หลวงปู่อินตอง สุภวโร วัดวีระธรรม อ.พังโคน จ.สกลนคร

หลังจากนั่งรถหลบฝนอยู่พักใหญ่ๆ ฝนก็เริ่มซาลง ก็เลยเดินไปที่ศาลาที่ประดิษฐานสรีระหลวงพ่อกวย ก็ทุลักทุเลพอสมควรเลย หลังจากนั้นก็ทำบุญและนำมวลสารไปวางไว้หน้าสรีระหลวงปู่กวย บอกกล่าวท่านถึงเหตุที่มาและจะนำมวลสารไปทำอะไร ขอเมตตาหลวงปู่กวยเสกมวลสารให้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์

 

ขับรถมาถึงวัดธรรมิกาวาส (วัดคังคาว) อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
ก็ขึ้นไปกราบหลวงพ่อเฒ่า และนำมวลสารวางไว้หน้ารูปเหมือนท่าน บอกกล่าวขอเมตตาท่านและพระต่างๆในสายของท่านช่วยเสกมวลสารให้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นก็ขอตักน้ำมนต์มารดใส่ถุงใส่มวลสารและเป้ที่ใส่มวลสาร แล้วก็มาขึ้นรถเพื่อจะขับรถไปด้านหลังวัดเพื่อจะเข้ากราบพระอาจารย์จิ๊

เพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมนำมวลสารวางไว้หน้ารูปเหมือนหลวงพ่อเฒ่า เค้าได้อธิษฐานบอกกล่าวว่า มาขอบารมีท่าน ว่ากันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกเราอยากช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ถ้าหลวงปู่เฒ่ายังอยู่ ขอเมตตาด้วย พอเอ่ยเท่านั้นแหละ มีลมพัดมาแรงมาก พอมองออกไปข้างนอก นึกว่าฝนจะมา แต่มันไม่ใช่ เป็นลมที่มาแบบแรงมาก พัดแบบรุนแรง พอพวกเรากราบลา ลมจึงค่อยพัดเบาลง

พอเดินมาถึงที่รถ ก็กลับมีลมพัดมาแรงๆอีกทีเหมือนส่งท้าย ตอนแรกก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่ลมปกติ จนตอนที่ผมถามพระอาจารย์จิ๊ว่าหลวงปู่เฒ่าได้เมตตามาเสกมวลสารให้ผมไหม ตอนผมไปวางมวลสารไว้หน้ารูปเหมือนหลวงพ่อเฒ่า พระอาจารย์จิ๊...ตอบว่ามาและหลวงปู่ท่านช่วยดูแลอยู่ เพื่อนเลยถึงมั่นใจว่าลมแรงๆ นั่นแหละท่านแสดงให้เห็น

ผมฟังเพื่อนเล่าแล้ว รู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างมาก

กระผมขอกราบหลวงปู่เฒ่าด้วยเศียรเกล้าที่เมตตามาเสกมวลสารให้ครับผม

 

(องค์ที่ 106)
.
พระอาจารย์จิ๊ วัดธรรมิกาวาส(วัดคังคาว) อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
.
.

หลังจากนั้นก็ขับรถมาหลังวัดธรรมิกาวาส (วัดคังคาว) เพื่อมาเข้ากราบพระอาจารย์จิ๊
ก็พอจอดรถลง ฝนก็ตกพรำๆอีก ก็เดินลุยฝนเข้าไปหาพระอาจารย์จิ๊

มาถึงก็นำชุดสังฆทาน ผ้าขาว และปัจจัยเพื่อร่วมบุญงานกฐินของท่าน และขอเมตตาพระอาจารย์จิ๊อธิษฐานจิตมวลสารให้ และได้พูดคุยกับพระอาจารย์จิ๊อยู่สักพักใหญ่ๆ

ผมได้สอบถามพระอาจารย์จิ๊ว่า

ติสาโร : ที่ผมนำมวลสารมาขอเมตตาหลวงปู่เฒ่า ท่านเมตตามาเสกให้ไหมครับ
พระอ.จิ๊ : มาสิ หลวงปู่ท่านดูแลที่นี่อยู่

นำความปลาบปลื้มมาให้ผมอย่างมากมาย และได้ขออนุญาตถามพระอาจารย์จิ๊ว่าก่อนมา ขับรถอยู่โดนงูตัดหน้า รู้สึกไม่ดีมากมาย ผมทำบุญแบบนี้ เค้าจะได้รับไหม เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทับเค้า พระอาจารย์จิ๊สอบถามว่างูมาทางด้านไหนล่ะ ซ้ายหรือขวา ก็แจ้งท่านไปว่า มาทางด้านขวา พระอาจารย์จิ๊บอกอ๋อ ตัดเวรตัดกรรมกันน่ะ เค้ามาชดใช้ รับให้ ต่อไปก็ไม่มีไรติดค้างกันแล้ว ก็ทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแผ่เมตตาไปให้เค้าแล้วกัน

ส่วนนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งที่ได้คุยกับพระอาจารย์จิ๊
.
พระอาจารย์จิ๊ท่านได้รับฎีกาวัดสันติวนารามแล้ว และท่านปรารภว่าเดี๋ยวจะมางานวัดสันติเมืองจัน จากชัยนาทไปกลับ โดยคณะ "หมอบี ยูทูปเบอร์ชื่ดัง"จะไปรับท่านจากชัยนาทและมาร่วมงานหลวงปู่บุญส่ง ร่วมงานเสร็จก็เดินทางกลับชัยนาทครับ โดยอาจจะขอเสกก่อนเพราะเรื่องเวลาเดินทางกลับและสุขภาพไม่ค่อยดีแข็งแรง ท่านโรคประจำตัวมากและปกติไม่ค่อยรับกิจ งานหลวงปู่บุญส่งที่ท่านมา ด้วยสาเหตุหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่แหวนมาหาท่านในนิมิตและปรารภกับท่านว่าให้มาช่วยท่านบุญส่งเมืองจันด้วย มาช่วยต่ออายุท่านบุญส่งหน่อย(อาจจะด้วยหลวงปู่บุญส่งสุขภาพธาตุขันธ์ตอนหลังไม่ดีครับ)

หลวงปู่แหวนทานรับพระอาจารย์จิ๊ท่านเป็นบุตรบุญธรรม ตอนเด็กๆที่ท่านกับครอบครัวไปกราบหลวงปู่แหวนที่ดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่

สมัยนั้นหลวงปู่แหวนนอนตะแคงเวลารับแขก จะมีหลวงปู่หนูเจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋งที่ค่อนข้างดุจะดูแลหลวงปู่แหวนอย่างดีกับพระอุปัฏฐากอีกท่าน หลวงปู่แหวนเห็นพระอาจารย์จิ๊ไปกับครอบครัวตอนเด็ก ก็เรียกให้ขึ้นไปหาท่านจะเป่ากระหม่อมให้ หลวงปู่หนูไม่ยอมให้ขึ้น จนหลวงปู่แหวนบอกว่าให้ขึ้นมาพระอาจารย์คือลูกของท่าน แล้วท่านก็เป่ากระหม่อมให้ จากนั้นก็พูดกับพระอาจารย์จิ๊ว่า หากอยากเรียนคาถาอาคมปฏิบัติภาวนาให้ขึ้นไปหาท่านที่เชียงใหม่ แต่สุดท้ายพระอาจารย์ก็ไม่ได้ทันขึ้นไป เพราะไม่นานหลวงปู่ก็ละสังขารก่อน .... ความเกี่ยวพันกับพระอาจารย์จิ๊และหลวงปู่แหวนที่ท่านเล่าให้ฟัง

ตอนแรกท่านก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลวงปู่แหวนถึงมาบอกให้มาช่วยงานหลวงปู่บุญส่ง
จึงเล่าความว่าหลวงปู่บุญส่งเคยมาขอข้อวัตรปฏิบัติอุปัฏฐากอยู่กับหลวงปู่แหวนในอดีต ...
ท่านจึงถึงบางอ้อครับ

ท่านบอกว่าหลวงปู่บุญส่งมีบารมีให้ช่วยๆกันดูแลและช่วยงานท่านครับ

 

ออกจากวัดคังคาวก็ขับรถมาวัดท่าสมอ เพื่อจะเข้ากราบหลวงพ่อเกาะ

พอไปถึงศาลา หลวงพ่อเกาะบอกว่า วันนี้เลยเวลาแล้ว ไม่รับแล้ว.....5555+

อดเลยครับผม

 

(องค์ที่ 107)
.
หลวงปู่ตี๋ ปวโร (สายหลวงปู่เอี่ยม,ลพ.ทองสุข วัดสะพานสูง) วัดดอนเนรมิต อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

ออกจากวัดท่าสมอก็ขับรถมาวัดดอนเนรมิตเพื่อจะเข้ากราบหลวงปู่ตี๋ ก็นำชุดสังฆทาน น้ำดื่ม พระบูชาตั้งหน้ารถหลวงปู่บุญส่ง ซีดีหลวงปู่บญส่ง ผ้าขาวงานกฐิน และปัจจัยเพื่อร่วมบุญงานกฐินของวัดดอนเนรมิตถวายหลวงปู่ตี๋

หลวงปู่ตี๋ก็มอบพระปิดตาที่มีส่วนผสมของผงโสฬสมหามงคลของวัดสะพานสูงที่หลวงปู่ตี๋นำกลับมามอบให้เป็นที่ระลึก ท่านบอกว่าผงนี้เป็นของวัดสะพานสูงทันหลวงพ่อทองสุข (ตอนนั้นนึกในใจอยากขอผงโสฬสมหามงคลเหมือนกันแต่ก็เกรงใจเพราะเป็นผงหายากของสายวัดสะพานสูง)

หลังจากนั้นก็ขอเมตตาหลวงปู่ตี๋อธิษฐานจิตมวลสารให้ หลวงปู่ตี๋ท่านกล่าวอาราธนาเชิญพ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเยอะมาก เท่าที่นั่งฟัง และท่านถามว่าในนี้เป็นอะไรบ้าง ก็บอกว่าเป็นผงมวลสารครับ ท่านก็เพ่งพิจารณาอยู่สักครู่ก่อนเอ่ยว่า "มวลสารชุดนี้เสกยากอยู่นะ" ก่อนจะเมตตาสวดอธิษฐานจิตให้

ก่อนกลับท่านเมตตาเจิมหน้าผากเสริมเป็นสิริมงคลให้

น้อมกราบในความเมตตาของหลวงปู่ตี๋ครับผม

 

พอดีผมถ่ายคลิปบางส่วนตอนท่านอาราธนาเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตอนท่านสวดมนต์คาถาอธิษฐานจิตให้ครับ

 

ตอนนั้นก็เวลาประมาณ 6โมงเย็นกว่าๆ แต่ท้องฟ้าแถวนั้นเริ่มมืดพอสมควรแล้ว เพื่อนที่ไปด้วยกันบอกว่าอยากจะไปวัดพระแก้ว ซึ่งอยู่ละแวกแถวนั้น เพราะพญานาคที่นั่นศักดิ์สิทธิ์มาก ผมบอกว่าจะดีหรอ มืดแล้วนะ เพื่อนก็บอกว่า ลองไปดู ก็เลยขับรถไปวัดพระแก้ว

พอขับเข้าวัด ผมก็จอดหน้าวัดถามเพื่อนจะดีหรอ มืดแล้วนะ กลัวว่ะ เพื่อนบอกขับเข้าไปดู ก็เลยขับรถเข้าไปต่อ
ไปถึงเจอพระยืนอยู่หน้าอุโบสถ เพื่อนก็ถามว่าขออนุญาตยืนกราบพญานาคข้างหน้าตรงนี้นะครับ พระที่ดูแลบอกว่าเข้าไปกราบพระข้างในอุโบสถได้เลย ประตูไม่ได้ล็อค แค่ปิดกันหมาหรือนกเข้าไป ก็เลยโชคดีไป

เพื่อนก็พาเข้าไปกราบพระประธานข้างในอุโบสถ และบอกกล่าวไปทำบุญมาวันนี้ทั้งวัน นำบุญมาฝาก ขอเชิญโมทนาบุญกันได้เลย และกราบขอพรก่อนเดินมาที่พญานาคที่อยู่หน้าอุโบสถ และบอกว่าให้เดินลอดท้องพญานาคและขอพร ให้เดินตามรอยเท้าที่ทางวัดทำเป็นสัญลักษณ์ในการเดิน ผมก็นึกอธิษฐานขอพรและเดินตามเพื่อน และก็กล่าวตามเพื่อนบางตอน คือ นำบุญมาฝากพ่อปู่แม่ย่าพญานาค วันนี้ไปทำบุญมาทั้งวัน และได้ทำกิจที่ช่วยเหลือพระพุทธศาสนา สร้างพระถวาย 3 ที่ นำบุญมาฝากพ่อปู่แม่ย่าพญานาค และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายภายในวัดพระแก้ว ขอเชิญมาโมทนาบุญกัน

หลังจากลอดท้องพญานาคเสร็จ เพื่อนก็เดินไปข้างๆอุโบสถ จะมีระฆังวางเรียงรายอยู่ เพื่อนก็ใช้นิ้วสะกิดระฆังเบาๆเพราะมืดแล้ว ก็จะมีเสียงนิ้วเคาะเบาๆ ผมก็เดินทำตามเพื่อน (ในใจนึกถึงเคยดูคลิปที่อาจารย์โอเล่สอนให้ทำแบบนี้แหละที่วัดนึงมั้ง ลอดท้องพญานาคและมาเคาะระฆัง)

ระหว่างเดินเคาะเพื่อนก็เอ่ยแบบเดิม นำบุญมาฝาก เชิญมาโมทนาบุญกัน เดินเคาะระฆังจนเสร็จสุดทางก็เดินย้อนหันหลังกลับ ทันใดนั้นก็มีเสียง เหมือนคนจับไส้ระฆังตรงกลางชนกับระฆังเสียงดังกังวาน 2 ครั้งเหมือนเป็นเสียงตอบรับ รับรู้ ผมก็หันหลังกลับไปดูตรงระฆังตัวสุดท้าย ก็ไม่มีใคร เพื่อนกับผมก็มองหน้ากันและเดินออกมาจากอุโบสถ ยกมือไหว้แล้วก็ขับรถกลับ

เพื่อนบอกท่านแสดงให้เห็นว่ารับรู้ในบุญที่เราทำกัน และท่านมาโมทนาบุญ ผมบอกว่าไม่ใช่ลมพัดระฆัง ลมไม่มี ถึงมีระฆังก็หนัก และไม่ใช่เสียงใช้นิ้วเคาะแบบเรา เป็นเสียงจับไส้ระฆังตี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยที่เจอเหตุการณ์จะๆกับตัวแบบนี้ และผมก็เชื่อเพราะเจอเอง

เพื่อนบอกว่าพญานาค ท่านรักพระพุทธศาสนา เรากำลังทำงานถวายพระพุทธศาสนาอยู่ ยังไงท่านก็เมตตาเรา และจะช่วยเหลือคุ้มครองเราให้ทำกิจสำเร็จ

น้อมกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดพระแก้ว และพ่อปู่แม่ย่าพญานาคด้วยครับผม
กระผมทำกิจทั้ง 3 ในครานี้ เพื่อหวังบุญและช่วยเหลือพ่อแม่ครูอาจารย์ และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยใจบริสุทธิ์

- สร้างพระถวายหลวงปู่บุญส่ง
- สร้างพระถวายหลวงปู่อินตอง
- สร้างนกสาริกาถวายหลวงพ่อบุญค้ำ


ปล. ภาพสุดท้ายจะเห็นระฆังเรียงกันเป็นแถวๆข้างอุโบสถ นั่นแหละครับจุดเกิดเหตุ

 

ผมได้ฝากสายบุญท่านนึงเดินทางไปกราบหลวงปู่อินตอง เพื่อไปรายงานความคืบหน้ากับหลวงปู่อินตองที่วัดวีระธรรม
.
หลังจากหลวงปูชมภาพอัปเดตงานแล้ว ทา่นได้มอบมวลสารมาไว้ใส่ในพระของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งมงคลสูงสุดเลยทีเดียว คือ พระบรมสารีริกธาตุ 3 ขวด และไม้เจียฟัน

 

พระบรมสารีริกธาตุ 3 ขวด ที่หลวงปู่อินตองมอบให้มาใส่ในพระของท่าน

 

วันเสาร์ ที่ 10 กันยายน 2565 (วันไหว้พระจันทร์)
.
อ.วิกรานต์ ได้ชวนไปงานไหว้พระจันทร์ ที่สมาคมเผยแผ่คุณธรรม'เต็กก่า' (จีจินเกาะ) ซึ่งผมก็ได้นำมวลสารเข้าไปในงาน และไหนๆก็ไปที่จีจินเกาะแล้ว เลยรบกวนขอเมตตาอ.วิกรานต์จุดธูปทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจีจินเกาะมาเสกมวลสาร ซึ่งทำพิธีในคืนวันไหว้พระจันทร์ ถือเป็นฤกษ์ดีจริงๆ ซึ่งจะทำให้มวลสารมีความเด่นขึ้นในด้านเมตตา เสน่ห์หา โชคลาภ และเงินทอง

 

อ.วิกรานต์ได้จุดธูปบอกกล่าวตรงศาลา และได้นำกิ่งทับทิมมาประพรมน้ำมนต์ที่มวลสาร หลังจากนั้นได้เดินมาในวิหารจุดธูปบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวิหาร และท่านก็นั่งภาวนาอยู่แบบนั้น ลูกศิษย์ของอ.วิกรานต์ได้เรียกให้ผมดูกล่องมวลสารที่วางไว้อยู่ที่ศาลา บอกให้ดูควันธูปเพราะตอนแรกจะพัดไปตามทางลม แต่หลังจากอ.วิกรานต์จุดธูปและบอกกล่าวที่วิหาร ควันธูปกลับเปลี่ยนทิศทางลอยมาตรงถุงที่ใส่มวลสาร ประหนึ่งว่ามีใครมาเสก
.
ซึ่งผมก็ยืนดู ก็เห็นเป็นจริง เพราะตอนแรกควันธูปพัดไปอีกทางนึง แต่ต่อมาก็กลับเปลี่ยนทางพัดมาตรงถุงที่ใส่มวลสาร สักพักอ.วิกรานต์ได้เรียกผมเข้าไปใกล้ๆ และมอบประคำมาบอกให้ผมนำประคำเส้นนี้ไปลูบๆที่มวลสารทุกรายการ ผมก็เดินไปทำตามที่อ.วิกรานต์บอก
.
หลังจากนั้นอ.วิกรานต์ก็ทำการเสี่ยงทายสอบถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าเสร็จหรือยัง ผลของการเสี่ยงทายคือยังไม่เสร็จ เลยก็นั่งรอต่อไป พอผ่านไปสักพักอ.วิกรานต์ก็ทำการเสี่ยงทายอีกครั้งนึง แต่ผลคือก็ยังไม่เสร็จ ก็รอต่อไป จนมาเสี่ยงทายรอบที่3 ผลคือเสร็จแล้ว
.
อ.วิกรานต์ก็เลยหันหน้าเข้าทางวิหารและหลับตาภาวนาอะไรสักอย่าง ส่วนลูกศิษย์อ.วิกรานต์ได้เรียกผมให้รีบดูควันธูป เพราะหลังจากเสี่ยงทายว่าเสร็จแล้ว ควันธูปได้เปลี่ยนทิศทางกลับเป็นลอยขึ้นบนฟ้าเฉยเลย นำความแปลกใจต่อตัวผมอย่างมาก เพราะได้เห็นกับตา ทั้งที่ตอนควันธูปเปลี่ยนจากพัดไปทางนึง มาพัดใส่ถุงมวลสาร และตอนนี้พอเสียงทายเสร็จก็พัดขึ้นฟ้า ประหนึ่งว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสกเสร็จแล้วก็กลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์ยังไงยังงั้นเลย...สุดๆหรือบังเอิญ ผมก็ไม่ทราบได้ครับผม


ปล. ผมก็แค่เก็บข้อมูลเรื่องราวในคืนนั้นมาลงไว้เป็นข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังครับผม

 

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน 2565
.
ได้เช็คกับผู้มีความรู้ว่า วันนี้เป็นวันฤกษ์ดี เหมาะแก่การทำพิธีพลีมวลสาร เช้านี้เลยจัดชุดขันธ์5 และขันธ์8 มาให้แม่ผม(เจ้าภาพที่ออกทุน มีแม่และป้า)ได้บอกกล่าวเป็นปฐมฤกษ์ก่อน ก่อนที่จะเดินทางไปโรงเจฮะเฮงตั้วเพื่อขอบารมีเซียนแปะโค้วเมตตาเป็นประธานในการทำพิธีพลีมวลสาร ซึ่งรุ่นปลดหนี้ครั้งที่แล้วได้หลวงพ่อจำเนียร วัดเขาหลาวเมตตาเป็นผู้ทำพิธีพลีให้ แต่ครั้งนี้หลวงพ่อจำเนียรยังอยู่ต่างประเทศ เลยว่าจะไปขอเมตตาเซียนแปะโค้ว ซึ่งในรุ่นปลดหนี้มาในนิมิตของอ.วิกรานต์ ว่าจะขอร่วมบุญกับหลวงปู่บุญส่ง
.
เดินทางมาถึงแถวลาดกระบัง น้ำท่วมตลอดทาง พอมาถึงโรงเจฮะเฮงตัั้ว น้ำท่วมสูงกว่าระดับหัวเข่า โรงเจเลยปิด ก็เลยเดินทางมาที่มูลนิธิเซียนแปะโค้วแทน แต่น้ำก็ท่วม มูลนิธิเซียนแปะโค้วก็ปิด เลยตัดสินใจทำพิธีที่ศาลทีกง หน้ามูลนิธิแทน

 

ประมวลภาพในการทำพิธีพลีมวลสารและขอขมา

ตอนขับรถลุยน้ำ เสียวรถดับมากกกกก

 

พอจุดธูปบอกกล่าวเสร็จ ควันธูปก็พัดมาที่กองมวลสารอีกแล้ว

ครั้งนี้ผมรีบถ่ายคลิปไว้เลย

 

พอเสี่ยงทายดูว่าเรียบร้อยหรือยัง ผลออกมาเรียบร้อยแล้ว ควันธูปก็เปลี่ยนทิศไปอีกฝั่งเฉย

รีบถ่ายคลิปไว้เหมือนกันคราวนี้

โปรดใช้วิจารณญารในการรับชมด้วยนะครับ อาจจะเป็นเหตุบังเอิญก็อาจเป็นไปได้

 

พอวันที่ 16 กันยายน ก็เจอเหตุการณ์ชวนอึ้ง
เลขธูปที่ไปจุดหน้ามูลนิธิเซียนแปะโค้วเซี่ยงงี่ ที่ทำพิธีพลีมวลสารตามฤกษ์
ไปตรงกับสลาก ธ.ก.ส.

(ไม่ใช่เล่นๆนะครับรุ่นนี้ นี่แค่มวลสาร แต่พอดีผมไม่ใช่แนวเสี่ยงโชค555+)

 

คลิปเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 4 กันยายน 2565
หลวงปู่อินตอง สุภวโร มอบพระบรมสารีริกธาตุ 3 ขวด เพื่อนำมาใส่ในวัตถุมงคลของท่านที่ผมจะจัดสร้างถวายแด่หลวงปู่ โดยใช้งบส่วนตัวและของครอบครัว ไม่ได้รบกวนทางวัด สร้างแล้วถวายให้หลวงปู่อินตองและวัดวีระธรรมทั้งหมด โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
.
นับว่าเป็นสิริมงคลแก่ผม(ผู้จัดสร้าง) และผู้ที่จะบูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้

 

วันอังคาร ที่ 13 กันยายน 2565
.
เกศาหลวงพ่อมงคล วัดมหาธาตุ (พระอาจารย์ใหญ่ผู้สอนวิปัสสนากรรมฐาน คณะ 5 วัดมหาธาตุ)
.
พี่สมคิดเดินทางไปที่โรงพยาบาล แถวเซ็นทรับเวสต์เกต (พอดีผมจำชื่อโรงพยาบาลไม่ได้) พอดีทางลูกศิษย์หลวงพ่อมงคลแจ้งว่าอยากได้คนมาปลงเกศาให้หลวงพ่อมงคล ซึ่งตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

พี่สมคิดก็รับอาสาไปปลงเกศาและโกนหนวดให้หลวงพ่อมงคล และทางลูกศิษย์หลวงพ่อมงคลก็เมตตาเก็บกศาของหลวงพ่อมงคลไว้ให้ผมมาใส่ในโถเกศารวมพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ไว้ใส่ผสมในการทำพระรุ่นนี้

 

(องค์ที่ 108)
.
ครูบาวุฒิชัย สถานพำนักสงฆ์ม่อนพญาอินทร์ จ.ลำปาง (ลูกศิษย์หลวงปู่ครูบาครอง)
.
เดินทางไปร่วมงานหล่อองค์พระมหามัยมุนี หน้าตัก 65 นิ้ว สูง 3 เมตร ที่โรงหล่อ จ.นครปฐม ซึ่งมีฤกษ์เททองเวลา 14.39 น. เพราะลองสอบถามทางกลุ่มชมรมสู่ร่มโพธิญาณว่าสามารถนำมวลสารเข้าร่วมพิธีได้ เพราะรู้จักกับเจ้าของงานคือ ครูบาวุฒิชัย ก็เลยตัดสินใจไปร่วมงานบุญนี้
.
ออกเดินทางไปถึงงานประมาณ 14.30 น.แบบฉิวเฉียดเพราะขับรถวนหลงอยู่หลายรอบ พอไปถึงครูบาวุฒิชัย กำลังนำสายสิญจน์แบ่งกันจับเพื่อเตรียมตัวหล่อตามฤกษ์ คือ เวลา 14.39 น. สักพักนึงท้องฟ้าก็สว่างนะแต่ฝนได้โปรยลงมาเบาๆ เหมือนเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประพรมน้ำมนต์ให้ ผมก็นำสายสิญจน์มาพันกับถุงใส่มวลสารและยืนมองบนท้องฟ้า ซึ่งสว่างจ้าแต่ฝนตกเบาๆพรำๆ ทำให้เกิดความมั่นใจในพิธินี้เป็นอย่างมาก
.
พอถึงเวลาตามฤกษ์ก็เททองตามฤกษ์ทันที หลังจากเททองเสร็จ ก็เข้ามาในที่รับรอง ทางกลุ่มชมรมสู่ร่มโพธิญาณก็ได้ถวายปัจจัยและลูกแก้วแด่ครูบาวุฒิชัย ทั้งนี้ได้นำไม้เท้ารบกวนครูบาวุฒิชัยฝากถวายแด่หลวงปู่โอภาส วัดจองคำ จ.ลำปาง
.
หลังจากนั้นผมก็ได้ขออนุญาตขอเมตตาครูบาวุฒิชัยอธิษฐานจิตมวลสารให้

 

เททองตามฤกษ์ เวลา 14.39 น.