส.บริษัทเผาไทย แกนนำอีสานบน รายงานว่าชายดูไบ สั่งให้เดินหน้ายุทธวิธี "เดินสามขาแก้ว 3 พิการรับจ้าง" เหมือนเดิม คือ

    2.1. แก้วพิการที่หนึ่ง..”มวลชนทุยแดงรับจ้าง” สั่งให้แกนนำเลวแล้วรวย เช่น คากคกตู่ ไส้เดือนเต้น โกเต็ก ปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงรากหญ้า ให้จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับชายชุดเขียว และประชาชน เพื่อหวังสร้างภาพก่อความหวาดกลัวความรุนแรง กลัวจะเกิดสงครามกลางเมือง

    - แต่กองทัพ สวนโดยส่งนายทหารพระธรรมนูญ ยื่นคำร้อง พร้อมหลักฐาน ถึงทนายแผ่นดิน ให้ขอศาลไคฟงอาญา ถอนประกันตัวหัวโจกแดงคดี ก่อการร้ายเผาเมือง เพราะผิดเงื่อนไขปล่อยตัว ชั่วคราว ปลุกระดมก่อความรุนแรงซ้ำอีก

    - ในความเป็นจริง ประชาชนแดงรากหญ้าเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว ที่จะถูกหลอกมาตาย และติดคุกเหมือนปี 52-53 รูปแบบการชุมนุมตอนนี้จึงรับเงินค่าจ้าง ขึ้นรถ แล้วหนีกลับเลย ไปดู Clip ที่ https://www.youtube.com/watch?v=vTjjdCHFZTk และที่ https://www.youtube.com/watch?v=feCfQw_u6fk คนที่ไม่เคยเห็น และคนต่างประเทศ อึ้งไหม กับพฤติกรรมชั่วของพรรคอั้งยี่แดง

    - เสื้อแดงที่ตกเป็นเหยื่อการต้มตุ๋น ออกมาสารภาพทั้งน้ำตาว่าโดนทอดทิ้ง ให้เผชิญชะตากรรมที่โหดร้าย จะไปหายังสั่งไม่ยอมให้เข้าใกล้ แสดงความรังเกียจเสื้อแดงที่โดนคดี ดู Clip การเปิดใจเสื้อแดงติดคุก เป็นอุธาหรณ์ให้เสื้อแดงทุกคนที่มาร่วมกับ นปช.แดงให้เขาหลอกอีกที่ https://www.youtube.com/watch?v=m3c0Q0kNw24

    - ไส้เดือนเต้น คากคกตู่ ประกาศบนเวทีที่อยุธยาวันก่อน ชวนไปต่อต้านสถาบันเบื้องสูง และสละชีพให้พวกเดียวกันเองยิงหัวตายที่ กทม.กันเถอะ เพื่อให้แกนนำได้เป็นใหญ่ต่อไป..ยังมี 2 ผัวเมียที่นั่งฟังอยู่ ถึงกับเหวอ หน้าบอกบุญไม่รับ ถอดสีซีดเป็นไก่ต้ม รู้ตัวทันทีว่างานนี้โดนหลอกไปตาย และติดคุกอีกแล้ว

    - แม่นางศิริลักษณ์ แดงสิงห์บุรี ที่ด่าเบื้องสูง และประกาศแบ่งประเทศ ตรอมใจตาย เพราะมีลูกเนรคุณต่อมาตุภูมิ และทนการด่าทอ ไม่คบค้า ไม่ซื้อของจากเพื่อนบ้านไม่ไหว

    - ชาวบ้านขอนแก่น ที่ถูกผู้ใหญ่บ้านเกณฑ์มาชุมนุม หมู่ละ 10 คน ครั้งก่อน ตอนนี้ยังทะเลาะกันไม่เลิก เพราะผู้ใหญ่บ้านอมเงินไปไม่ยอมจ่าย 200 บาทต่อ 2 เขา ให้ครบทุกคน แถมเงินนี้ไม่แจกเสื้อด้วย ให้ไปซื้อเอง จนชาวบ้านต้องไปขุดเสื้อเก่าๆ มาใส่กัน..สังเกตุไหมล่ะว่าช่วงหลังๆ เสื้อสีแดงมันซีดๆ เก่าๆ ก็เพราะเหตุนี้แหละ

    - วันที่ 19 มี.ค.57 นี้ คากคกตู่ และใส้เดือนเต้น จะเดินทางไปเชียงราย ที่สนามบินจะมีคนรอรับ 20 คน และเดินทางต่อไปที่สนามฟุตบอลเชียงรายฯ ที่ในนั้นเป็นคอกขังทุยแดงรับจ้างไว้ ป้องกันหนีกลับ เพื่อเข้าร่วมการเปิดตัวประธาน นปช.คนใหม่ และแอบแฝงสอดแทรก เปิดตัวผู้สมัครเลือกตั้ง สว.เครือข่ายบริษัทเผาไทย (ผิดกฎหมายเต็มๆ คู่ต้องสู่นำไปร้องใบแดงได้เลย) และ นายก.อบจ.เชียงราย แทนเมียยุทธตู้เย็น ที่โดนศาลไคฟงฏีกา พิพากษาจำคุก
    - แต่มวลชนเสื้อแดง หลายพื้นที่เข็ด จะไม่เดินทางไปร่วมการชุมนุมกับกบฏแดง สปป.ล้านนา ดังกล่าว ส่งผลให้ต้องปรับแผนด่วน เกณฑ์ชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ ให้ไปร่วมงานโดยตั้งเป้า 20,000 - 30,000 คน จ่ายเงินให้กับผู้ที่นำรถยนต์พาคนไปร่วมชุมนุม จำนวน 1,500 บาทต่อคัน (แกนนำรับมา 2,500 บาท อมไป 1,000 บาท) , ค่าหัวจ้างมา 200 บาท (แกนนำรับมา 1,000 บาท อมไปตามระเบียบ 800 บาท)

    - ต่อไปวันที่ 22 มี.ค.57 นี้ แกนนำเลวแล้วรวย ก็จะเดินสายไปหลอกเสื้อแดงให้มาชุมนุมเล็มหญ้ากัน ที่พัทยา ชลบุรี เพราะแกนนำอยากสวาปามอาหารทะเล จากเงินหัวคิวค่าจ้างที่อมไป และเล่นน้ำทะเล โดยมีลูกเปาะ (ที่ร่วมประชุมที่ รร.ตนเอง สั่งกราดยิงเด็กตายที่ จ.ตราด) จัดทุยแดงขนมาช่วย..เหมือนครั้งที่ชุมนุมที่โคราช เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประกาศแยกประเทศ สปป.ล้านนา..

    - ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ เสี่ยงจะมีการสร้างสถานการณ์จากแกนนำแดงที่กำลังตกมัน ให้ระเบิดลงกลางที่ชุมนุมทุยแดงที่รับจ้างมา 200 บาทต่อ 2 เขา ให้มีการเจ็บหรือตาย เพราะเพิ่งมีมือดีขว้างระเบิดใส่บ้าน ปุ๊ ชลบุรี ปากเสียมาแล้ว..ใครมีญาติที่เขาบังคับ หรือจ้างไป ให้ส่งข่าวบอกต่อกันไปให้ทั่วว่าอย่าไป เพราะอันตรายมาก

    2.2 แก้วพิการที่สอง..”กองโจรติดอาวุธแดงรับจ้าง” สั่งการให้ก่อการร้ายสากล
    - แดงอิสระ นักวิชากำกวม แดงคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ โกตี๋ กวป. ไประรานหาเรื่ององค์กรอิสระต่างๆ และศาลไคฟง เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. เป็นต้นไป โดยจะมาปั่นป่วนหนักที่หน้า ปปช. (เพราะที่ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญเข้าไปไม่ได้ เนื่องจากหลวงปู่คุมพื้นที่ไว้) พร้อมจะสร้างความสับสนว่า ต่อไปถ้าใครใส่เสื้อสีดำจะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จะนับหมดว่าเป็นพวกคนเสื้อแดง และสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา
    - แดงฮาร์ดคอร์ แดงสยาม กองโจรไต้วาดะห์ กับกองกำลังชายชุดดำฝ่ายชั่ว โจมตีด้วยอาวุธ เช่น ระเบิดแสวงเครื่องดัดแปลงถังดับเพลิง , M79 , ระเบิดขว้าง, ปืน ต่อผู้ชุมนุม บ้าน อาคารของแกนนำ กปปส. และสถานที่ หรือ บุคคลสำคัญ
    - จ้างแรงงานอีสานชายช่วงหน้าแล้ง มาเตรียมเป็นการ์ดผู้สละชีพ แบ่งแยกดินแดน อพปช. ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.เป็นต้นมา เดินทางเข้ามาที่หมอชิต 2 มากผิดปกติ เดินทางมาเป็นกลุ่ม พร้อมกระเป๋าคนละ 1 ใบ นั่งแท็กซี่ต่ออกไป แต่มีปริมาณไม่มากนัก
    - ทั้งหมดจะมาก่อวินาศกรรมในพื้นที่ กรุงเทพฯ และสถานที่สำคัญ ให้สอดคล้องกับที่แกนนำแดงได้ปลุกระดมข่มขู่ไว้
    - เป้าปลายทาง คือ ให้ชายดูไบ มีดุลอำนาจในการต่อรองสูง ถ้าชาย 3 สี และคนไทยไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง หรือสงครามกลางเมือง ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่แก๊งค์อั้งยี่แดงจับประเทศไทยเป็นตัวประกัน และเสนอมาเสียดีๆ เพื่อให้แก๊งค์อั้งยี่แดงครองอำนาจประเทศไทยต่อไป ข่มแหงรังแกคนจน กดขี่ชาวนา และคดโกงต่อไปได้

    2.3. แก้วพิการที่สาม..”นักโกงเมืองรับจ้าง”..ชายดูไบ สั่งการให้อดีต ส.ส.เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งรอบใหม่ หลังศาลไคฟงจะตัดสินให้การเลือกตั้งครั้งก่อนเป็นโมฆะ ในวันที่ 21 ม.ค.57 นี้ โดยให้เตรียมการดังนี้
    - ให้อดีต ส.ส.ของบริษัทฯ ที่ถูก ปปช.แจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เตรียมผู้สมัคร ส.ส.นอมินี เมีย ผัว ลูก พี่ น้อง ญาติ ทีมงาน สำรองไว้ โดยให้เสนอชื่อเพื่อให้ชายดูไบพิจารณา Approved ก่อน แล้วจึงจะส่งให้บริษัทเผาไทย ประทับตรายางรับรอง
    - ให้แกนนำ ส.ส.ระดับภาค หาบุคคลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่เลือกตั้งนั้นๆ สำรองไว้ หากระดับจังหวัดไม่สามารถหาคนได้ หรือ เสนอชื่อแล้ว ทางชายดูไบ และตระกูล พิจารณาว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะเอาชนะคู่แข่งได้
    - ให้ผู้บริหารบริษัทฯ ติดต่อ ทาบทาม บุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา ภาพลักษณ์ดีในสังคมไว้ เพื่อดึงคนเหล่านี้ให้มาสมัครเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ดึงคะแนนที่ตกต่ำสุดขีดขึ้นมา
    - ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน กลับมาใช้ พรบ.มั่นคง แทนเพื่อต้องการปรับโครงสร้าง ศอ.รส.เสียใหม่ กีดกัน ถวิล เลขา สมช.ไม่ตั้งเข้ามาเป็นกรรมการฯ เพราะกลัวถูกถวิลแฉ และเพื่อเปิดทางให้มวลชนเสื้อแดงรับจ้างเข้ามาแสดงพลังในกรุงเทพฯได้

    สาเหตุที่ชายดูไบ ตัดสินใจใช้บริการ แก้วพิการที่ 1 "มวลชนทุยแดงรับจ้าง" เพราะว่าหลังจากการเจรจากับผู้ใหญ่ เพื่อส่งผ่านไปถึงกำนัน แต่ไม่เป็นผล..เพราะเงื่อนไขประหลาด ขัดกฎหมาย ที่จะให้ "นิรโทษกรรม" กับ "คืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน" แลกกับการยุติบทบาททางการเมือง ไม่มีใครกล้าตอบรับ นั่นเพราะพฤติกรรมกลับกลอกของแก๊งค์อั้งยี่แดงที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดเสมอ..โกหกตลอดเวลาว่างั้นเถอะ

    ก่อนหน้านี้ตระกูลชินเคยประชุมหารือร่วมกัน เพื่อหาทางออก และเคยคิดจะให้ปูเน่า ลาออกจากตำแหน่งเสีย เพราะอย่างน้อยยังมีที่ยืนในสังคม แลกกับคดีความทั้งหมด แต่ชายดูไบก็ยังไม่ยอมอีก ให้ชะลอไว้ก่อน พร้อมกับบอกว่าแก้ปัญหาได้ บังคับให้ปูเน่าทำเป็นติงต้อง บ้าๆ บอๆ ต่อไป เพราะถ้าลาออกจากตำแหน่งนายกเทียม ชายดูไบ ผู้เป็นมือชักใยแก๊งค์ ก็จะหลุดการสั่งการใครไม่ได้อีก

    วันนี้ไม่มีอะไรต้องกั๊กกันอีกแล้ว เปิดหน้าชกปลายยกสุดท้ายกันเต็มๆ เพราะมะม่วงพันธ์เลวถูกยาเร่งจะร่วงลงพื้นเร็วกว่าที่ชายดูไบคิด โต๊ะเจรจาปิดลงแล้ว และหันหน้าชนกัน แม้ศาลไคฟง จะสั่งให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะ แต่ปูเน่า และสมุนโจรอั้งยี่แดง ก็จะกอดเก้าอี้กันแน่น

    คดีความจากการคดโกงชาติ ที่องค์กรต่างๆ เริ่มทยอยพิจารณา ปูเน่าจะหนีเหวนรกนี้อย่างไรก็ไม่พ้น! จึงเกิดมารยาจากภาพน้ำตาคลอของปูเน่าบ้าง ล้มก้นจ้ำเบ้าบ้าง เพื่อต้องการเรียกความสงสารจากประชาชนให้ใจอ่อนนั่นเอง

    ลาวาแดง ต่อไปนี้ มันไม่มีอีกแล้ว คนเสื้อแดงส่วนมากฉลาดรู้ทัน รับเงินเสร็จก็หนีกลับบ้านหมด ใครไม่เชื่อไปคอยดูจำนวนเสื้อแดง หลังเที่ยงคืน ชุมนุมวันที่ 22 มี.ค.57 ที่พัทยา ชลบุรี ซิว่า ถ้านับรวมช่างเครื่องเสียง จะเหลือเกิน 50 คน ไหม !!..แต่การันตีได้ว่า จะมีมวลมหาขยะ เยอะมากกว่าคนที่เหลือชุมนุมอยู่แน่นอน 1000%

    ศึกแดงเดือด..ที่พอจะลุ้นได้เวลานี้ คือ ฟุตบอลทีมหงส์แดง ปะทะ ทีมปีศาจแดง ของอังกฤษเท่านั้นแหละ ไอ้ลาวาแดงที่จ้างไหลมาหนะ มันก็ปริบๆ น้อยซะเหมือนเยี่ยวมด..ฮา

    ไม่รู้มือดีที่ไหน ต้อนรับน้องใหม่ท่านประธาน นปช.คางคกตู่ ซะแล้ว ใช้อาวุธสงครามกราดยิงนับไม่ถ้วน ตอนตี 2 ถล่มบ้านพักในหมู่บ้านวิสต้าปาร์ค สายไหม กระสุนพลาดถูกกำแพงบ้านติดกัน ไม่มีคนเจ็บ และก็ตามติดไปถล่มบ้านครูใหญ่โรงเรียนแดง นปช.(ที่เคยจ้างมือปืนยิงวัดพระแก้วปี 53) ที่หมู่บ้านติดกันก็เจอดีโดนถล่มด้วย..คนสมัยนี้ใจร้าย รู้หน้าไม่รู้ใจ..ฮา

    เสธ ว่า ต้องเกิดจากนกแสกแค้น ที่ถูกชิงตำแหน่งใหญ่โตเอาไปดื้อๆ แน่เลย..เพราะจะยิงกำแพงบ้านพวกเดียวกัน ก็กลัวจะต้องซ่อม เลยยิงใส่บ้านข้างๆ เขาอีก คากคกตู่อย่ายอมนะ คืนนี้ต้องจัดคนไปถล่มบ้านนกแสกกับโหวงเหวงให้หายแค้น.!!

    ชาย 3 สี เดินแผนขยับเรือ ให้ม้ารุกฆาต ตามด้วยโคนกดหัว..แก๊งค์อั้งยี่แดงก็เลียนแบบเอามั่ง เดินแผนขยับนกแสก..ให้คางคก รุกฆาต..แต่ดูแล้วคางคกคงจะถึงฆาตเสียก่อนนะ..ฮา


    ที่มา @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    [​IMG]
    แชร์ต่อ

    ...พลเอกกิตติ รัตนฉายา ( Kitti Ratanachaya ) อดีตแม่ทัพภาค 4 เจ้าของนโยบายใต้ร่มเย็นผู้สงบศึกภาคใต้มาแล้ว ส่งสารร่ายยาวถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

    ...ถ้า ผมเป็น ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    .....ในสถานการณ์ ปัจจุบันนี้ ซึ่งประชาชน...ทุกคนรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น มีกองกำลังก่อการร้าย ที่หลายๆคนก็รู้ว่า เป็นฝ่ายใครพวกไหน ใช้กำลังใช้อาวุธสงคราม มายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยิงเด็กตาย ขว้างปาระเบิดอย่างกับ เป็นแดนมิคสัญยี
    ...ในสถานการณ์ ซึ่งกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้บังคับใช้กฎหมาย อย่างตำรวจ ไม่ทำงาน และเอนเอียงแบ่งข้างโดยชัดเจนมาก เห็นง่ายๆจากกรณีที่ หลักฐานของคนปาระเบิด ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นภาพชัด มือยิงสุทินที่วัดศรีเอี่ยม เห็นชัด แต่ไม่เคยจับได้ แต่คนยิงขวัญชัย ไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม กลับจับกุมได้ในเวลารวดเร็ว

    ...ลองมาฟัง ผบ.ทบ. ที่เป็นความหวังของประชาชน แถลงดูครับ
    ...สิ่งที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลง ผมจะสรุปคร่าวๆนะครับ

    .....1. ประยุทธ์ บอก คนก่อความรุนแรง มีหลายกลุ่ม และส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ก่อการร้าย ปี 2553
    .....2. ประยุทธ์ บอกว่า ทหารไม่สามารถเข้ามา คลี่คลายได้ โดยที่ไม่ยึดหลักของกฎหมาย หากใช้กำลังแก้ไขปลายเหตุ จะทำให้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ถูกยกเลิกไป
    .....3. ประยุทธ์ บอกว่า อยากให้ใช้การเจรจา คุยกันอย่างสงบ ถ้าใช้กำลังจะทำให้บานปลาย
    .....4. ประยุทธ์ บอกว่า ทำอย่างไรให้ทุกกลุ่มมาคุยกันอย่างสงบ เพราะมีการปลุกระดมมวลชน มาปะทะกัน จะทำอย่างไรให้มวลชนไม่มาต่อสู้กัน

    ...ถ้าผมเป็น ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าผมมีอำนาจนะครับ ผมอยากจะบอกท่านว่า ท่านไม่เข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้ ท่านยังมองสถานการณ์ ตอนนี้ผิดไปจากความจริงมาก ถ้าผมเป็นท่าน ผมจะ...

    .....1. ท่านบอกว่า ท่านรู้ว่าคนก่อความรุนแรงมีหลายกลุ่มและ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ปี 2553
    .....ผมก็จะบอกท่านว่า อย่ามาโลกสวยกับประชาชน ถ้าผมเป็นท่าน ผมจะจัดตั้งกองกำลังทหารติดอาวุธ ไล่ล่าพวกก่อการร้ายพวกนี้ ผมใช้คำว่า ไล่ล่า เพราะเดนมนุษย์ที่ฆ่าเด็กเล็กได้พวกนี้ มันไม่ใช่คน มันไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่าท่านรู้ว่ากลุ่มไหน ไปไล่ล่ามัน มันมีอาวุธสงคราม มันใช้อาวุธสงครามฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์
    .....ถ้าท่านเป็นทหารแล้ว ท่านรู้กลุ่มคนทำ แล้วท่านไม่ไปจับมัน ไม่ไปไล่ล่ามัน ปล่อยให้มันอยู่ก็จะเป็นอันตรายต่อประชาชนคนไทย ผู้บริสุทธิ์ ทุกคน ท่านรออะไรอยู่ครับ

    .....2. ท่านบอกว่า ทหารจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย ใช้ความรุนแรงนอกกฎหมายไมได้ ผมว่าท่านลืมอะไรไปนะครับ
    .....อย่ามาโลกสวยกับผม ท่านลืมไปรึเปล่าในขณะที่ กฎหมายไม่ถูกบังคับใช้อย่างเป็นธรรม ขณะที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย คือตำรวจ อยู่ข้างโจรชัดเจน ท่านจะรอให้ประชาชนล้มตายอีกเท่าไหร่ ท่านลืมไปหรือเปล่าว่า ท่านมี กฎอัยการศึก ที่จะทำให้ท่าน เข้ามาคุมทุกอย่างได้ อำนาจจะตกอยู่ในมือท่านทั้งหมด
    .....ท่านจะเข้ามาควบคุมทุกอย่างแทนตำรวจ ตั้งด่านสกัด จัดทีมไล่ล่าคนร้าย ไม่ต้องห่วงประชาชน พร้อมจะให้ข้อมูลกับท่านตลอดเวลาถ้าท่านประกาศกฎอัยการศึก นำทหารมาตั้งด่าน ดูแล พวกก่อการร้ายจะไม่มีโอกาสมาทำร้ายประชาชนได้แบบนี้
    .....ถ้าถามว่าต้องประกาศกฎอัยการศึกอีกนานเท่าไหร่ ก็นานเท่าที่ศาลและกระบวนการยุติธรรม จะตัดสินลงโทษ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาล ถึงตอนนั้นมีรัฐบาลของประชาชน ก็ไม่จำเป็นแล้ว รัฐบาลพอหมดอำนาจ ไม่มีใครคุ้มหัวคนร้าย มันก็ไม่สามารถทำการอย่างอุกอาจแบบนี้ได้อีก

    .....3. ท่านบอกว่า ต้องมีการเจรจา คุยกันอย่างสงบ ไม่อยากใช้กำลังจะทำให้บานปลาย
    .....ผมก็จะบอกว่าท่านว่า ท่านจะเจรจากับใคร กับโจร กับอาชญากร กับผู้ก่อการร้ายเหรอ ท่านจะเจรจากับโจรใต้ไหม กับโจรแบ่งดินแดน ท่านจะเจรจากับไอ้พวกชั่วที่มันเอาโจรใช้อาวุธสงครามมายิงประชาชน ยิงเด็กตาย ท่านจะเจรจากับไอ้พวกนี้เหรอ
    .....ท่านบอกว่าทหารไม่กลัว แต่ถ้าท่านยอมเจรจากับมัน ก็แปลว่า มันใช้กำลังข่มขู่ท่านได้ ประชาชนจะต้องทนอยู่อย่างหวาดกลัว และต้องเจรจาให้มันสมประโยชน์ เพียงเพราะกลัวมันจะเอาอาวุธสงครามมายิง มาปาระเบิดมาฆ่าเด็ก มาฆ่าลูกหลานของท่านแล้วบ้านเมืองนี้มันจะอยู่อย่างไร จะให้มันเป็นแบบนี้เหรอ
    .....ท่านกำลังมองสถานการณ์ผิดอย่างมหันต์ กับโจรแรงมาเราต้องแรงกลับ เราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย โจรที่ใช้อาวุธสงครามยิงเด็กได้ มันไม่สมควรมีชีวิตอยู่

    .....4. ท่านบอกว่า ทำอย่างไรให้มวลชน 2 ฝ่ายไม่มาปะทะต่อสู้กัน เพราะมีการระดมมวลชนมาปะทะกัน
    .....ถ้าท่านมีตามองเห็น ผมว่าไม่ยาก ตอนนี้มีมวลชนกลุ่มเดียวเท่านั้น ที่ถูกปลุกระดมให้มาปะทะกัน และใช้ถ้อยคำยั่วยุ ประกาศจะตั้งกองกำลังติดอาวุธ ประกาศจะใช้อาวุธสงครามกับ กลุ่ม กปปส. ประกาศดีใจเฮลั่น ที่มีเด็กตายในเหตุการณ์ระเบิดที่ จังหวัดตราด
    .....ท่านเห็นแบบที่ผมเห็นรึเปล่า มีกลุ่มคนอยู่แค่พวกเดียวที่มีนิสัยก่อความรุนแรง และจะนำมวลชนติดอาวุธมาต่อสู้กัน นั่นก็คือ กลุ่มคนเสื้อแดง
    .....และท่านเห็นรึเปล่าการระดมพลใหญ่ ที่โคราช วันก่อน ที่ระดมพลมาได้ไม่เต็มหอประชุม มากสุดแค่ 1,000 คน ท่านกลัวอะไรเหรอ หรือท่านไม่รู้ว่าตอนนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เค้าตาสว่างแล้ว เค้าไม่เอากับพวกนี้แล้ว ระดมพลทุกครั้งจากเมื่อก่อนมีเป็นหมื่น ตอนนี้ได้แค่ เป็นร้อย เป็นพัน และกลุ่มคนพวกนี้ ก็ชอบความรุนแรง ดีใจกับการตายของเด็กเล็กได้ ก็ไม่ใช่คนแล้ว
    .....ท่านกลัวกลุ่มคนพวกนี้มาปะทะกับกลุ่มคนที่เค้าชุมนุมเพื่อไล่รัฐบาลชั่ว ที่เค้าชุมนุมเสี่ยงตายเพื่อประเทศไทย เพื่อการปฎิรูปประเทศเหรอครับ ท่านมองสถานการณ์ ยังไงกันแน่ ท่านถึงไม่เข้าใจ

    .....5. ถ้าท่านยังไม่รู้ว่าท่านจะต้องทำอย่างไร ผมขอบังอาจเสนอแนะนะครับ
    .......5.1 ประกาศกฎอัยการศึก
    .......5.2 นำทหารมาตั้งด่านดูแลประชาชนโดยรอบ และ ขัดขวางการนำมวลชนมาปะทะกัน ท่านมีอำนาจแน่นอนจากกฎอัยการศึก
    .......5.3 อย่าปฎิวัติ อย่ารัฐประหาร เพราะพวกเราไม่ต้องการ
    .......5.4 ตั้งกองกำลังทหารติดอาวุธ ไล่ล่าผู้ก่อการร้าย ที่ฆ่าเด็ก นำมันมาลงโทษอย่างสาสม ถ้าพวกนี้ตายไป นั่นหมายถึงชีวิตประชาชนผุ้บริสุทธิอีกหลายคน จะไม่ต้องสูญเสียอีก ท่านบอกว่าท่านรู้ว่ามันเป็นกลุ่มไหนทำเลย จะรอให้มันมาฆ่าประชาชนอีกกี่ชีวิต
    .......5.5 ไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้นกับผู้ก่อการร้าย กับคนที่สั่งการอำมหิตฆ่าได้กระทั่งเด็ก สำหรับคนพวกนี้ต้องอย่าให้มันได้กลับมามีอำนาจในประเทศไทยได้อีก ไม่งั้นผู้คนจะอยู่กับความหวาดกลัว เป็นขี้ข้าฯตลอดไป
    .......5.6 ควบคุมตัวแกนนำแดง หัวรุนแรงทั้งหลาย เช่น โกตี๋ ฯลฯ ท่านรู้อยู่ว่าใครสั่งการ ใครที่คอยปลุกระดมใช้อาวุธมาทำร้ายประชาชน ควบคุมตัวแกนนำที่จะระดม เสื้อแดงมาต่อสู้กับประชาชน เช่น ไอตู่ ไอเต้น เหวง ธิดา พวกนี้
    .......ถ้าท่านกลัวว่าประชาชนจะปะทะกัน ถ้าเชื่อผม ท่านใช้กฎอัยการศึก คุมตัวพวกนี้ไว้ สักพักจนกว่าเรื่องจะจบ รับรองว่าไม่มีเสื้อแดงโผล่มาหรอกครับ มวลชนเสื้อแดงมาจากการปลุกระดมของแกนนำไม่กี่คน ที่รับเศษเงินมาจากทักษิณ ถ้าท่านคุมแกนนำนี้ไว้ได้ก็จบ
    .......5.7 ตัดท่อน้ำเลี้ยง อายัติ บัญชีของคนที่ท่านก็รู้ว่าใคร บัญชีที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ พวกโจรก่อการร้าย ทำสิครับ ไม่มีเงินมีเหรอพวกนี้จะทำงานให้
    .......5.8 ให้ทหารดูแล ศาลและ องค์กรอิสระที่จะถูกข่มขู่คุกคาม เพื่อให้ตัดสินคดีอย่างเป็นธรรม
    .......5.9 จากนั้น ท่านก็แค่รอเวลาจนกว่า กระบวนการยุติธรรมจะทำงานเสร็จ ปปช. ศาล พอมีรัฐบาลจากประชาชนขึ้นมาก็จบแล้วครับ เพราะจากนั้น องค์กรต่างๆ รวมทั้งตำรวจถ้ามีหัวหน้าดีๆ ผมก็คิดว่า เค้าจะทำงานของเค้าได้ดีครับ นั่นก็จบหน้าที่ของท่านแล้ว

    ...จากนั้นก็ ปล่อยให้รัฐบาลประชาชนทำงานของเค้าไป เพื่อทำลายระบอบทักษิณให้สิ้น ใครผิดถูกว่ากันไปตามกฎหมาย ท่านแค่ดูแลไม่ให้ กองกำลังติดอาวุธ โจรก่อการร้ายมาทำร้ายประชาชน มาข่มขู่ศาล ก็แค่นี้ครับ หน้าที่ของท่าน
    ...ท่านกำลังเข้าใจสถานการณ์ผิดพลาดครับ ระวังจะทำให้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงถ้าไม่รีบทำอะไร คนธรรมดาอย่างผมมองได้ครับ ว่าพวกนี้จะไม่หยุด ที่เค้าใช้กำลังความรุนแรง เพราะเค้าจนตรอก หลังจากที่ศาลแพ่ง ตัดสินไม่ให้สลายการชุมนุมตามกฎหมาย เค้าจนตรอก เค้าก็ต้องเอากองกำลังติดอาวุธมาทำร้ายประชาชน เพื่อเจรจา นั่นคือสิ่งที่เค้าต้องการและ ประยุทธ์ กำลังจะมอบในสิ่งที่เค้าต้องการ นั่นคือ เจรจากับโจร ท่านต้องไม่เจรจากับพวกนี้ครับ ถ้าเจรจากับโจร ต่อให้จบลง เหตุการณ์สงบ เราก็ต้องอยู่เป็นขี้ข้าฯ เค้าอย่างนี้ไปตลอด และเหตุการณ์จะไม่มีวันสงบจริง เพียงแค่รอวันปะทุขึ้นมาใหม่เท่านั้น

    ...ปล. ผมชื่นชมท่านหลายอย่างนะครับ กรณีการวางตัวที่ผ่านมา เช่น การให้ทหารคอยคุ้มกัน ปกป้องประชาชนในที่ชุมนุม คอยช่วยเหลือพยาบาล แต่ครั้งนี้ ท่านอย่าประเมินสถานการณ์ผิดครับ

    .....ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ประเทศจะเสียหายอย่างใหญ่หลวง......

    #ไร้เงา_กกร24
    https://th-th.facebook.com/fongsananhora
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  5. agentlight555

    agentlight555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +56
    .
    แม้จะดูดุเดือดรุนแรงไปหน่อย
    แต่ถูกใจคอซาดิสม์มากเลยครับ ขอบอก

    โปรดอ่านอีกครั้ง 555

    เราไม่เอา
    ระบอบประชาธิปไตย
    อันมีทักษิณเป็นประธาน



    agentlight / โคแนน ยอดคนแดนเถื่อน

    .
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    [​IMG]

    80 เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้

    เมื่อทรงพระเยาว์

    1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
    2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
    3.พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
    4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
    5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
    6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"หมายเลขประจำตัว 449
    7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า"แม่"
    8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
    9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
    10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
    11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
    12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
    13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว
    14.ระหว่างประทับอยู่ ส วิตเซอร์แลนด์ โดยนะหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษษฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
    15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก"การให้"โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า"กระป๋องคนจน"หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก"เก็บภาษี"หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
    16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า"ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
    17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
    18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

    พระอัจฉริยภาพ


    19.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น"สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระชษฐาน ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
    20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
    21.ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
    22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษ า ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
    23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
    24.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ"แสงเทียน" จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
    25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง"เราสู้"
    26.รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
    27. - - - -
    28.นกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
    29.ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง"นายอินทร์"และ"ติโต" ทรงเขียนด้วยบายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
    30.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์")ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
    31.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
    32.ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
    33.ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว
    34.องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

    เรื่องส่วนพระองค์

    35.พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    36.ร ักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
    37.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
    38.หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
    39.ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
    40.ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
    41.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
    42.เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
    43.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
    44.พลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
    45.วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

    งานของในหลวง

    46.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
    47.ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
    48.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
    49.เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้อราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงม ีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
    50.ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
    51.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32, 866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
    52.เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
    53.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
    54.ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

    ของทรงโปรด

    55.อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
    56.ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
    57.ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
    58.ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
    59.เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
    60.ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
    61.ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
    62.หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
    63.ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
    64.ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
    65.สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแด ง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว

    รู้หรือไม่ ?

    66.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
    67.ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
    68.อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า "ทำราชการ"
    69.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
    70.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
    71.ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
    72.หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
    73.รู ้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
    74.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
    75.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.24 93 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
    76.ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
    77.สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
    78.นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
    79 - - - -
    80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน

    ที่มา board postjung.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2014
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่ได้สงสัยข่าวที่โพสต์อินสตาแกรมของอุ๊งอิ๊ง กรณีมองว่าศาลรธน.ไม่ยุติธรรม
    แต่สงสัยว่า อุ๊งอิ๊ง ใช้ควายแดงแทนพวกเสื้อแดง..หรือเปล่า
    เป็นการยอมรับในส่วนสัญลักษณ์ ของอุ๊งอิ๊งหรือของชาวเสื้อแดงหรือ?

    [​IMG]

    นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

    (21 มี.ค.) น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสรูปลงอินสตาแกรมส่วนตัว (ingshin21) เป็นการ์ตูนรูปควายสีแดง มีข้อความในรูปว่า "เอียงจุงเบย!" และยังมีรูปคล้ายตราชั่งที่เอียงไปข้างหนึ่ง

    ทั้งนี้ น.ส.แพรทองธาร ใส่คำอธิบายใต้ภาพว่า "น่าร๊อคคคอ่ะ #ไม่เกี่ยวการเมืองนะก๊ะ #เห็นน้องควายแดง #ดูน่าเอ็นดู #ก็แค่นั้นจ้า #ทำ #linesticker #เมื่อไหร่ #จะรีบloadเบยยย"

    อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้น หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะ ชี้เลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวกัน ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรค 2 เพียงไม่นาน

    อุ๊งอิ๊ง โพสต์ภาพควายแดง-ตาชั่งเอียง

    “ไว้ใจไอ้ตู่มาก” รหัสยะจาก “คลิปถั่งเช่า” ถึงเสียงเร้าของ “ป๋าเปรม”
    �������������ҡ� �����Шҡ ���Ի�������Ҕ �֧���§���Ңͧ ��������� - Astv Weekend - Manager Online
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    22 มี.ค.57 แฉ..เมื่อแกนนำลั่นกลองรบ เสื้อแดงจึงมาเป็นร้าง สู่คางคกย่างบนเมรุ

    อำนาจหลักการปกครองของไทย ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ คือ นิติบัญญัติ – บริหาร – ตุลาการ เป็นเหมือนเก้าอี้ 3 ขา ที่วางตั้งไว้ รองรับน้ำหนักที่จะกดทับจากด้านบนลงมาอย่างมั่นคง โดยอำนาจทั้ง 3 ต้องเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน เพื่อให้เก้าอี้ 3 ขานี้ผดุงการปกครองเพื่อประโยชน์ประชาชนในประเทศ 66 ล้านคน โดยแต่ละอำนาจมีหน้าที่โดยย่อดังนี้
    1. อำนาจนิติบัญญัติ (ส.ส. และ ส.ว.)..ทำหน้าที่ออกกฎหมาย เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคน
    2. อำนาจบริหาร ( นายกฯ และ ครม.)..ทำหน้าที่บริหารประเทศ โดยใช้กลไกเครื่องมือ คือ ข้าราชการ และกฎหมายที่นิติบัญญัติออกมา
    3. อำนาจตุลาการ (ศาลทุกศาล)..ทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาด ตามที่นิติบัญญัติออกมา

    แต่แก๊งค์อั้งยี่แดง ได้ยึดอำนาจประเทศไทยไปได้ 2 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ (ส.ส. และ ส.ว.) และบริหาร ( นายกฯ และ ครม.)..ด้วยอำนาจใหม่ คือ “อำนาจเงิน” โดยการซื้อเสียง ส.ส.และ ส.ว.มาเป็นสัตว์เลี้ยงแดงในบ้านให้เชื่อง แล้วก็กุมอำนาจบริหาร ( นายกฯ และ ครม.) ไว้ ดูดทรัพยากรกองกลางของประชาชนทุกคน ไปเป็นของตนเอง และตระกูล ในรูปแบบการสั่งให้สัตว์เลี้ยงแดง ของตัวเองที่ชุบเลี้ยงให้เศษอาหารไว้ เห็นชอบในการออกกฎหมายขี้โกงเอาเปรียบต่างๆ

    พอถูกจับได้ โดนอำนาจตุลาการยึดทรัพย์เงินโกงเข้าหลวง และกลัวจะถูกลงโทษอาญาติดคุกตะรางจากอำนาจตุลาการ ก็ให้สัตว์เลี้ยงแดงแสนเชื่องที่คอยเลียแขนขา ออกกฎหมายเพื่อล้างความผิดฟอกขาว และเอาเงินที่โกงนั้นคืนกลับไป..จนประชาชนทั่วประเทศมาทวงคืนเอาอำนาจบริหารคืน แต่แกนนำแก๊งอั้งยี่แดงไหนเลยจะยอมตายคนเดียว จึงยุบสภาฯ พาสัตว์เลี้ยงแดงออกไปด้วย แล้วคัดเลือกสัตว์เลี้ยงที่ภักดี ไปลง ส.ส. และ ส.ว.ตามที่เห็นกันอยู่

    แต่สิ่งที่เป็นเหมือนก้างขวางคอ ให้แก๊งค์อั้งยี่แดงกินประเทศไทยไม่สำเร็จ คือ อำนาจที่ยังยึดไม่ได้เบ็ดเสร็จ คือ อำนาจตุลาการ (ศาลทุกศาล) ที่ยังคงความเที่ยงตรง เป็นที่พึ่งสุดท้าย ให้ความยุติธรรมกับประชาชนตลอดมา แม้จะพยายามซื้อด้วยเงิน หรืออามิสสินจ้างนานาชนิด เช่น เสนอด้วยการบำเรอกาม จากกองทุนบ้านเลขที่ 111 ที่เอาไปเลื้ยงหญิงบริการนางโลม ที่เดอะแกรนด์รัชดา เพื่อให้ทนายแผ่นดิน และเปาบุ้นจิ้น ส่วนน้อยนิด ที่เผลอมาเที่ยวแล้วกองทุนนี้จ่ายเงินให้หมด

    หากใครหลงกลลวง ก็จะติดกับดัก เพราะแก๊งค์อั้งยี่แดงก็จะเก็บหลักฐาน และภาพถ่าย ไปแบล็คเมล์ หากไม่ตัดสินตามที่แก๊งค์ตนเองต้องการ คล้ายกรณีเห็ดสด ที่เผลอรับสร้อยเพชรราคา 10 ล้านบาท จากห้างคาบสมุทรหรู กลาง กทม. ขณะอยู่ในตำแหน่ง จนต้องตกเป็นทาสในเรือนเบี้ย มาจนถึงปัจจุบัน ครั้นจะเอาใจออกห่าง ก็โดนขู่ด้วยอาวุธที่บ้าน และการแฉ แลกเปลี่ยนการยอมเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องตาบอด ด้วยเศษเงินที่ปรึกษากฎหมายอย่างที่เห็นกัน

    ดังนั้นเมื่อเกิดการเลือกตั้งในทุกระดับ แก๊งค์อั้งยี่แดงจะพยายามซื้อเสียง ด้วยกลโกงสารพัด เพื่อให้ได้อำนาจนิติบัญญัติ และบริหารมา แล้วก็มาทำผิดกฎหมาย กติกา มันทุกอย่างที่ตราขึ้นมาเองนั่นแหละ พอศาลไคฟงตัดสิน มันถึงแพ้แทบทุกคดีไง บางคดีแก๊งค์อั้งยี่แดงอยากรู้ผลมาก ก่อนวันที่คำตัดสินจะออก (อยากรู้คำตอบข้อสอบว่างั้นเถอะ) ถึงกับกล้าหน้าด้านส่งทนาย พ.เอาเงินใส่ถุงขนม 2 ล้านบาท ไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล แต่ก็ไม่มีใครเอา เพราะกล้องวงจรปิดมันติดเต็มไปหมด สุดท้ายทนาย พ.คนนี้ ก็โดนจำคุกถึง 6 เดือน แต่ก็ยังไม่เข็ด

    แก๊งค์อั้งยี่แดง จึงเสพติดอำนาจ เพราะมันหลงใหลในวงจรความชั่วนี้ เพราะมันได้เงินโกงมาแบบมักง่าย สบายๆ แถมใช้ข้าราชการส่วนกลาง ฝ่ายความมั่นคง และข้าราชการท้องถิ่นฟรีๆ อีกราว 7 ล้านคน ให้เป็นมือ ไม้ กระทำความผิดแทน หรือใช้ทรัพยากรของหลวง อำนวยความสะดวกอย่างหน้าด้านๆ

    สิ่งที่แก๊งค์อั้งยี่แดงหวั่นไหว นอกจากการโดนโจมตีธุรกิจเครือข่ายแดง จนเจ๊งระเนระนาดแล้ว อีกอย่างก็คือ การปฏิรูปแก้กฎหมายกติกา ให้เมืองไทยปลอดการซื้อเสียง เพราะเท่ากับการตัดต้นทางการเข้าสู่อำนาจนิติบัญญัติ เดินสู่บริหารนั่นเอง แต่สิ่งที่แก๊งค์อั้งยี่แดงต้องการมากที่สุดก็คือ “ ทำให้การซื้อเสียง หรือการโกงเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย “ จึงมีการปล่อยวาทะกรรม หรือสร้างค่านิยมประหลาดออกมาสู่สังคมเรื่อยๆ เช่น โกงได้แต่ขอแบ่งมั่ง , เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นประชาธิปไตย , เพราะเป็นผลพวงจากรัฐประหาร , เพราะศาลไม่ได้ดูที่เจตนา , คน 20 ล้านเสียง แพ้คน 6 เสียง ฯลฯ

    ที่ผ่านมามีแต่คนแหย่ให้ชาย 3 สี ออกมาชี้แจงเรื่องนายพลถั่งเช่าบ้าง สำหรับส่วนตัว เสธ คิดว่าไม่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะเป็นการคุยโทรศัพท์ของชายดูไบ กับลูกน้องนายพล ย.ที่แกล้งป่วยกลางดึกวันก่อนประชุมสภากลาโลมล่าสุดพอดี เพื่อหนีเผือกร้อนบัญชีแต่งตั้ง ใครอยากได้คำชี้แจง ก็ไปถามคนที่คุยกัน 2 คนนั้นเขาเอาเอง คนอื่นที่เขาถูกพาดพิงไม่ได้คุยด้วย จะต้องมาชี้แจงทำไม? ไม่งั้นนาย ก.คุยกับนาย ข. หรือทุกคนในนี้คุยกัน แล้วนาย ป.ต้องชี้แจงทุกครั้งไป ก็ไม่เป็นต้องทำอะไรกันแล้ว

    แต่ผลการแฉคลิปถั่งเช่า ครั้งนั้น คนทั่วไปหารู้ไม่ว่า มันมีผลช่วยประเทศชาติขนาดไหน อย่างแรกคือ สกัดการปฏิวัติตัวเองของรัฐเทียมปูเน่า ช่วงปลายปี 56 (ก่อนชุมนุมสามเสน) ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว และอย่างสอง คือ ช่วยให้ผู้นำพม่าไม่ให้ชายดูไบเข้าพบ เมื่อเดือน ก.พ.57 และ ผบ.ทหารพม่า ไม่ช่วยเหลือชายดูไบ ที่ขอใช้พื้นที่ตรงไทใหญ่ เป็นฐานฝึกอาวุธ (ตามที่เคยเล่าแล้ว) แค่นี้คลิปถั่งเช่านั่น ก็ส่งผลดีแบบที่คนทั่วไปไม่มีวันเข้าใจกลศึก ลับ ลวง พราง นี้แล้ว

    บางคนก็ยุให้ชายชุดเขียวใช้อาวุธ กำจัดฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก จะได้จบเร็วๆ แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ใช้อาวุธจนเคยตัว จะเสพติดอำนาจง่ายๆ แบบนั้น ตามหลักอาชญวิทยา เมื่อเสพติดแล้วจะต้องใช้มันเสมอเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เหมือนที่แก๊งค์อั้งยี่แดงกำลังทำอยู่นี่ไง ในวันหน้าเมื่อมีชายชุดเขียวชุดใหม่มาแทนผู้เกษียณไปชุดนี้ ที่เขาอาจไม่สุขุม รอบคอบ มุ่งแต่ใช้กำลังอาวุธ ประเทศเราก็จะต้องใช้อาวุธจัดการกันอยู่ร่ำไป กลายเป็นซีเรีย และเกาหลีหนือ ที่เขาใช้อาวุธตัดสินประชาชนของเขา แทนอำนาจตุลาการ

    คนไทยต้องคำนึงผลร้ายมุมกลับในระยะยาว ของวิธีการแบบนี้ด้วย..อย่าลืมว่า “ คนเราไม่ได้เป็นคนดี เหมือนกันทุกคน “ ถ้าไม่มีชายชุดเขียว เอากำลังเรือนหมื่นมาปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสทธิ์ ป่านนี้คงถูกแก๊งค์อั้งยี่แดงโจมตีด้วยอาวุธ จนตาย และเจ็บ มากมายก่ายกองเป็นซีเรียไปแล้ว ที่มันทำร้ายประชาชนไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ และดิ้นๆ เร่าๆ กันอยู่ ก็เพราะชายชุดเขียวมาปกป้องนี่แหละ..

    แต่ถ้าจะต้องให้ตามไล่ล่าคนอื่น แบบนี้ต้องเรียกใช้บริการเป็ดเหลิม ชายชุดดำฝ่ายชั่ว และบรรดาอันธพาลแดงแล้ว เพราะชายชุดเขียวเขามีแต่คนดี มีศีลธรรม และมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองประชาชนในชาติ ปกป้องอริราชศรัตรูนอกประเทศ มีกำลังแค่ไหนก็ทำเต็มที่ เพราะกินภาษีประชาชน แล้วหน่วยงานที่มีหน้าที่รักษาความสงบภายในประเทศ ประชาชนได้ไปเรียกร้อง ให้เขาทำหน้าที่ของเขาเต็มกำลังความสามารถหรือยัง?

    และการเลือกตั้ง สว.ที่เกิดขึ้นในวันที่ 23 และ 30 มี.ค.57 ประชาชนทุกคนได้ทำหน้าที่กำจัดคนชั่วด้วยตนเองหรือยัง ในการหาข้อมูล ว่าใครอยู่ในเครือข่ายพรรคอั้งยี่แดง เป็นผัว เมีย ญาติ ฯลฯ การหาข้อมูลประวัติก็ค้นทางอินเตอร์เน็ต คุยกันกับเพื่อนบ้าน ที่ทำงาน แล้วก็รณรงค์ แต่ละจังหวัด ว่าอย่าไปกาเลือกพวกอั้งยี่แดง ไม่งั้นคนจะยากจนเพิ่มกันทั้งประเทศ ต้องช่วยกันทำให้แก๊งค์อั้งยี่แดงสูญพันธุ์ ทำให้ประเทศไทย “ เป็นเขตปลอดคนเสื้อแดง “ ให้ได้

    ประเทศไทยมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตนเอง ตามบทบาทที่กฎหมายกำหนดจำนวนมาก ชายชุดเขียวไม่ใช่ฮีโร่ ที่จะต้องทำการทุกอย่างในประเทศนี้ ทั้งป้องกัน ปราบปราบ ตัดสิน ไม่งั้นจะมีหน่วยงานอื่นๆ ที่เขาต้องมีหน้าที่โดยตรงไว้ทำอะไร การให้ชายชุดเขียวไปทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่หลายคนเรียกร้อง จะทำให้ประเทศเราสับสน ประชาชนต้องมาตั้งหลักคิดกันใหม่ คือ เรียกร้องกดดันให้หน่วยงานราชการที่มีอำนาจนั้นๆ “ ทำหน้าที่ของตนเอง “ และต้องทำด้วยความฉับไวด้วย เหมือนที่เหล่าบรรดาชายชุดเขียวกำลังทำ..ในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน..ลองหลับตาจินตนาการซิ ว่าถ้าชายชุดเขียวไม่ทำอะไรเลยที่ผ่านมา จะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ !!..ซีเรียชัดๆ เลยล่ะ

    ดังนั้นเมื่อแก๊งค์อั้งยี่แดง ไม่สามารถยึดกุมอำนาจตุลาการ ศาลไคฟง ด้วยวิธีการตามกรอบกฎหมายปกติได้ ก็ใช้วิธีลัดนอกกติกา แบบคอมมิวนิสต์แดงกลายพันธุ์ โดยร่วมกับทุนนิยมสุดโต่ง ดำเนินการก่อความรุนแรง และโฆษณาชวนเชื่อ โดย

    1. จ้างกองกำลังติดอาวุธ การก่อการร้ายสากลกับประชาชนในประเทศตัวเอง

    1.1 ชุดปฏิบัติการใช้อาวุธปืนยิงถล่มจุดต่างๆ..ทีมงานได้แก่แดงในราชการฝ่ายชั่ว ชายชุดดำ ชายชุดเขียว กรมสอบสวนจู๋ จิ๋มปลอม..ที่ไม่สำนึกว่าตนเองมีหน้าที่ปกป้องพ่อหลวง และไม่ตระหนักในภัยจากคอมมิวนิสต์แดง ที่จะจะทำให้ประเทศเป็นเผด็จการ พวกนี้
    - หลังเลิกงาน..ลอบโจมตีปืนสั้น,ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ (AK47, M16) เช่น ยิงโจมตี คปท. ที่จุดชุมนุม , ยิงใส่ประชาชน กปปส.ที่หลักสี่ , M79 ใส่จุดหลวงปู่แจ้งวัฒนะ, ลอบยิงแกนนำ หน้าสโมสรกองทัพบกจนโดนรุมกระทืบ , M16 ยิงใส่บ้านคนที่เป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม ฯลฯ
    - ในเวลางาน..เช่น ยิงวสุตาย , ทำร้ายประชาชน และทรัพย์สิน ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น , ดักจับการ์ด , จับเสื้อเกราะของพยาบาลอาสา , จัดฉากจับชายชุดเขียวเพื่อใส่ร้าย , การสร้างหลักฐานเท็จ , การออกหมายจับแกนนำ และผู้ที่เชิดชูสถาบันเบื้องสูง ฯลฯ

    1.2 ชุดปฏิบัติการวางระเบิดแสวงเครื่อง...จากวาดะห์ กองโจรก่อการร้ายที่ใช้ก่อความรุนแรงในภาคไต้ แดงฮาร์ดคอร์อดีตทหารพราน เคยอยู่ในกลุ่ม เสธ.แดง...ถูกสั่งให้ก่อการร้ายสากล โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่อง เช่น ระเบิดประกอบถังดับเพลิง หรือถังแก๊สหรือปุ๋ยยูเรีย ที่หน้าการประปานนทบุรี , หน้า ปปช, ในรถที่ซอยแจ้งวัฒนะ 13 ใกล้จุดหลวงปู่..ซึ่งพวกนี้เคยใช้แก๊งค์มาก่อนหน้านี้หลายครั้งในอดีต เช่น สมานเมตตาแมนชั่น ที่ระเบิดจนห้องพักทั้งอาคารพังเมือระเบิดเละเองคาที , วางระเบิดในรถแท็กซี่ติดแก๊สแถวหลักสี่ ฯลฯ

    1.3 ชุดปฏิบัติการระเบิดชนิดสังหาร..จากแก๊งค์แดงอิสระ ที่เลี้ยงไว้ด้วยเงินนอกกฎหมายต่างๆ จาก บ่อน ซ่อง ยาเสพติด เช่น แก๊งโกตี๋ปทุม นนท์ เมืองทอง ตลาดไท กาละแม สมุทรปราการ นักรบพระองค์ดำ เขมรรับจ้าง (ไปดูที่เคยแฉ ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.204153016441400.1073741854.187529244770444&type=1 ) พวกนี้จะก่อการร้ายสากลด้วยระเบิด M26, M79, RGD5 และอาวุธสงคราม เป็นหลัก เช่น ยิงเสื้อแดงด้วยกันเองในปี 53 ทั้งหมดทุกเหตุการณ์ , ใช้ M79 ยิงไส่ศาล , ปปช. บ้านพักบุคคลสำคัญ , ใส่สโมสรชายชุดดำที่นั่งทำงานเป็ดเหลิม เพื่อข่มขู่กันเอง, ใส่บ้านแกนนำ , ใส่บริษัทเบียร์ที่เชียงใหม่ และปาระเบิด RGD5 ใส่กำนันบรรทัดทอง , ถาวรอนุสาวรีย์ , ที่เขียงใหม่ 2 จุด , ยิง นศ.รามปลายปี 56

    1.4 ชุดปฏิบัติการขว้างระเบิดทำเอง..มีทีมงานเป็นแดงอิสระ และ กลุ่มแดงเด็กแว้นท์ เช่น ปาระเบิดขวดใส่บังเกอร์ชายชุดเขียว , ปาประทัดยักษ์, ปาระเบิดท่อ PVC ใส่บ้าน , ปาระเบิดควันใส่นักเรียน และพ่นสีป้าย รร.แกนนำแกนนำที่เป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม

    1.5 จากแก๊งค์นักการเมือง เช่น แก๊งค์โอรส ยาเสพติด พ่อไอ้ปื๊ดโจมตีจุดชุมนุมด้วยปืน จากแก๊งค์มอเตอร์ไซต์วัยรุ่นป่วน , แก๊งค์สมุทรปราการ ยิงสุทินตาย , แก๊งค์ชลบุรี ยิงเด็กตายที่ จ.ตราด , แก๊งค์ปลอดเป็นศพ ร่วมกับแก๊งค์นายพลป๊อบอาย ยิงเด็กตายที่ประตูน้ำ , แก๊งค์ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตีลิสเผาไทย ชายชุดเขียวนอกราชการ เบอร์ต้นๆ ที่โจมตีแจ้งวัฒนะบ่อยๆ

    ** ทุกกลุ่มทำงานภายใต้คำสั่งของวอร์รูม ที่มีอดีตสมาชิกกลุ่มสโมสร 19 ซึ่งเป็นคนสนิทของชายดูไบ เป็นหัวหน้าและมีนายชายชุดเขียวนอกราชการ ยศพลเอก กับ ยศพันเอก เป็นหัวหน้าทีมยุทธการ

    1.6 การ์ดกองกำลังแบ่งแยกดินแดน อพปช.
    - แกนหลักของกองกำลังแบ่งแยกดินแดน ประชุมแกนนำเมื่อ 17 มี.ค. ที่บ้านหนองม่วง อ.ส่องดาว จ. สกลนคร โดยมีแกนหลัก จากภาคอีสานตอนบน 10 จังหวัด จังหวัดละ 10 คน เข้าร่วมประชุม มีข้าราชการระดับสูง ของจังหวัดบางคนอำนวยความสะดวก
    - ผลการประชุม ให้แกนนำแต่ละจังหวัด ไปจัดตั้งกองกำลังให้ได้ จังหวัดละ 500 คน รวม 10 จังหวัด จะได้กองกำลัง 5,000 คน โดยเบื้องต้นรับค่าใช้จ่าย ไปจังหวัดละ 1 ล้านบาท
    - เมื่อได้กองกำลังครบแล้ว แก๊งค์อั้งยี่แดงส่วนกลาง จะจัดครูฝึกไปฝึกให้ โดยจะใช้เวลาดำเนินการ 30 วัน เพื่อให้ทันต่อการปฏิบัติการเผากรุงรอบ 2 และก่อสงครามกลางเมือง
    - แกนนำหลอกว่า ผู้ผ่านการฝึก แต่ยอมเสี่ยงไปตาย เจ็บ และติดคุก ข้อหากบฏ แทนแกนนำที่จะบงการอยู่ในที่ปลอดภัยไม่เสี่ยง จะได้รับค่าตอบแทน เดือนละ 12,000 บาท เพียงเดือนเดียว และเมื่อชนะยึดอำนาจได้ กองกำลังเหล่านี้จะได้รับ การบรรจุเป็นทหารประจำการ ติดยศ ทุกคน
    - เป้าหมายของกองกำลังแบ่งแยกดินแดน อพปช. จะคัดเอาทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการ ไม่เกิน 3 ปี เพราะเหมาะสมแก่การมาตาย เจ็บ และติดคุก เนื่องจากมีครอบครัวที่ต้องการเงินค่าเยียวยา
    - แกนนำพรามแดง คอมมิวนิสต์กลายพันธุ์ ออกปลุกระดมประชาชนรากหญ้า ในพื้นที่จังหวัดสกลนครอย่างหนัก ไม่ให้รับคำตัดสินศาลไคฟง รธน., ไม่ให้ประชาชนเชื่อฟังและเคารพศาลทุกศาล และ ปปช. ถ้าตัดสินเป็นผลบวกกับแก๊งค์อั้งยี่แดง แสดงว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว
    - แต่ถ้าเป็นผลลบ แสดงว่าไม่เป็นประชิปไตย และเป็นผลพวกจากรัฐประหาร จะต้องนำมวลชน ลุกฮือบุกกรุงเทพ ฯ ประชาชนเสื้อแดงควรสละชีวิตตนเอง เพื่อต่อสู้ให้ตระกูลชินครองอำนาจต่อไป


    2. จ้างมวลชนแดงรับจ้าง รายจ๊อบ และรายเดือน

    2.1 นักวิชากำกวม สื่อมวลชิน และพวก NGO รับจ้าง
    - NGO บก.ลายด่าง และสมุน พวกนี้จะรับการจัดอีเว้นท์ เช่น ใส่เสื้อขาวจุดเทียน, ใส่เสื้อดำชูป้าย, หมิ่นสถาบัน , ชูป้ายหน้าศาลไคฟง , ปปช., หน้าค่ายทหารให้ยกเลิกบังเกอร์..แลกกับเงินค่าจัดอีเว้นท์ละหลักล้านบาท และการกว้านซื้อยึดที่ดินชาวนาในภาคกลาง
    - นักวิชากำกวม นิติขี้ราด , นักกฎหมายอิสระที่ใส่แว่น..ที่เน้นการโจมตีสถาบันเบื้องสูง และโจมตีศาลไคฟงบิดเบือนแถตีความกฎหมาย แลกกับค่าหุ้น ปตท. และตำแหน่งที่ปรึกษา รมต...ตาชั่งศาลไม่ได้เอียง เพราะตัดสินให้ความดีชนะความชั่ว แต่ที่เอียง ก็คือจิตใจทุยแดงเอง
    - สื่อมวลชิน เช่น สรย้วย เล่าข่าวที่ชายดูไบ ออกทุนประเดิม 100 ล้านบาท ในการตั้ง บ.ไร่สีแดงผสมเหลือง และให้เวลามาจนถึงปัจจุบัน , จอมขวนขวาย เนชั่น เพราะได้หุ้น ปตท.ตอบแทน , โว้ย ทีวีของโอ๊ค , เอเชียอาบแดด ของ บ.เผาไทยเอง , นสพ.มติชิน , ข่าวแห้ง ที่ถูกชิงซื้อหุ้นใหญ่ไป , และฟรีทีวีทั้งหมดที่การตั้ง บก.ข่าว ต้องไปรายงานตัวที่ดูไบก่อน

    2.2 มวลชนเสื้อแดงรับจ้าง

    - เรียกได้หลายอย่าง เช่น มีอบเติมเงิน, มวลชนอมเงิน, มวลชน 4 ทุ่ม (เพราะหลังจากนี้จะกลับหมด) , มวลมหาขยะ , มวลชนมาเร็วเคลมเร็ว ดังที่จัดตระเวนมาแล้วหลายเวที เช่น อุดร , ขอนแก่น , เชียงใหม่ , อยุธยา
    - ล่าสุด ก็มีการจัดประเพณีวิ่งทุยแดง ที่เขาตาโล พัทยา โดยแกนนำคุยโวกันว่า จะมีมวลชนทุยแดงรับจ้างมากันเป็นล้าน แต่พอถึงเวลาจริงๆ ทั้งที่ระดมกันมาช่วยจากอุดร ภาคกลาง แล้ว ยอดทุยแดงมากร่อยมาก ไม่ถึง 2 พันคน
    - ราว 17.00 น. เมื่อรับเงินค่าจ้าง 200 บาทต่อ 2 เขา ( แกนนำอม 800 บาท) และค่ารถมอเตอร์ไซต์ 500 บาท , รถเก๋ง 1,500 บาท , รถกะบะ 3,000 บาท , รถตู้ 5,000 บาทแล้ว บรรดารถ เหล่านั้น ก็วิ่งกลับออกมาทันที สภาพสนามชุมนุมจึงหรอมแหรม เหมือนคนมาร่วมงานเช็งเม้ง โดยยังไม่ทันค่ำ..” รับเงินเสร็จกลับบ้าน” ยอดเงินของท่านหมดแล้ว ถ้าจะให้อยู่ดึก โปรดเติมเงินเพิ่มอีกครั้ง..ฮา
    - ส่วนมอเตอร์ไซต์ไม่ต้องพูดถึง รับเสื้อแจก ธงแจก แล้วรับ 500 บาท จากนั้นก็กลับเลย เดี๋ยวก็ไปรับคนมาใหม่ เวียนเทียนทำแบบนี้สัก 10 รอบ ก็ฟันไป 5,000 บาท..ดีกว่าขี่วินอีก ธงก็เอาไปทิ้งกองพะเนิน
    - ประธานกองโจรแดงแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา ขึ้นปราศรัยว่า “ รัฐบาลเทียมต้องมาจากตระกูลชิน หรือเครือญาติตระกูลนี้เท่านั้น เพราะคนเสื้อแดงต้องการให้อยู่คู่กับประเทศไทย ถ้ามาจากคนอื่นเสื้อแดงจะไม่ยอมเด็ดขาด “...อ้าว แล้วบรรหารบุรี , ชลบุรี ,โคราช ฯลฯ จะให้เขาไปอยู่ที่ไหนเนี่ย..นี่ไงเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นเผด็จการ ของแก๊งค์อั้งยี่แดงล่ะ ก็จะสืบทอดอำนาจเผด็จการ ให้เหมือนเกาหลีเหนือนั่นแหละ
    - เวลา 21.30 น. โฆษกบนเวทีประกาศว่า พี่น้องอย่าเพิ่งกลับ ขอให้อยู่จนกว่าจะปิดเวทีด้วยกัน ให้อำมาตย์เห็นพลังคนเสื้อแดง...ทันใดนั้นคนเสื้อแดง ก็สร้างความตกตะลึงให้เห็นทันที..ด้วยการลุกขึ้นพร้อมกัน พรึบพรับ เดินออกจากหน้าเวทีกันดื้อๆ เป็นทิวแถวกลับบ้าน แม้ว่าโฆษกจะบอกให้นั่งลง ก็ไม่เป็นผล เพียงไม่กี่น่าทีหลังจากนั้น คนเสื้อแดงก็แสดงพลังให้อำมาตย์ใส้เดือนเต้นเห็นเห็นพลังคนเสื้อแดง..ด้วยการเคลื่อนไหวอิสระกลับบ้าน..ฮา
    - เมื่อราว 23.00 น. จากคนเป็นล้าน เลยกลายคนเป็นร้าง..และทิ้งเกลื่อน ด้วยมวลมหาขยะเหมือนเคย
    - มันจบแล้วสำหรับมวลชนเสื้อแดงอุดมการณ์ “มันมีแต่แดงอมเงิน”..คนไต้รู้ความชั่ว คนกรุงสู้สุดตัว คนอีสานเห็นธาตุแท้ คนเหนือตาสว่างรู้ว่าถูกหลอก..มันจบแล้ว..คนเสื้อแดงวันนี้จึงเหลือไม่มาก..แต่เพราะความชั่วแกนนำมันเยอะ บ้านเมืองจึงวุ่นวาย !!

    ** แผนปั่นป่วนถัดไป
    - วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 57 เวลาเช้าเป็นต้นไปแกนนำ กวป.โกตี๋ ที่โดนหมายจับ พร้อมทีมงานที่เป็นมือปืนคุมบ่อนนนทบุรี จะมาปิดล้อม ข่มขู่ แตกหักกับ ปปช.เพื่อไม่ให้ชีมูลความผิด ปูเน่า และสมุน คดีโกงจำนำข้าว และความผิดกรณีแก้ไข รธน.ที่มาของ ส.ว..แต่มวลชน กปปส.นนทบุรีรู้ทัน เร่งระดมมวลชนไปสมทบกันที่ ป.ป.ช.สนามบินน้ำ เพื่อคุมพื้นที่ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ เหมือนที่หลวงปู่ทำ และเสื้อแดงเข้าไปไม่ได้มานานแล้ว
    - วันที่ 5 เม.ย.57 เป็นต้นไป แก๊งอั้งยี่จะจ้างคนเสื้อแดงมาตาย เจ็บ และติดคุก ที่กรุงเทพฯ โดยใช้มุกเดิมปี 53 คือให้การ์ดชุดดำ ที่ครั้งนี้บางส่วนก็ ยืนอารักขาข้างหลังขวัญควายปราศรัยบนเวที ยิงเสื้อแดงด้วยกันเอง อ้างว่าเพื่อสละชีพคนเสื้อแดงส่วนน้อย เพื่อรักษาแกนนำ และตระกูลชินไว้

    ที่ผ่านมามีรักรบนิรนาม ภายใต้ชุดยูนิฟอร์มต่างๆ เช่น นักรบผ้าขาวม้า นักรบป๊อบคอร์น ที่ทุกคนยังอยู่สบายดี เสธ ได้ข่าวกรองว่าตอนนี้มวลมหาประชาชน มีการผลิตนักรบใหม่ล่าสุดมาประจำการ มีปริมาณมากกว่ากองทัพเสียอีก มีประสบการณ์รบช่ำชองมาทั้งชีวิต มีศักยภาพสูงมาก กระจายแฝงตัวซุ่มปฏิบัติการอยู่ทั่วทุกบ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ในประเทศไทย

    ในส่วนจุดชุมนุม ก็มีมากเป็นกองพล จุดแข็งคือสามารถอยู่ร่วมประจำการกับมวลชน กปปส.ได้เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ต้องเดินทางกลับไป-มา บ่อยๆ มีความอดทนเป็นเลิศ ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกได้ดี เป็นเกรงขามกับบรรดาผู้ชุมนุมมาก ขนาดแกนนำ กปปส.เอง ยังครั่นคร้าม และต้องก้มหัวให้

    นักรบชุดนี้ได้ฉายาว่า “นักรบน้ำหมาก“ มีฟันปลอมเป็นอาวุธ พร้อมปะทะคารมให้ความรู้กับเพื่อนบ้านแล้ววันนี้..ฮา

    ส่วนไอ้พวกแกนนำแดงขี้โว โก่งราคาค่าตัวตนเอง หลอกแดกแต่หัวคิวคนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งสัตว์ปีก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นกแสก คากคก ใส้เดือนเต้น โกเต็ก กีร์มะเร็งปอดห้อง 701 ฯลฯ นักรบน้ำหมากอย่าลดตัวลงไปกังวลใส่ใจมัน ปล่อยให้ชายชุดเขียวลูกหลานชาวนาจัดการมันเอง !!

    วันนี้มันเป็นคางคกขึ้นวอ..วันหน้ามันก็เป็นคางคกย่าง ขึ้นเมรุแล้ว..ฮา


    ที่มา @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มีนาคม 2014
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    24 มี.ค.57 ไขปริศนา..บทสุดท้าย MH370 และหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้เหี้ยม

    ในที่สุดก็เป็นไปตามที่คาดคำนวณจุดสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารอีก 239 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.57 ที่ผ่านมา เมื่อมี 3 ประเทศเริ่มออกมายืนยันจุดเครื่องจมลงไปใต้ทะเล คือ อินเดีย จีน และมาเลย์ ว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล เพราะดาวเทียม บ. Inmarsat ของอังกฤษ ตรวจวัด Doppler effect ของสัญญาณดาวเทียม ซึ่งบ่งชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ได้ “ บินในวิถีโค้งจากเหนือลงใต้ “ เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมง แม้ระบบสื่อสารของเครื่องบินจะถูกปิด แต่สัญญาณ ping จากเครื่องบินยังถูกส่งจากเครื่องบินให้ดาวเทียมตรวจจับได้ นับตั้งแต่มันสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม

    และยังมีการค้นพบชิ้นส่วนต้องสงสัยขนาดใหญ่ อยู่บริเวณทิศใต้ ของมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ห่างไปราว 2,400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก และมหาสมุทรก็ลึกเกินจินตนาการ มีสภาพคลื่นลมแรง และอากาศหนาวเย็น

    สอดคล้องกับที่ เสธ เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสูญหายของเครื่องบินนี้ ต้องถูกทำให้จมลงจุดบริเวณนี้เพื่ออำพราง ส่วนคนอื่นจะมีสมมุติฐานอย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่การข่าวเชิงลึกระหว่างประเทศที่ได้รับมา ประมวลสรุปโดยย่อๆ คือ

    เริ่มต้นจากลุงแซม ขนวัตถุนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพใส่คอนเทนเนอร์ขนาดไม่ใหญ่มาก ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติตัวเอง มาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเชสเซลเลส ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลย์ และใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบินลำนี้ จะนำไปลงที่ปักกิ่ง ของจีน (ไม่แน่ชัดว่าองค์กรใดสั่งของนี้) และประจวบกับมีการขนชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทค โดยผู้โดยสารไต้หวันกลุ่มหนึ่ง ไปลงเครื่องที่ปักกิ่ง ของจีน เช่นกัน ซึ่งชิพนี่สามารถทำให้ขีปนาวุธตรวจไม่พบด้วยเรด้าห์ เพื่อไปขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน

    เมื่อจีนและรัสเซียรู้ระแคะระคาย จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ไปลงที่สนามบินไหหลำ ของจีน เพื่อตรวจดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันแน่ที่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติคือไม่รู้หน่วยใด มีการสังหารหน่วยซีลลุงแซมนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบสูง และออกมาทำงานลับ จำนวน 2 คน ที่มาเลย์ เพื่อคุ้มครองสินค้ามีมูลค่าสูง ให้กับบริษัทลุงแซม ลักษณะคล้ายๆ ฆ่าตัดตอน หรือฆ่าปิดปาก

    ก่อนเครื่องบินจะเทคออฟขึ้นจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ มาเลย์ ช่วงเวลา 12.41 น. (การข่าวก็พบความผิดปกติอีก คือ มีผู้โดยสารราว 4-5 คนเช็คอิน แต่ดันไม่ขึ้นเครื่องลำนี้ไปด้วย !!) เมื่อเครื่องขึ้นแล้วได้มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปทางทะเลจีนใต้ เข้าใกล้เรดาห์พาณิชย์ของเวียดนาม จากนั้นได้มีเครื่องบินชนิดรบกวนสัญญาณ Primary เรด้าห์ (เรดาห์พื้นฐานชนิดที่เห็นทั่วไปที่สนามบินใช้ จะมีระบบอยู่ที่พื้นดิน โดยมีเสาอากาศที่หมุนได้ เพื่อส่งพลังงานวิทยุออกไปเป็นห้วงสั้นๆ เมื่อกระทบกับ เครื่องบิน ก็จะส่งสัญญาณนั้นกลับมายังเสาอากาศของเรดาร์ ประมวลผลแล้วจึงแสดงออกมาทางจอภาพ) เช่น AWAC บินจากจุดระยะทำการที่ใดสักแห่ง ประกบเครื่องบินนี้ทำให้สัญญาณ Primary เรด้าห์ตรวจไม่พบ

    แล้วก็มีเครื่องบินล่องหนจากเรดาห์ได้ เสตลล์ รูปร่างคล้ายจานบินสีดำ บินประกบอีก 1-2 ลำ เพื่อควบคุมทิศทางเครื่องบินตามต้องการ ส่วนภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แฝงตัวมา อาจร่วมกับลูกเรือ หรือนักบิน ทำการเข้าไปในห้องนักบิน ทำการปิดระบบ transponder ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Secondary เรด้าห์ที่ใช้เป็นสากล (คล้ายระบบ SMS เป็นอีกระบบ หนึ่งมีส่วนประกอบอยู่สามส่วน ที่เพิ่มเติมจากแบบแรก คือ Decoder = มีหน้าที่ควบคุม interrogator และ แปลข้อมูลที่ส่งมาจาก transponder, Interrogator = เป็นอุปกรณ์ติดตั้งกับเสาอากาศของเรดาร์ทำหน้าที่ส่งสัญณาณ และรับสัญาณที่ส่งมาจาก transponder, และ transponder = เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องบิน)

    สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด และลองติจูด โดยผู้ควบคุมเครื่องบินกล่าวเป็นคำสุดท้ายว่า “ออลไรด์ กู๊ดไนท์” แล้วจึงปิดระบบ transponder นี้ระยะห่างเวลา 10-14 นาที จนในเวลา 01.21 น. ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายวับไปจากจอ Secondary เรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา จากนั้นผู้จี้ควบคุมเครื่องบิน ก็หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อไม่ให้ผ่านประเทศไทย เพราะอาจจะโดนโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ได้ แล้วเตรียมพร้อมสำหรับทีมตัวเอง โดยใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน (อุปกรณ์ป้องกันเหมือนนักบินเจ๊ตขับไล่เหนือเสียง)

    และคนพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ และถูกฝึกมาให้ทนต่อแรงกด และ G (แรงโน้มถ่วง) มหาศาล ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000-30,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงลิ่วเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนจะตกลงมาอัตโนมัติ ผู้โดยสารจะรีบคว้ามาครอบปากและจมูก แต่เขาก็ตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมดอีก เหลือไว้เฉพาะพวกบังคับเครื่องบิน จนเพดานบินลดต่ำเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสาร และลูกเรืออื่นน๊อคสลบไปทันที (เด็ก 2 คนอาจตายทันทีช่วงนี้) จากการเปลี่ยนแปลงความดัน โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านการบังคับใดๆ ได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

    ส่วนเครื่องบิน เสตลล์ และ AWAC ก็ทำหน้าที่นำทางเครื่องลำนี้ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนตาบอด เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ได้บินผ่านมาทางใกล้ชายแดนทางตอนไต้ของไทย ผ่านน่านฟ้ามาเลย์ จุดนี้เรดาห์ชนิด Primary เรด้าห์ของชายชุดฟ้าของไทย และของทหารมาเลย์ จับสัญญาณเครื่องบินพาณิชย์นี้ได้ แต่จับตำแหน่งเสตลล์ และ AWAC ล่องหนเรดาห์ไม่ได้ ในตำแหน่งใกล้เคียง และเวลาใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีชาวบ้าน ชาวประมงทั้งไทย และมาเลย์ จำนวนมากจากหลายจุด ได้ยินเสียงบูมกระแทกอากาศดังสนั่น พร้อมเห็นเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเสตลล์สีดำ ด้วยตาเปล่า บินประกบเครื่องบินลำนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    แต่มาเลย์ไม่ยอมแถลงทันที เพราะว่าอับอายที่ต้องเปิดเผยว่า ประเทศตนเองมีช่องว่างในระบบการป้องกันภัยความมั่นคงทางอากาศ เมื่อเครื่องบินๆ ต่ำผ่านช่องแคบมะละกาไปได้ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ก็ปรับเส้นทางใหม่อีกครั้ง โดยเชิดหัวขึ้นความสูงปกติ มุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย ค่าความเร็วแบบบินอัตโนมัติ (autopilot) คือประมาณ 350 น็อต อยู่ที่ระดับ cruising คือ เกิน 30,000 ฟุต ตามเส้นทางการบินพาณิชย์ปกติ คาดเดาว่าเพื่ออำพรางเครื่องบินให้แฝงตัว เข้าไปในหมู่เครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ที่กำลังบินไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และยังเกี่ยวเนื่องกับสนามแม่เหล็กโลกด้วย เพราะโลกมีการหมุนรอบตัวเอง แต่สัญญาณ ping ก็ยังคงถูกดาวเทียมจับได้ทุก 1 ชั่วโมง

    แล้วก็บินคงระยะห่างจากฝั่งสม่ำเสมอ เพื่อให้พ้นรัศมี Primary เรด้าห์ ของประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยมีเครื่องบิน 2 ชนิดบินประกบอารักขาและนำทางตลอดเวลา ต่อมาเครื่องบินปรับทิศทางลดต่ำเฉียงลงไปทางใต้อีกครั้งตรงเรื่อยๆ แต่ก่อนเข้าถึงหมู่เกาะมัลดีพ ได้ปรับเพดานบินลงต่ำลงมากอีกครั้ง เพื่อหลบ Primary เรด้าห์ ผ่านไปที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของหมู่เกาะมัลดีพ จนชาวบ้านจำนวนมากเห็นตัวเครื่องบินในระยะต่ำมาก เวลา 06.15 น. เช้าอีกวัน ขนาดเห็นประตูเครื่องบินชัดเจน และมองแถบสีของเครื่องบินชัดเจนทีเดียว เมื่อผ่านมัลดีพแล้วก็ตรงลงใต้ไปอีก สัญญาณ ping ก็ยังคงถูกดาวเทียมจับได้จุดนี้อีก โดยมีเรือพิฆาตของลุงแซมอารักขา บินต่ออีกสักพักก็ถึงเกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับในมหาสมุทรอินเดียของลุงแซม ในเช้าวันที่ 9 มี.ค.57

    เครื่องบินลำนี้ลงจอดที่สนามบินของกองทัพลุงแซม ที่มีรันเวย์ขนาดรองรับได้อย่างสบาย เมื่อเครื่องบินจอดสนิท กระบวนการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ลงจากเครื่องบิน และค้นเอาชิพวงจรไฮเทคจากตัวผู้โดยสารไต้หวัน ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่เขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์เขาทุกเครื่อง จับสัญญาณได้ว่าเครื่องยนต์เขายังทำงานอยู่ด้วยระยะเวลา 6-7 ชั่วโมงจากจุดสูญหายครั้งแรก

    และเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด การข่าวว่ามีการถอดกล่องดำบันทึกการบิน 3 จุดในเครื่อง ออก (หน้า-หลัง-กลางตรงประตู) เพราะกล่องดำมีอายุการใช้งาน 30-40 วัน ถ้าปล่อยให้ติดเครื่องบินไป อุปกรณ์นี้จะยังคงส่งสัญญาณ ping ให้ดาวเทียมอีก การทำลายก็เพื่อป้องกันไม่ให้ค้นพบไขความจริงได้ในอนาคต จากนั้นให้นักบินลุงแซมใส่ชุดประดาน้ำ ขับเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเทคออฟขึ้นจากฐานทัพนั้นอีกครั้ง พร้อมเครื่องบินอีกลำหนึ่งพร้อมหน่วยช่วยเหลือ โดยบินมุ่งหน้าไปทิศทางตะวันออกเฉียงใต้จนน้ำมันเครื่องบินหมด

    เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำมันให้เห็นตรวจพบจากผิวน้ำได้ แล้วนักบินคนนั้นได้ออกจากตัวเครื่องก่อนที่ลำตัวเครื่องบินจะกระแทกพื้นน้ำ ขณะนั้นสัญญาณ ping ก็เปิดตัวเองขึ้นอัตโนมัติเป็นครั้งสุดท้าย จนดาวเทียมอังกฤษจับสัญญาณได้อีก ในเช้าวันที่ 9 มี.ค. 57 นั่นเอง จนเป็นที่มาของการตรวจวัด Doppler effect ของสัญญาณ ping ดาวเทียม ได้ 6-7 ครั้ง ซึ่งบ่งชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ได้ “ บินในวิถีโค้งจากเหนือลงใต้ “ นั่นเอง

    ส่วนนักบินของลุงแซมคนนั้น ก็ขึ้นเครื่องบินที่รอรับและช่วยเหลือกลับขึ้นเครื่องไป ปล่อยทิ้งให้เครื่องบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด จมลงในทะเลลึก ทิศใต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ดำดิ่งจมลงก้นทะเลที่ลึกสุดขั้วเกินจินตนาการประมาณ 3,500 เมตร ขนาดที่ผิวดวงจันทร์เราอาจรู้รายละเอียด มากกว่าแผนที่ก้นทะเลในบริเวณนั้นเสียอีก คลื่นก็ขนาดใหญ่มหาศาล สภาพอากาศแปรปรวนและเลวร้าย ญาติของผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน วันนี้คงต้องทำใจ

    รอเพียงว่าจะกู้เอาซากเครื่องบินลำนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะมันยากแสนยาก ต้องใช้หุ่นยนต์จากเรือดำน้ำ เช่น ยานอัตโนมัติใต้น้ำ "บลูฟิน" ติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ ที่สามารถทำงานได้นานกว่า 24 ชั่วโมง เมื่อแล่นด้วยความเร็วต่ำ และได้ที่ความลึกถึงเกือบ 15,000 ฟุต แถมต้องใช้งบประมาณสนับสนุนเติมเชื้อเพลิง น้ำ อาหาร เวลา และคนอีกมหาศาลจริงๆ..ใครจะจ่าย !!

    แต่การข่าวที่เผยแพร่ออกมา จะไม่มีทางที่จะบอกความจริงนี้ต่อสาธารณะไปได้ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับในความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการออกข่าวต่อไปนี้จะมีเพียงเครื่องบินลำนี้ บินตรงจากช่องแคบมะละกา ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ จนไปตกที่จุดนี้เท่านั้น ( แต่การออกรายงานแบบนี้ มันก็เสี่ยงต่อการถูกด่ามาก เพราะจะขัดแย้งกับสัญญาณ ping ที่ตรวจวัด Doppler effect ของสัญญาณดาวเทียม ) และ ก็จะมีอะไรแปลกๆ ตามมา คือ รายชื่อจำนวนผู้โดยสารก็จะไม่ครบ 239 คน บางคนจะหายตัวไปก่อนขึ้นเครื่อง และความลับต่างๆ มันจะมืดมิดปกปิดอยู่ให้เป็นตำนานเล่าขานตลอดไป

    ขนาดข่าวของนิตยสารลุงแซมฉบับหนึ่ง ที่น่าจับคนเขียนข่าวเอาหัวโขกผนังบ้าน คือ ออกข่าวว่าพบร่องรอยการจอดเครื่องบินลำนี้บนดวงจันทร์ไปโน่น..แม่เจ้า ยังดีนะที่ไม่ออกข่าวว่าพบปีกเครื่องบินที่ดาวอังคาร และหางเครื่องบินที่ดาวพฤหัส...นี่แหละฝีมือการออกข่าวบิดเบือนของหน่วยข่าวกรองลุงแซมล่ะ

    ถ้าเป็นเครื่องบินของประเทศไทยตก ก็จะมีนายกเทียม และสมุนอันธพาลออกมาให้ข่าวว่า
    1. เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นประชาธิปไตย
    2. เพราะเป็นผลพวงจากรัฐประหาร
    3. เพราะผู้โดยสาร ต้องการตายในสนามประชาธิปไตย
    4. เพราะศาลไม่ได้ดูที่เจตนา

    ส่วนสถานสงครามในยูเครนนั้น รัสเซียได้ยึดเอาดินแดนไครเมียมาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ และลงนามในกฎหมายอย่างสมบูรณ์เมื่อวันศุกร์ แล้วมีการเสริมทัพตนเองเข้าไปใกล้พรมแดนยูเครนอีก โดยทหารรัสเซีย พร้อมอาวุธหนัก ได้บุกเข้าโจมตีควบคุมค่ายทหารของยูเครนในไครเมีย ได้แล้วเกือบ 190 แห่งแล้ว และชักธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา แทนธงชาติยูเครน ทหารยูเครนที่มีจุดนี้เพียง 2,000 นาย จากทั้งหมด 18,000 นาย สู้ไม่ไหวและล่าถอยออกไปจากไครเมียแล้ว

    สถานการณ์ตอนนี้ทหารยูเครน ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซีย เพื่อกดดันที่ให้ยูเครนถอนทหารทั้งหมดออกจากไครเมีย ตอนนี้รัฐบาลยูเครน ได้ตัดสินใจแล้วเกิน 90% ที่จะทำสงครามกับรัสเซีย ขณะที่ประธาธิบดีรัสเซีย ไม่สนใจที่จะเจรจาใดๆ กับยูเครน และ มหาอำนาจตะวันตก แถมซ้ำร้ายรัสเซียเตรียมขยายอาณาเขต โดยเตรียมยกกำลังทหารยกทัพบุกดินแดนของ มอลโดวา อีกแล้ว (มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต)

    ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรยุโรป ได้กดดันนาโต้อย่างหนัก ให้เตรียมกำลังทหารและอาวุธให้พร้อม เพื่อเข้าสู้รบกับรัสเซีย หากพยายามเข้าบุกมอลโดวา..จึงพอจะเห็นทิศทางการก่อสงคราม และคงมีการล้มตายของมนุษย์อีกจำนวนมากเพิ่มขึ้นในไม่นานต่อจากนี้

    จากสถานการณ์ภายนอกประเทศ มาแฉ สถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างไทยกับอีก 2 ประเทศ คือ การที่มีการเปลี่ยนม้ากลางศึก เอาคางคกตู่ มาเป็นประธาน นปช.แทนนกแสก โดยมีการเลื่อยขา หักหลัง แตกกันเอง แย่งผลประโยชน์กันเองเละเทะ ตามที่เคยแฉไปแล้วนั้น อีกเหตุผลการเปลี่ยนที่สำคัญ คือ ชายดูไบสิ้นท่าทุกหนทาง จึงหันกลับมาใช้บริการแก๊งค์แบ่งแยกดินแดน นปช.อีกครั้ง

    การข่าวมาว่า เพราะเกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้เหี้ยม ขึ้นระหว่างชายดูไบ กับฮวยเซ็ง แห่งเขมร ที่เคยสัญญากันว่า จะส่งทหารมาร่วมช่วยปฎิบัติการเผาเมืองไทยให้วอดวาย เหมือนปี 53 อีก แต่เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น มีการลูบคม หลอกแดกกันอีกแล้ว จนสายสัมพันธ์ทั้ง 2 คน ขาดสะบั้นตัดเป็นตัดตาย ถึงขนาดไม่เผาผีกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าฮวยเซ็ง ที่ช่วงหลังโดนสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านเขมร ที่มีเสียง ส.ส.มากสูสีกับรัฐบาล ฮวยเซ็ง จัดชุมนุมประท้วงอยู่บ่อยๆ แถมดันมีลุงแซมหนุนหลัง สม รังสี ซะอีกแล้ว (ฮวยเซง มีฝรั่งเศสหนุนหลัง)

    เมีย สม รังสี เองก็ออกมาเผยล่าสุดว่าฮวยเซง มาขอเจรจาว่าให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดให้ (อ้าว..มันติดนิสัยใครมาวะ) และ ฮวยเซง ก็ยังโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการขนสมบัติหนีออกนอกประเทศ คือ ชายดูไบ ว่าถ้าเกิดเกิดแพ้ทางการเมืองแล้วจะทำยังไงดี ชายดูไบอมยิ้มมุมปาก แล้วให้คำแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า ให้รวบรวมสมบัติมีค่า เงินดอลลาร์ ทองคำ ขนเอาไปไว้ที่รัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโก ซิ รับรองปลอดภัยเพราะเขาทำมาเยอะแล้ว เดี๋ยวเขาจะเคลียร์ทางโน้นให้ทางสะดวก

    ฮวยเซง ก็ดีใจ รีบทำตามคำแนะนำทันที จัดขนสมบัติใส่คอนเทนเนอร์ ส่งคาร์โก ขึ้นเครื่องบินตรงไปมอนเตรเนโก แต่ไอ้หย๋า..เกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้เหี้ยมขึ้น เมื่อของไปถึงมอนเตรเนโก ชายดูไบยกหูโทรไปหาผู้ใหญ่ประเทศนั้น แต่ไม่รู้พูดอย่างไร สมบัติฮวยเซงทั้งหมดโดนรัฐบาลมาเฟียยึดไว้หมดเลย จนปริศนาดำมืดจนถึงบัดนี้ ( น่าจะเป็นลักษณะโจรก็หักหลังโจร 2 ทอด ไม่มีสัจจะในหมู่โจรว่างั้นเถอะ) ฮวยเซ็งนั้นแค้นแสนแค้น น้ำท่วมปาก ทวงคืนก็ไม่ได้ ช่วงหลังๆ นี้ทหารเขมรรับจ้างมาก่อเหตุรุนแรง จึงถูกฮวยเซงเรียกตัวกลับหมด หายแซ๊บ หายสอยไป..ฮา (ใช้สำนวนคนเหนือให้เข้ากับชายดูไบซะหน่อย)

    นอกจากทหารเขมรยังไม่มาไม่มาตามนัดแล้ว คราชายดูไบบินไปหม่องเพื่อสะเดาะเคราะห์ ดูหมอดู และไปนอนเฝ้าขอเข้าพบผู้นำเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้เข้าพบ เพราะพิษจากคลิปถั่งเช่าที่โดนชายชุดเขียวไทย หักเหลี่ยม เอามาแฉนี่แหละ เพราะเนื้อหาที่ชายดูไบคุยโทรศัพท์กับลูกน้องนั้น มันดูถูกเหยียดหยามทหารหม่องแบบไร้ราคา ทำให้เขาแสนอับอายประชาชนชาวหม่อง

    ต่อมาชายดูไบขอเข้าพบ ผบ.ทหารหม่องอีก เพื่อขอให้ช่วยส่งทหารมาฆ่าคนไทยให้หน่อย และขอใช้พื้นที่ไทยใหญ่เพื่อฝึกกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดง แลกกับเงินที่จะขนเข้าไปลงทุนในพม่า และเงินสินบน ( ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้วที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.213671738822861.1073741913.187529244770444&type=3 )

    แต่ ผบ.ทหารหม่องไม่เล่นตามเกมส์ด้วย เพราะรู้ธาตุแท้ว่าไอ้หมอนี่มันจอม 18 มงกฎระดับโลก โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ก็จะไม่ให้ชายดูไบเข้ามาเกี่ยว เพราะชื่อเสียงขี้โกงฮวยเซง แห่งเขมร กลิ่นมันแรงไปถึงหม่องโน่น สังเกตไหมล่ะทั้งชายดูไบ ปูเน่า และสมุน ไม่ขยันไปพม่ามาพักหนึ่งแล้ว

    จะบอกให้คนเสื้อแดงที่มาส่องดิ้นๆๆ พราดๆๆ อีกว่า เวรกรรมที่ทำร้ายประเทศเท่านั้นยังน้อยไป บ้านพักชายดูไบที่สร้างไว้รองรับปูเน่าไปลี้ภัย และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ก็ถูกรัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโกสั่งปิดตาย และสั่งห้ามเข้าประเทศอีกซะงั้น แถมดูไบอีกแห่งก็ไม่ให้เขาเข้าประเทศ มาพักใหญ่แล้วเพราะเกรงตูม!! จากมุสลิมอัลกออีดะห์ขู่ไว้ และต้องเข้าข้างมุสลิมด้วยกัน จีนก้ไม่ให้ชายดูไปอาศัย แต่ไล่ไปอยู่ฮ่องกงโน่น โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่เงียบๆ และห้ามก่อความวุ่นวาย เพราะจีนนับถือสถาบันเบื้องสูงไทยมาก ถ้าเขาไม่ฟังจีนก็จะไล่ออกจากฮ่องกงอีก เขาจึงคงป้วนเปี้ยนได้แถวฮ่องกง ที่ซื้อบ้านให้สมุนคอยไปหลบภัย และสิงค์โปร์ที่ผลประโยชน์บางอย่างร่วมกันนี่แหละ

    ขืนชายดูไบไปโผล่หัวเขมรตอนนี้..ไม่ถึงมือกลุ่มอัลกออีดะห์ แน่ๆ ฮวยเซ็งนี่แหละจะฝังดินมันที่เขมรด้วยมือเอง แก้แค้นที่โดนหลอกหักเหลี่ยม เอาสมบัติมหาศาลไปทิ้งต่างประเทศซึ่งๆ หน้า เอาคืนก็ไม่ได้ มันแค้นนน..กรอดๆ..ฮา

    ไอ้พวกแกนนำโจรแบ่งแยกดินแดน พวกอันธพาล สารพัดแก๊งค์ในสังกัดอั้งยี่แดง ถ้าคิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรง เม.ย. – พ.ค. 57 แล้วจะหนีข้ามไปกบดานในเขมร มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็เพราะนายตัวเองดันไปสร้างโจทย์ใหญ่ฮวยเซ็ง นักฆ่า 1 ล้านศพสมัยเขมรแดง จะรอเช็คบิลทุกคนของแก๊งค์อั้งยี่แดงนี้ โดยนั่งลูบปืน ขึ้นลำกระสุนเต็มแม๊ก รอกองโจรแดงหนีข้ามฝั่งพรมแดนไป ให้ทหารเขมรจับตัวเอามา แล้วเอาปะทัดยักษ์ยัดตูด ดึงชนวนออก แล้วจับตัวไปเป็นเป้านิ่งมัดกับต้นไม้ ซ้อมยิงปืนใส่หัวเล่น ปังๆๆ..สมองกระจุย

    ส่วนเจ้ากฤษดา ไชยแค ที่หนีหมายจับคดีปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัย และคนอื่นๆ ที่หนีข้ามชายแดนเขมรตามไป ญาติๆ ทำบูญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ได้เลย เพราะตอนนี้ฮวยเซ็ง เดือดปุดๆ มาก..ป่านนี้คงสบายตัว..แต่ไม่สบายรูที่หัวไปแล้ว..ฮา

    ส่วนชายชุดเขียวของไทย ตอนนี้ก็ฟิตจัดมาก สั่งกำลังพลทุกหน่วย ซ้อมยิง “เป้านิ่ง” ทุกวันให้เกิดความเคยชินไปก่อน ด้วยการงัดปืนนานาชนิด เช่น Tarvo 21 ฯลฯ เอามาให้กำลังพลเรือนแสนยิงให้เคยมือ และประเมินระยะหวังผลด้วยตนเอง

    เมื่อซ้อมยิง “เป้านิ่ง” จนชำนาญแล้ว เดือนเมษานี้ กำลังพลก็จะได้ทดลองฝึกยิง “เป้าวิ่ง” ของจริง..ฮา


    ที่มา @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มีนาคม 2014
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    29 มี.ค.57 แฉ..เสื้อแดงหมิ่นพระบรม และแตกกันเละกับชายชุดดำแล้ว

    ตามที่มีผู้เตือนเคยเตือนแก๊งค์อั้งยี่แดงว่า ที่ตั้งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในปัจจุบันนี้ ประวัติความเป็นมาเดิมเป็นพระตำหนักของสมเด็จพระบรม ประชาชนในเขตนนทบุรีเรียกกันว่าวังพระบรม ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง และความเจริญของจังหวัดนนทบุรี ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณ

    ก่อนหน้านี้แก๊งค์อั้งยี่แดงเคยกล้า ถึงขนาดปลอมหนังสือราชการของราชเลขาธิการในพระองค์พระบรม ที่อ้างว่าส่งกำลังพลคุ้มครองปูเน่า 3,000 คน สุดท้ายราชเลขาธิการก็ออกมาบอกว่า “ เป็นของปลอม” , ต่อมาก็อ้างกันอีกในหมู่เสื้อแดงว่า พระบรมเรียกบิ๊กชายชุดเขียวเข้าไป และบอกให้วางตัวเป็นกลาง..อันนี้ก็โกหกหลอกพวกเดียวกันเองในเข้าคอกอีก , ต่อมาแก๊งค์อั้งยี่แดงยังแอบติดป้ายไวนิลภาพพระบรม และข้อความที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดอีกหลายจุดที่เชียงใหม่ และในภาคเหนือ อีกจนหัวหน้าชายชุดดำเชียงใหม่ ต้องสั่งให้เก็บออกให้หมด

    เท่านั้นยังไม่พอบริษัทเผาไทย ยังสั่งการแก๊งค์อั้งยี่แดง ให้ยิงระเบิดเข้าใส่วังเดิมพระบรมอีก (ป.ป.ช.) ชาวบ้านทั่วไปจึงพูดว่าวังถูกยิงระเบิดใส่..ไม่ว่าคนเสื้อแดงจะแสร้งทำป้ายเวที หรือ เสื้อข้อความรักพระบรม แต่มันไม่ได้เป็นตามความหมายนั้นจริงๆ เพราะชายดูไบ แกนนำบริษัทเผาไทย แก๊งค์อั้งยี่แดง และคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง กำลังหมิ่นพ่อหลวง ที่เป็นพระราชบิดาของพระบรมนั่นเอง..นั่นหมายความว่าตอนนี้ คนเสื้อแดงทั้งหมด กำลังหมิ่นพระบรมด้วย ว่างั้นเถอะ !!

    ในบริเวณใกล้เคียงวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) เป็นที่พักของชายชุดดำปราบยาเสพติด และภูธรภาค 1 นับพันคน อยู่ที่ด้านหลังวังเดิม การที่แก๊งค์อั้งยี่แดงสั่งอันธพาลแดงแก๊งค์กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ในสังกัด ยิง M79 ไปมั่วเหมือนหมู่บ้านกระสุนตก อาจทำให้ตกใส่ชายชุดดำจำนวนมาก รวมทั้งครอบครัวบาดเจ็บล้มตายด้วย ขอให้ปูเน่าสั่งการสมุนแดงให้ใช้ความระมัดระวังในการยิงมากๆ ด้วย ก่อนที่ ปปช.จะชี้มูลความผิดปูเน่า และสมุนคดีชักดาบเงินจำนำข้าวของชาวนาผู้ยากจน

    เมื่อ ป.ป.ช.มีมติ ไม่อนุญาตให้ปูเน่าขยายเวลาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตัวเองคดีชักดาบเงินจำนำข้าวของชาวนา ออกไปอีก 45 วัน.. ตามที่ปูเน่ายื่นขอมา แต่ ปปช.ยืนยันว่าถ้าภายในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 57 ไม่มา วันจันทร์ที่ 4 เม.ย. นี้ ก็จะชี้มูลความผิดปูเน่าไปเลย เพราะที่ผ่านมาก็ขอขยายเวลามาแล้ว แต่ก็ไม่สนใจที่จะชี้แจงใดๆ มีแต่ไปเที่ยวเตร่ ตามเรื่องตามราว กินก๋วยเตี๋ยวล้มก้นจ้ำเบ้าที่เหนือบ้าง ไปให้พระสาดน้ำมนต์จนหน้าเหวอที่อีสานบ้าง

    นี่ถ้าไม่มีพลังสีเขียวบางอย่างบังคับ ว่าห้ามหนีออกนอกประเทศ ป่านนี้คงหนีตะเหลิดไปหลวงพระบาง สปป.ลาว เพื่อไปหาชายดูไบ ที่มาป้วนเปี้ยนเรียกสมุนไปพบ และสั่งการแกนนำเสื้อแดง มอบหมายภารกิจป่วนเมืองให้ก่อการร้ายสากล ในช่วงที่ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดปูเน่า

    แก๊งค์เสื้อแดงฮาร์ดคอร์หนึ่งที่บริษัทเผาไทย เรียกจ้างมาใช้ก่อการร้ายสากลในเขตนนทบุรี คือ กลุ่ม กวป.นั่นเอง กลุ่มนี้มีกำลังไม่มากนัก น้อยกว่าเสื้อแดงแบ่งแยกดินแดน นปช.มาก และพยายามบอกว่าเป็นคนละกลุ่มกับแดง นปช. นั้นเพราะแก๊งค์นี้ต้องการรับเงินน้ำเลี้ยงตรง โดยไม่ผ่าน นปช. ว่างั้นเหอะ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแดง นปช.กินหัวคิวหนักมาก ทุกเม็ด ทุกช๊อต

    กลุ่ม กวป. เป็นการรวมของสถานีวิทยุชุมชนเสื้อแดง 13 แห่ง ในพื้นที่ปทุมธานี วังหิน เทพารักษ์ สมุทรปราการ มีการได้รับเวลาจากออกอากาศจากช่องเอเชียอาบแดด ของบริษัทเผาไทย กลุ่มนี้เคลื่อนไหวก่อความรุนแรงแถว จ.ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ประธานกลุ่มคือเล็ก บ้านดอน โดยมีศรรักษ์ เป็นโฆษกกลุ่ม ช่วงหลังมีความขัดคอกับแก๊งค์โกตี๋ เพราะขัดผลประโยชน์เรื่องเงินทองสนับสนุน ที่แบ่งกันไม่ลงตัว และบางครั้งก็มีการลอบยิงกันเองกับโกตี๋บ้าง ยิ้ม บ้างประปราย

    ขุมกำลังหลักของกลุ่ม กวป. ประกอบไปด้วย สถานีวิทยุชุมชน “คนไทยหัวใจเดียวกัน” FM 103.90 MHz แยกวังหิน ของเล็ก บ้านดอน หรือ นายธนชัย หรือดีเจหนุ่ม วีคลอง 1 คนใกล้ชิด ชินวัฒน์ แห่งคลื่นวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ (ที่ถูกหลานชายยิงจนใส้แตกเจ็บหนัก และเพิ่งถูกศาลไคฟงอุธรณ์ พิพากษาจำคุกในคดีที่ไปปิดเนชั่น และแกล้งผู้หญิงท้องไม่ให้ออกไปหาหมอ) และได้ดิบได้ดีกลายเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อบริษัทเผาไทยสมัยก่อน

    ส่วนศรรัก ประธานกลุ่มสถานีวิทยุชุมชน “คลื่นมหาประชาชน” FM 104.10 MHz อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เคยร่วมทำวิทยุชุมชน ปทุมธานี กับ โกตี๋ เรดการ์ด มาก่อนแต่มีปัญหาเรื่องการพนัน และเรื่องเงินๆ ทองๆ วันนี้ทั้งสองคนแยกทางกัน ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ , ชาญ หรือ หนุ่ม รองประธานกลุ่มสถานีวิทยุชุมชน “ผู้กล้าประชาธิปไตย” FM 90.25 MHz ตลาดหนามแดง เคยขายยาผีบอก อยู่กับดาชัย ประธานกลุ่มเสื้อแดงพลังลำปาง

    กลุ่ม กวป. พยายามแสดงผลงานให้เห็นว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ของเสื้อแดงแดงที่กำลังไต่ขึ้นมาเทียบชั้นกับเสื้อแดงแบ่งแยกดินแดน นปช. ผลงานชั่วช้าที่ผ่านมา เช่น
    - ร่วมชุมนุม กับแนวร่วม 29 มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง
    - มาดังตอนรับจ็อบชนกับศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ จนขณะนี้แกนนำแดงหลายคน โดนฟ้องข้อหา ดูหมิ่นศาลฯ
    - จ้างกฤษดา ไชยแค ปาระเบิด RGD5 ใส่กำนันที่ ถ.บรรทัดทอง
    - ปาระเบิด RGD5 ใส่ถาวร ที่อนุสาวรีย์ชัย
    - ทีมมือปืน 1 ใน 6 คน ที่ยิงสุทินตาย ที่วัดศรีเอี่ยม สมุทรปราการ
    - ยิง M79 ใส่ ศรส. ของเป็ดเหลิมหลายครั้ง และใกล้เคียง เช่น ThaiPBS , ปั้มบางจาก
    - ยิงป่วนปะทะจุดหลวงปู่ ที่แจ้งวัฒนะ ช่วงการชุมนุมแรกๆ
    - แกนนำประกาศไล่ล่าจับเปาบุ้นจิ้นศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมไม่เกรงกฎหมาย
    - แกนนำขู่ว่าจะต่อสู้ขั้นแตกหักกับ ป.ป.ช.โดยไม่มีการถอย จะไล่จับกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 6 คน , จะพลีชีพสมาชิกคนเสื้อแดงแก่ๆ ที่ถูกจ้างมา (แต่แกนนำขอรอดไปเอาค่าจ้าง) , จะตัดน้ำตัดไฟ และเทปูน นำแท่งแบริเออร์ปิดประตู ทุกทางเข้าออก ไม่หวั่นถูกขอถอนประกันตัว
    - ระเบิดแสวงเครื่องชนิดถังดับเพลิงตั้งเวลา หน้าการประปานนทบุรี เพื่อหวังสังหารหมู่เสื้อแดงด้วยกันเองจุดกระแสทุยแดง แต่ระเบิดไม่ทำงาน
    - ระเบิดแสวงเครื่องชนิดถังดับเพลิง หน้า ปปช.แต่ระเบิดไม่ทำงาน
    - ยิง M79 ใส่วังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) บางครั้งพลาดไปโดนบ้านใกล้เคียง ชายชุดเขียวนอกราชการ เพื่อนอดีต ผบ.ทบ.บิ๊ก ป.
    - ทำระเบิดแสวงเครื่องชนิดถังดับเพลิงตั้งเวลา ระเบิดทำงานเป็นคาร์บอม ในซอยแจ้งวัฒนะ จุดใกล้หลวงปู่ ราว 500 เมตร
    - ยิง M79 ใส่จุดหลวงปู่ แต่โชคไม่เข้าข้าง ระเบิดพลาดไปลงในค่ายชายชุดเขียว พล.ปตอ. พัน 6
    - รุมกระทืบพระภิกษุ ที่หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.)
    - รื้อบังเกอร์และเต็นท์ชายชุดเขียว หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) เพื่อยั่วยุปะทุอารมณ์ชายชุดเขียวให้ปฏิวัติ โชคดีจุดไม่ติด เพราะบิ๊กชายชุดเขียวรู้ทัน ไม่เต้นตามเกมส์ชายดูไบ ที่ต้องการจะล้มกระดาน หวังให้ทุกคดีของตัวเอง ปูเน่า สมุน ยกเลิกไปทั้งหมด
    - เอาสารพิษยาล้างห้องน้ำ ใส่ขวดผสมน้ำ ใส่ให้น้องชายชุดเขียวมือใหม่ ที่ไปรักษาความปลอดภัย หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) จนต้องรีบพาไปให้หมอล้างท้องทัน
    - ยกพวกไปราวีหมอ ที่กระทรวงสาธารณสุข และ รพ.บำราศ ข่มขู่ปลดป้ายที่บาดหัวใจนายเหนือหัว ที่มีข้อความ “ไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน” และ “ขอประณามการใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ”

    แก๊งค์ กวป.นี้ มีคุณสมบัติเล็กดีรสโต จ้างได้ราคาประหยัดกว่าแก๊งค์แบ่งแยกดินแดนแดง นปช. ที่ขอเงินเติมเพื่อเคลื่อนไหวจัดอีเว้นระดมทุยแดงแต่ละครั้ง หลัก 300 บาทขึ้นไป จึงก่อความรุนแรงต่อวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) เข้าตาชายดูไบ ช่วงหลังนี้จึงเคลื่อนไหวถี่เป็นพิเศษ

    แกนนำแก๊งค์ได้รับการปกป้องดูแลจากอำนาจรัฐอั้งยี่แดงอย่างดี เช่น ใส้เดือนเต้น , ริดสีดวง , ชายชุดดำฝ่ายชั่ว ฯลฯ แกนนำกลุ่ม กวป. มีความหวังว่า ถ้าไม่เจ็บ ไม่ป่วย ตายไปเสียก่อน บุญมาวาสนา คงจะมั่งคั่ง และได้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิส หรือที่ปรึกษารัฐมนตรี เข้าไปโกง กอบโกย เหมือนรุ่นพี่ๆ แกนนำเลวแล้วรวย

    การข่าวมาว่าหลังวันที่ 5 เม.ย.57 ชายดูไบสั่งให้ทุกกลุ่มนำมวลชนแดงรับจ้างที่ถูกหลอกมาตาย และจะแฝงไปด้วยแก๊งค์ก่อการร้ายติดอาวุธปะปน เข้าจุดประจำฐานในพื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ จำนวนประมาณ 20 จุด โดยเขาสั่งการให้เสียสละแกนนำ โดยสั่งสายตรงกองกำลังของเขาให้สังหารคากคกตู่ ไส้เดือนเต้น โกตี๋ และแกนนำฮาร์ดคอร์อีกหลายคน จากนั้นให้เสื้อแดงเตรียมแห่ศพ เพื่อปลุกกระแสเสื้อแดงที่ตอนนี้แทบไม่มีเหลือแล้ว เพราะไปสร้างโจทก์ไว้รอบตัวไปหมด ตอนนี้เสื้อแดงกับชายชุดดำก็เริ่มแตกคอกันอย่างหนัก มีรอยร้าวเกิดขึ้นแล้ว

    ส่งผลให้ชายดูไบ บริษัทเผาไทย แก๊งค์อั้งยี่แดง ตอนนี้ถูกโดดเดี่ยวอย่างหนัก จึงสั่งให้อันธพาลในสังกัด เร่งก่อความรุนแรงก่อการร้ายสากล โจมตีวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) อย่างหนัก แต่จะโจมตีศาลไคฟงรัฐธรรมนูญบ้าง ก็ทำแทบไม่ได้เลย เพราะหลวงปู่พุทธอิสระคุมพื้นที่ตรงนั้นไว้ อันธพาลแดงรับจ้างจึงหงุดหงิด ฟาดหัวฟาดหาง อย่างหนัก

    เรื่องมาถึงจุดผิดปกติจนผิดสังเกต ก็คือแก๊งค์นี้พลาดเอง ที่ยิง M79 ไปลงในค่ายชายชุดเขียวพล ปตอ. จนมีพลังลึกลับสีเขียวลึกลับ กดดันไปที่บิ๊กชายชุดดำ ให้เอาตัวคนยิงมาให้ได้ไม่งั้นอาจจะ..(บอกไม่ได้) ต่อมาแก๊งค์นี้ย่ามใจ ใช้ผู้หญิงในแก๊งค์ไปกดดันรื้อบังเกอร์ และเต็นท์ชายชุดเขียว ในซอยหลังวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) ที่ตั้งไว้เฝ้าระวังการยิง M79

    ทำให้ฝ่ายยุทธการที่แกล้งอัดลมเข้ารูแย้มานาน รู้พิรุธทันทีว่าแก๊งค์นี้เอง ที่ใช้อาวุธก่อเหตุตลอดมาวางแผนจัดการเงียบๆ กับ ชุดดำฝ่ายดี ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เตรียมชุดปราบไพรี อริศัตรูพ่าย ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน จ.นนทบุรี กองกำกับการภูธรภาค 1 , กองร้อยอาสารักษาดินแดน พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สนธิกำลังกับชายชุดเขียว โดยปิดแผนการเป็นความลับเฉพาะระดับสูงเท่านั้น ป้องกันหนอนบ่อนใส้ความลับรั่วไหลไปถึงคนเสื้อแดง

    ด้วยความโง่แบบสุดๆ ต่อมากลางคืน แก๊งค์นี้ก็ชะล่าใจ โผล่หัวออกจากรูแย้ วันที่ 27 มี.ค.57
    - เวลา 22.30 น. ลอบซุ่มยิงล้อยางรถมอเตอร์ไซต์ชายชุดเขียว ชุดลาดตะเวนเคลื่อนที่เร็ว 3 คัน บริเวณจุดตรวจวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) ทำให้รถล้ม 2 คัน บาดเจ็บที่หัวไหล่เล็กน้อย 4 นาย รถเสียหาย เพื่อยิงตัดกำลังทหารชุดนี้ก่อน..หลังจากนั้นจะมีอีกชุด ยิง M79 เข้าไปแถววังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) ทำให้ชายชุดเขียวชุดนี้ ไม่สามารถเคลื่อนที่เร็วตามล่าหามือยิง M79 ได้สะดวก..
    - เวลา 23.00 น. ใช้ M79 ยิงใส่วังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) อีกหลายลูกด้วยกัน

    วันที่ 28 มี.ค. 57 เวลา 02.00 น. หลังเกิดเหตุ จึงเกิดการสนธิกำลังของชายชุดเขียว และชายชุดดำฝ่ายดี สมพล ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ทันที โดยสั่งการให้กำลังที่เตรียมไว้ สนธิกำลังทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมอาวุธครบมือ สั่งวิสามัญทุกคนที่ต่อสู้ทันที แบ่งกำลังบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นหลายจุด เช่น บริเวณที่ชุมนุมของแดงฮาร์ดคอร์ กวป.แสนโง่ รถที่เข้ารวมชุมนุม และปูพรมตรวจพื้นที่ใกล้เคียงเกิดเหตุ ภายในซอยนนทบุรี 46 – 48

    ผลคือ สามารถจับกุมแก๊งค์ กวป.ได้ 4 ราย ที่พิรุธ กำลังเดินออกจากพื้นที่รกร้างใกล้ป่าละเมาะ ส่วนแก๊งค์ กวป.ก็พากันแตกฮือ เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันตรวจค้นสะพานลอยคนข้าม ซึ่งใช้เป็นที่หลับนอน รวมทั้งตรวจยึดถุงกระสอบขาวที่ถูกโยนทิ้งในป่าหญ้า พบคลังแสงอาวุธจำนวนมาก ดังนี้

    1.นายชูชาติ ชูศิริ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 240/24 ม.9 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี พร้อมด้วยของกลาง คือ
    - อาวุธปืนยาวลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก
    - ลูกกระสุนปืน ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 39 นัด
    - รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน ขต 9735 ชลบุรี

    2.นายรัตนพงศ์ อินทะรังษี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.9 ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน พร้อมด้วยของกลาง คือ
    - อาวุธเล็กยาวอาก้า AK-47 (อาก้า) ขนาด 7.62 มม.จำนวน 1 กระบอก
    - ลูกกระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 120 นัด
    - ซองกระสุน จำนวน 4 อัน
    - ลูกระเบิด ชนิดสังหาร RGD-5 จำนวน 2 ลูก
    - ถุงทะเลสีเขียว จำนวน 1 ใบ ของกลางทั้งหมดบรรจุอยู่ในถุงนี้

    3.นายสมัย บุญนาน อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลชที่ 48/330 ม.1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง คือ
    - อาวุธปืน (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก
    - ลูกกระสุน ขนาด 9 มม.จำนวน 11 นัด
    - รถยนต์ฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีแดง หมายเลขทะเบียน กค 5715 ปทุมธานี

    4. นายคมปกรณ์ เกาะแก้ว อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 363/30 หมู่บ้านเอื้ออาทาสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม.เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดราชบุรี จ.531/2553 ลงวันที่ 22 พ.ย.2553 ข้อหาลักทรัพย์ (รถยนต์) และได้ตรวจยึดอาวุธจากป่ากระถิน ซึ่งเป็นที่รกร้างปาก ซ.นนทบุรี 46 ดังนี้
    - เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 40 มม.(M79) จำนวน 1 กระบอก
    - ลูกกระสุนปืน ขนาด 40 มม.(M79) จำนวน 6 นัด (ชนิดหัวเจาะเกาะ 4 และหัวธรรมดาอีก 2)
    - ปลอกเครื่องกระสุนปืน ขนาด 40 มม.(M79) จำนวน 2 ปลอก
    - ลูกระเบิด ชนิดสังหาร RGD-5 จำนวน 6 ลูก ( กระเดื่องถูกถอดสลักพร้อมใช้งาน)
    - อาวุธปืนสั้น ออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก
    - ลูกกระสุน ขนาด .45 จำนวน 44 นัด
    - ลูกกระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 39 นัด

    นอกจากนั้นยังค้นพบอาวุธนานาชนิดอีก คือ
    - อาวุธปืน สั้น .45 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน และเครื่องกระสุน
    - กระสุนขนาด 5.56 มม. จำนวน 48 นัด
    - มีดหัวตัด จำนวน 1 เล่ม
    - หนังสติ๊กพร้อมลูกเหล็กสำหรับยิงจำนวนมาก
    - ประทัดยักษ์ จำนวน 1 ลูก และระเบิดปิงปอง 5 ลูก
    - แผนที่และตัวเลขการยิงพิกัด สามารถเป็นหลักฐานชั้นดี
    - ส่วนการ์ดคนอื่น ได้ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ และปล่อยตัวไป (หากมีเหตุอีก ก็เสร็จก่อนใครเพื่อน )

    หน่วย EOD ระบุว่าเท่าที่ตรวจตอนนี้ อาวุธและกระสุนต่างๆ กลุ่ม กวป. ใช้ก่อเหตุหลายที่ด้วยกัน คือ
    - M79 เลขผลิต (Lot. No) ตรงกับปลอกกระสุน 40 มม. ที่ระเบิดที่ ศรส. และThai Pbs , ยิงใส่เวทีชลบุรี
    - ระเบิด RGD-5 เลขผลิต (Lot. No) ตรงกับขู่หน้าบ้านประธาน กปปส.นนท์ฯ , ปาระเบิดเวทีอนุสาวรีย์ชัยฯ และถนนบรรทัดทอง , บ้านหล่อใหญ่ หัวหน้า ปชป.
    - ปืนและลูกกระสุน ตรงกับที่ใช้ก่อเหตุยิงสุทิน ที่วัดศรีเอี่ยม บางนา เป็นต้น

    ต่อมา วันที่ 28 มี.ค.57 เวลา 13.30 น. แกนนำ กลุ่ม กวป. แถลงข่าวว่า ตำรวจและนักข่าวใส่ร้าย จริงๆ แล้วเป็นเสื้อแดงเทียม ที่ต้องการดิสเครดิตของคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงมีคุณธรรมเสมอ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร รักสันติวิธี (มันกล้าพูด)

    ถัดมา เวลา 13.00 น. กลุ่ม กวป.นำโดย สมศักดิ์ สถานีวิทยุ กวป. ศรรัก โฆษก กวป. นำทุยแดงรับจ้างกองร้อย "นารีพิฆาต" ราว 100 คน บุกมาปราศรัยกดดันชายชุดดำที่ สภ.นนทบุรี ขอให้ปล่อยตัวกองกำลังติดอาวุธของตนเอง โดยขอเจรจากับ สมพล ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี (คนนี้น้ำดี) ขอให้อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหา หรือปล่อยตัวทันที เพื่อความสงบให้แก่บ้านเมือง (อ้าว..ไหนว่าเป็นเสื้อแดงเทียมมาขอให้ปล่อยทำไม? )

    แต่ สมพล ก็ประกาศอย่างชัดเจน สั่งห้ามไม่ให้มีการปล่อยหรือประกันตัว เพราะถือว่าพวกนี้เป็นผู้ก่อการร้าย ไม่ปล่อยตัว และไม่ประกันตัว รวมทั้งคัดค้านการประกันตัวกับศาล แต่ให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ผิดหรือถูก ก็ให้ไปสู้คดีที่ศาลไคฟงตัดสินชี้ขาด ส่งผลให้แก๊งค์ กวป. จึงหน้าเสียกินแห้วหงายเงิบ พากันเข้าเยี่ยมมือปืนที่ถูกขังไว้ และเดินทางกลับอย่างผิดหวัง คนเสื้อแดงทั้งที่มาโกรธ และด่าทอตำรวจกันใหญ่ ตะคอกถามตำรวจไม่กลัวกลัวชายดูไบใช่เหรอ (ฮา..ไม่กลัวว่ะ) แล้วเอาเสื้อที่มีคำว่า “ เรารักตำรวจ” ที่ใส่มา ทิ้งใส่ถังขยะที่โรงพักนนท์..(ฮา)

    กองกำลังติดอาวุธเสื้อแดงเกือบทุกคนถูกสอบสวน จนมีการสารภาพ ซัดทอดชื่อเพื่อนร่วมงานที่ยังไม่ถูกจับได้ แกนนำเสื้อแดง และนักการเมืองแก๊งค์อั้งแดงอีกหลายคน ที่บงการตนเองแล้ว หากตำรวจมีการลุยสอบขยายผล อีกหลายคดีที่เกิดความรุนแรงขึ้น ทำให้บิ๊กระดับสูง และถวิล กอ.รมน. คลี่คลายคดีปมปริศนาความเชื่อมโยงของที่มาอาวุธสงคราม ในหลายๆเหตุการณ์ได้ผลงานอีกจำนวนมาก และประชาชนจะตาสว่างชัดเจนขึ้นอีกมากมาย

    งานนี้น่าติดตามผลซึนามิทางคดี ที่ต่อเนื่องต่อไปให้เสื้อแดงใจระทึกอีกมาก..และต้องชื่นชม ปรบมือให้ สมพล ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ชายชุดเขียว กองร้อยอาสารักษาดินแดน และผู้เกี่ยวข้อง

    ส่วนที่แม่สอด จ.ตาก นายมีนา แกนนำ นปช.เสื้อแดงแม่สอด ผอ.สถานีเรดเรดิโอ แม่สอด ลูกน้องโกเต็ก ที่เคยยิงระดมยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า 28 นัด จนหลังคา ใต้เพดาน ลำโพง เสาอากาศวิทยุ และรถยนต์ อาคารพรุนไปหมด ยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดสถานีวิทยุต่อไป และไม่เกรงกลัว โดยในวันที่ 5 เม.ย. นี้ จะดื้อออกอากาศ...

    แต่ตำรวจ ผกก.สภ.แม่สอด ได้สั่งปิดสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง สาขา "โกเต็ก" เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบการ ถ้ายังยังดื้อไม่ฟัง จะนำกำลังเข้ายึดอุปกรณ์ทันที..มาดูว่าวันที่ 5 เม.ย. เป็นต้นไปโกเต็ก กับลูกน้อง และตำรวจแม่สอด..ใครจะพรุน และเข้าห้องขังก่อนกัน..ฮา

    ส่วนตำรวจภาคใต้ ก็แปลกไป คนใต้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตำรวจไม่ตั้งด่านดักจับ หรือสกัดมวลมหาประชาชนภาคใต้ ที่กำลังเดินทางสู่กรุงเทพเพื่อชุมนุมกับกำนัน เหมือนครั้งก่อนแล้ว แถมบริการให้จอดพัก กินนํ้ากินท่า เข้าห้องนํ้า ที่ทำการตำรวจทางหลวงอีกด้วย และยังอำนวยความสะดวกอย่างดี อวยพรให้เดินทางปลอดภัยอีกต่างหาก จนคนไต้เดินทางมาถึงกรุงเทพเป็นที่เรียบร้อยทุกคน

    เมื่อเช้าวันที่ 29 มี.ค.57 แกนนำเสื้อแดง เรียกร้องอย่างหนัก ให้ออกมาช่วยกันชุมนุมที่หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) แต่ทุยแดงไม่ออกมาเพราะเงินไม่ดี จนทะเลาะกันทางคลื่นวิทยุของคนเสื้อแดง ต่อมาหลวงปู่พุทธอิสระ พามวลชนไปตลบหลัง รื้อเวที กลุ่ม กวป. และช่วยเก็บของให้เรียบร้อย แล้วกลับไป พวกเสื้อแดงงงรับประทาน ต่อมาช่วงบ่าย ทุยแดงพาคนมาแหรมแหรม ตำรวจจึงเสริมกำลังเพิ่มขึ้นอีกเพียบที่ ป.ป.ช.

    พวกทุยแดงก็ดิ้น ๆ โมโหด่าตำรวจกันใหญ่..ปลุกระดมมวลชนทุยแดงทุกเพจ ทุกคลื่นวิทยุ ว่าตำรวจจะสลายการชุมนุมแดง กวป.แล้ว...(ฮา ) ตอนนี้สถานการณ์พลิก คนเสื้อแดง กลายเป็นลัญลักษณ์ของทั้งหมิ่นพระบรม และเปิดศึกเป็นศัตรูกับตำรวจทั้งประเทศไปแล้ว..ลือบอกต่อๆ กันไปเลยพี่น้อง !!

    ส่วนที่ทำเนียบ มวลชน คปท.ก็เจรจากับทหาร และตำรวจ อย่างมิตรไม่ตรี ช่วยไปจัดการเปลี่ยนธงชาติที่หลังคาทำเนียบให้ใหม่ เนื่องจากรัฐอั้งยี่แดงแดกกันมาก จึงไม่มีงบเปลี่ยนธง

    ตอนนี้ขอประกาศคนหาย ช่วยตามตัวสิ่งเทียมคน 2 คน คือ เป็ดเหลิม ริดสีดวง มาร่วมแถลงข่าวด่วน จับคลังแสงอาวุธสงครามเสื้อแดง ไม่รู้หายหัวไปไหนเงียบเลย..มาเร๊วๆๆ มาร่วมนั่งแถลงข่าวโผล่หน้าหน่อยนะ อาวุธร้ายแรงเพียบเลย !!

    ทีไปยืนแถลงข่าว ที่ทำเนียบตอนเดือน ก.พ.57 ยึดง่ามหนังสติ๊กจาก คปท.ได้ 3 อัน และแถลงข่าวจับมือปืนป๊อบคอร์นตัวปลอม ที่เขาแฉว่าถูกซ้อม และชายชุดดำฝ่ายชั่วหลานหญิงกระบังลม เขียนข้อความให้เขาอ่านขณะนั่งแถลงข่าว..เขารู้กันทั้งโลกไปจนถึงอวกาศแล้ว..

    เป็ดเหลิมมาแถลงข่าวงานนี้ดีกว่า โป๊ะเชะกว่าเยอะ..ปืน M79 กระบอก และลูก 40 มม.นี้แหละ ที่เคยยิงใส่ห้องทำงาน เฉียดใส่หัวเป็ดเหลิมเลยนะนั่น..ฮา



    ที่มา @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ข่าวจากเสธ. ว่าไม่เกิน 40 วัน เรียบร้อย มารอดูกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มีนาคม 2014
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    30 มี.ค.57 เปิดโปง..แก๊งค์ใส้แตกขาด 2 ท่อน สมุนอั้งยี่แดงโดนระเบิดแสวงเครื่อง

    จากที่ชายดูไบยังเข้าเขมรไม่ได้ เพราะผิดใจกับฮวยเซง เขาจึงต้องเลาะไทยโดยมาเหยียบที่หลวงพระบาง สปป.ลาว แต่เพราะเขาเป็นตัวซวย ไม่ทันข้ามคืน ที่นั่นก็เกิดไฟไหม้ทันที ด้วยมวลชนทุยแดงตาสว่างขึ้นมาก ยุไม่ขึ้นให้มาตายและติดคุกในกรุงเทพฯ หลังวันที่ 5 เม.ย.57 เขาจึงสั่งการให้ทุกกลุ่มเข้าประจำจุดฐานชุมนุมในพื้นที่รอบๆ เมืองหลวงประมาณ 20 จุด เพราะรู้ตัวว่าปูเน่า จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดชักดาบเงินจำนำข้าวชาวนา ไม่เกิน 4 เม.ย.57

    การข่าวจากขุนพลสายลับอีสานมาว่า เขาจึงสั่งให้กองกำลังแดงทุกกลุ่มก่อความรุนแรง จ้างให้ทุยแดงรากหญ้ามารวมกัน เพื่อหลอกมาให้กองกำลังติดอาวุธของตนเองฆ่าทุยแดงให้ตาย สร้างสถานการณ์ให้เกิดกลียุค มุกเดิมเหมือนปี 53 โดยมี 5 ขั้นตอน คือ

    1. ยุทธวิธีปลุกให้ทุยแดงตกมัน..ลุกขึ้นสู้กับฝ่ายตรงข้าม โดย
    1.1 ใบไม้ผลัดใบ..ยกระดับการทำร้าย และก่อวินาศกรรม สังหารแกนนำแดง นักวิชาการแดง
    - สายยืนยันชัดเจนว่า War Room เห็นชอบว่า จำเป็นต้องเสียสละแกนนำส่วนน้อย เพื่อชัยชนะ โดยให้ประเมินอารมณ์ของมวลชนทุยแดงรับจ้าง ถ้ายุยงจนบ้าคลั่งพร้อมแล้ว ให้ชายชุดดำฝ่ายชั่วลงมือสังหารแกนนำแดงเลวแล้วรวย โดยวิธีการจ่อยิง "เจาะหัว" ระยะใกล้ทันที !!
    - แล้วให้สื่อในเครือข่าย สร้างกระแส โยนความผิดให้เบื้องสูงว่าสั่งชายชุดเขียว และ กปปส. ฆ่าแกนนำแดง เพื่อสร้างความโกรธแค้น ให้มวลชนทุยแดงรากหญ้าตกมัน
    - ให้ทุยแดงเตรียมแห่ศพคากคากตู่ ไส้เดือนเต้น
    - ใครรู้จักแกนนำเลวแล้วรวยทั้งหลาย ว่าอะไรที่ยังไม่ได้ทำ ให้รีบทำเสีย , อาหารอะไรที่อร่อย ที่ชอบกิน ก็ให้รีบกินเสีย , ใครไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ที่นครศรีนานแล้ว ก็ไปลาเป็นครั้งสุดท้าย ขออโหสิกรรมในเรื่องที่แล้วๆ มาด้วย, ให้ลาคนที่รักทุกคน ว่าให้เขาทำบุญไปให้บ่อยๆ
    1.2 เพิ่มความเข้มข้น ความรุนแรง ในการลอบทำร้าย ก่อวินาศกรรม ต่อ ป.ป.ช. และ แกนนำของ กปปส. ทั้งเป้าหมายตัวบุคคล และสถานที่

    2. ยุทธวิธีแบ่งแยกมวลชนศัตรู..สร้างความแตกแยก ให้เกิดขึ้นกับฝ่ายศัตรูของแก๊งค์อั้งยี่แดง โดยให้ทีมชายชุดดำฝ่ายชั่ว ลอบทำร้ายแกนนำสำคัญของ แปะลิ้ม TV คาดว่าเป้าหมายน่าจะเป็นลูกชายแปะลิ้ม เพื่อโยนความผิดว่าฝ่ายชายชุดเขียว หรือ กปปส.เป็นคนทำ

    3. ยุทธวิธีข่มขู่สร้างความหวาดกลัว..ให้กองทัพ และบุคคลระดับสูงกลัว แล้วยอมเจรจากับชาย ดูไบ โดย
    3.1 ก่อวินาศกรรมในภาคเหนือ พื้นที่เป้าหมาย เชียงใหม่ และ พิษณุโลก เพื่อหยามแม่ทัพที่ 3 น้องชายบิ๊กสีเขียว โดยส่งคากคกตู่ ไปบงการ เรียกแกนนำเลิศ ที่เพิ่งโผล่หัวมา และแกนนำแดง ที่ รร.ของ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อแดง ผัวผู้สมัคร สว.ที่แพ้ไป
    3.2 ทำคาร์บอม ในพื้นที่เหนือ และอีสาน เพื่อส่งสัญญานไปยังนานาชาติว่า เหนือและอีสาน คือพื้นที่ปลดปล่อย สปป.ล้านนา โดยให้แดงอิสระในจังหวัดต่างๆ เป็นคนทำ , ส่วนใน กทม.ให้แก๊งแดง กวป.ทำ โดยมีอดีต ส.ส.มีนบุรี , ปทุม , สมุทรปราการ ให้แหล่งพักพิง

    4. ยุทธวิธีมวลชนรับจ้างทุยแดงแบ่งแยกดินแดน นปช. ..ให้คากคกตู่ ไส้เดือนเต้น แก๊งค์เลวแล้วรวยนำ ตั้งเป้า 5 แสนคน แก๊งค์นี้ของบน้ำเลี้ยง 2,000 บาทต่อ 2 เขาทุยแดง x 500,000 คน x 30 วัน = 30,000 ล้านบาท เล่นเอาชายดูไบถึงกับอึ้งกิมกี่ ต่อรองให้ 500 ล้านบาทเท่านั้น เพราะรู้ทันว่าแก๊งค์นี้ อมหัวคิวกันอุตลุต

    5. ยุทธวิธีการ์ดแบ่งแยกดินแดน อพปช...ให้การ์ดของแรมโบ้ที่รับสมัคร และ พี่ชาย ที่ไปติดต่อพรรคคอมมิวนิสต์กลายพันธ์เขตงาน 444 มาทำหน้าที่คุ้มกันม็อบ

    ชายดูไบ และแก๊งค์อั้งยี่แดง ฝันถึงการใช้ความรุนแรงเป็นเชื้อไฟในการปฏิวัติ เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส , รัสเซียของบอลเชวิก , จีน ของ ซุน ยัดเซน , จีน ของเหมา เจ๋อตุง โดยใช้กองกำลังติดอาวุธ 3 ก่อง หลัก คือ
    - จำนวน 800 กว่าคน ของโป๊ะ
    - จำนวน 300 กว่าคน ของดำ น้องชายญาติดองชายดูไบ
    - จำนวน 50 กว่าคน ลูกน้องเก่า เสธ.แดง ที่แก๊งค์ปทุมเลี้ยงไว้
    - กองกำลังบิ๊กตุ้ย พี่ชายดูไบ กับกี้ร์อมฮอลล์ (ที่พ่อป่วยหนัก) ไปตรวจเช็คความพร้อมกำลังพลแดงฮาร์ดคอร์รับจ้าง กองกำลังทหารพรานเก่า และพรรคคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ุ สวมหมวกเขียวดาวแดง ที่หอประชุมโรงเรียนแห่งหน่ง ใน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
    - กองกำลังแรมบ้า ฝึกกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธ ร่วมกับกองกำลังป่าไม้ หลายสิบคน ที่ป่า
    ภูเขาหลวง บ้านหนองกก อ.ปักธงชัย โคราช เป็นสถานที่ฝึกฝนด้านยุทธวิธีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 57 ที่ผ่านมา

    ผลงานของชายชุดดำที่ฟิตจัดในช่วงที่รู้ว่าปูเน่า และแก๊งค์อั้งยี่แดง จะหมดอำนาจสั่งการ เก่งขึ้นผิดตา ตาสว่างว่าอะไรเป็นอะไร ทำหน้าที่ตำรวจอาชีพ "พิทักษ์สันติราษฎร์" น่าปรบมือยกย่อง ดังนี้

    1. กองปราบนำกำลังบุกจับ ตามหมายจับศาลตลิ่งชัน หักหน้าใต้จมูก จับญาติเมียเป็ดเหลิม นายไชยพร ธีมะสถิตย์ ยึดคลังแสงใหญ่มี
    - อาวุธปืนขนาด .38 รวม 4 กระบอก
    - อาวุธปืนขนาด 11 มม.
    - อาวุธปืนขนาด .22 รูเดอร์
    - ปืนลูกซอง ปืนขนาด 9 มม.
    - แมกกาซีนขนาด .45 มม.3 อัน
    - ซองบรรจุกระสุนปืนลูกซอง , ซองกระสุนปืนอาก้า , ซองกระสุนปืนคาร์บิน
    - กระสุนปืนขนาดต่างๆ กว่า 500 นัด
    - ระเบิดควัน 2 ลูก
    ** ใครช่วยโทรตามเป็ดเหลิม ไอ้ปื๊ด และริดสีดวง มานั่งตั้งโต๊ะแถลง เรียกสื่อนานาชาติ และในประเทศ จะได้ออกข่าวใหญ่โต คราวนี้ดังแน่ๆ เพราะไม่ใช่จับง่ามหนังสติ๊ก เหมือนครั้งที่บุกจับอาวุธ คปท.ที่หน้าทำเนียบเดือน ก.พ.57

    ช่วยมานั่งเป็นแบคกราวด์หน่อยนะ ไม่ใช่มือปืนป๊อบคอร์นตัวปลอมด้วย นี่ตัวเป็นๆ เลย ไม่มีสคริป..ฮา

    2. วันที่ 29 มี.ค. 57 เวลา 12.00 น. สน.ดินแดง (ที่ผัวคนที่ 5 นะโมทำงานอยู่ ) จับชายแฝงตัวเป็น กปปส. ที่ซอยเปรมสมบัติ 1 ดินแดง พกระเบิด RDG-5 จำนวน 2 ลูก ชื่อ นายวัลลภ รุ่งรัตน์ อายุ 42 ปี เป็นระเบิดรุ่นเดียวกับที่กลุ่ม กวป.เพิ่งถูกจับได้ และเคยที่ใช้ก่อเหตุที่บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ มาแล้ว

    3. วันที่ 29 มี.ค. 57 ชายชุดดำอาชีพในทำเนียบรัฐบาล และที่รัฐสภา ทำความเคารพ และหยอกล้อต่อกระซิก เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กับแกนนำ กปปส. และ คปท.ที่ขอเข้าไปทำกิจกรรมอย่างสุภาพ อารยชน..ไทยแลนด์โอนลี่..ทุยแดงดิ้นๆๆๆ..ฮา

    4. เกิดเหตุระเบิดแสวงเครื่องรุนแรง
    4.1 วันที่ 29 มี.ค. 57
    - เวลา 19.45 น. เกิดเหตุระเบิดบริเวณลานจอด สุเหร่าทรายกองดิน ซอยราษฎร์อุทิศ ระหว่างซอย 25-27 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย สภาพเหลวแหลก ใส้แตกทะลัก แขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง กระจัดกระจายทั่วบริเวณลาน ร่างกายฉีกขาด ยังใส่หมวกกันน๊อคอยู่ที่คอ
    - ผู้ตายชื่อนายบุญเลื่อน ปินตา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/3 ม.2 ต.แม่ทราย อ.ร้องกวาง จ.แพร่ และนายเกรียงไกร ศิลป์อำนวย อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 3/518 หมู่ 14 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำใส่กางเกงสีกรมท่าสวมรองเท้าคอมแบ็ทสีดำ , ผู้ตายทั้ง 2 คน เช่าบ้านเลขที่ 49/1 ม.8 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา อยู่ติดกะลานจอดรถที่เกิดเหตุ เจ้าของบ้านยิงสามีตายคาบ้านแล้วติดคุก เป็นบ้านร้างมานาน , มีการเช่าบ้านมาตั้งเเต่ 8 มีนาคม 2557 โดยอาศัยอยู่รวมกันกับเพื่อนประมาณ 6-7 คน
    - ผู้ตายทั้ง 2 ขับขี่รถ จยย.ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีดำ ออกมาจากบ้าน เพื่อทำการขนย้ายระเบิด ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย ระเบิดเกิดกระทบเสียดสี และเกิดการตกหลุมเสียหลักล้ม เมื่อผ่านจุดเกิดเหตุระเบิดลูกแรกจึงทำงานดังสนั่นหวั่นไหว เเต่อีกลูกหนึ่งเป็น ท่อเหล็กเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุต ตกอยู่ใกล้เคียงกัน ยังไม่ทำงาน
    - ชายอีก 4 คนที่กลุ่มเดียวกัน อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ขับรถตู้สีขาว เลขทะเบียน 744 หลบหนีไปโดยมุ่งหน้าไปทางหนองจอก
    - ตำรวจ สน.มีนบุรี และ เจ้าหน้าที่ EOD ได้ตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว ในบ้านพบระเบิดอีก 5 ลูกวางอยู่ที่พื้นชั้นล่างในบ้าน , ถังแก็สเปล่าขนาด 15 กก. จำนวน 6 ถัง, แกลลอนน้ำมันเบนซินจำนวน 1 แกลลอน และพบว่ามีการขนวัสดุที่เป็นส่วนประกอบของระเบิดจำนวนมาก
    - ในบ้านก็ไม่พบอุปกรณ์ หรือชุดจุดชนวน จุดนี้อาจเป็นแหล่งผลิตใหญ่ หรือ แหล่งพักระเบิด ของแก๊ง จยย.บอมบ์ เพื่อเคลื่อนย้ายไปต่อชุดจุดชนวนอีกครั้ง
    - บ้านหลังดังกล่าวยังมีรถมอเตอร์ไซต์จอดอยู่ 2 คัน เป็นยามาฮ่าฟีโน่ 1 คัน และรถซูซุกิ 1 คัน , เจ้าหน้าที่ EOD จึงนำระเบิด 5 ลูก และระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอม 1 ลูก มายิงทำลายทิ้ง ด้วยปืนแรงดันน้ำ
    - วิธีการทำการประกอบระเบิดนี้ เป็นวิธีการเดียวกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ระเบิดใช้ดินดำเป็นส่วนประกอบ ใช้เศษเหล็ก เศษตะปู น็อต และอื่นๆ เป็นสะเก็ดระเบิด ระเบิดและตรวจพบในครั้งนี้เป็นขนาดใหญ่ มีรัศมีทำลายล้างในระยะ 40 เมตร , จักรยานยนต์คาร์บอมรัศมี 20 เมตร
    - โดยหลักแล้วจะมีการแบ่งการทำงานเป็น 3 ทีมเป็นอย่างน้อย คือทีมประกอบระเบิด ทีมต่อชุดจุดชนวน และทีมที่นำไปวางระเบิด
    - ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรถเข้าออกบ่อย รวมถึงรถตู้สีขาว และรถตู้ฮุนไดรุ่นเอชวันสีดำด้วย , บ้านหลังนี้มีรถตู้วินด้วย วิ่งระหว่าง ปากเกร็ด มีนบุรี เจ้าของบ้านชื่อ แก้ว อายุประมาณ 60 ปี อยู่กับลูกสาวที่ร้านขายเสื้อผ้าย่านสะพานใหม่ วนรถเส้นทางผ่านกลุ่มม็อบ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ คาดว่าน่าจะไปก่อเหตุที่จุดนั้น

    4.2 วันที่ 29 มี.ค. 57
    - เวลา 11.24 น. พบระเบิดเพิ่มอีก 2 ลูก บริเวณพงหญ้าข้างทาง ที่พงหญ้าใกล้ปากซอยประชาราษฎร์อุทิศ 12 มีนบุรี และประมาณ 2 เมตรมีมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า คลิก สีแดงดำ ซึ่งจอดอยู่ริมฟุตบาท ระหว่าง รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเหตุระเบิดเมื่อคืนก่อนหน้า เป็นระเบิดแบบตั้งเวลา ด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์
    - ปิดการจราจร ถ.ราษฎร์อุทิศ เขตคลองสามวา 2 ช่องทาง ให้ EOD ทำลายระเบิดที่พบเรียบร้อย

    5. ตำรวจอุบลฯ ยึดหัวกระสุนปืน M39 กว่า 200 นัด ขอบคุณมากที่จับได้ก่อนมันจะก่อเหตุ
    - เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตั้งด่านตรวจ มีชายขี่มอเตอร์ไซด์มุ่งหน้าด่านตรวจ แล้วหักเลี้ยวหนี โยนกระสอบป่านทิ้งไว้ข้างทาง เมื่อตรวจพบข้างในกระสอบมีหัวกระสุนขนาด 20 มม.จำนวนมาก เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่อากาศสีเขียวขนาด 20 มม. ใช้กับปืนใหญ่อากาศ M39 จำนวน 220 หัว ยังไม่มีการใช้งาน มีอักษรภาษาอังกฤษเขียนว่า 20MM TP
    - อาจจะเอาไว้ยิงรถถัง หรือคอปเตอร์ชายชุดเขียว เพราะเป็นกระสุนชนิดเดียวกับของเครื่องบินยิงรถถัง เจาะเกราะได้ ต้องใช้ปืนยิงมีขนาดใหญ่

    6. ทหาร-ตชด. จับอาวุธลูกน้องโกเต็ก ขณะกำลังเดินทางออกนอกพื้นที่แม่สอด พร้อมเสาวิทยุ
    - วันที่ 30 มี.ค.57 แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงทราบว่า จะมีขบวนรถยนต์บรรทุกขนเสาอากาศวิทยุคลื่นความถี่ 90.50 เมกะเฮิตรซ์ สถานีวิทยุของคนเสื้อแดง ของโกเต็ก ซึ่งไปตั้งสถานีวิทยุ ณ บ้านเลขที่ 74 / 4 ถนนสาย อ.แม่สอด ตาก บริเวณสถานีขนส่งแม่สอดของเอกชน –
    - แต่ถูก ผกก.สภ.แม่สอด สั่งไม่ให้เปิดสถานีวิทยุ เพราะไม่มีใบอนุญาตประกอบการ ทำให้โกเต็กขี้ขลาด สั่งทีมงานรื้อถอนเสาอากาศสถานีวิทยุออกไป บรรทุกรถยนต์จุดหมายที่จ.เชียงราย
    - ทหารฝ่ายข่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด จ.ตาก จึงร่วมกับ ร้อย ตชด. 346 ประจำจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จึงดักตรวจค้นภายในรถยนต์ ยี่ห้อนีสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม สีม่วงขาว หมายทะเบียน ฏน 4192 กทม.จับกุมนายมานะ ถวิลพงษ์ อายุ 30 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ลูกน้องโกเต็ก พร้อมด้วยของกลาง
    - ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
    - กระสุนปืนจำนวน 4 รายการ คือ กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 78 นัด , กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 4 นัด , กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 นัด , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 24 นัด
    - เจอคุกไปตามระเบียบ..นึกว่าจะแน่ไหนว่าจะดื้อเปิดสถานีวันที่ 5 เม.ย.นี้ไง แค่โดนอ้าก้ายิงถล่มไป 28 นัด หางจุกตูดเบย..ฮา เพิ่งบอกว่าจะติดคุกเมื่อวาน วันนี้เข้าไปนอนเล่นในกรงซะแล้ว !!

    สายข่าวก็แจ้งเตือนมาแล้วล่วงหน้ามานาน เกี่ยวกับข่าวคาร์บอม เมื่อ 23 ก.พ.57 เสธ เคยแหล่งซุกตัวของพวกอเวจีแดงฮาร์ดคอร์.!!! สองทีมหลัก คือ ทีมหนึ่งซุกตัวอยู่แถวมีนบุรี มีอดีต ส.ส.พาเขมรไปลงคะแนนดูแลอยู่ อีกทีมหนึ่งซุกตัวอยู่ย่านตลาดคลองเตย มีขาใหญ่ที่คุมตลาดคลองเตย สายสุดาใส่แว่น ชอบทำบุญ ให้การดูแลอยู่ ( ดูข้อ ข้อ 2.5 ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.216502668539768.1073741925.187529244770444&type=3 )

    ที่เคย แฉ เรื่องไอ้ปื๊ดมันไปเอาปืนและระเบิดจากญาติ และสั่งอาวุธมาจากอุบลฯ เพราะที่นั่นเป็นแหล่งใหญ่ เพื่อเอามาจัดฉากจับชายชุดเขียวสระบุรี 2 คน แถวลุมพินีคราวก่อน เป็นไงล่ะ..แม่นเป๊ะเวอร์ไหม..เป็ดเหลิม กับ ริดสีดวงเอ้ย..มานั่งแถลงข่าวกันดีกว่า กองกำลังเสื้อแดงใส้แตก แขนขาขาดกระจุยกระจายเลย

    ถ้าได้เป็ดเหลิมไปตั้งโต๊ะแถลงข่าว แล้วจุดระเบิดสักตูมเป็นแสงไฟด้านหลัง จะอินน์มาก..และอาวุธเสื้อแดงมันขนกันบานเลยว่ะ..ทุยแดงมันจะเอาไปวางขายใน 7 eleven เหรอไงหว่า..ถึงเยอะขนาดนี้..ฮา

    จะบอกให้ก็ได้ ว่าแก๊งค์แดงใส้แตกที่มีนบุรีหน่ะเป็นพวกไหน มันเป็นส่วนโรงงานผลิตวัตถุระเบิด เพื่อใช้ในการก่อการร้ายสากลในกรุงเทพ เพราะคนตายและกลุ่มเพื่อนพึ่งจะเข้ามาเช่าบ้านอยู่ร่วมกันเมื่อ 8 มี.ค. เป็นช่วงที่มีการเริ่มได้พบระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดเดียวกับที่เพิ่งพบในกรุงเทพหลายจุด และที่เคยใช้ถล่มภาคใต้..
    - ไปป์บอมที่คว้างใส่บ้านแกนนำ กปปส.ที่เป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม
    - ระเบิดควัน และพ่นเสปย์สีแดงใส่ป้าย แกล้งเด็กที่ รร.ศรีวิกรณ์ (แมนมาก)
    - ระเบิดแสวงเครื่องหน้าการประปานนท์ , หน้า ป.ป.ช. , หน้าศาลไคฟง , คาร์บอมซอยแจ้งวัฒนะ ฯลฯ
    - และอีกสารพัดคดีความรุนแรงใน กทม.ที่แก๊งค์อั้งยี่แดง สั่งสมุนก่อเหตุมั่วซั่วไปหมด เพราะป่วนหนักที่ปูเน่าจะโดนคดีความ

    แก๊งค์แดงใส้แตกนี่ มันเกี่ยวข้องกับ ปาริณี และแดงสมุทรปราการ เป็นกำลังพลส่วนหนึ่งของแก๊งค์แดง กวป. ที่โดนจับคาหนังคาเขาที่ยิงระเบิด M79 ใส่ ป.ป.ช. และโดนบุกรวบขณะหลับ พร้อมอาวุธอีกหลายกระสอบ พอถูกจับเลยเตรียมทำคาร์บอม รูปแบบมอเตอร์ไซค์บอม เหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นแหละ

    เริ่มต่อจิ๊กซอที่ เสธ เคยแฉตลอดมาออกหรือยัง? ว่ามันโยงใยกับแก๊งค์อั้งยี่แดงไปหมดทุกส่วน ทุกคดี รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมภาคใต้ถึงไม่สงบ ? ตอนนี้ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าใครสั่งวาดะห์ และอีกหลายแก๊งค์ก่อเหตุฆ่ากันตายมาเป็นสิบปี ประกอบระเบิด วางระเบิด ในสามจังหวัดชายแดนไต้ เพื่อแย่งชิงที่ดินคนใต้ ที่เป็นแหล่งพลังงานน้ำมัน

    พวกนี้ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มอดีตทหารพราน และกลุ่ม อส.พิทักษ์ป่า การ์ดแบ่งแยกดินแดน อพปช.ของแรมบ้า ที่ใช้ป่าภูเขาหลวง บ้านหนองกก อ.ปักธงชัย โคราช เป็นที่ฝึกฝนด้านยุทธวิธี อ้าว..ไม่รู้หรอกเหรอ ว่าในกลุ่มที่ฝึกช่วงนั้นหน่ะ มีลับ ลวง พราง สายลับของชายชุดเขียว เขาปลอมแฝงตัวแสร้งไปร่วมฝึกด้วย..เขากลับมารายงานว่า หลักสูตรการฝึกเห่ยว่ะ..ฮา

    และตอนนี้ รายชื่อทุกคนที่ไปฝึก ภาพถ่าย ที่อยู่ ไม่เป็นความลับแล้ว อยู่ในมือหมดแล้ว แรมบ้าสั่งฆ่าตัดตอนให้หมดทุกคนได้เลย..ไม่งั้นจะเริ่มไล่จับมันทีละคน ประเคนเครื่องทำป๊อปคอร์นที่รสชาดนุ่มละมุนให้ แล้วให้มันซัดทอด ตายยกเข่งเลยนะ..ฮา

    ช่วงนี้ใกล้วันหวยออก มีเรื่องบังเอิญ ที่สายข่าวมือฉมังท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ คือ รถมอไซด์คนร้ายการด์ แก๊งค์ กวป. ที่ถูกยึดได้หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) เลขทะเบียน 838 , รถแท๊กซี่ที่โดนแก๊งค์อั้งยี่แดงยิงระเบิด M79 ใส่ใกล้วังสวนจิตรลดา เลขทะเบียน 836 , รถยนตสีขาวอีกคันที่โดนระเบิด M79 ร่วมกับแท๊กซี่ เลขทะเบียน 838..เอาวะสู้ปูเน่ามันสักงวดหนึ่งซิ..ผิดอย่ามาด่ากันนะ สายข่าวเขาฝากมา..ฮา

    มีเรื่องมาแฉ ประจานให้ทุยแดงดิ้นๆๆๆ ไม่เว้นแต่ละวัน วันก่อนแกนนำเลวแล้วรวย ได้จ้างทุยแดงขอนแก่น รุ่นดึก สิริอายุรวมกัน 10 คนปาไป 3 หมื่นปี ไปชูป้ายชุมนุมขับไล่ เจ-เจตริน ที่มีคิวไปแข่งเจ็ทสกี ที่งาน G Shock เจ็ทสกี โปรทัวร์ 2014 ที่บึงทุ่งสร้าง ขอนแก่น

    ที่นี้ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้นกับบรรดาป้าๆ เหล่านั้นซิ เมื่อดันเกิดก่อนนานไปหน่อย “ ไม่รู้ว่าหน้าตา เจ-เจตริน เป็นอย่างไร “ เพราะคนจ้าง เขาไม่ได้ให้รูปถ่ายมาด้วย..ก็เลยเดินหันติ๊วๆ ผ่านไป ผ่านมา เฉียดกับ เจ-เจตริน อยู่นั่นแหละ โดยหารู้ไม่ว่า คนนี้แหละ คือคนที่เขาจ้างพวกตัวเองมายกป้ายขับไล่..ฮา ดิ้นๆๆๆ

    เสธ ละกลัวจริงนารีแดงพิฆาตรุ่นนี้ แดดร้อนเป็นลมหัวฟาดพื้น รุ่นนี้หาอะไหล่ยากนะ..ฮา



    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มีนาคม 2014
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ชาวนาคืนพื้นที่พาณิชย์รวมกปปส. ไม่รุกป.ป.ช.เลี่ยงปะทะเสื้อแดง

    วันที่ 31 มี.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเกษตรชาวนาซึ่งมาชุมนุม หน้ากระทรวงพาณิชย์ เพื่อทวงเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล เป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ล่าสุดชาวนาได้คืนพื้นที่ให้กับกระทรวงพาณิชย์แล้ว โดยได้เดินทางไปสมบทกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. แจ้งวัฒนะ
    อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่า ชาวนาจะยังคงไม่เดินทางไปชุมนุม หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งนี้ก็เพื่อลดการเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดง
    ชาวนาคืนพื้นที่พาณิชย์รวมกปปส. ไม่รุกป.ป.ช.เลี่ยงปะทะเสื้อแด...
     
  13. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    31 มี.ค.57 เปิดโปง..พิษปูเน่ากาลีบ้าน กาลีเมือง มันหนักหนา พาสมุนพินาศสิ้น

    ตามทราบหลายคนทราบแล้วว่าชายดูไบ มีความเชื่อเรื่องคุณไสยทางพราหมณ์มาก เขาจะต้องมีการใช้หมอดูเพื่อแก้เคล็ด หรือสะกดสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เนืองๆ เช่น ในสมัยที่ชายดูไบเป็นนายกฯ ได้มีการสั่งย้ายศาลพระภูมิจากด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ย้ายไปยังด้านซ้ายของตัวตึก จนถูกถีบตกจากอำนาจ ออกจากตึกไทยคู่ฟ้าอย่างไม่มีวันกลับ เขาจึงพยายามแก้ของด้วยพิธีกรรมอื่นๆ หลายทาง เช่น การเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในระดับเทพ หรือระดับเจ้าหัวเมือง อยู่หลายครั้ง ที่ผ่านมาก็ในพม่า ช่วงนี้ก็ที่ลาว

    เมื่อคราเผาเมืองปี 53 อเวจีแดง นำพราหมณ์จากเมืองคอน ทำพิธีเทราดเลือดที่ธรณีประตูทางเข้า-ออก เป็นรูปกากบาท และใช้เท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือด ยกขึ้นมายันเสาประตู หมายเลข 1 และ 2 ทางเข้าทำเนียบ ของตึกไกรสรไทยคู่ฟ้า เพื่อให้ชายดูไบ สามารถกลับเข้าทำเนียบได้อีกครั้ง

    อีกทั้งบริเวณทางเข้า-ออก นี้ เป็นเส้นทางเสด็จฯ เข้า-ออก ของพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกครั้งที่มีพิธีการสำคัญ ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย การทำพิธีครั้งนั้นคือเขาต้องต่อสู้ และยันคุณไสยสถาบันเบื้องสูงนั่นเอง แต่การกระทำของสมุนอเวจีแดงครั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่จากกองอาคารสถานที่ มาเฝ้าจับตาดู จากนั้นได้รีบทำพิธีแก้ของโดยทันที

    ตอนเขาไปพม่า ที่ปรึกษาฝ่ายไสยศาสตร์หม่อง ได้ดูดวงว่าปูเน่าต้องเข้าเหยียบทำเนียบให้ได้ภายใน 19 ก.พ. เพื่อไปทำพิธีแก้อาถรรพ์ มนต์ดำ กับพระพรหมหน้าตักกว้าง 24 นิ้ว ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า จากปกติปิดสีทอง ปูเน่าต้องเอาสีชาดไปทาบนองค์พระพรหมทำให้เป็นสีแดงทั้งองค์ ถ้าทำไม่สำเร็จจะหลุดจากตำแหน่งนายก และถึงขั้นตายยกแผง หรือ ตายทั้งโคตร รวมทั้งชายดูไบจะกลับไทยไม่ได้อีกตลอดไป

    เขาจึงสไกป์จี้มาสั่งพ่อไอ้ปื๊ดยิ๊กๆ ว่าต้องสลายการชุมนุมมวลมหาประชาชนให้ได้ก่อน 18 ก.ย. ดังนั้นจึงเห็นเป็ดเหลิมเริ่มแผนชั่วการสลายการชุมนุมในวันพระที่ 14 ก.พ. จนโดนป๊อบคอร์นขู่ไปเปรี้ยงหนึ่งที่แจ้งวัฒนะ และมีโทรศัพท์ลึกลับไปบอกว่าวันนี้ “ ไฟแดง “ พร้อมขนรถคั่วข้าวโพดกันคึ่กๆ เข้ามาจากสระบุรี และที่ลุยไปจับง่ามหนังสติ๊กได้นิดหน่อยที่จุด คปท.แล้วตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ จนอับอายข้ามกาแลคซี่ไปนั่นแหละ

    ต่อมาชายดูไบก็ขันเกลียวเป็ดหลิมยิ๊กๆ อีก ให้เปิดทางเข้าทำเนียบให้ปูเน่าให้ได้ก่อน 18 ก.พ.57 แถมปูเน่าลงทุนจี้เป็ดเหลิมอีก ถามว่าจะเข้าทำเนียบเร็วสุดได้เมื่อไร นี่แหละที่ทำให้คากคกตู่ ออกมาขย่มจะปลดเป็ดเหลิมทุกวันช่วงนั้น ว่าถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป เพื่อกดดันเป็ดเหลิมอีกทาง จนเป็ดเหลิมต้องใช้กำลังชายชุดดำ 2.8 หมื่นคน มาบุกตลุย และเกิดการปะทะกับนักรบป๊อบคอร์น 3 หมู่ จนแตกพ่ายกระจายไปในวันที่ 18 ก.พ.นั่นแหละ

    ผลจากเข้าไปทำพิธีคุณไสย์ในทำเนียบไม่ได้ครั้งนั้น ก็ส่งผลร้ายต่อปูเน่าสารพัดเรื่อยมา จนถึงขนาดหายตัวลึกลับไปอยู่เซพเฮ้าส์คอนโดกลางเมือง และสลับที่นอนไปเรื่อยๆ ไม่มีใครพบถึงราว 4-5 วัน โดยการบริหารประเทศผ่านทางเฟสบุ๊ก และเผชิญเหตุการณ์ร้ายเรื่อยมา เช่น

    - ปปช.ชี้มูล นิชิน ประธานวุฒิ จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่กลางอากาศ , ตามมาด้วยขุนค้อน และคิวต่อไป คือ ปูเน่า และลูกสมุนที่ช่วยกันชักดาบเงินจำนำข้าวชาวนา และไซฟ่อนเงินออกไปฮ่องกง

    - ศาลไคฟงแพ่ง คุ้มครอง 9 ข้อ มวลมหาประชาประชาชน จนเป็นเหลิมทำอะไรไม่ได้ ต้องดื่มก๊งไวน์อักๆๆ กับสมุน

    - ศาลไคฟงอาญา รับฟ้องปูเน่า และสมุน ข้อหาสั่งฆ่าประชาชนตาย พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ในการสั่งสลายการชุมนุม เพื่อจะเข้าไปทาสีแดงพระพรหม , ไม่อนุมัติหมายจับ ตามที่ชายชุดดำ และริดสีดวงขอไป อีกแทบทุกหมาย

    - ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ มีมติว่า พรบ.กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้า เป็นโฆฆะ ลาบลอยต่างๆ หายวับ และเสียเครดิต ที่ไปรับปากกับหลายประเทศไว้ จนเขาเลิกคบกันไปทั่ว

    - ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ มีมติว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ทุยแดงลงไปดิ้นๆๆ ในปลักโคลนกันทั้งแผ่นดินจนบัดนี้ยังไม่เลิก งมโข่งขนาดไปแจ้งความกันที่โรงพักเอาผิดเปาบุ้นจิ้นหลายแห่ง เฮ้อ..มันทำได้ที่ไหนล่ะนั่น ไปดูข้อกฎหมายซะบ้าง มิน่าพวกที่ไปแจ้งความที่กองปราบ ชายชุดดำเขาไล่ตะเพิดออกมา เพราะคิดว่าพวกนี่ไปล้อเขาเล่นในวันโกหกโลก

    - มวลชนทุยแดงรับจ้าง จัดงานหวังให้เป็นลาวาแดง ที่อุดร ขอนแก่น เชียงใหม่ อยุธยา พัทยา ควักตังเติมเงิน หมดไปเกือบ 2 พันล้าน..ทุยแดงรับเงินแล้วกลับบ้านโลด จากลาวาแดงกลายเป็นประจำเดือนปริบๆ

    - เปิดตัว สปป.ล้านนา ออกมาครึกโครม ด้วยปืน 10 กระบอก แอบติดป้ายไปทั่ว ชั่วข้ามคืน โดนประชาชนชักธงรบใส่ซะเอง ไปรุมกระชากป้ายแบบนี้ทิ้ง แล้วขึ้นป้ายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนที่เยอะกว่า พรึบเดียวทั่วไปหมด ชายชุดเขียวเอง ก็งัดเอาอำนาจ กอ.รมน.มาไล่บี้ จนแก๊งค์นี้เหมือนหมาโดนสาดน้ำร้อน เหวอหนีตาย..ออกมาแก้ตัวว่าน้อยใจ มุกนี้จากแยกประเทศ กลายเป็นเพียงร้านอาหาร อีสานล้านนาไปอีก

    - จะขอกู้เงินแบ๊งค์ไหน ไปจ่ายเงินจำนำข้าวที่ชักดาบชาวนามา ก็ไม่มีใครกล้าให้กู้ วิ่งหนีกันป่าราบ เพราะรู้ว่าไม่มีทางได้เงินคืนแน่ๆ เพราะขนาดชายดูไบ กับปูเน่า ไปทำบุญที่เชียงใหม่ ให้วัดออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แค่นี้ยังชักดาบวัด ไม่เคยจ่ายคืนเขาเลยสักบาทจนบัดนี้
    - ริดสีดวง จอมจับจู๋ จิ๋ม ปลอม เมียน้อยชื่อไก่ ก็โดนย้อนเกล็ด อีรุงตุงนังเพราะดันให้เมียไปสร้างรีสอร์ทรุกที่ป่าสงวน ที่โคราช และไม่ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอีก มายื่นย้อนหลังก็ไม่มีใครกล้าเซ็นต์

    - ปูเน่าก็ตกรถ ก้นจ้ำเบ้า จนบางวันเดินได้ แต่ถ้าวันไหนต้องมีเรื่องหนักๆ ก็จะเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นขึ้นมาทันที หวยเลขท้ายรถที่เคยใบ้แม่น งวดนี้ทุยแดงก็กระเป๋าฉีกกันระนาว นั่งเอาเท้าก่ายหน้าผาก (แต่ของ เสธ ครั้งก่อนใบ้เลข 8 แม่นกว่า..เพราะโดนทั้งรางวัลที่ 1 และ 3 ตัวท้ายเลย..ฮา)

    - หมดท่าขึ้นมา ก็หันไปใช้บริการแก๊งค์แดง กวป.ยิง M79 ไปทั่ว สุดท้ายโดนย้อนเกร็ด ชายชุดเขียวปล่อยพลังลมปราญ เชิญ ผู้การโอ๋กลับใจ และ ผกก.นนท์ เข้าไปกินกาแฟขมๆ ที่ พล.ร.1 ในคืนนั้นเอง จับการ์ด กวป.คาหนังคาเขา พร้อมปืน M79 , ระเบิด RGD-5 , อาวุธปืนยิงสุทิน และคลังแสงอีกมหาศาล และห้ามประกันตัว แม้ว่า กวป.ขู่ว่าจะมาเผา และปล้นโรงพักนนท์ ชิงเอาคลังแสงคืน ตำรวจนนท์ ก็บ่ยั่น..ไล่ตะเพิดออกไปทันที !!

    จนทำให้ศูนย์เพาะพันธ์สัตว์ของเป็ดเหลิม และริดสีดวง ใบ้แดกมาจนถึงปัจจุบัน ต้องให้โฆษกหญิง ออกมาแถเรื่องเศรษฐกิจไปโน่น..จนป่านนี้ย้อย กับมีวันนี้เพราะพี่ให้ ก็มึนรับประทาน เพราะทุยแดงก็ด่าๆๆ ดิ้นๆๆๆ ตีอกชกตัว โหยหวน หวีดร้อง เหมือนเปรตโดนข้าวสารเสก ที่ ผกก.นนท์ ไม่ยอมให้มือปืนยิง M79 ใส่ศาล , ศรส., ปปช. และมือยิงสุทิน บางนา ประกันตัวไป แก๊งค์ชายชุดดำฝ่ายชั่วกลัวเสียมวลชนทุยแดงไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่า..ลมมันเย็น..(ฮา)

    - พอเช้าวันต่อมาหลังแก๊งค์ กวป. 4 คน ถูกจับ ยังมึนไม่หาย ต่อไม่ติด และเหวอๆ อยู่ หลวงปู่พุทธอิสระก็ไปตลบหลังอีก นำรถแทรกเตอร์ และมวลชนชาวนา เข้าไปดันบังเกอร์ และยางรถยนต์ที่แก๊งค์ กวป.ที่หน้าวังเดิมพระบรม ( ป.ป.ช.) จนพวกนี้ที่ยังไม่ทันตั้งหลัก มีเพียงหรอมแหรม เพราะเติมเงินทุยแดงไม่ทัน..ฮา ต้องวิ่งกระเจิงเหมือนผึ้งแตกรัง แต่ไม่วายชั่ว ยิงปืนใส่มวลชนหลวงปู่ จึงโดนสันติอหิงสวน โดนบรรเลงดนตรีพื้นบ้าน เสียงดังตุ๊บ พลั่ก โพล๊ะ จนการ์ดจับได้ 2 คน ท่ามกลางหน้าตาบวมปูด ร่างกายฟกช้ำ เสธ คิดว่ามันคงสำนึกผิดน่ะ เลยเอาหัว หน้าตัวเอง โขกที่พื้นถนนเอง

    ส่วนพวกที่เหลือ วิ่งหนีตีนหลายพันตีนเข้าไปในร้านอาหาร “ กินน้ำ” แถวหน้าวังเดิมพระบรม ( ป.ป.ช.) ที่ร้านนี้เจ้าของคือ เจ้าของมุ้งวังน้ำยม หูแหว่งเล่นบอลสุโขทัย ที่ชอบย้ายพรรค ทำให้แก๊งค์ กวป.หนีออกไปทางหลังร้าน รอดการฟังดนตรีพื้นบ้านไปได้หวุดหวิด..ใครช่วยไปอุดหนุนร้านนี้ให้ถึงใจสุดๆ หน่อยนะ..เอาแค่ไม่เข้าร้านนี้สัก 50 ปีก็พอ..อย่านานนัก..ฮา

    - อับดุล ที่โดนมนต์เขียวเป่ากระหม่อมยังมันไม่หาย ต่อมาก็โดนรุ่นพี่ พระที่นับถือ แม่ ขอร้องแกมบังคับอีก และอาจได้ตำแหน่งสำคัญหลังเกษียณเชิดชูตระกูลไปตลอดชีวิต สั่งชายชุดดำฝ่ายดีรุกหนัก จับคลังแสงญาติเป็ดเหลิมบ้าง ไล่จับลูกน้องโกเต็กบ้าง จับอาวุธที่อุบลที่จะเอามาแยกประกอบระเบิดแสวงเครื่องบ้าง เป็นแบ็คให้ลูกน้องฝ่ายดีสายตรง ไม่ให้ย้อย กับชายชุดดำฝ่ายชั่ว ไปทำอะไรอะไรได้ ทำให้ลูกน้องฝ่ายดี ทำงานแบบมีแบ็คดี ลุยจับทุยแดงไม่เว้นแต่ละวัน

    - ใช้ให้แก๊งค์ กวป.ทำระเบิดแสวงเครื่องไปโยนใส่คนอื่น ไอ้คนที่เคยไปถีบพระที่หน้า ปปช.ก็ดันอยู่ในแก๊งค์นั้น ระเบิดที่พกในย่ามจะไปโยนใส่คนอื่น ดันทำงานก่อนระเบิดตูมใส่ตัวเอง ตายไป 2 คนรวด ร่างกายขาดครึ่ง แขนขากระจายไปคนละทิศละทาง เหมือนขาที่ถีบพระนั้นไม่มีผิด..ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตาย..เอ..วันนั้นรุมกระทืบพระองค์นี้ด้วยกัน ราว 15 คน นี่นะ..พวกที่เหลือก็นะ..อืมม..ฮา

    เขาเรียกกรรมร่วม คนแรกตาย คนที่เหลือก็ต้องตายหมดเร็วๆ นี้แหละ โดนยิงตายจากพวกเดียวกันบ้าง ระเบิดตกใส่กันเองเวลาไปชุมนุมบ้าง ฯลฯ ไม่มีทางรอดหรอก ญาติๆ เพื่อนๆ มันพวกนี้รีบๆ ให้มันกินของอร่อยๆ นะ..เพราะเดี๋ยวก็ต้องทำบุญของอร่อยๆ ตามไปให้ทุกวันพระในนรกแล้ว..ไม่รอดแน่ๆ !!..ทุยแดงขวัญกระเจิง กระจายหมดแร้ววว..ฮา

    - รังผลิตระเบิดซอยราษฎร์อุทิศ 25 มีนบุรี ของอดีต สส.เผาไทยนำเขมรมาลงคะแนนนี้น่ะ มันเป็นแก๊งเดียวกับ “สมัย แดงเชียงใหม่” ที่เช่าห้อง 202 สมานเมตตาแมนชั่น 5 ชั้น ตลาดบางบัวทอง ปี 53 เป็นที่เก็บ หรือประกอบระเบิดแสวงเครื่อง TNT น้ำหนัก 10 กก. แต่เกิดพลาด ระเบิดทำงานตูมขึ้นก่อน ตาย 4 จนตึกถล่ม..ในห้องที่เกิดเหตุยังพบซาก CD ที่เขียนปกว่า "รัฐไทยใหม่" กว่า 100 แผ่น..

    ไอ้พวกทุยแดงที่คิดจะแยกดินแดนประเทศไทยที่ศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ ร่างกายพวกมันก็ต้องถูกแยกชิ้นส่วนเหมือนกัน..พวกที่คิดจะแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา ไม่มีทางรอดแน่นอน..กรรมเดี๋ยวนี้มันติดระเบิดแล้ว

    - อันธพาลแดงกร่าง “อ้วน บัวใหญ่ ” ที่เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์จากโคราชซิ ปี 53 มันนี่แหละเป็นแกนนำ ร่วมกับยัพสิงห์บุรี พาทุยแดงบุกโรงพยาบาลจุฬา จนคนไข้ตกใจจ้าละหวั่น จนต้องย้ายพระสังฆราชที่กำลังป่วยไป รพ.อื่น..บาปกรรมแท้ๆ ต่อมาในวันที่กีร์อมฮอลล์ เล่นปาหี่ตะกายตึกกับชายชุดดำฝ่ายชั่ว ที่โรงแรมชายดูไบ ที่นนทบุรี (ที่ไปหลอกตบทรัพย์เขามา แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีค้าขาย ด้วยวงเงิน 250 ล้านบาท )

    อ้วน บัวใหญ่ ได้พาเสี่ยกี้ร์อมฮอลล์ตะกายตึก แหกวงล้อมชายชุดดำฝ่ายชั่ว แต่บังเอิญแสดงบทโอเวอร์เกินเหตุ คือ ไปตบหน้าชายชุดดำนายพลโทคนหนึ่ง ต่อหน้ากล้อง TV โชว์กร่างคนไทยไปทั่วประเทศ ต่อมาอ้วน บัวใหญ่ ก็พาทุยแดงจำนวนหลายร้อย บุกบ้านนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่โคราช โดยมีเป้าหมาย “เผาให้ราบ” ครั้นชายชุดดำโคราชยกมาระงับเหตุ อ้วน บัวใหญ่ ก็ชักปืนจ่อที่หัวนายพลชายชุดดำคนหนึ่ง โชว์กร่างคนไทยทั้งประเทศอีก !!...

    สองเดือนต่อมา อ้วน บัวใหญ่ ถูกนักรบปริศนายิงทิ้งอยู่ข้างถนน จนถึงวันนี้ 4 ปี ผ่านมาแล้ว ยังจับมือใครดมไม่ได้ ตายฟรีเหมือนเสธ..แดง

    - ตอนนี้ทุยแดงตาสว่างกันเยอะแล้ว..เริ่มเปิดปาก แฉ แก๊งค์เลวแล้วรวยมาตลอดเวลา ตอนนี้เรื่องฆ่ากันเองแดงมาอีกแล้ว เมื่อนายทองสุก และนางสงวน แปน้อย ชาว จ.ขอนแก่น ที่เป็นพ่อ แม่ ของ นายยืนยง แปน้อย อายุ 33 ปี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับกลางเวทีการชุมนุมของทุยแดง นปช. ที่ย่านราชประสงค์ เมื่อปี 2553 เพราะต่อมามีผู้พบศพนายยืนยง ถูกอุ้มมายิงทิ้งในเขตท้องที่ สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

    หนึ่งในอดีตการ์ดแดง นปช. ที่เคยไปร่วมชุมนุม ปี 53 แต่ตอนนี้กลับใจแล้ว จึงได้เดินทางไปเป็นพยานบุคคล กับชายชุดดำ สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เพื่อยืนยันว่าผู้ตายเป็นการ์ดของกลุ่มแดง นปช. ที่ถูกส่งตัวเข้ามาช่วยคนเสื้อแดง ที่เวทีราชประสงค์ในกรุงเทพฯ เมื่อครั้งการชุมนุม ปี 2553 ต่อมาเกิดการขัดแย้งผลประโยชน์ ภายในกลุ่มแกนนำ นปช. ที่ผู้ตายได้ไปล่วงรู้ความลับการอมหัวคิวขององค์กร นปช.มากจนเกินไป ( กีร์อมฮอล์ ได้เงินค่าจ้างเดือนละ 1.5 ล้านบาทขณะชุมนุม)

    แกนนำเลวแล้วรวย จึงสั่งการ์ด นปช.ทั้งหมด 6 คน ร่วมกันอุ้มตัวนายยืนยง ไปที่บริเวณริมสระน้ำขนาดใหญ่ กลางสวนของ บ. เอฟพีที ในเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านดงไชยมัน ห่างจากถนนสาย ประจันตคาม-บ้านโคกขวาง ประมาณ 500 เมตร เขตพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10 บ้านโคกไข่เต่า ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แล้วจ่อยิงด้วยปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 7 นัด เข้าที่หัว 5 นัด ทางด้านหลัง 2 นัด ในตัวพกเครื่องรางของขลังติดตัว เป็นตะกรุด 1 เส้น จนตอนเช้าวันที่ 4 ต.ค.53 มีชาวบ้านพบกลายเป็นศพ ตรงนั้นเอง

    พวกแก๊งค์อั้งยี่แดงนี่ การหักหลังผลประโยชน์ แล้วยิงพวกเดียวกันเอง มันเกิดขึ้นมานานแล้ว ดังนั้นชายดูไบ จึงต้องสั่งฆ่าขวัญควาย (พอไม่ตาย จึงร่วมกับนกแสก และวาดะห์หาแพะแทน) รายต่อไปดังๆ คิวต่อไปก็คากคกตู่ ใส้เดือนเต้น แรมบ้า กีร์ ครูใหญ่โรงเรียน นปช.ที่จ้างยิงวัดพระแก้ว ฯลฯ และอีกหลายคนคงยิงบ้าง บอมกันเองบ้าง จนตายเป็นกอง ไม่รอดก็งานนี้แหละ

    นี่เอาเฉพาะที่สำคัญๆ นะ ผลจากการดวงขาดของปูเน่า ยังมีอีกเพียบ มันผูกโยงความซวยไปถึงลูกน้องในเครือข่ายทุกคน ช่วงวันที่ 6 มี.ค.57 ปูเน่าหนีไปอีสาน ไปรดน้ำมนต์ทำหน้าเหวอที่วัด และเป็นประธานถวายผ้าห่มองค์พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร เป็นพระธาตุที่เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองคนอีสาน มานานหลายชั่วอายุคน คนแก่บางคนว่าอาจถึง 1,000 ปี มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่เพราะดวงปูเน่าวิบัติแล้ว ที่สั่งลูกน้องฆ่าผู้ชุมนุมตาย และเจ็บจำนวนมาก และไม่เอาเงินจำนำข้าว ที่ไซฟ่อนไปฮ่องกง 6 หมื่นล้านบาทมาจ่ายคืนชาวนายากจนเขาไป จนฆ่าตัวตายไปกว่า 11 คนแล้ว..

    ความเป็นกาลีบ้าน กาลีเมือง มันหนักหนานัก เกิดอาเพศเมื่อราววันที่ 20 มีนาคม 2557 เวลา 20.00 น. เกิดพายุหมุนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พัดเอาส่วนยอดสูงสุดของพระธาตุเชิงชุม จนหักสะบั้นลงมา เบื้องล่าง มีความยาวหลายเมตร หน่วยราชการในจังหวัดปิดข่าวกันให้แซด แต่ไหนเลยเราจะยอมให้เงียบ คนที่เป็นภัยต่อคนอีสานแบบนี้ ต้องลือ แฉ กันไปทั่วๆ ภาคอีสานเลย ว่าใครเป็น ส.ส. , ส.ว. , นักการเมือง , ข้าราชการ , ทุยแดงที่ไปต้อนรับ

    จะต้องโดนสาปให้ได้รับทุกขเวทนา เพราะผลของกาลกิณีปูเน่าที่ไปเหยียบครั้งนั้น จนทำให้ลมพายุพิโรธ ลมประเภทนี้โบราณเรียก เวรัมภา คือเป็น ลมพายุ, ลมหัวด้วน, ลมร้าย พัดบ้านเรือนและต้นไม้หมด คล้ายกับลมบ้าหมูหรือ เพชรหึง, ลมพัดด้วยอำนาจเวรกรรม (เหมือน เวรัมภวาต) เคยมีกล่าวไว้ใน ลิลิตตะเลงพ่าย ตอน ลางร้ายของพระมหาอุปราชา และรำพึงถึงพระบิดา ว่า

    พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ ขับ คช บทจร จวน จักเพล้ บรรลุ พนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา
    เหตุ อนาถหนัก เอ้ อาจให้ชนเห็น ฯ เกิดเป็นหมอก มืดห้อง เวหา หนเฮย ลมชื่อ "เวรัมภา" พัดคลุ้ม หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ แลธุลีกลัดกลุ้ม เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน ฯ

    แม้ว่าแก๊งค์อั้งยี่แดงจะสั่งทุยแดงลำปาง นุ่งขาวห่มขาว ทำพิธีบวงสรวงเจ้าแม่จามเทวี เสริมบารมีให้ปูเน่า ให้ครบ 9 วัด ก็ไม่มีผลแก้กรรมได้ เป็นลางหนักเข้าไปอีก เพราะทำพิธี วางรูปปุเน่า มีผลไม้วางด้านหน้า เหมือนเซ่นไหว้ศาลเพียงตา ที่นักโทษโบราณถูกตัดคอคาลานประหาร

    ต่อมา คปท.ทำการแก้เคล็ดอาถรรพ์ปูเน่า โดยบุกยกพระพุทธรูป พระพุทธชินราช นำไปประดิษฐานที่องค์พระหรหม ที่หลังคาทำเนียบ แล้วไปถอดธงชาติผืนเก่าที่แก๊งค์อั้งยี่แดง มีการลงอักขระขอมไว้ที่ผืนธงชาติ เพื่อสะกดความดีงาม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เอาออกไปจากดาดฟ้าของทำเนียบ แล้วเปลี่ยนเป็นธงผืนใหม่แทน และทำความสะอาดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้น้ำล้างความสกปรก แบบทวนเข็มนาฬิกาแก้เคล็ดเสื้อแดง

    ปึ้งเหม่ง ผู้เชื่อหมอดูงมงายสุดๆ ถึงกับสั่งในที่ประชุม ศอ.รส.ให้ไปนำอาจารย์คงเข้าไปทำพิธีเอาพระพุทธชินราช และเอาธงชาติ ของ คปท.ออกจากทำเนียบ ต่อมามีการสั่งชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าประจำทำเนียบฯ ให้ยกพระพุทธรูป พระพุทธชินราช ของ คปท. ที่นำมาประดิษฐาน ออกไปจากดาดฟ้า

    วันถัดมา คปท.ใช้เครื่องบินบังคับโดรน บินขึ้นไปตรวจดูจึงพบว่าพระหายไป จึงบุกเข้าไปในทำเนียบอีกครั้ง จนชายชุดดำ 6 คน ต้องรีบนำพระพระพุทธชินราช กลับไปไว้ที่เดิมที่พระพรหมเหนือหลังคาทำเนียบ..ปูเน่าหมดดวงแล้ว ทุยแดงคนไหนที่ไม่รีบตีตัวจากออกมา จะต้องได้รับคำสาป ให้เกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงทุกขเวทนา ทรัพย์สินที่หามาหมดสิ้น ต้องตายด้วยคมหอกดาบ อาวุธของมีคม..วันต่อๆ ไป จะมาทยอยเล่าว่า ทำไมเสื้อแดงต้องตายที่ราชประสงค์เมื่อปี 53 ที่นั่นมีสิ่งลึกลับอะไรที่แกนนำไปลบหลู่

    ร.5 ท่าน "เลิกทาสให้ ไทยเป็นไทย ทั้งใจกาย" มาครบ 109 ปีแล้ว ชาวสยามพ้นจากความเป็นทาส ไพร่ มานานแล้ว ถ้าทุยแดงจะอยากกลับไปเป็นทาสให้แก๊งค์อั้งยี่แดงหลอกใช้จนตายอีก ก็ต้องคิดหนักๆ ที่แกนนำเลวแล้วรวยจะจัดระดมเสื้อแดงไทย 1 ส่วนพม่าในโรงงานแถวนั้น 9 ส่วน ที่ถนนอักษะ ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน 57 เป็นต้นไปนั้น การชุมนุม 5 แสน น่ะ เสธ ว่ามีตามลำดับดังนี้..1.แสนจะสกปรก. 2.แสนจะดักดาน 3.แสนจะทุย 4.แสนจะหยาบคาย 5.แสนจะถ่อย สถุล

    และรู้ไหมว่าแกนนำเขาจะพาทุยแดงไปรับกรรมใหญ่ เพราะสถานที่ และวันเวลาไปเบียดงานการกุศล MIRACLE OF LIFE ตรงแถวนั้นเป็นเขตวัง เป็นการเอาพม่ามาเหยียบสถานที่สูงส่งเบื้องสูง ไม่เคารพสถานที่

    ถนนเกือบทั้งเส้นอุทยาน เป็นเขตพระราชฐาน ใครไปร่วมแล้วจะรู้ว่าร้อนหรือหนาว..ทุยแดงที่ถูกหลอกจ้างไป ชีวิตตนเอง และครอบครัว กำลังเดินเข้าไปในในวงเวียนกรรมหนักเสียแล้ว


    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2014
  14. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ศาล รธน.มีมติรับคำร้อง สถานภาพนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” ย้าย “ถวิล” โดยมิชอบ

    คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้รับคำร้องสถานภาพนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” ไว้วินิจฉัย กรณีการโยกย้ายตำแหน่ง “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นจากตำแหน่งเลขาฯ สมช. เหตุส.ว.มีสิทธิเข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้อง ศาลมีอำนาจรับ ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดีที่ “เฉลิม” ผอ.ศรส.ขอให้สั่ง กปปส.ยุติการชุมนุมอ้างชุมนุมไม่สงบ พกอาวุธ ชี้ไม่เข้าหลักตาม ม. 68

    วันนี้ (2 เมษายน) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 268 หรือไม่ จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้คืนตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิล เปลี่ยนศรี และนายไพบูลย์ นิติตะวันส.ว.สรรหา และคณะรวม 28 คน เห็นว่าการที่นายกรัฐมนตรี โยกย้ายนายถวิล พ้นจากการเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาตินั้น ไม่ใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่การบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภา แต่เป็นการใช้ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงการเพื่อประโยชน์ของตนเอง เครือญาติ พรรคเพื่อไทยที่นายกรัฐมนตรีสังกัด เข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(2) และ(3) ไว้พิจารณาวินิจฉัย

    เนื่องจากเห็นว่ากรณีตามคำร้องเป็นการยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบมาตรา 182 วรรคสาม ที่ให้ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่สิทธิเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีที่มีการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง จึงอยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัย โดยให้นายกรัฐมนตรี ยื่นคำชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหากลับมาภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาหนังสือ

    นอกจากนี้ยังมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะส่วนตัวและฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงแป็นประมุข หรือกปปส. กับพวกรวม 54 คน กระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองหรือกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไมได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ศาลสั่งระงับการชุมนุมดังกล่าว

    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000037037&keepThis=true&TB_iframe=true&height=650&width=850&caption=Manager+Online+-+%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87
     
  15. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    "สนธิ" (ลิ้ม) ฟันธง ผบ.ทบ.เลือกข้าง "ทักษิณ" ยอมรับอำนาจรัฐขี้ฉ้อ-ทรราช บ้านเมืองถึงทางตัน เศรษฐกิจฉิบหายไปทุกวัน ๆ ๆ เพราะทหารไม่ยอมทำเพื่อประชาชน เป็นห่วงกำนันฯ จะเดินต่อยังไง เหน็บ "ประยุทธ์ชะชะช่า เดินหน้าสาม ถอยหลังสาม" สรุปคืออยู่กับที่ รอใช้เงินหลังเกษียณ ก.ย.เท่านั้น

    "..วันนี้คุณประยุทธ์ก็แสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่าจะยืนข้างคุณทักษิณ ด้วยการบอกให้คุณสุเทพช้ำใจว่า นายกฯ คนกลางเลิกเพ้อฝันได้แล้ว ทหารจำเป็นต้องยอมรับอำนาจรัฐ แต่คุณประยุทธ์ก็ไม่ยอมบอกว่าอำนาจรัฐนั้น ถ้ามันใช้อำนาจรัฐในการรังแกประชาชน ในการโกงชาติโกงบ้านโกงเมือง คุณประยุทธ์ก็ยังยอมรับอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคุณประยุทธ์ส่งสัญญาณให้คุณสุเทพชัดเจนว่าไปเลือกตั้งเถอะ.."

    "แต่มันก็มีตัวแทรกคือคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งประกาศรับวินิจฉัยกรณีคุณยิ่งลักษณ์และ ครม.เปลี่ยนตัว คุณถวิล เปลี่ยนสี ซึ่งวินิจฉัยแล้วถ้าผิดจริง ครม.ทั้งชุดก็ต้องออกหมด แต่ ครม.ชุดนี้ก็จะไม่ยอมออกอีก เพราะเขาบอกเขารักษาการ เพราะฉะนั้นปัญหาของเมืองไทยตอนนี้คือปัญหาวิกฤตหลักนิติรัฐ ซึ่งไม่มีใครยอมใคร กฎหมายนี่มันแปลได้ทั้งซ้ายแปลได้ทั้งขวา คนที่ต้องมาจบก็คือทหาร แต่คุณประยุทธ์ก็ไม่ยอมจบ บอกว่าไปเลือกตั้งดีกว่า คุณประยุทธ์ยิ่งพูด พูดไปทีไรนี่น้ำเสียงแล้วก็หน้าตาเหมือนคุณทักษิณเข้าไปทุกวัน ไม่รู้เป็นอะไร"

    "เพราะฉะนั้นแล้วบ้านเมืองมันจึงเป็นวิกฤตที่มันถึงทางตัน เพราะคุณทักษิณต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพราะว่าเครือข่ายของการเลือกตั้งคุณทักษิณวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เพราะฉะนั้นบ้านเมืองก็จะมีแต่ทางตัน เศรฐกิจก็จะฉิบหายไปทุกวัน ๆ ๆ ๆ .."

    "เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นไง ก็คือมันตันไปหมดและหาทางออกไม่ได้ แม้ว่าคุณทักษิณ คุณประยุทธ์จะบอกให้ไปเลือกตั้งเถอะ แต่การเลือกตั้งก็ไม่ได้แปลว่าจะแก้ปัญหาได้ ที่ผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงคุณสุเทพมากว่า ว่าแล้วคุณสุเทพจะเดินยังไงจากนี้ไป ผมให้คำตอบแทนคุณสุเทพไม่ได้ เพราะผมเคยแนะนำคุณสุเทพไปนานแล้ว บอกว่าปัญหาชาติบ้านเมืองที่มันไม่จบ เพราะคุณประยุทธ์ไม่ยอมทำงานเพื่อประชาชน แต่คุณประยุทธ์ทำงานเพื่อคุณทักษิณ คุณสุเทพก็ยังเอาใจคุณประยุทธ์อยู่เหมือนเดิม ก็เอาใจกันต่อไปก็แล้วกัน"

    "วิกฤตแบบนี้ ยิงกันทุกวัน ฆ่ากันทุกวันมันต้องประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวานนี้จู่ๆ คนของ คปท.ก็ตาย ตายแบบถูกยิงเหมือนกับยิงเผาขนอย่างนี้ ชาติบ้านเมืองมันจะอยู่อย่างนี้ได้ไง แล้วคุณประยุทธ์จะมัวเต้นชะชะช่า คือ เดินหน้าสาม ถอยหลังสาม พอมีเหตุการณ์ตึงเครียดมาประชาชนเรียกร้อง คุณประยุทธ์ก็ออกมาโวยวายทีนึง บอกว่าเดี๋ยวต้องประกาศกฎอัยการศึก ทหารจะไม่ยอมให้ประชาชนเป็นอะไร แต่สักพักหนึ่ง พอคุยกับคุณทักษิณรู้เรื่อง คุณประยทธ์ก็ชะชะช่า ถอยหลังอีกสามก้าว หน้าสาม หลังสามก็คืออยู่กับที่ รอให้ถึง ๓๐ กันยายน จะได้เกษียณอายุ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เอาเงินเอาทองไปใช้มีความสุข จบเท่านั้นเอง.."

    สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (02/04/57)
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rqIAscs7Bxg#t=257]2014/04/02 "สนธิ" มองวิกฤตการเมืองไทย เจอทางตัน หาทางออกไม่ได้ การเลือกตั้งไม่แก้ปัญหา - YouTube[/ame]
     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    1 เม.ย.57 ผวา..ม๊อบพม่าจะโดนเนรเทศ ม๊อบเติมเงินเจอทั้งแบ๊งค์ปลอม ซิมเปล่า

    ในการค้นหาเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย MH370 นั้น ตอนนี้ยังไม่มีประเทศใด พบชิ้นส่วนเศษซากวัตถุเครื่องบิน หรือร่างกายมนุษย์ ตามภาพถ่ายดาวเทียมเลยแม้แต่น้อย ออสเตรเลีย ส่งเครื่องบินค้นหา 10 ลำ เดินทางกลับประเทศแล้วก็คว้าน้ำเหลว ไม่พบอะไรเลย ส่วนอังกฤษได้ส่งเรือดำน้ำของตนเอง พร้อมกับอุปกรณ์ค้นหาใต้น้ำอันทันสมัย เดินทางถึงมหาสมุทรอินเดียตอนใต้แล้ว เพื่อช่วยเหลือการค้นหาซากเครื่องบินลำนี้

    และได้ส่งเรือลาดตระเวนทันสมัยอีกลำเดินทางไปยังจุดค้นหา เสริมเรือของออสเตรเลีย ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหากล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน และการสื่อสารในห้องนักบิน ซึ่งจะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเป็นเวลาราว 30 วันหลังจากที่เครื่องตก ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียว แบตเตอรี่ของกล่องดำก็จะหมดลงแล้ว

    ส่วนมาเลเซียเอง ก็มั่วและอำพรางหนักเข้าไปอีก เพิ่งจะยอมเผยแพร่ข้อความตอบโต้ในห้องนักบินกับหอควบคุมฉบับเต็ม แต่ข้อมูลนี้ก็ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดเดียว แถมโดนด่าหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก และบอกเป็นนัยยะว่าจากการสืบสวนการตกของเครื่องบินครั้งนี้ คงจะเป็นปริศนาไปตลอดกาล..เอาเข้าไป !!

    ประเมินดูแล้วในการค้นหาซากครั้งนี้มันยากเย็นแสนยากมาก เพราะความลึกของทะเลตรงนั้นจุดที่ลึกมากจะราว 5.8 กิโลเมตร หรือประมาณว่าเอาความสูงตึกใบหยก 2 มาเรียงต่อๆ กันแนวตั้งถึง 19 ตึกว่างั้นเถอะ คิดดูว่ามันลึกมากขนาดไหน แม้ดาวเทียมจะค้นพบ แต่เทคโนโลยีทางทะเลคงต้องอาศัยเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เป็นหลัก และหากเจอซากเครื่องบินที่ก้นทะเลที่มืดมิด จะเอาชึ้นมาได้อย่างไร และเรือดำน้ำของอังกฤษก็อาจถูกคำสั่งลึกลับ ให้ปกปิดสิ่งที่พบและเห็น..นี่แหละงมเข็มในมหาสมุทรจริงๆ ตามที่มาเลย์ว่า “คงจะเป็นปริศนาไปตลอดกาล “ เลยล่ะ

    ส่วนเกาหลีเหนือ ก็ยังไม่หยุดห้าว หลังที่วันก่อนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง ไปตกใส่ทะเลใกล้ๆ ญี่ปุ่นซะงั้น ตอนนี้เอาอีกแล้ว ได้ส่งแฟกซ์ไปแจ้งรัฐบาลเกาหลีใต้ว่า จะปฏิบัติการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในพื้นที่ 7 แห่ง ในแนวพรมแดนทั้งทางบกและทางทะเล ระหว่างสองประเทศ แต่ไม่บอกกำหนดการที่ชัดเจน แล้วก็ระดมยิงปืนใหญ่หลายลูก ไปตกเหนือเส้นแนวเขตทางตอนเหนือ ของเส้นแบ่งพรมแดนทางทะเล ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้

    แล้วก็สั่งยิงปืนใหญ่อีกหลายลูกข้ามมาตกยังน่านน้ำตอนใต้อีก ยิงทั้งเหนือและใต้ว่างั้นเถอะ กองทัพเกาหลีใต้ จึงยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ K9 และส่งเครื่องบินรบ F-15K เข้าใส่เส้นแบ่งเขตดังกล่าวบ้าง แล้วทหารของเกาหลีเหนือก็ยิงปืนตอบโต้สู้กันไปมาต่อเนื่อง จนรัฐบาลเกาหลีใต้ต้องสั่งอพยพประชาชน ออกจากเกาะแบงเนียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

    นั่นเพราะเกาหลีเหนือระแวง ที่ลุงแซม ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ไปแอบประชุมงุบงิบกัน ผู้นำบ้าอำนาจเขาจึงระแวงว่าจะถูกรุมกินโต๊ะ จาก 3 ประเทศ จึงต้องยิงอาวุธหนัก ข่มขวัญญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้เข้าไว้ แสดงให้เห็นแสนยานุภาพทางทหารของเขานั่นเอง

    ในไทยเองก็เจอผลพวงจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย โดยเมื่อช่วงเย็นวันที่ผ่านมา มีคนงานก่อสร้างขุดดินเพื่อตอกเสาเข็มในโครงการก่อสร้าง แล้วเจอแท่งเหล็กมา 3 ท่อน จึงช่วยกันยกกันเกือบ 10 คน นำมาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า เลขที่ 9/1 ซ.ลาดปลาเค้า 72 แยก7 แขวงอนุสาวรรีย์ เขตบางเขน และคนรับซื้อไม่คิดว่าจะมีอันตรายจึงรับซื้อไว้ และให้คนงานต่างด้าว และคนไทย ใช้ไฟเชื่อมตัดเหล็ก เพื่อจะเอาทองแดงมาขาย

    แต่หารู้ไม่ว่ามันคือระเบิดอากาศ ค้างเก่าที่ไม่ระเบิดจมดินมานานนับ 70 ปี ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 นิ้ว ยาว 47 นิ้ว หนัก 500 ปอนด์ รัศมีอันตราย 500 เมตร ทันใดนั้นระเบิดก็ทำงานระเบิดตูมขึ้นทันทีอย่างรุนแรง จนคนงานและผู้อยู่ใกล้เคียงร่างกายขาดวิ่น กระเด็นกระดอนไปไกล อาคารพังทลาย ซากปรักหักพังของบ้านหล่นลงมาทับ และเกิดเพลิงไหม้ขึ้น มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและที่โรงพยาบาล 8 ราย บาดเจ็บราว 19 ราย

    ระหว่างที่เพลิงกำลังไหม้อยู่นั้น ระเบิดที่มีการทำลายล้างสูง ก็ยังระเบิดต่อเนื่องอย่างรุนแรง จนทำให้รถ และบ้านแถวนั้น พังเสียหายจำนวนมาก..นี่ต้องปฎิรูปร้านค้าของเก่าด้วยป่ะนี่ !!

    ส่วนแก๊งค์แดงใส้แตก ที่โดนระเบิดแสวงเครื่องตัวเองเข้าไปตาย 2 ราย แถวมีนบุรี วันก่อน หลังตรวจสอบหลักฐาน และลายนิ้วมือ ภายในบ้านเช่าแล้วพบว่า พบว่าเพื่อนผู้ตาย อีก 2 ราย ที่ขึ้นรถตู้หนีไป มีประวัติทางคดีอาชญากรรมมาก่อน ในการก่อความรุนแรง แถมพบสลักถังดับเพลิงนับร้อยใบที่ฝังอยู่รอบบ้านเช่านั้น...นี่มันแก๊งค์ทำระเบิดแสวงเครื่องจากถังดับเพลิง ส่งไปก่อเหตุที่ภาคใต้ชัดๆ

    และตอนนี้กำลังลงพื้นที่ติดตามไล่ล่า นายอ่าว อิสระ อายุ 45 ปี ซึ่งใช้บัตรปลอม เจ้าของบ้านเช่าที่หนีไปอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ของอดีตนักการเมืองแดงคนหนึ่ง ในที่สุดการก่อเหตุรุนแรงที่ภาคใต้มาเป็น 10 ปี ก็ชี้ชัดจากการเจอหลักฐานแหล่งผลิตระเบิดสำคัญ จากแก๊งค์อั้งยี่แดงครั้งนี้เอง มีลักษณะทำเป็นขบวนการ และจะสามารถคลี่คลายคดีอีกจำนวนมากมาย ซึ่งการข่าว มีแก๊งค์แบบนี้อีกราว 9 แก๊งค์เล็กแก๊งค์น้อย กระจายตัวอยู่รอบ กทม.

    และตอนนี้มีเรื่องแปลกๆ ขึ้น เมื่อมีการข่าวจากสมาคมโป้งแห่งประเทศไทย แจ้งมาว่าชายชุดดำฝ่ายชั่ว “มีวันนี้เพราะพี่ให้ ” สมคบกับรองผู้ว่า กกท. ที่รู้เห็นเป็นใจด้วย อยู่ดีๆ ไปจดทะเบียนใบอนุญาติ สค.56 กับ กรมปกครอง คลองหลอด โดยที่ไม่มีนักกีฬายิงปืนคนใดรู้เรื่องนี้เลย ปกติจะต้องมีการคัดเลือก ลงความเห็น รับสมาชิก เพราะว่าสมาคมโป้งแห่งประเทศไทย สามารถสั่งซื้อปืนและกระสุนปืนได้เอง โดยไม่ต้องขออนุญาตหน่วยงานใดทั้งสิ้น !!

    หรือว่าใครที่เคยทำงานอยู่ภาคใต้ และเคยสลายประชาชน ที่หาดใหญ่หลายปีก่อน จะนำเข้าอาวุธที่ใช้ช่องว่างการนำเข้านี้ เอามาทำอะไรมากมาย มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับการนำโจรใต้วาดะห์ และสารพัดแก๊งค์ ขึ้นมาก่อการร้ายมาร่วมสอนการทำระเบิดแสวงเครื่องจากถังดับเพลิง ใน กทม. ให้กับกลุ่มฮาร์ดคอร์แดง และออร์เดอร์นำไปก่อเหตุภาคใต้

    อีกส่วนหนึ่งก็นำมาก่อเหตุใน กทม.จุดต่างๆ เช่น หน้าการประปานนท์ , หน้าสำนักงานทนายแผ่นดิน และสถาบันส่งเสริมเปาบุ้นจิ้น, หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) , หน้าศาลไคฟง , คาร์บอมในซอยแจ้งวัฒนะ ฯลฯ

    แจ้งเตือนการ์ดผู้ชุมนุม เฝ้าระวังรถแท็กซี่สีชมพู และรถกระบะวีโก้สีบรอนทองสี่ประตู..ทะเบียน ตร.83...มาเมื่อไรจะมีการยิงอาวุธใส่จุดชุมนุมทุกครั้ง..ไม่ต้องไปหาไกลหรอก มันจอดเยื้องๆ สน.ลุมพินี..นั่นแหละ

    ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย 2 คดี คือ
    - มีมติให้รับคำร้องสถานภาพปูเน่าไว้วินิจฉัย กรณีการโยกย้ายตำแหน่ง “ถวิล ” จากตำแหน่งเลขาฯ สมช.
    - ไม่รับคำร้องคดีที่ “เป็ดเหลิม” ผอ.ศูนย์เพาะพันธ์สัตว์ ขอให้สั่ง กปปส.ยุติการชุมนุมเนื่องจากไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ..เปาบุ้นจิ้นเห็นว่าเป็ดเหลิมโกหกว่างั้นเถอะ
    เหตุการณ์แมงเม่าแดงบินเข้ากองไฟ

    - คืนวันก่อน เวลา 01.25 น. บริเวณแยกสนามม้านางเลิ้ง แมงเม่าแดงลอบกัดปาระเบิด 2 ลูก จากแท็กซี่สีชมพู เพื่อขว้างระเบิดเปิดทางที่แยกเทวกรรม แล้วขว้างระเบิดที่แยกการเรือน จากนั้นใช้รถปิ๊กอัพ กับแท็กซี่ รถแวน อีกชุด ระดมยิงอาวุธสงคราม กราดรัวเข้าใส่เข้าแนวบังเกอร์การด์ คปท. แถวแยกสนามม้านางเลิ้ง แมงเม่าแดงพวกนี้ได้ใจ ต้องการทำลายขวัญ คปท.ตอนกลางคืนต่อ จากกลางวัน
    - มีกองกำลังป๊อบคอร์น (จากไหนไม่รู้) ออกมาปะทะ แมงเม่าโดนนักรบป๊อปคอร์นรับประทานป๊อบคอร์นรสหวานไปทะเล 2 สาหัส 3 ไม่เป็นข่าว (เพราะพวกนี้โดนจ้างมาตายฟรีอยู่แล้ว หวังรวยแต่กลับไม่ได้ใช้เงิน และเพื่อนก็จะเอาไปหมกอีกตามเคย เหมือนครั้งที่ปราจีนฯ ตอนที่แล้ว)
    - ต่อมานักรบป๊อปคอร์นชุดปฏิบัติการณ์ ออกเคลียร์ เสียงปืน เงียบลง คปท.ไร้เจ็บ
    - เวลา 01:40 น. ชายชุดเขียวรุดออกมาป้องกันแนวทุกจุดรอบ คปท.เข้าสู่ภาวะปกติ

    วันก่อนเป็ดเหลิม..วอนขอความเห็นใจจากประชาชน ว่าอย่าประณามแก๊งค์แดง กวป.ที่เอาอาวุธ M79 ไปยิงศาลไคฟง , ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) , วังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) ฯลฯ และอาวุธปืนไปยิงสุทินตายที่บางนา , ระเบิด RGD-5 ไปปาที่ต่างๆ จนมีคนตายและเจ็บ จนต่อถูกชายชุดำนนทบุรี ชายชุดเขียว และฝ่ายปกครอง ล้อมจับได้คาหนังคาเขา พร้อมคลังแสงอาวุธอีกหลายกระสอบ

    เป็ดเหลิมบอกว่า ต้องเห็นใจกองกำลังแดงติดอาวุธเขา เพราะเขาทำเพื่อประชาธิปไตย ตอนนี้พวกทุยแดงมีจำนวนเหลือน้อย จำเป็นต้องมีอาวุธติดกายไปไหนมาไหน..ไม่ได้มีเจตนาพกไปทำร้ายใคร (แค่ยิงใส่สถานที่ต่างๆ ให้เหมือนหมู่บ้านกระสุนตก) เขาพกอาวุธร้ายแรงบางชนิดเพื่อขู่มวลชน กปปส.ที่มีจำนวนมากมายจะรุมทำร้าย..

    กฏหมายก็น่าจะยกเว้นได้บางกรณี..ควรเข้าใจพวกกองกำลังแดงติดอาวุธเขาบ้าง เพื่อบ้านเมืองจะได้สงบสุข..และเป็ดเหลิม ก็บอกต่อว่า “ ใครรักตน ให้ไปร่วมชุมนุมกับแก๊งค์แบ่งแยกดินแดนแดง นปช.” ที่ถนนอักษะ พุทธมณฑล..เป็ดเหลิมคุยโวเยอะกว่า กปปส.100%..ส่วนคากคกตู่โวว่าทุยแดงจะมา 5 แสนอัพ..ฮา

    ด๊อกเตอร์เป็ดเหลิมปลอม หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของเขามี 3 อย่างสำคัญ คือ “ กร่างเวลามีอำนาจ เป็นแม่เหล็กเรียกแขกได้อย่างดี , ถ้าออกมาฟันธงอะไรล่วงหน้า ผลสุดท้ายออกตรงข้ามเสมอ , และเป็นลูกน้องใคร พาเจ้านายตายหมด” เขาทำผู้เป็นนายพังยับมาแล้วนับไม่ถ้วน เช่น น้าชาติ บิ๊กเตี้ย บิ๊กจิ๋ว น้าหมัก ชายตู้เย็น สู่ปัจจุบัน..ปูเน่า..ไม่ต้องทำนายก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น !!

    ถนนอักษะ พุทธมณที่ได้ชื่อว่า "สวยที่สุด ในเมืองไทย" ทุยแดงจะจัดชุมนุมที่นั่น วันที่ 5 เมษา 57 เป็นต้นไป ก็เพื่อ
    - ให้ตรงกับที่เขตทวีวัฒนา กทม. จะจัดงานการกุศล MIRACLE OF LIFE วันนั้น จะได้อาศัยภาพสื่อมวลชนในเครือข่าย มักง่ายมั่วนับรวมคนที่ไปงานการกุศลนี้ไปด้วย ว่าเป็นทุยแดงมาร่วมชุมนุม จะได้ดูเยอะๆ ทั้งที่รูปแบบกิจกรรมแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งรูปแบบ เนื้อหา และวัตถุประสงค์การจัดงาน
    - ถนนนี้แคบๆ ยาวๆ ถ่ายรูปมุมสูง จะได้ดูคนเยอะ ข้อสำคัญที่นี่ถ้าไม่มีรถส่วนตัว จะไปมาลำบาก มวลชนทุยแดงหนีกลับไม่ได้..
    - เดิมคางคกตู่ ประธานแก๊งค์เลวแล้วรวย เล็งมักใหญ่จัดชุมนุมพื้นที่พุทธมณฑลเลยทีเดียว แต่โดนสะกัด ไล่ตะเพิด เลยต้องขยับมาตรงที่ถนนอักษะ
    - จุดนั้นสะดวกในการขนกำลังคนมาตั้งค่าย เพราะมีถนนวงแหวนเชื่อมมาจากรอบ กทม. ขนคนงานโรงงาน แถบคลองหลวง ลำลูกกา ปทุมธานี สมุทรปราการ มาร่วมชุมนุม เพื่อให้การ์ดสังหารกันเอง สร้างสถานการณ์
    - โรงงานแถวนั้นโดยเฉพาะ สมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าว มากที่สุด กว่า 2 แสนคน และยังมี แรงงาน ลาว และเขมร ด้วย เจ้าของได้รับการประสานแกมบังคับจากกระทรวงจับกัง ให้เอาคนงานต่างชาติมาร่วมแสดงพลัง มิฉะนันจะถูกยัดเยียดข้อหาที่เป็ดเหลิมถนัด เจ้าของโรงงานไม่อยากมีเรื่อง จึงให้หัวหน้างานระดมคนไปตามออร์เดอร์ที่เป็ดเหลิมสั่งมา
    - งานนี้แก๊งค์อั้งยี่แดง วางแผนจะก่อความรุนแรง ให้แรงงานพม่า กับเขมรทะเลาะกัน เพราะแรงงาน 2 ชาตินี้เขม่น ตะลุมบอนกันอยู่เนืองๆ แล้วจะผสมโรงให้การ์ดแบ่งแยกดินแดน อพปช. ของแรมบ้า และของอารี เมืองนคร 4,000 คน สังหารคนไทย และแรงงานต่างชาติให้ตายเกลื่อน กลายเป็นทุ่งสังหาร แล้วโยนความผิดไปให้กำนัน และ กปปส.
    - เพื่อให้แรงงานพม่าโกรธแค้น ที่เพื่อนๆ ถูกฆ่าตาย แล้วจะถูกยุยง ให้ไปที่บ้านกำนันในละแวกใกล้เคียงว่าเป็นผู้กระทำ แรงงานพม่าจะแตกฮือ และเผาทำลายบ้านเรือนย่านนั้น.
    - และชายดูไบ จะถือจังหวะช่วงนี้ สังหารคากคกตู่ ใส่เดือนเต้น และแกนนำคนอื่นๆ เพื่อแห่ศพ เคลื่อนแฝงด้วยกองกำลังติดอาวุธ โดยมาตามเส้นบรมราชชนนี สะพานพระราม 8..ลงมาก็เข้าปะทะด่านหน้า กปปส.คือ กองทัพธรรม และ คปท.

    ส่วนหลายคำถาม ที่มีคนถามถึงท่าทีของชายชุดเขียว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตอบซ้ำ เพราะเขียนบอกไว้ในตอนก่อนๆ แล้ว “ครบทุกคำถาม” ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเดิมซ้ำๆ อีก..ใครหูเบาเชื่อคนยุแหย่ ใจไม่นิ่งก็แพ้ศึก..ตามที่เคยเตือนไว้หลายครั้งแล้ว เพราะตรงข้ามมีการเดินแผนการยุแหย่ให้แตกกัน ถ้าใครจะผลักมิตรคนสุดท้าย ไปเป็นศรัตรูก็หูเบาเต็มที เหมือนสมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ก็เพราะมีคนหูเบาเยอะ และแตกความสามัคคี จนเสียกรุง

    การศึกไม่ใช่กระจก “ จริงคือจริง เท็จคือเท็จ จริงคือเท็จ เท็จคือจริง “..ให้ไปดูความจริงที่เห็นด้วยตาว่า บังเกอร์กว่า 200 จุด และชายชุดเขียวพร้อมอาวุธ อีก 10,000 นาย..เขายังอยู่หรือถอนไปแล้วล่ะ..กลศึกนักรบใครที่ไหนใครเขาจะเผยจริงหมดสิ้น..ก็ทุยแดงมันส่องเฟสนี้อยู่เนี่ย..ฮา สะดุ้ง ดิ้นๆๆๆ

    เตือนผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย ที่มีคนงานต่างด้าวอยู่ ขอให้เข้าใจว่าสิทธิการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง รัฐธรรมนูญให้เป็นเอกสิทธิเฉพาะคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวไม่มีสิทธิผสมโรงด้วย ขอเตือนให้ผู้ประกอบการดูแลไม่ปล่อยคนงานไปร่วมชุมนุมทางการเมือง เพราะจะโดน กอ.รมน. แจ้งข้อหาหนักมาก

    ส่วนใครที่สื่อสารบอกต่อคนงานต่างด้าวได้ ให้อธิบายให้เข้าใจว่า ใครมาชักชวน หรือให้เงินจ้าง หรือเจ้าของโรงงานบังคับให้ไปชุมนุม ไม่ต้องไปผสมโรงกับเขา เพราะช่วงตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. 57 เป็นต้นไป ขอเตือนคนงานต่างชาติว่า กอ.รมน.จับตา “เป็นพื้นที่พิเศษ” จะมีการตั้งด่านสนธิกำลังผสม เพื่อดุลอำนาจควบคุมกันและกัน ระหว่างตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง

    ถ้าแรงงานต่างชาติฝ่าฝืน เดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมร่วมกับคนไทย จะมีความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศไทย จะต้องถูกการ์ดทุยแดงฆ่าทิ้ง เอาผิดใครไม่ได้ ถูกจับขังคุกดำเนินคดี และถูกเนรเทศออกนอกประเทศไทย ทรัพย์สินเงินทองที่เก็บไว้ในบ้านพักอาศัย จะถูกยึดหมด สิ้นเนื้อประดาตัว..ให้ลือ บอกต่อๆ กัยไปด้วย !!

    บริษัทเผาไทยนี่แก๊งค์ทำลายประเทศจริงๆ..ข้าวก็ไปซื้อของพม่า เขมร ลาว มาสวมสิทธิเป็นข้าวไทย..นี่ม๊อบก็จะไปขนพม่า เขมร ลาว มาสวมเป็นเสื้อแดงร่วมชุมนุม และฆ่าทิ้งอีก

    ส่วนสาวกทุยแดงผู้เคยร่วมชุมนุม ตอนนี้ก็ทะเลาะเบาะแว้ง โวยวาย ด่าทอ ประจาน แกนนำเลวแล้วรวยอย่างหนัก เพราะแกนนำดันไปชักดาบรับเงินมาแล้ว แต่ไม่จ่ายค่าพาหนะให้ครบทุกคน รถหลายร้อยคัน ไม่ยอมจ่ายค่ารถ ทำให้ทุยแดงต้องควักระเป๋าตัวเอง..ส่วนแกนนำเสื้อแดง ที่นัดจัดชุมนุม กลับรวยเอาๆ..ทุยแดงเขารับกันไม่ได้ เขาฝากมาบอก..ฮา

    และที่แกนนำไปจ่ายแบงค์ ที่มีตรายางประทับว่า “ ชายดูไบคือสมเด็จพระเจ้าตากสินมาเกิด “ ซึ่งถือว่าเป็นเงินปลอม ใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย ทุยแดงเขาก็โวยวายกันอีก เอะอะ ด่าทอ สาปแช่งแกนนำแดง กันทั่วไปหมด..ครั้งต่อไปอย่าใช้แบ็งค์ปลอมอีกนะ..ฮา !!

    ซิมโทรศัพท์ของค่ายชายดูไบ โดนประชาชนทั่วประเทศ ระดมแจ้งยกเลิกใช้ แล้วย้ายไปค่ายอื่น จนเจ๊งวินาศไปแล้วหลายหมื่นล้าน รู้ไหมว่ามันสะเทือนมาก บริษัทเผาไทยหมดท่า จึงบังคับให้แกนนำเอาซิมการ์ดไปแจก ให้ประชาชนต่างต่างจังหวัด และในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ทุยแดงโวยวายโมโหกันใหญ่ เพราะดันเป็นซิมการ์ดเปล่า ไม่มีเงินเติมมาด้วย เสียชื่อ “ม๊อบเติมเงิน” หมดเลย..ฮา

    ทุยแดงจึงประกาศยื่นคำขาดว่า เพื่อป้องกันการถูกหลอกซ้ำซาก เขาไม่เอาแล้วทั้งแบ๊งค์ปลอมและซิมการ์ดค่ายชายดูไบ..เขาขอให้เปลี่ยนมาแจกเป็น “เหรียญ” แทน (ฮา)..ก่อนการชุมนุมที่ถนนอักษะ แกนนำต้องไปหาแลกเหรียญที่ธนาคารมาก่อนนะ ถ้าไปพอคงต้องติดต่อกองกษาปณ์ผลิตเพิ่ม แล้วขนใส่ท้ายรถสิบล้อไปนับแจกกันที่ชุมนุม

    เวลาทุยแดงผู้ชุมนุมเดิน..ก็จะมีเสียงดังกรุ๋ง กริ๋งๆ เหมือนสะดึงอะไรพวกนั้น..ฮา

    แก๊งค์อั้งยี่แดง ช่วงนี้จะมึนหน่อย เพราเจอคดีต่างๆ ไปหลายดอก และจะต้องเจอหนักขึ้นๆ อีกเรื่อยๆ ใครอย่างรู้ชะตากรรมแก๊งค์อั้งยี่แดง ให้ไปดูคลิปนี้เปรียบเทียบเอาเอง [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5nC1f72BOm0]The worst scooter driver in China - YouTube[/ame] จับตาชายเสื้อขาว มุมบนขวา ให้ดูเขาแต่ต้นจนจบ อย่าวางตา..ฮา


    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    วันนี้กำนันสุเทพพูดเกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ ตรงใจผมจริงๆ
    ผมเองได้พร่ำเตือนพี่น้องประชาชนมาตลอดว่าขอจงวางใจในกองทัพ วางใจในผู้บัญชาการเหล่าทัพและทหารว่าย่อมดำรงความสัตย์ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกป้องประชาชน
    ขอพวกเราจงจำแนกว่าทหารกับถั่งเช้าเป็นคนละพวก ถั่งเช้าไม่ใช่ทหาร
    ผมเชื่อมั่นกองทัพ ผู้นำเหล่าทัพและทหารครับว่าย่่อมทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ เพียงแค่ไม่ได้ดังใจพวกเรา ในขณะที่พวกเราก็อาจไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางอย่างรอบด้าน จึงพึงวางใจพวกเขา
    แต่ถ้าเมื่อใดที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ายิ่งลักษณ์ผิดต้องสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีและต้องพ้นตำแหน่งหน้าที่ทั้งคณะแล้ว ถ้ายังยอมรับคำสั่งอยู่ เมื่อนั้นแหละครับเราย่อมกล่าวเต็มปากว่าการกระทำเช่นนั้นคือการร่วมกับกบฎและทรยศต่อพระมหากษัตริย์แน่นอนแล้ว พี่น้องประชาชนและทหารย่อมมีความชอบธรรมในการจัดการกับพวกกบฎทรยศเหล่านั้นจนถึงที่สุด
    ใจเย็นๆครับ ติดตามดูกันต่อไป ช่วยกันขยายจำนวนมวลมหาประชาชนต่อไป

    Paisal Puecmongkol
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 เมษายน 2014
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    2 เม.ย.57 เผย..จากประวัติอดีตชาติ สู่สัญชาติญาณปัจจุบัน พม่าคือทุยแดง

    มีเรื่องประวัติศาสตร์ที่จะเล่าให้ฟังบางเรื่องที่น่าสนใจ เป็นเรื่องอดีตชาติ สู่ยุคปัจจุบัน ให้ค่อยๆ อ่านไปจนจบ แล้วนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ให้มีสมาธิ คิดตามไปช้าๆ จะเห็นคำตอบถึงปัญหาบ้านเมือง และความคิดของคนบางกลุ่มที่ทำอะไรกับเมืองไทย มันอาจสัมพันธ์กับสัญชาติญาณบางอย่าง

    1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2

    ท่านทรงเสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ณ พระราชวังจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ (เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) มีพระเชษฐภคินีคือ พระสุพรรณกัลยา มีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และเป็นพระราชนัดดา ของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย

    พระองค์เจริญพระชันษาที่เมืองสองแควพิษณุโลก จนถึง 9 พรรษา โดยประทับที่พระราชวังจันทร์ ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะเสียกรุงครั้งที่ 1 ให้พม่า (ปี 2112) และพระองค์ต้องเสด็จไปอยู่ ณ เมืองหงสาวดี ทรงใช้เวลา 8 ปีเต็มในหงสาวดี ศึกษายุทธศาสตร์ของพม่า ทรงศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ และวิชาพิชัยสงคราม ทรงนิยมในวิชาการรบทัพจับศึก มีโอกาสศึกษา ทั้งภายในราชสำนักไทย และราชสำนักพม่า มอญ และได้ทราบยุทธวิธีของชาวต่างชาติต่าง ๆ ที่มารวมกันอยู่ในกรุงหงสาวดีเป็นอย่างดี เช่น ชาวโปรตุเกส สเปน หรือชาวพม่าเอง

    เนื่องจากการที่พระองค์มีชีวิตอยู่ในฐานะองค์ประกัน ทำให้ทรงมีความกดดันสูงจากมังกะยอชวา (พระราชโอรสในพระเจ้านันทบุเรง) จึงทรงมีแรงผลักดันที่จะกอบกู้อิสรภาพให้กับบ้านเมืองของพระองค์ เช่น จากการชนไก่ของพระองค์ กับมังกะยอชวา เป็นต้น รวมทั้งการเหยียดหยามว่าเป็นเชลย จากพวกพม่าด้วย ต่อภายหลังเมื่อเสด็จกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2115

    เมื่อปี พ.ศ. 2126 พระเจ้าอังวะเป็นกบฏ เนื่องจากไม่พอใจทางกรุงหงสาวดีอยู่หลายประการ จึงแข็งเมือง พร้อมกับเกลี้ยกล่อมเจ้าไทยใหญ่อีกหลายเมืองให้แข็งเมืองด้วย พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงยกทัพหลวงไปปราบ ในการณ์นี้ได้สั่งให้เจ้าเมืองแปร เจ้าเมืองตองอู และเจ้าเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งทางกรุงศรีอยุธยาด้วย ให้ยกทัพไปช่วย สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปแทน

    สมเด็จพระนเรศวรยกทัพออกจากเมืองพิษณุโลก เมื่อวันแรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีมะแม พ.ศ. 2126 พระองค์ยกทัพไทยไปช้า ๆ เพื่อให้การปราบปรามเจ้าอังวะเสร็จสิ้นไปก่อน ทำให้พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงแคลงใจว่า ทางไทยคงจะถูกพระเจ้าอังวะชักชวนให้เข้าด้วย จึงสั่งให้พระมหาอุปราชา คุมทัพรักษากรุงหงสาวดีไว้ ถ้าทัพไทยยกมาถึงก็ให้ต้อนรับ และหาทางกำจัดเสีย

    และสั่งให้พระยามอญสองคน คือ พระยาเกียรติ และพระยาราม ซึ่งมีสมัครพรรคพวกอยู่ที่เมืองแครง และเป็นผู้คุ้นเคยกับสมเด็จพระนเรศวรมาแต่ก่อน ลงมาคอยต้อนรับทัพไทยที่เมืองแครง อันเป็นชายแดนติดต่อกับไทย พระมหาอุปราชาได้ตรัสสั่งเป็นความลับว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพขึ้นไป ถ้าพระมหาอุปราชายกเข้าตีด้านหน้าเมื่อใด ให้พระยาเกียรติและพระยารามคุมกำลังเข้าตีกระหนาบทางด้านหลัง ช่วยกันกำจัดสมเด็จพระนเรศวรเสียให้จงได้

    พระยาเกียรติกับพระยาราม เมื่อไปถึงเมืองแครงแล้ว ได้บอกความลับนี้แก่พระมหาเถรคันฉ่องผู้เป็นอาจารย์ของตน ทุกคนไม่มีใครเห็นดีด้วยกับแผนการของพระเจ้ากรุงหงสาวดี เพราะมหาเถรคันฉ่อง กับสมเด็จพระนเรศวรเคยรู้จักชอบพอกันมาก่อน กองทัพพระนเรศวรยกมาถึงเมืองแครง เมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ. 2127 โดยใช้เวลาเดินทัพเกือบ 2 เดือน ตั้งทัพอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองแครงพร้อมทั้งพระยาเกียรติกับพระยารามได้มาเฝ้าฯ สมเด็จพระนเรศวร

    จากนั้นสมเด็จพระนเรศวร ได้เสด็จไปเยี่ยมพระมหาเถรคันฉ่อง ซึ่งคุ้นเคยกันดีมาก่อน พระมหาเถรคันฉ่องมีใจสงสาร จึงกราบทูลถึงเรื่องการคิดร้ายของทางกรุงหงสาวดี แล้วให้พระยาเกียรติกับพระยาราม กราบทูลให้ทราบตามความเป็นจริง เมื่อพระองค์ได้ทราบแล้ว ก็มีพระราชดำริเห็นว่าการเป็นอริราชศัตรูกับกรุงหงสาวดีนั้น ถึงกาลเวลาที่จะต้องเปิดเผยแล้ว จึงได้มีรับสั่งให้เรียกประชุมแม่ทัพนายกอง กรมการเมือง เจ้าเมืองแครงรวมทั้งพระยาเกียรติพระยาราม และทหารมอญมาประชุมพร้อมกัน

    แล้วนิมนต์พระมหาเถรคันฉ่อง และพระสงฆ์มาเป็นสักขีพยาน ทรงแจ้งเรื่องให้คนทั้งปวงที่มาชุมนุม ณ ที่นั้นทราบว่า พระเจ้าหงสาวดีคิดประทุษร้ายต่อพระองค์ จากนั้นพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินว่า "ด้วยพระเจ้าหงสาวดี มิได้อยู่ในครองสุจริตมิตรภาพขัตติยราชประเพณี เสียสามัคคีรสธรรม ประพฤติพาลทุจริต คิดจะทำอันตรายแก่เรา ตั้งแต่นี้ไป กรุงศรีอยุธยาขาดไมตรีกับกรุงหงสาวดีมิได้เป็นมิตรร่วมสุวรรณปฐพีเดียวกันดุจดังแต่ก่อนสืบไป"

    นับตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพเป็นต้นมา หงสาวดีได้เพียรส่งกองทัพเข้ามาหลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชา เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2133 พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 เมื่อพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนเรศวร หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 และโปรดเกล้า ฯ ให้พระเอกาทศรถ พระอนุชา ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช แต่มีศักดิ์เสมอพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง

    การสงครามกับพม่าครั้งสำคัญ ที่ทำให้พม่าไม่กล้ายกทัพมารุกรานไทยอีกเลย เป็นเวลาเกือบ 200 ปีคือ สงครามครั้งที่ 10 ยุทธหัตถี เมื่อปี พ.ศ.2135 นั่นคือเมื่อหงสาวดี นำโดยพระมหาอุปราชามังสามเกียด ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง สมเด็จพระนเรศวรก็นำทัพออกไปจนปะทะกันที่หนองสาหร่าย จังหวัดสุพรรณบุรี บ้างก็ว่าจังหวัดกาญจนบุรี สมเด็จพระนเรศวร ได้ทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา จนกระทั่งสามารถเอาพระแสงง้าวฟันพระมหาอุปราชาขาดสะพายแล่ง สิ้นพระชนม์อยู่กับคอช้างนั่นเอง

    ตลอดรัชสมัยของพระองค์ทรงกอบกู้ กรุงศรีอยุธยาจากหงสาวดี และได้ทำสงครามกับอริราชศัตรูทั้งพม่าและเขมร ทรงนำหลักวิชาตั้งแต่ครั้งเป็นเชลย มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับเหตุการณ์ และสภาพแวดล้อม ในการทำศึกได้เป็นเลิศ ดังเห็นได้จากการสงครามทุกครั้งของพระองค์ ยุทธวิธีที่ทรงใช้ ได้แก่ การใช้คนจำนวนน้อย เอาชนะคนจำนวนมาก และยุทธวิธีการรบแบบกองโจร พระองค์ทรงนำมาใช้ก่อนจอมทัพ ที่เลื่องชื่อในยุโรป

    นอกจากนั้น หลักการสงครามที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน เช่น การดำรงความมุ่งหมาย หลักการรุก การออมกำลัง และการรวมกำลัง การดำเนินกลยุทธ ความเด็ดขาดในการบังคับบัญชา การระวังป้องกัน การจู่โจม ฯลฯ พระองค์ก็ทรงนำมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ และประสบผลสำเร็จอย่างงดงามมาโดยตลอด จนราชอาณาจักรไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคง ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลกว่าครั้งใดในอดีตที่ผ่านมา

    งานสงครามในรัชสมัยของพระองค์ ทั้งในดินแดนไทยและดินแดนข้าศึก ได้ชัยชนะทุกครั้ง ทรงมีพระปรีชาสามารถในการนำทัพ ทรงริเริ่มนำยุทธวิธีแบบใหม่มาใช้ในการทำสงคราม และเปลี่ยนแนวความคิดจากการตั้งรับมาเป็นการรุก และริเริ่มการใช้วิธีรบนอกแบบ ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญยิ่งของชาติไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของไทย จากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรอย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด

    นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขง และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ

    พระองค์สิริรวมการครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา จากพระกรณียกิจคุณูปการ รวมถึงด้วยพระมหากรุณาธิคุณนี้ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้มีการจัดสร้างพระบรมรูปองค์สมเด็จพระนเรศวร ประดิษฐานไว้ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวร จ.พิษณุโลก ศาลดังกล่าวฯ มีลักษณะเป็นศาลาทรงไทยสีขาว ภายในเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมรูปหล่อองค์สมเด็จพระนเรศวรทรงนั่ง หลั่งน้ำจากสุวรรณภิงคาร (น้ำเต้าทอง) เพื่อประกาศอิสรภาพให้แก่ปวงชนชาวไทย

    ไม่นานมานี้ อับดุล มาทำพิธีสักการะบวงสรวง ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เกิดอาเภทโคมไฟบนเพดานหล่นตกลงมาแตกกระจาย ของเซ่นไหว้ล้มครืน คนไหว้กระจาย เป็นสิ่งย้ำเตือนสติ เตือนใจอับดุล และชายชุดดำทุกคนว่า "บุคคลใดคิดคตทรยศ ต่อชาติ กษัตริย์ และแผ่นดินไทย ก็จะมีอันเป็นไป "..ใครรับใช้แก๊งค์อั้งยี่แดง ที่มันสั่งเข่นฆ่าลูกหลานของพระนเรศวร มันผู้นั่นก็จะถูกสาปแช่งให้ไม่ตายดี..

    ที่เล่าตอนที่แล้วว่า ร้อยวันพันปีไม่มีเคยมีข่าวร้ายของ นรต. พอปูเน่า ไปใช้สถานที่โรงเรียนชายชุดดำสามพรานไม่กี่ครั้ง ก็เกิดอุบัติเหตุ นรต.2 นาย ร่มไม่กางตกลงมาจากเครื่องบินร่างกายแหลก ท่ามกลางสายตาครูฝึก เพื่อน และพ่อแม่ ที่ตกตะลึง..ปูเน่าไปเหยียบที่ไหน เกิดเรื่องร้ายที่นั่นตามมา น่าแปลกสุดๆ ใครยังอยู่ใกล้รับใช้ปูเน่า คอยดูเถอะ..จะหาว่าไม่เตือน !!

    2. พระอาจารย์ธรรมโชติ พระมหาเถระแห่งค่ายบ้านบางระจัน

    ในต้นปีระกา พ.ศ.2308 พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่าประสงค์จะตีกรุงศรีอยุธยา จึงให้เนเมียวสีหบดียกกองทัพเข้ามาทางเมืองเชียงใหม่ ลงมาตีกรุงศรีอยุธยาทางด้านเหนือ และให้มังมหานรธา ยกกองทัพลงมาทางเมืองทวาย เข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาทางด้านตะวันตก บรรจบกับกองทัพเนเมียวสีหบดี

    เนเมียวสีหบดีให้พวกพม่ากองหนึ่ง บังคับราษฎรที่ยอมอยู่ในอำนาจ ให้นำไปเที่ยวค้นทรัพย์จับคนทางเมืองวิเศษไชยชาญ ถ้ารู้ว่าใครมีลูกสาว จะบังคับเอาลูกสาวด้วย พวกราษฎรก็พากันโกรธ จึงคิดจะแก้แค้นพม่า มีหัวหน้า 6 คน นัดแนะกันลวงพม่าให้ไปค้นลูกสาวชาวบ้านที่บ้านป่าแห่งหนึ่ง แล้วกลุ้มรุมกันฆ่าพม่าที่ไปตายหมดทั้ง 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบ้านบางระจัน

    เวลานั้น ชาวบ้านวิเศษไชยชาญ และเมืองสรรค์ หลบหนีพม่าไปอาศัยอยู่ที่บ้านบางระจันด้วยกัน เพราะมีเสบียงอาหารบริบูรณ์ แต่เป็นบ้านดอนข้าศึกจะไปถึงได้ยาก พวกที่หนีไปทีหลังไปนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ พื้นเพเป็นชาวเมืองสุพรรณ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ณ วัดเขาขึ้นหรือเขานางบวช ท่านมีความรู้ด้านวิชากสิณ ด้านวิชาอาคมที่แก่กล้า ทั้งพรรษาและวิชาต่างๆที่ได้ศึกษาฝึกพร่ำร่ำเรียนมา ใครเห็นล้วนแต่เกิดศรัทธา ซึ่งพวกชาวบ้านนับถือกันว่าเป็นผู้รู้วิทยาคุณ ให้มาช่วยคุ้มครอง ที่วัดโพธิ์เก้าต้นในบ้านบางระจันด้วย

    พวกราษฎรก็เห็นชอบพร้อมกัน ชักชวนกันต่อสู้พม่า จึงรวบรวมกำลังได้ชายฉกรรจ์กว่า 400 คน มีตัวหัวหน้าอีก 5 คน ช่วยกันตั้งค่ายขึ้นวงรอบบ้านบางระจันเป็น 2 ค่าย แล้วจัดกันเป็นหมวดหมู่ พร้อมด้วยอาวุธที่หาได้ในตำบลนั้น แล้วสอดแหนมคอยสืบสวนพม่า ฝ่ายพม่าที่เมืองวิเศษไชยชาญ รู้ว่าพวกไทยที่ฆ่าพม่าหนีไปอยู่ที่บ้านบางระจัน ก็ยกกันไปประมาณ 100 คน จะไปจับ พวกชาวบ้านบางระจันรู้ ก็ใช้การรบแบบกองโจร คุมกำลังรบ 200 คน เข้าไล่ฟันแทงพม่า ๆ กลุ้มรุมแทงฟันกระชั้นถึงตัว ฆ่าพม่าตายเกือบหมด เหลือแต่ตัวนายควบม้าหนีกลับมาได้สักสองสามคน

    ครั้นกิตติศัพท์รู้กันแพร่หลายว่า พวกชาวบ้านบางระจันรบชนะพม่า พวกราษฎรที่กระจายอยู่ตามแขวงหัวเมืองที่ใกล้เคียง ก็พากันมาเข้ารวมกันที่บ้านบางระจันมากขึ้นทุกวัน จนรวมได้กำลังหลักพัน พวกราษฎรนับถือวิทยาคมของพระอาจารย์ธรรมโชติ ๆ ลงผ้าประเจียดและตะกรุดพิศมร แจกจ่ายให้ทั่วกัน ต่างก็มีใจกล้าหาญ จึงเกิดกำลังต่อสู้พม่าขึ้นทางหัวเมืองด้วยความห้าวหาญ

    พม่าพยายามปราบปรามพวกชาวบ้านบางระจัน ถึง 7 ครั้งก็แพ้ทุกที หลวงพ่อจรัญได้ไปธุดงค์แถวปากช่อง กับ พ.อ.ชม ได้ไปเจอจารึกที่พระอาจารย์ ธรรมโชติเขียนไว้ในถ้ำว่า เหตุที่บางระจันยืนหยัดต่อสู้กับพม่าได้นั้น เพราะมีผู้หญิงอยู่คนนึง ชื่อคุณหญิงปล้องเป็นเมียท่านขุน ในสมัยนั้นที่ถูกพม่าฆ่าตาย ก็เกิดความแค้นที่พม่าฆ่าผัวตัวเองก็ได้รวบรวมเหล่าแม่ม่ายแม่ร้าง ที่หัวอกเดียวกับตัวเองที่พม่าฆ่าตาย ยอมเปลืองตัว ร้องเพลงแซวพม่า(ปัจจุบันคือเพลงอีแซว) พม่าก็จะร้องเห่กลับมา ที่ปัจจุบันเรียกว่าเพลงพม่าเห หรือพม่าเห่ ได้ทำการเกี้ยวพาราสี มอมเหล้าพม่า เมื่อเมาก็เอามีดปาดคอพม่าตายจนหมด

    ต่อมาพระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านรู้ด้วยด้วยญาณของท่านรู้ว่าถึงชะตาบ้านบางระจันจะแตก คืนนั้น ท่านเลยเรียกชาวบ้านบางระจันที่เป็นลูกศิษย์ คนที่มีฝึกสมาธิ แล้วมีพลังจิตสูง ท่านก็ให้คาถาบังไพร ไว้ สามารถบังตาศัตรูได้ชั่วคราว หักไม้แล้วศัตรูมองไม่เห็น เมื่อค่ายบางระจันมีทีท่าว่าจะแตก ลูกศิษย์ใกล้ชิดก็ได้นิมนต์ท่านหลบหนีออกจากค่าย โดยที่ท่านไม่ได้เต็มใจ เพราะคิดจะอยู่สู้ด้วยกัน ตายด้วยกัน แต่สุดท้ายท่านก็ขัดศรัทธากิจนิมนต์ของชาวบ้านที่รัก หวงแหน และเชิดชูท่านว่าผ้าเหลืองไม่เหมาะที่จะมาจมกองเลือด จมพื้นพสุธาให้คนต่ำช้าสามานย์เยี่ยง พม่าข้าศึกได้ย่ำยี

    สุดท้ายลูกศิษย์จำนวนหนึ่งไม่มากนัก ได้พาท่านออกมาจากค่ายบางระจัน แล้วลี้ภัยข้าศึกอยู่ในป่าเขาลำนำไพร หายตัว มาที่ถ้ำที่ดงพญาไฟ จวบจนสงครามสงบจึงกลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดเขานางบวชตามเดิม

    3. ชายชุดเขียวคุมกำลังในพระนคร

    ผู้การแดง ผบ.พล.1รอ. มารับตำแหน่งใหม่เมื่อ 1 เม.ย.57 ประวัติสำคัญปี 53 เคยรวมรุ่นเพื่อนตั้งโต๊ะแถลงข่าวปะทะคารมกับเสธ แดง ที่กล่าวร้าย ผบ.ทบ.สมัยนั้น และกล่าววาทะเด็ดว่า หากมีสิ่งใดหรือการกระทำจากบุคคลใดก็ตามที่จะกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะออกมาตอบโต้ทันที เป็นสิ่งเดียวที่เราไม่ยอมโดยเด็ดขาด ในฐานะของทหารรักษาพระองค์ ในฐานะทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นายสิบ และพลทหาร อย่ามีสิ่งใดระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เราจะไม่ยอมเด็ดขาด

    ผู้การอ๊อฟ ผบ.ราบ 11 รอ. ได้รับเสียง แซ่ซ้องสรรเสริญ จากประชาชนเป็นอย่างมาก จากผลงานที่ออกมาช่วยน้องๆ นักศึกษาที่รามคำแหง จากเหตุการณ์ปะทะกับแดง นปช. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และออกมาดูแลความสงบในเหตุการณ์ปะทะหลักสี่ และจากสถานการณ์ก่อกวนของกองโจรแดง จนถึงปัจจุบัน

    ผู้การนพ รอง ผบ.ม.1รอ. เป็นนายทหารอีกคนหนึ่ง ที่ออกมาปฏิญาณจะรักษาราชบัลลังก์ เป็นหนึ่งในทหารราชองครักษ์ ปฏิบัติภารกิจถวายอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์บ่อยครั้ง เป็นผู้บังคับกองพันฯ ที่นำรถสายพานลำเลียงพล ที-85 เข้ากระชับพื้นที่บริเวณหน้า รร.สตรีวิทย์ ในการชุมนุมของกลุ่มแดง นปช.เมื่อปี 53 และได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 เข้าที่ขาทั้งสองข้างจนเกือบขาด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53
    ล่าสุด นำกำลังสารวัตรทหาร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายโยนระเบิดใส่มวลชน กปปส.ที่ตึกร้าง ถ.บรรทัดทอง

    ผู้การแดง เป็นนายทหารจู่โจม (RANGER) ของแท้ เสือคาบของกองทัพบกตัวจริง เสียงจริง การเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.พล.๑ รอ.เป็นกำลังหลักใหญ่ในกรุงเทพ มีหน่วยรบครบ (ราบ ม้า ปืนใหญ่ ช่าง สื่อสาร) เต็มสูตร ประกอบไปด้วยกำลังพล

    กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์
    - ร.1 พัน.1 รอ. ,พัน.2 รอ.,พัน.3 รอ., พัน.4 รอ.
    กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
    - ร.11 พัน.1 รอ., พัน.2 รอ., พัน.3 รอ.)
    กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์
    - ร.31 พัน.1 รอ., พัน.2 รอ.,พัน.3 รอ.
    กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
    - ป.1 พัน.1 รอ., พัน.11 รอ., พัน.31 รอ.)

    ม.พัน.4 รอ., ช.พัน.1 รอ. , ส.พัน.1 รอ. และมีกำลังพลอีกเพียบกว่า 20 กองพัน ฯลฯ

    ด้านอาวุธ
    - ปืนกล , ปืนกลร่วมแกน , ปืนกลต่อสู้อากาศยาน , เครื่องยิงลูกระเบิด, อาวุธต่อสู้รถถัง , อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง , ปืนใหญ่กล, ปืนใหญ่รถถัง, ปืนใหญ่ ฯลฯ
    - รถถังหลัก , รถถัง, รถสายพานสนับสนุนการรบ , รถสายพานติดปืนใหญ่ , รถสายพานบรรทุกกระสุน , รถสายพานติดปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน , รถสายพานวางสะพาน , รถสายพานกู้ซ่อม , รถสายพานบังคับการ , รถสายพานลำเลียงพล , รถสายพานติดเครื่องยิงลูก, รถสายพานติดเครื่องยิงจรวด , รถสายพานติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง , รถสายพานติดปืนใหญ่ต่อสู้อากาศ, รถสายพานพยาบาล ฯลฯ
    - รถเกราะลำเลียงพล , รถเกราะติดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81 มม. , ติดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 120 มม. , ติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง , รถเกราะกู้ซ่อม , รถเกราะพยาบาล , รถเกราะลำเลียงพล , รถเกราะติดปืนใหญ่ , รถติดเครื่องยิงจรวด
    - ปืนกลกลาง , เครื่องยิงลูกระเบิด, เครื่องยิงจรวด , ปืนไร้แรงสะท้อนถอย, อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง , ปืนพกอัตโนมัติ , ปืนเล็กสั้น , ปืนเล็กยาว , ปืนเล็กยาวซุ่มยิงกึ่งอัตโนมัติ , ปืนกลมือ , ปืนกลเบา , เครื่องยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กยาว
    - ปืนพกอัตโนมัติ , ปืนลูกซอง, ปืนเล็กสั้น , ปืนเล็กยาว , ปืนเล็กยาวซุ่มยิงโบลท์

    พล.1 รอ.นั้น มีหน่วยบู๊ที่ขึ้นตรงครบทีม (ทั้งเหล่าราบ ,ม้า ,ปืน และหน่วยอื่นๆ อีกเพียบ ) ที่สำคัญหน่วยนี้ เป็นหน่วยที่คุมกำลังรบหลัก เบ็ดเสร็จในกรุงเทพฯ มีอาวุธหนักทั้งรถถัง รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ ปืนกล หน่วยพิเศษ..ที่พร้อมเคลื่อนที่ออกจากที่ตั้งทันที

    หากมีคำสั่งภายใน 15 นาที กำลังพลพรึบ ส่วนรถตีนตะขาบต่างๆ ภายในไม่เกินชั่วโมงเดียว ก็วิ่งออกมาประจำจุดได้ทั่วกรุงเทพฯ ทันที..ปี 53 ไม่มีนักรบป๊อบคอร์น แต่ปี 57 นี้มีเพียบบ (จากที่ไหนไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับทหาร) ประจำจุดสูงข่ม และจุดประชิด ที่พร้อมจะทำลายร้างสิ่งเคลื่อนไหวสีแดงๆ 2 เขาทุกชนิด ที่บังอาจเข้าใกล้และโจมตีอาวุธหนักของทางราชการ.

    ทั้งผู้การแดง จะได้มาทำงานร่วมกับ ผู้การอ๊อฟ ทั้ง คือ สุดยอดทหารของพระราชา 2 คู่หูคู่โหด แดงสยอง รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มองตาก็รู้ใจ จะเข้ามาดูแล ความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ให้กับพี่น้องประชาชน..เมื่อเรือขยับ เพื่อรออีกจังหวะยาว แต่ส่งม้าศึก บวกโคน โจร โจรอั่งยี่แดงทั้งหลาย จงคิดให้ตระหนัก ถ้าจะทำลายบ้านเมือง...การรุกฆาตขุนแดง..เพียงพลิกฝ่ามือ

    พ่อไอ้ปื๊ด..หน้าร้อนๆ แบบนี้ คุ้นๆ คำว่าเมษาฮาวาย ป่ะ..ฮา

    ประเทศไทย เมื่อวนมาครบรอบ ทุก 41 ปี และ 67 ปี จะเกิดเหตุความวุ่นวาย มีคนเจ็บ และตายในบ้านเมืองทุกครั้ง ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ที่เล่าแต่แรก ทุยแดงบางคนดวงมันถึงคราว ใครเตือนเท่าไรก็ไม่ฟังหรอก เชื่อคำยุยงจากแกนนำเลวแล้วรวย พวกนี้ในอดีตชาติมันคือทหารพม่าเก่าที่มารุกรานอยุธยา แล้ววิญาณยังคงอยู่ที่ร่างแล้วเกิดใหม่บนแผ่นดินไทย

    สัญชาติญาณพม่าบอกมันให้ต้องรบ และเป็นศรัตรู กับทหารไทย ที่เกิดมาในชาตินี้เหมือนกัน.. ส่วนมวลมหาประชาชน อดีตชาติ ก็คือราษฎรบ้านบางระจัน และกรุงศรีอยุธยา แม้จะไม่มีอาวุธ ทัดเทียมเหมือนทุยแดง แต่ทุกคนก็สู้ไม่ถอยอย่างอดทน..และมีทหารตั้งบังเกอร์ดูแลโดยรอบเมือง เหมือนหลายร้อยปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน..เพราะทั้ง 3 กลุ่มรบกันมานานหลายร้อยปีแล้วนั่นเอง..

    อดีตชาติพม่าก็มาตีกรุงศรีอยุทธยาแตก ทำลายชาติ เผาเมือง ย่ำยีศาสนาลอกเอาทองคำไป ทำลายสถาบันกษัตริย์ และปล้นสะดมประชาชน เอาของมีค่าไป เพื่อบำรุงบำเรอพวกตนเอง ปัจจุบันทุยแดงก็ปล้นสะดมภาษีอากรคนไทย โกงไปเป็นของตัวเองเหมือนกันเลย

    แม่ทัพทุยแดงวิญญาณพม่าพวกนี้ นัดหมายแรงงานไพร่พลพม่า มาชุมนุมวันที่ 5 เม.ย.ที่ถนนอักษะ ที่เหมือนกำแพงเมืองชั้นใน ถ้ามันยกกำลังเข้ามา ทำผิดกฎหมาย ทำร้ายคนไทย และทหารไทย ที่เกิดมาใหม่ชาตินี้ แล้วเผาบ้าน เผาเมือง เหมือนปี 53..ก็แสดงว่า มันคือพม่าในอดีต ที่ได้มาถึงวันหมดอายุขัยตามกรรมอีกรอบหนึ่งของพวกทุยแดงแล้ว..หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีกรรมไม่พ้น..บางเรื่องมันช่างบังเอิญเหมาะเหม็งจริงๆ !!

    ส่วนทหารไทย กับประชาชนไทย ก็จะสังหารเหล่าแม่ทัพพม่า ไพร่พลทุยแดง ตีชิงเอาเมืองคืน ฟื้นฟูศาสนา ปกป้องพระมหากษัตริย์ ชนะอดีตชาติพม่าทุยแดงอีกเหมือนในอดีตชาติ นั่นเอง..!!



    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    5 เม.ย.57 แฉ..เป็ดเหลิมเคยเป็นกบฎ เมษาฮาวาย..สู่ฮ่าๆๆๆๆๆ แสนอ้างว้าง

    ย้อน กลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เป็ดเหลิม นายตำรวจหนุ่มฝีมือดี เป็นสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม มีอำนาจสืบสวนสอบสวนได้ทั่วราชอาณาจักร วันหนึ่งมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ เป็ดเหลิม นำกำลังไปปราบบ่อนของผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง แม้เขาคัดค้านว่าผู้มีอิทธิพลรายนั้นมีอำนาจมาก เงินมาก ถึงขั้นมีแบงก์ 500 โยนใส่ตาย 5 ชาติก็ไม่หมด

    แต่เป็ดเหลิม ต้องจำนนต่อคำสั่งของผู้เป็นนาย หลังทลายบ่อนพนันราบคาบ วันรุ่งขึ้นเขาถูกพล.อ.เล็ก รมว.มหาดไทย ขณะนั้น เรียกเข้าพบ พร้อมตั้งข้อหาว่ารับแผนมาเพื่อต้องการล้มเศรษฐกิจไทย เขาถูกด่านับชั่วโมงจนรู้สึกโกรธแค้น ตัวเองรับไม่ได้

    เหตุการณ์ วันนั้นทำให้เป็ดเหลิม ถูกสั่งย้ายด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ไปเป็นหัวหน้าแผนก 8 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 8 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ที่นั่นนาน 1 ปี 3 เดือน 2 วัน ต่อมาเขาถูกเรียกกลับมาอยู่ใน ตำแหน่งเดิม แต่ก็อยู่ได้เพียง 3 วัน ก็มีการเตะสกัดให้เขาไปอยู่แผนก 5 กอง 7 เป็นสารวัตรปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้

    เขาอยู่ที่นั่น 6 เดือนก็ถูกเรียกกลับมาเป็นสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 กองปราบปรามอีกครั้ง เพราะพิษการเมือง ทำให้เขาระเหเร่ร่อน แต่ด้วยความที่มีพวกเป็นทหารเพราะเคยจบนายสิบทหารบกมาก่อน ทำให้เขามีคอนเน็กชั่นฝั่งสีเขียวหลายคน และเขาก็ถูกชวนลับให้ร่วมก่อการยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.เปรม ร่วมกับกลุ่มทหารยังเติร์ก จปร.7 ใน “ กบฏเมษาฮาวาย"

    คำว่า "กบฏเมษาฮาวาย" เป็นประวัติศาสตร์ทางการปฏิวัติทางทหาร ช่วงเหตุการณ์ครั้งนั้นก่อกบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย ขึ้นมา โดยเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหาร ครั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 - 3 เมษายน พ.ศ. 2524 เพื่อยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม

    ผู้ก่อการประกอบด้วย นายทหารซึ่งจบจาก จปร. รุ่น 7 หรือที่เรียกว่ารุ่น ยังเติร์ก มีจำนวนกำลังทหารเข้าร่วมมากถึง 42 กองพัน ถือได้ว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้แก่ พันเอกมนูญ (ม.พัน.4 รอ.), พ.อ.ชูพงศ์ (ม.1 รอ.), พ.อ.ประจักษ์ (ร.2), พันโทพัลลภ ป๊อบอาย (ร.19 พล.9), พ.อ.ชาญบูรณ์ (ร.31 รอ.), พ.อ.แสงศักดิ์ (ช.1 รอ.), พ.อ.บวร (ป.11), พ.อ.สาคร (สห.มทบ.11) โดยมี พล.อ.สัณห์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ

    ในเวลาเย็นก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เพียงวันเดียว ทางฝ่ายผู้ก่อการ คือ พ.อ.ประจักษ์ ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ถึงบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อเกลี่ยกล่อมให้เข้าร่วม โดยให้เป็นหัวหน้าคณะและจะให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ เพื่อจขัดอิทธิพลของนักการเมือง แต่ พล.อ.เปรม ไม่ตอบรับ พร้อมกลับเข้าบ้านพักและหลบหนีออกไปได้

    คณะปฏิวัติเรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการสภาปฏิวัติ" ได้เริ่มก่อการเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน โดยจับตัว พล.อ.เสริม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ท.หาญ, พล.ต.ชวลิต จิ๋ว และพล.ต.วิชาติ ไปไว้ที่หอประชุมกองทัพบก และออกแถลงการณ์คณะปฏิวัติ มีใจความว่า

    “ เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศทุกด้าน กำลังระส่ำระส่ายและทรุดลงอย่างหนัก เพราะความอ่อนแอของผู้บริหารประเทศ พรรคการเมืองแตกแยก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน จึงเป็นจุดอ่อน ให้มีคณะบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศเคลื่อนไหว จะใช้กำลังเข้ายึดการปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลง การปกครองเป็นแบบเผด็จการถาวร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดของประเทศ คณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน จึงได้ชิงเข้ายึดอำนาจการปกครองของประเทศเสียก่อน “

    พร้อมกับได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ, ยุบสภา ถอดถอนคณะรัฐบาล ประกาศแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง พร้อมกับเปิดเพลงปลุกใจออกอากาศ ทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตลอดเวลา ขณะที่ตามสถานที่ต่าง ๆ ใน กรุงเทพ ฯ ได้มีการตั้งบังเกอร์ กระสอบทราย และมีกำลังทหารพร้อมอาวุธรักษาการณ์อยู่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งมีการอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์

    ทางฝ่ายรัฐบาล โดย พล.อ.เปรม ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี คาราช ตั้งกองบัญชาการตอบโต้ และใช้อำนาจปลดผู้ก่อการออกจากตำแหน่งทางทหาร โดยได้กำลังสนับสนุนจาก พล.ต.อาทิตย์ รองแม่ทัพภาคที่ 2

    การตอบโต้กลับของทางรัฐบาล เริ่มต้นด้วยการโดยส่งเครื่องบินเอฟ-16 บินเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯเพื่อสังเกตการณ์ พร้อมกับเคลื่อนกำลังพลเข้ามา ทหารทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันเล็กน้อย เป็ดเหลิมได้รับมอบภารกิจ นำตำรวจกองปราบฯ สามร้อยยอด บุกยึดกรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 3 และมีการต่อสู้กัน มีทหารฝ่ายก่อการเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย มีพลเรือนถูกลูกหลงเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างละ 1 คน

    ซึ่งการกบฏก็ได้ยุติลงอย่างรวดเร็วในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 3 เมษายน เมื่อกองกำลังฝ่ายก่อการได้เข้ามอบตัวกับทางรัฐบาลรวมทั้งสิ้น 155 คน เป็ดเหลิมเอง ถูกตั้งข้อหาเป็นกบฏ ต้องเดินคอตกเข้าคุก ถูกจองจำขังเดี่ยวไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นาน 7 วัน 7 คืน จนคิดว่าชะตาอาจถึงที่ตาย เพราะข้อหาที่เขาได้รับมีบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต

    เพราะในห้องขังสี่เหลี่ยมที่เขาถูกขังครั้งนั้น ก็เป็นห้องเดียวกับที่อดีต พล.อ.ฉลาด อดีตหัวหน้ากองคณะรัฐประหารโค่นรัฐบาลธานินทร์ เมื่อปี 2520 แต่ล้มเหลว ถูกจับ และถูกตัดสินยิงเป้า เป็นกบฏคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตนั่นเอง..เป็ดเหลิมจึงขี้ขึ้นสมอง

    ขณะที่แกนนำของฝ่ายผู้ก่อการคนอื่น เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ พ.อ.มนูญ ลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี, พล.อ.สัณห์ หัวหน้าคณะได้หลบหนีไปยังประเทศพม่า ต่อมารัฐบาล พล.อ.เปรม ได้ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ระดับแกนนำได้รับพระราชทานอภัยโทษทางการเมือง เป็นจำนวน 52 คน เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม และได้รับการคืนยศทางทหาร และตำรวจ ในเวลาต่อมา

    ต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายน คณะนายทหารเหล่านี้ ก็ได้นำธูปเทียนไปกระทำการขอขมา พล.อ.เปรม ถึงบ้านสี่เสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านพัก ขณะที่ พล.อ.สัณห์ เมื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย และได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ

    ภายหลังเหตุการณ์ พล.ต.อาทิตย์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญคุมกำลังทหารต่อต้าน ได้รับความไว้ใจเลื่อนเป็นพลโท ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 คุมกองกำลังรักษาพระนคร และเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ใน 6 เดือนต่อมา

    ภายหลังเป็ดเหลิมได้รับนิรโทษกรรม พ้นมลทิน ถูกทาบทามให้กลับไปรับราชการอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้หวนคืนราชการตำรวจอีกเลยนับจากวันนั้น ต่อมาเขาเข้าสู่การเมือง ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ สร้างชื่อ ครองเก้าอี้ ส.ส.เป็นครั้งแรกในชีวิต

    ผลจากการก่อการกบฎเมษาฮาวายพ่ายแพ้ พล.อ.เปรม จนถูกจองจำขังเดี่ยวไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นาน 7 วัน 7 คืน ครั้งนั้น ทำให้เขาโจมตี พล.อ.เปรม เรื่อยมา และต่อมาออกมาตั้งพรรคการเมืองส่วนตัวเอง เช่น พรรคมวลชน สมัยเป็น รมต.สำนักนายก ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย และเขาเคยเป็นเจ้านายชายดูไบ ที่มาประจบประแจงเขาด้วยเน็คไทจากเมืองนอก จนเขาอนุมัติสัมปทานเคเบิ้ลทีวีให้

    ส่วนคากคกตู่นั้น ตอนที่ทหารสลายการชุมนุมทุยแดงปี 53 คางคกตู่ กระโดดหนีลงจากเวทีเสื้อแดงเป็นคนแรก ขาหมดแรง เข่าอ่อน “ ฉี่ราดเต็มกางเกง “ จนการ์ดต้องประคองลงจากเวที หนีหัวซุกหัวซุน

    ตลอดการสร้างอาณาจักรไทยกว่า 1,000 ปี กองทัพไทย ได้เป็นข้ารองพระบาทกษัตริย์ ตลอดมา บรรพบุรุษทหารสละชีพจำนวนมาก ดำรงความสัตย์ ความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกป้องประชาชน ตลอดมา

    ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และทหาร ทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ ตามการข่าวที่รู้ความตื้นลึกหนาบางอย่างรอบด้านมากกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้นอาจไม่ได้ดังใจประชาชนทุกคน ต้องรักษาความปลอดภัยจากศัตรูภายนอกประเทศ และปฏิบัติงานภายใต้รัฐธรรมนูญปี 50 ที่ผ่านประชามติของประชาชนเสียงส่วนใหญ่

    เมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดปูเน่าคดีโกงจำนำข้าวจีทูจีเป็นเท็จ และศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ว่าปูเน่าผิดตามคำฟ้อง เช่น คดี ถวิล และอีกสารพัดคดี ฯลฯ ให้ต้องสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี และต้องพ้นตำแหน่งหน้าที่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เมื่อนั้นทหารก็จะไม่ยอมรับรัฐบาลเถื่อนนี้ทันที

    พล.อ.สุนทร "สุภาพบุรุษเสื้อคับ" มีบุคลิกลักษณะชัดเจนตรงไปตรงมา ยังยึดถือสโลแกนประจำตัวของพ่อที่ว่า " ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" เป็นแบบอย่างของทหารอาชีพ ที่จัดการเป็ดเหลิมจนเผ่นป่าราบ หนีไปอยูต่างประเทศหลายปี จนแทบเป็นอัมพฤกษ์ หาเลี้ยงตัวเองโดยการขายแซนวิช และเมื่อครั้งที่ วีระ หมิ่นเบื้องสูง พล.อ.สุนทร เคยสั่งทหารให้ไปลากตัววีระจากบ้านพัก มาให้ทำพิธีขอพระราชทานอภัยโทษ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

    ส่วน พล.ต.อภิรัชต์ หรือ เสธฯ แดงใหม่ (เรียกตามยศที่เพิ่ม แต่ชื่อเดียวกับอีก เสธ แดงเก่าอีกคนปี 53) วันนี้เขาได้รับตำแหน่งสำคัญเป็น ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) เป็นทหารที่ยอมตายเพื่อประเทศชาติ บิดาเขาคือ พล.อ.สุนทร นั่นเอง เสธฯ แดง จึงสืบสายเลือดทหารอาชีพ ยุคสมัยหนึ่งเมื่อปี 53 ที่คนเสื้อแดงบุกล้อมทหารที่สถานีไทยคม เสธฯ แดง ไม่ยอมจำนน และพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปอยู่บนดาดฟ้า

    แม้ไม่นานมานี้แก๊งค์อั้งยี่แดง จะส่งคนไปอ้อนวอนบิ๊กจิ๋ว ให้มาเกลี้ยกล่อม ให้ เสธ แดง ใหม่ย้ายค่ายไปหนุนแก๊งค์โจรนอกกฎหมายของตนเอง แต่บิ๊กจิ๋วไม่กล้าทำ เพราะรู้ว่าเลือด พล.อ.สุนทร มันแรงขนาดไหน เพราะบิ๊กจิ๋วเองยังเคยถูก พล.อ.สุนทร ปฏิวัติในสมัยเป็นลูกน้อง พล.อ.ชาติชาย มาแล้ว

    วันที่รับมอบตำแหน่ง ผบ.พล 1 รอ. เสธฯ แดง กล่าวคำเดิมคุ้นๆ ผู้เป็นบิดาว่า " พวกหมิ่นสถาบัน พวกสร้างความวุ่นวายให้ประเทศ มันเป็นคนไทยหรือเปล่า" พล.อ.ประยุทธ ฉลาดเลือกใช้คนได้ถูกกับงาน และจังหวะเวลา เมษาฮาวาย จริงๆ..

    เปรี้ยง เปรี้ยง ดั่งเสียงฟ้าฟาด..โครม โครม พินาศพังสลอน..เปรี้ยง เปรี้ยง ลูกปืนกระเด็นกระดอน..โครม โครม ดัสกรกระเด็นไกล

    และวันนี้เสธฯ แดง ออกตรวจพื้นที่ชุมนุมของแดง นปช. และเป็นผู้สั่งการตั้งด่านทหารบก จำนวนมากกว่า 58 กองร้อย ทหารเรืออีกราว 4 กองร้อย เพื่อสกัดแรงงานต่างด้าวที่จะเข้าไปในถนนอักษะ เพื่อรักษาความปลอดภัยประชาชน

    จนเวลา 11.00 น. ประธานคางคกตู่ ประชุมเเครียดหนักหน้าเริ่มปริ แตกเปรี๊ยะๆ (สายลับไปนั่งประชุมด้วย) เมื่อต่างด้าวทั้งหลายถูกด่านโดยรอบ ของ กอ.รมน. ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ที่ตั้งด่านดุลกันและกัน ใครปล่อยเข้าไปก้ไม่ได้ ทำให้ต่างด้าวถูกกักตัวไว้ข้างนอกหมด ไม่สามารถเดินทางมาถึงถนนอักษะ ได้ตามกำหนดอย่างที่คิดไว้ งานนี้เกิด “มหกรรมต้มแม้ว “ เต็มๆ..แต่จะวางบิลไงล่ะนี่..

    คางคกตู่ผู้ป่วยหนักโรคกระดูก โวยว่าทำไมทหารต้องออกมาตั้งด่านมากมาย ตอนแก๊งค์ นปช.จัดชุมนุม (ฮา)..ส่วนเจ๋ง ก็ปลอบใจบอกว่า ตอนนี้หลักแสนแล้วนะ แต่หลบอยู่ตามเต็นท์ ตามร่มต่างๆ เดี๋ยวแดดร่มลมตก ทุยแดงคงเต็มถนน..ฮา..ทุยหลอกทุย

    เวลา 14.00 น. และใส้เดือนเต้น เดินทางมาถึง สวนทางกับสายลับ..ใส้เดือนเต้นหน้าถอดสีเห็นได้ชัด เมื่อเห็นจำนวนผู้ชุมนุมทุยแดง ที่มีเพียงราว 4,000 คน เท่านั้น..เลยขึงขัง ตาโต ทำเสียงเข้มบอกนักข่าวที่ถามไปว่า ตอนนี้ยอดถึง 5 แสนหรือยัง ไปว่า “ วันนี้แค่ซ้อม ยังไม่เอาจริง”..ฮา เป็นไปตามที่ เสธ บอกเป็นนัยยะในตอนที่แล้วเป็นภาษาพม่าว่า ตาตา (ลาก่อน) , ซิดดั้ด/เย (ทหาร/ตำรวจ) , ปี (วิ่ง) , ตินบอตัว (ตรงไป)..ฮา

    เป็ดเหลิม ที่คุยโวว่าจะมีทุยแดงมา 5 แสน ตอนนี้จึงตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้..แสนสาหัส / แสนเหงาหงอย / แสนอ้างว้าง / แสนเดียวดาย / แสนว่างเปล่า..หน้าแหกยับเยินไปอีกคน..

    ตอนนี้น่าจะเหลืออีก 4 แสน 9 หมื่น 4 พัน 2 ร้อย 45 คน..จะครบ 5 แสนคนแล้ว..ฮา

    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 เมษายน 2014
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    หลวงปู่บอก อย่าด่า ผบ.ทบ.

    หลวงปู่พุทธะอิสระ สนทนาธรรม
    วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557
    เวลา 19.11 น. เวทีกปปส. แจ้งวัฒนะ

    อยากวิงวอนขอร้อง ลูกหลานทั้งหลายว่า "อย่าไปด่าทหารเขานักนะลูก" อย่าไปตำหนิติว่านะ วันนี้ก็คุยกันในที่ประชุม หลวงปู่ก็เตือน ลุงสมศักดิ์ อุทัยคปท. เตือนเวทีกองทัพธรรมว่า มองอะไรให้ไกลๆ อย่ามองแค่ปากมาจมูก คนเป็นขนาดผบ.ทบ. หรือ เป็นถึงขนาดผู้นำกองทัพนี่เขาจะต้องมีวิสัยทัศน์

    หลวงปู่ก็เล่าให้ที่ประชุมฟังว่า การที่หลวงปู่ไปตีเวทีกวป. ที่หน้า ป.ป.ช. นั้นน่ะ เพราะมันมีเหตุให้ตี แล้วเราตี"ชนะแล้ว เราต้องเป็นพระเอก" ไม่ใช่ตีชนะแล้วเรากลายเป็นผู้ร้ายในสายตาสังคม เหตุก็เพราะว่า มันไปรื้อเวที กปปส.ก่อน, กระทืบพระไล่เตะพระก่อน, แล้วก็ข่มขู่ คุกคาม ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รื้อบังเกอร์เขา, ยกพวกมาข่มขู่ประชาชน, คนเขาจะดูดนตรี (กรณีออฟ พงษ์พัฒน์) อย่างนี้มันมีเหตุพร้อม ที่เราจะไปถล่มเขา เพราะใครๆ ก็อยากให้เราไปถล่ม พอกระทืบแล้วถล่มแล้ว คนที่เป็นศัตรูยังเอาปัจจัยมาถวายเลย มาจากท่าน้ำนนท์ ขนาดผู้การนนทบุรียังรีบถอนแจ้งความให้หลวงปู่เลย บอกหลวงปู่ทำดีมากเลย ช่วยเขาไปอีกแรง อย่างนี้เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่า "ชนะแล้วเป็นพระเอก"

    แต่ถ้าสถานการณ์มันยังไม่พร้อม ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่ได้ชี้มูลตัดสิน ยังไม่ได้ตัดสินคดีคุณถวิล ป.ป.ช. ก็ยังไม่ได้ชี้มูลชัดเจน แล้วถ้าทหารจะออกมาทำอะไร ก็จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาสังคม และฝ่ายตรงข้ามไม่จบสิ้น

    ขอให้ทุกอย่างมัน สุก ชนิดที่ "งอม " เสียก่อนนะ จะบอกว่าเขาไม่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาไม่ทำนะป่านนี้พวกเราเละ เป็นโจ๊กไปหมดแล้ว เข้าใจไม๊ทุกเวทีน่ะไม่เหลือซากแล้ว วันนี้หลวงปู่ออกมาจากเวทีลุมพินี แล้วขึ้นไปบนสะพานใกล้ๆ เวที (หลวงปู่หมายถึงสะพานไทย – เบลเยี่ยม) โอ้โห!!! ตายสนิท ถ้าเป็นหลวงปู่นะไม่เหลือแม้กระทั่งเวที ไม่มีอะไรเหลือเลย ขึ้นไปบนสะพานนี่ จ้องได้เลย จะเอาหัวใคร ถ้าทหารเขาไม่ช่วยดูแล ป่านนี้น่ะ หัวเป็นรูกันเป็นแถวแล้วว เอ้า..!!เรื่องจริง นี่เรื่องจริง ขนาดลุงกำนันคุยอยู่บนเวที อยู่บนสะพานนั่งบนรถน่ะ ยังมองเห็นหมดเลย เห็นหมด เพราะฉะนั้นอย่าไปสร้างศัตรูเพิ่มขึ้น ก็ฝากบอกพิธีกร นักพูดทั้งหลายไว้ด้วยว่า เราอยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าอาศัยบารมีทหารเขาด้วย ไม่ใช่ว่าเราช่วยตัวเองได้รอด

    ฉะนั้นอย่าทำให้เขา เบื่อ เอือมระอาเรา แล้วเขาก็จะทิ้งไม่ดูดายเรา แล้วสุดท้ายเราก็จะกลายเป็นหมูให้มันเหยียบ มันย่ำ เพราะเราไม่มีอะไรจะไปต่อกรอะไรกับเขา ฝ่ายตรงข้ามมันมีสารพัดอาวุธ แล้วตอนนี้นี่ไอ้คาร์บอมอะไรต่างๆ วันนี้ก็ยังเตือนลุงกำนัน เตือนพวกนั้นไปว่าพวกมันมีอาวุธ มีอะไรพร้อมมูล ถ้าไม่ได้ทหารเขาช่วย เหมือนอย่างวันที่ 29 (มี.ค.) ที่เราไปป.ป.ช. น่ะลูก ถ้าไม่ได้ทหารเขาไปกระตุ้น ไปสนธิกำลังกันกับตำรวจ จับอาวุธได้เป็นเข่งน่ะเห็นไม๊ ป่านนี้น่ะเราไม่รู้ไปนอนกันอยู่หลุมไหนแล้ว ถ้าทำซ่าไปแบบนั้นน่ะ พอเขารู้ว่าหลวงปู่จะไปก่อนล่วงหน้า 1 วัน เขาก็จัดการทำความสะอาดบ้านซะโล่ง เราก็ไปแบบองอาจ ผ่าเผย สง่างาม โอ๊ยย..!!ถ้ามันไม่ไปทำความสะอาดให้นะ จ้างกูก็ไม่ไป ไม่ใช่กูกล้านักหรอก(ฮา) ก็รู้ๆอยู่ว่ามันมีอะไร เห็นไหมเขาจับกันมาน่ะ มีสารพัดอาวุธ ทั้งระเบิดขว้าง / อาร์พีจี / เอ็ม 79 / เอ็ม 16 พร้อมเสร็จ ขืนเราทะเล่อทะล่าไปแบบ นั้นน่ะนะ โอ้โหย ไม่เหลืออะไร ป่านนี้หัวเป็นรูกันเป็นแถวแล้วๆ เราจะไปทำอะไร จะหยิบแล้ววาง วางแล้วว่าง มันไม่ว่างกะเราหรอก มันยิงให้ว่างไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ต้องให้เครดิตเขาบ้าง

    บางครั้งคนเรามันก็พูดผิดไปบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่พูดถูกเสมอไป แต่ต้องดูใจ “รู้จักใจไม่รู้จักหน้า ถือว่ารู้จัก แต่รู้จักหน้าไม่รู้จักใจ ถือว่าไม่รู้จัก” เพราะฉะนั้น ผบ.ทบ.นี่เขาเป็น “บูรพาพยัคฆ์” หลวงปูก็เป็นอดีต “บูรพาพยัคฆ์” เพราะฉะนั้นมองตากันรู้ใจนะว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องไปกระตุ้น ย้ำเขามาก เขารู้ว่าจะเดินเกมแบบไหน รู้ว่าจะทำแบบไหน รู้ว่าเมื่อไหร่จะควร และเมื่อไหร่ไม่ควรทำ ทำแล้วมันจบแล้ว ต้องเป็นพระเอกลูก ถ้าทำจบแล้วมาเป็นผู้ร้าย....นอน ...อย่าทำ!

    นี่คือวิธีคิดของหลวงปู่ ก็ไม่น่าจะแตกต่างจากพวก ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายนักหรอกนะ ให้เข้าใจตามนี้ เอาเป็นว่า
    "เห็นเงาหลวงปู่ เมื่อไหร่ก็เห็นเงาผู้บัญชาการเหล่าทัพ"
    แล้วกันล่ะ เข้าใจไม๊จ๊ะ เพราะฉะนั้นอย่าไปวอแว ไปว่า ไปกล่าวเขา ทำให้เขาขาดกำลังใจ เสียใจ ไม่มีกะจิตกะใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 เมษายน 2014
  20. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    7 เม.ย.57 เผยปริศนา..ปฎิหาริย์งูเล็ก 4 ตัวก้นหลุมศาลหลักเมืองสู่การแก้อาถรรพ์

    เมื่อวันที่ 6 เม.ย.57 ที่ผ่านมาเป็น “วันจักรี” เนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 6 เมษายน ปี พ.ศ. 2325 นั้นเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือ พระรามาธิบดีที่ 1 ทรงเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และยังทรงสร้างและสถาปนากรุงเทพฯ ขึ้นเป็นนครหลวงแห่งใหม่ของไทยอีกด้วย

    ตามประเพณีไทยแต่โบราณมา เมื่อจะมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้น ณ ที่ใดก็ตามสิ่งที่จะต้องทำเป็นประการแรกก็คือ หาฤกษ์ยามอันดีฝังเสาหลักเมือง แล้วหลังจากนั้นจึงจะดำเนินการสร้างบ้านสร้างเมืองกันต่อไปตามธรรมเนียมพราหมณ์ (หลักเมืองเก่าแก่ที่สุดในไทย ก็คือ หลักเมืองศรีเทพ จ. เพชรบูรณ์ ทำด้วยศิลาจารึก) จึงดำรัสสั่งให้พระยาธรรมาธิกรณ์ กับ พระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและบ่าวไพร่ ได้ตั้งพิธียกเสาหลักเมือง ที่ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ต้นใหญ่มาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 30 นิ้ว สูง 108 นิ้ว

    แกนในเป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้จันทน์ประดับนอก ลงรักปิดทอง หัวเสาเป็นทรงบัวตูม ภายในกลวงสำหรับบรรจุชะตาพระนคร ดวงนี้อยู่ใจกลางยันต์สุริยาทรงกลด จารึกในแผ่นทอง เงิน นาก ตรงปลายเสาทำเป็นรูปหัวเม็ดทรงมัณฑ์ บรรจุดวงชะตาของกรุงเทพฯ ไว้ภายใน ณ วันอาทิตย์เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06:54 น. เพื่อให้บ้านเมืองมั่นคงเป็นปึกแผ่น ไม่มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง และเกิดความร่มเย็น เจริญรุ่งเรือง

    ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของสนามหลวง ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนมหาไชย เขตพระนคร ในปลายเสาหลักเมือง ทำเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์ จะบรรจุดวงชะตาของเมืองที่จะสร้างขึ้นไว้ด้วย การวางชะตาเมืองนี้เป็นเรื่องสำคัญ โหรหลวงจะต้องผูกชะตาเมืองถวาย พร้อมกับทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองล่วงหน้าได้ เมื่อครั้งนั้น โหรหลวงได้ทูลเกล้าฯ ถวายดวงเมือง 2 แบบ คือ แบบแรก บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรือง ไม่มีเหตุวุ่นวาย แต่ทว่าจะต้องมีอยู่ระยะหนึ่ง ที่ประเทศไทยต้องตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ

    แบบหลัง ประเทศไทยจะมีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทว่าจะสามารถรักษาเอกราชได้ตลอดไป ปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเลือกดวงเมืองตามแบบหลัง เพราะพระองค์คงจะทรงเห็นว่าการที่จะต้องตกไปเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นนั้น แม้บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองแค่ไหนก็ไม่ความหมายอันใด เมื่อสิ้นความเป็นไทย

    การฝังเสาหลักเมืองครั้งนั้น อัญเชิญก้อนดินซึ่งพลีมาแต่ทิศทั้ง 4 แห่งพระนคร กระทำให้เป็นก้อนกลมดุจลูกนิมิต ลงสู่ก้นหลุมเป็น ลำดับกันไป เริ่มแต่ทิศบูรพา ทักษิณ ปัจฉิม และอุดร จากนั้นก็นำแผ่นศิลาลงยันต์ สำหรับรองรับหลัก วางลงบน ก้อนดินทั้ง 4 นั้น ต่อมาได้เกิดอวมงคลนิมิต ขึ้น คือ เมื่อถึงมหาพิชัยฤกษ์อัญเชิญเสาลงสู่หลุม ทุกอย่างเป็นไปตามฤกษ์แล้ว ขณะที่พราหมณ์กำลังเลื่อนเสาลงหลุม ก็พบเหตุประหลาด ปรากฏว่ามีปฎิหาริย์งูเล็ก 4 ตัวลงไปอยู่ก้นหลุมในขณะเคลื่อนเสา ครั้นจะหยุดเสาเมืองไว้ก็ไม่ได้ เพราะพิธีทุกอย่างต้องเป็นไปตามฤกษ์

    จึงจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลย โดยปล่อยเสาลงหลุมและกลบงูทั้ง 4 ตัวตายอยู่ภายในก้นหลุมไว้กับเสาหลักเมืองด้วย เชื่อว่าไม่มีการนำคนทั้งเป็นมาฝัง เพราะคะเนพระราชอัชฌาสัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ว่าทรงยึดมั่นในพระพุทธศาสนา และไม่ทรงโปรดให้พลีกรรมด้วยการฆ่าสัตว์เป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงปริวิตกเป็นอันมาก ต่อมาเกิดฟ้าผ่าไฟไหม้พระที่นั่งอมรินทร์มหาปราสาท ทำให้ทรงพระราชวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์เมือง

    โดยที่เทพยดาบันดาลให้เกิดฟ้าผ่าจนไฟไหม้พระมหาปราสาท ตามธรรมดาต้องเสียเมืองก่อนจึงจะเสียพระมหาปราสาท คราวนี้ได้เสียพระมหาประสาทไปแล้วเท่ากับเสียเมืองไป บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายต่างทำนายตรงกันว่า เหตุการณ์นี้เป็นอวมงคลคือ เป็นเรื่องไม่ดี แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะทำให้เกิดเหตุร้ายสิ่งใด ทรงทำนายชะตาเมืองว่า จะอยู่ในเกณฑ์ร้ายนับจากวันยกเสาหลักเมืองเป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน จึงสิ้นพระเคราะห์ ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ไทยติดพันศึกพม่าจนถึงศึกเก้าทัพ เป็นเวลา 7 ปีกว่า จึงสิ้นสุดการรบพันตูหลังครบห้วงเวลาดังกล่าวพอดี ทั้งยังทรงทำนายว่า จักดำรงวงศ์กษัตริย์จะสิ้นสุดลงในเวลา 150 ปี ซึ่งก็สร้างความวิตกให้ผู้คนตลอดมา

    ต่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ ซึ่งทรงเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์มาก อีกทั้งทรงตรวจดวงพระชะตาของพระองค์ว่าเป็นอริแก่ลัคนาดวงเมืองกรุงเทพฯ ท่านจึงทรงทำพิธีแก้เคล็ดอาถรรพณ์อย่างแบบยนปัญญา โดยทรงพระราชดำริว่าหลักเมืองเดิมชำรุดทรุดโทรมมาก ไม่ได้ซ่อมแซมมาหลายรัชกาล จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นใหม่ โดยโปรดทรงแก้ไขดวงเมือง ประกอบพิธีจาริกดวงพระชันษาพระมหานครลงบนแผ่นทองคำหนัก 1 บาท ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    โปรดให้ถอนเสาหลักเมืองเดิมออก และประดิษฐานฝังเสาหลักเมืองใหม่ขึ้นอีกเสาหนึ่งคู่กัน กับเสาเดิม แกนในเป็นเสาไม้สัก มีไม้ชัยพฤกษ์ประดับนอก หัวเสาเป็นรูปยอดเม็ดทรงมัณฑ์
    พร้อมบรรจุชะตาพระนคร ให้มีสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล มีอุดมมงคลฤกษ์ ในวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2395 เวลา 04:48 น. แล้วให้ช่างสร้างแปลงรูปศาลหลักเมืองเสียใหม่ ให้ยอดเป็นรูปปรางค์ตามอย่างศาลาที่กรุงศรีอยุธยา จากนั้นทรงบรรจุดวงพระชันษาพระมหานครใหม่ไว้ที่เสาหลักเมือง และมีการสมโภชฉลองด้วย

    ด้วยเหตุนี้ เสาหลักเมืองที่ประดิษฐาน ณ ศาลพระหลักเมืองกรุงเทพฯ จึงมี 2 ต้น คือเสาเดิมครั้งรัชกาลที่ 1 คือต้นสูง ที่ได้ทำพิธีถอนเสาแล้ว แต่หาที่เก็บที่เหมาะสมไม่ได้จึงคงไว้ ส่วนเสาพระหลักเมืองครั้งรัชกาลที่ 4 คือ ต้นที่มีส่วนสูงทอนลงมา และด้วยความชาญฉลาดของพระองค์ ยังทรงมีพระราชดำริ จะสร้างสะพานเชื่อมเมืองหลวงใหม่ กรุงเทพ กับเมืองหลวงเก่าฝั่งธนให้ติดต่อถึงกัน แก้เคล็ดอีกทางด้วย แต่ในยุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี สามารถสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่กว้างขนาดนั้นได้

    เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ ที่ในสมัยในรัชกาลที่ 4 – 5 นั้น บ้านเมืองต่าง ๆ โดยรอบประเทศไทย ไม่ว่าลาว เขมร พม่า มลายู ต่างตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส และอังกฤษจนหมดสิ้น แม้แต่ประเทศใหญ่อย่างอินเดีย ก็ยังตกเป็นของอังกฤษ มีแต่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่รักษาเอกราช คงความเป็นไทมาได้

    จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกำหนดจะมีงานเฉลิมฉลอง กรุงเทพมหานคร 150 ปี ใน พ.ศ. 2475 ทรงคำนึงถึงพระราชดำริในรัชกาลที่ 4 ที่จะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อม 2 ฝั่ง อีกทั้งยังทรงเห็นว่า กรุงเทพมหานครได้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก และขยายไปทางด้านตะวันออก มากกว่าด้านอื่น แต่ทางด้านฝั่งธนบุรีมีพื้นที่ติดกัน เป็นเรือกสวนและมีผู้คนอาศัยอยู่มาก การไปมากับฝั่งพระนคร ยังยากลำบากต้องใช้แต่ทางเรือ ถ้าสร้างสะพานเชื่อมถึงกันจะได้ประโยชน์ ในโอกาสฉลองกรุงเทพฯ 150 ปี ควรจะมีสิ่งที่เป็นอนุสรณ์สถานสร้างไว้ เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดจุฬาโลก ที่สร้างกรุงเทพมหานครขึ้น

    โปรดเกล้าฯ ให้คณะอภิรัฐมนตรี สภาประชุมปรึกษาหารือกัน เห็นชอบพระราชดำริที่จะสร้างอนุสรณ์สถาน 2 สิ่งคู่กัน โดยเชิญชวนประชาชนร่วม เฉลิมพระเกียรติสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คือ พระบรมรูปองค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้สร้างกรุงเทพมหานคร กับอีกสิ่งหนึ่งคือ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นพระราชดำริมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 โดยกำหนดสถานที่ปลายถนนตรีเพชร ฝั่งพระนคร ข้ามไปลงที่บริเวณด้านวัดประยุรวงศาวาส จากนั้นตัดถนนกระจายไปในเขตฝั่งธนบุรี

    พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกราชบัณฑิตสถาน ซึ่งทรงอำนวยการแผนกศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ และคมนาคมอำนวยการสร้าง เปิดประมูลได้บริษัท ทดอร์แมนลอง จากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.5 เมตร สามารถยกสะพานขึ้นลง เพื่อเปิดทางให้เรือขนาดใหญ่ผ่านได้ ออกแบบให้มีรูปลักษณ์เหมือนลูกศร มีปลายอยู่ที่ฝั่งธนบุรี

    งบประมาณการสร้างปฐมบรมราชานุสรณ์ทั้ง 2 สิ่งนี้ ประมาณ 4 ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงบริจาคราชทรัพย์ ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง และรัฐบาลสมทบงบประมาณแผ่นดิน อีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งทรงมีพระราชดำริ เปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสร้างด้วย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามสะพานนี้ว่า "สะพานพระพุทธยอดฟ้า" จวบจนมาถึงปัจจุบัน

    สงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานพระพุทธยอดฟ้า ถูกฝ่ายสัมพันธมิตร ทิ้งระเบิดจนเสียหาย เพื่อตัดเส้นทางลำเลียง ของกองทัพญี่ปุ่น พอสงครามสงบองค์การสหประชาชาติ ได้นำสะพานเบลลีมาทอดให้ชั่วคราว จนถึงปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลจึงได้บูรณะ และกลับมาใช้ได้ตามปกติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน และเป็นอนุสรณ์สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์

    ส่วนคำทำนายว่าจักดำรงวงศ์กษัตริย์สืบไป 150 ปีนั้น ไปครบเอาปี พ.ศ. 2475 พอดี ซึ่งเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในระยะนั้น เจ้านาย 4 พระองค์เป็นผู้รับผิดชอบกิจการของบ้านเมือง ทั้งฝ่ายนอกฝ่ายใน ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระราชสมภพในปีเดียวกันทั้ง 4 พระองค์คือ ปีมะเส็งซึ่งหมายถึงงูเล็ก หรืองูทั้ง 4 ตัวที่ตายอยู่ในหลุมฝังเสาหลักเมืองวันนั้น นิมิตงูเล็กในเสาหลักเมืองสมัยรัชการที่ 1 จึงเป็นเรื่องอัศจรรย์

    แต่ด้วยพระบารมีของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงแก้อาถรรพณ์ล่วงหน้าเสีย โดยถอนเสาหลักเมืองเดิม และวางดวงชะตาพระนครขึ้นใหม่ จึงไม่เป็นไปตามคำทำนาย เพียงเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เท่านั้น และจะทำให้ดำรงวงศ์กษัตริย์อยู่คู่กับกรุงเทพมหานคร ตลอดไป อีกตราบนานเท่านาน

    ภายในศาลพระหลักเมืองกรุงเทพฯ นอกจากพระหลักเมืองแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานเทพารักษ์สำคัญ 5 องค์ ที่ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดินและประชาราษฏร์ทั้งปวง คือ

    - พระเสื้อเมือง และพระทรงเมือง เป็นรูปเทวดาสวมมงกุฎ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปิดทอง ขนาดความสูงใกล้เคียงกัน ลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่พระเสื้อเมือง พระหัตถ์ซ้ายถือคทา ส่วนพระทรงเมืองนั้น พระหัตถ์ซ้ายถือพระขรรค์

    - พระกาฬไชยศรี เป็นรูปพระกาฬประทับอยู่บนหลังนกแสก สันนิษฐานว่าจะมาแต่อุมาปางหนึ่งซึ่งพวกฮินดูนิยมทำรูปไว้บูชา

    - เจ้าพ่อเจตคุปต์ กับ เจ้าพ่อหอกลองนั้น แต่เดิมคงมีชื่อเรียกเดียวกันว่า เจตคุปต์ อันเป็นชื่อเรียกของเสนาพระยมราช ทำหน้าที่จดบัญชีคนทำดีทำชั่วในยมโลก เพราะมีรูปร่างคล้ายกันทั้งสององค์ ต่อมามีชื่อเรียกต่างกันไปนั้น คงเป็นเพราะองค์ที่จำหลักด้วยไม้ มีศาลเล็ก ๆ อยู่ใกล้คุก จึงเรียกกันว่าเจตคุก หรือเจตคุปต์ ส่วนองค์ที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์อยู่ใกล้หอกลอง จึงเรียกกันว่าเจ้าพ่อหอกลอง

    การที่เทวรูปต่าง ๆ มารวมกันอยู่ที่ศาลหลักเมือง ทำให้ศาลหลักเมืองกลายเป็นที่ชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ การได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของเสาหลักเมือง อยากจะให้ทุกคนระลึกถึงคุณูปการที่บรรพบุรุษ ท่านสามารถสร้างบ้านสร้างเมืองให้พวกเราอยู่จนทุกวันนี้ ควรจะช่วยกันทำนุบำรุงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป

    ที่มีการบอกกล่าวกันว่า ได้มีการอัญเชิญท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เข้ามาประกอบพิธีด้วย ท่านว่า “ให้ปลูกโรงศาลโรงพิธีขึ้นใกล้ๆ กับหลุมที่จะขุด เพื่อจะปักเสาหลักเมืองนั้น ตั้งศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศขึ้น 4 ศาล” เทียบได้กับทั้ง 4 มุมเมือง ดังนั้นคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางคาถาอาคม หรือเครื่องรางของขลัง ฝ่ายชั่วไสยดำแน่นขนาดไหนก็ตาม ที่เป็นปฏิปักษ์กับราชวงศ์จักรี เพียงแต่เดินผ่านมุมเมืองทั้งสี่มุมใดมุมหนึ่งเข้ามา วิชาอาคมทั้งปวงก็จะเสื่อมหมดสิ้น

    เช่นเดียวกับผู้ปกครองบ้านเมืองที่คิดว่าตัวเองคือพระเจ้าของเสื้อแดง รวมทั้งพวกนักการเมือง ข้าราชการ ที่อยู่ในตำแหน่ง แล้วทรยศต่อราชวงศ์จักกรี หรือพวกหมิ่นเบื้องสูงทั้งหลาย ที่อยากจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ทำได้นั้น ก็ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ จะเกิดความวิบัติฉิบหายตามกรรมตามเวรของแต่ละคน

    ลองไปดูตั้งแต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ตัวอย่างคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งคนสำคัญๆ ล้วนแต่ดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยากันมาแล้วทั้งนั้น และเมื่อปฏิวัติแล้วก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่แล้วทุกคนก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปเกือบทุกคน

    เท่านั้นยังไม่พอ คำสาปแช่งยังติดตามจองล้างจองผลาญกัน อย่างไม่ลืมหูลืมตาเอาด้วย ไม่ว่าเป็นพระยาทรงสุรเดช พระยาศรสิทธิสงคราม และคนอื่นๆ แม้แต่จอมพล ป. พิบูลสงครามเอง ทุกคนใช้ชีวิตสุดท้าย ด้วยความทุกข์ยาก และตายไม่ดีกันทั้งนั้น แม้แต่หลวงประดิษฐ์มนูธรรม แม้ว่าจะทำบุญกุศล และสร้างเกียรติยศให้แก่บ้านเมืองเพียงไร ก็ไม่มีโอกาสได้ตายอย่างรัฐบุรุษของชาติ แต่ตายนอกประเทศที่ตนเองกอบกู้มันเอาไว้

    ในสมัยรัฐบาลเทียมปูเน่า สังเกตพบการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีความวิปวิตรุนแรงอาเพศ มีแจ้งอยู่ในตำราอภิไทโพธิบาทว่าเหตุการณ์วิปริตต่างๆที่เกิดขึ้นถือเป็น "อุบาท” ต่างๆ ในช่วงฝืนกรรมอยู่ในอำนาจ ตามคัมภีร์โบรราณ หลายลักษณะคือ

    1 .อุบาทว์พระอินทร์ เช่น ตกจากพาหนะ คือ เมื่อคราปูเน่าไปเชียงใหม่ ตกจากรถร่วงลงมานั่งก้นจ้ำเบ้า จนขากระเผลกมาถึงปัจจุบัน

    2.อุบาทว์พระเพลิง เช่น เกิดแตกหักขึ้นมาเฉยๆ เองโดยไม่มีผู้ใดไปแตะต้อง คือ ช่วงวันที่ 6 มี.ค.57 ปูเน่าหนีไปอีสาน ไปเป็นประธานถวายผ้าห่มองค์พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร ที่เป็นพระธาตุที่เก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองคนอีสานมานานหลายชั่วอายุคน คนแก่บางคนว่าอาจถึง 1,000 ปี มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่เพราะดวงปูเน่าวิบัติแล้ว ถึงขนาดเกิดอาเพศวิปริตธรรมชาติ เมื่อราววันที่ 20 มีนาคม 2557 เวลา 20.00 น. เกิดพายุหมุนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พัดเอาส่วนยอดสูงสุดของพระธาตุเชิงชุม สกลนคร จนหักสะบั้น (อาจตีความเป็นอุบาทว์พระพายก็ได้)

    3.อุบาทว์พระยม เช่น นกร้ายมาเยือน คือ นกแสก , สัตว์เลื้อยคลาน คากคกตู่ ใส้เดือนเต้น ฯลฯ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านในวงศ์วาน หรือ นกแร้งมาเกาะที่บ้าน คือ ปึ้งเหม่งผู้ไร้ผม

    4.อุบาทว์พระพาย เช่น ลางจากนาคเล่นน้ำ หรือ งูฟ้า เป็นปรากฎการณ์ ทอร์นาโดขนาดเล็กหรือพายุหมุนงวงช้าง ปลาย ต.ค.56 เกิดที่สงขลา เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2557 เกิดในทะเลจังหวัดระยองรวม 2 จุด จุดแรกใกล้กับเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง จุดที่สองเกิดขึ้นบริเวณก้นอ่าว หาดแม่รำพึง ต.เพ อ.เมืองระยอง , พายุลักษณะนี้ เคยเกิดที่เขมรเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ที่ทำให้รัฐบาลเขมรพังทลาย และผู้ครองประเทศ ต้องตายจำนวนมาก

    5. อุบาทว์พระพิรุณ เช่น เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยปี 54 ถล่มจังหวัดฐานเสียงบริษัทเผาไทย และ กทม.เพียงแค่ปูเน่ารับอำนาจ , เกิดอากาศที่หนาวเย็นผิดปรกติช่วงปลายปี 56 ที่หนาวเย็นมาก , เกิดพายุลูกเห็บก้อนขนาดใหญ่เท่าลูกมะนาว ที่อีสาน จ.เลย และที่เหนือ จ.เชียงราย ที่เป็นฐานเสียงบริษัทเผาไทย

    ทั้งหมดนี้ถือเป็นลางร้ายหรือสัญญาณที่บอกเหตุที่ไม่ดี เป็นอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหันตภัยตามมา กับปูเน่า คนใกล้ชิด และสมุนบริวาร เพราะปูเน่าและบริษัทเผาไทยปกครองประเทศโดยไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ในการเข้ามาบริหารประเทศชาติ คดโกงชาวนายกจน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ใช้แก๊งค์อั้งยี่แดงก่อการร้ายสากล ความโหยหาอำนาจ ทำให้เกิดเรื่องเลวร้าย กลายเป็นมารไปได้ และจะต้องถูกลงโทษ
    ตั้งแต่ 6 เมษายน 2557 เป็นต้นไปตามหลักโหราศาสตร์ ทหารจะมีกำลังเข้มแข็ง มีแรงมาก ไม่เหมือนที่ผ่านมา จะเป็นมหาจักรอยู่ถึงวันที่ 10 ก.ค.57 และจะสามารถปราบแกนนำคนพาลสันดานถ่อย ที่จะนัดทุยแดงรับจ้างมาหลังสงกรานต์ได้อย่างราบคาบแน่นอน
    ในวันที่ 9-19 เมษายน 2557 ผู้บริหารทีวีช่องเลขมงคล รวม 16 คน จะเดินทางไปอเมริกา โดยเบื้องต้นใช้งบสูงถึงกว่า 10 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าอาหาร และไม่แน่ใจว่าจะได้กลับเข้าหรือไม่ และเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เวลา 22.22 น. สายข่าวรายงานว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีอดีต ส.ส.หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นนักข่าว ชื่อ ศ. มาเช็คอิน พร้อมกล่องกระดาษกระเป๋าราว 30 ใบ โยกย้ายสมบัติใครบางคน หนีไปรอไปต่างประเทศ แถวตะวันออกกลาง

    ให้สังเกตุว่าช่วงนี้ปูเน่าจะไม่ออกงานสำคัญแล้ว การข่าวมาวันศุกร์นี้ให้ครอบครัวหนีออกนอกประเทศแล้ว และอาจเห็นเจ้าหญิงเหนือ สปป.ล้านนา หายตัวไปโดยไม่กลับ

    เหมือนใครบางคนที่คิดชั่วต่อแผ่นดินเกิด ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคอยชักใยหุ่นเชิดปูเน่า..จนบัดนี้ก็ไม่ได้เหยียบแผ่นดิน ที่มีศาลหลักเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกเลย


    ที่มา แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน https//www.facebook.com/topsecretthai


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 เมษายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...