วัตถุมงคลจัดสร้างโดยกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท

ผ้ายันต์ราหูจร

จัดสร้างปี 50 ครับ ปลายๆปี จริงๆแล้วในช่วงนั้นทางท่านอาจารย์และกองทุนเริ่มมีการอัญเชิญองค์พ่อแล้ว ผ้ายันต์ในยุคต้นๆของการอัญเชิญองค์พ่อก็มีผ้ายันต์ราหูจร , ผ้ายันต์ปราบไตรจักร , ผ้ายันต์เพชรตัดเพชร ทุกวันนี้เราจะเห็นกันแต่ผ้ายันต์เพชรตัดเพชร ส่วรผ้ายันต์ปราบไตรจักรและผ้ายันต์ราหูจรเราจะไม่ได้เห็นกันเลย ผ้ายันต์ปราบไตรจักรอยู่ที่บ้านผมหนึ่งผืน และวันนี้มีผ้ายันต์ราหูจรมาให้ชมครับ

เป็นผ้าขนาดใหญ่เหมือนกันครับ มีวิธีใช้วิธีบูชาที่แตกต่างจากผ้ายันต์แบบอื่นๆ และเป็นผ้ายันต์ที่มีการทำให้เป็นของเฉพาะตัวคือมีการบูชาดวง ถ้าผืนไหนบูชาดวงแล้วก็จะแล้วเลยคือไม่สามารถเปลี่ยนได้ ท่านอื่นๆก็เอาไปบูชาไม่ค่อยเหมาะเพราะคนละดวงเกิดกัน ผืนนี้ยังไม่ผ่านการบูชาดวง
ของดีมีน้อยหายากมากๆจัดเป็นของมงคลในยุคต้นๆของกองทุนหลวงปู่ปาน
...

ผ้ายันต์ในสายองค์พ่อจตุคามรามเทพในปัจจุบันมีมากมายหลายประเภท มีวิธีการใช้ วิธีบูชา แตกต่างกันไปตามประเภทของชนิดของผ้ายันต์ ซึ่งทางกองทุนฯ ได้จัดสร้างขึ้นมามากมายหลายประเภทเช่นกัน ที่เป็นที่สนใจ คือ ผ้ายันต์ธงกริชมหาเวทย์ ซึ่งได้ไปทำพิธีพิเศษหน้าเขาทะลุและหน้าเกาะทะลุ มีผู้นำไปใช้ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ และถูกกล่าวขานอยู่ในหลายๆ ด้าน
ในส่วนของผ้ายันต์ราหูจร ซึ่งเป็นที่สนใจกันมากในปัจจุบัน ทางกองทุนฯ ได้ทำพิธีขออนุญาตจากพลังงานแห่งองค์พระเทวราชโพธิสัตว์ จตุคามรามเทพ จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ และนำมาสมนาคุณเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมกุศล ในพิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยได้นำแบบอย่างผ้ายันต์ราหูจรยุคแรกๆ มาเป็นต้นแบบโดยได้รับการแนะนำการวางรหัสเลขยันต์ และสัญลักษณ์พิเศษบางประการ จากท่านผู้รู้พิเศษ
๑. เลขแทนดาวนพเคราะห์ที่ล้อมดวงลัคนากลางยันต์ถูกปรับแก้ไขให้เรียงตามลำดับดาวนพเคราะห์ เช่นเลข ๑ แทนพระจันทร์ เลข ๒ แทนพระอังคาร เลข ๓ แทนพระพุทธ เลข ๖ แทนพระเสาร์ เลข ๔ แทนพฤหัสฯ เลข ๘ แทนพระราหู เลข ๕ แทนพระศุกร์ เลข ๗ แทนพระอาทิตย์ และเลข ๙ ซึ่งอยู่ในดวงลัคนาแทนพระเกตุ ซึ่งถูกวางจัดเรียงตามเลขดาวนพเคราะห์
๒. ด้านบนและด้านล่างของผ้ายันต์
- ด้านบนถูกวางสัญลักษณ์วงกลมมีจุดแทนพระอาทิตย์, วงกลมถูกแบ่งครึ่งแทนพระจันทร์ โดยถูกกำหนดให้ด้านบนของผ้ายันต์เป็นทิศตะวันออก ซึ่งจะสัมพันธ์กับเลขที่แทนดาวนพเคราะห์ ซึ่งเลข ๑ แทนพระจันทร์ หรือวันจันทร์ ในหลักการนี้ จะแทนการวางพระบูชาประจำวัน ด้วยตามพระสูตรว่าด้วย หลังการตรัสรู้แล้ว ของพระพุทธองค์ทรงทำพุทธภารกิจ ตามทิศต่างๆ คราวละ ๗ วัน ซึ่งต่อมา กลายเป็นหลักการสร้างพระพุทธรูปประจำวัน ส่วนจุดกลางวงกลมนั้น แทนจุดดับและจุดเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้กฎของการเกิดและดับ อันเป็นกฎไตรลักษณ์ หากยังไม่ถึงความพ้นทุกข์ ย่อมอยู่ภายใต้กฎนี้ และจุดกึ่งกลางวงนี้ ยังหมายถึง จิต เจตสิก รูป นิพพาน อันเป็นหลักแห่งพระอภิธรรม ว่าด้วยหลักการจิตตานุปัสนา อันเป็นหนทางแห่งความเจริญอันถาวร ในส่วนเลข ๙ ซึ่งถูกย้ายจากด้านล่าง ผ้ายันต์ของเก่า ขึ้นมาแทนเลข ๑๑ หมายถึง นวโลกุตรธรรม คือธรรมอันนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ผู้ปฎิบัติและบูชา
- ด้านล่างได้ถูกกำหนดให้เป็นทิศตะวันตก โดยใช้สัญลักษณ์วงกลมแทนพระอาทิตย์และพระจันทร์เช่นกัน มีความหมายเช่นเดียวกันกับที่ได้อธิบายไว้ แต่แทนความหมายอันเป็นทางลบ คือถ้ามีลาภย่อมเสื่อมลาภ มียศย่อมเสื่อมยศ มีสุขย่อมมีทุกข์ หากผู้บูชาจะตระหนักในสิ่งอันเป็นกฎแห่งธรรมชาติเหล่านี้ หรือไม่ หากไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับเราๆ ย่อมไม่ประมาทในชีวิต หาทางเจริญแก่ตัว คือละจากอบายมุขทั้งหลาย ซึ่งจะนำความเสื่อมมาให้แก่ตนเองและครอบครัว ส่วนเลข ๖๐ แทนเวลาใน ๑ ชั่วโมง เพราะสรรพสิ่งย่อมอยู่ภายใต้กฎของเวลาทั้งดีและชั่ว อยู่ที่เราจะเลือกกระทำดีหรือชั่ว เพราะเวลาเป็นของกลาง เราเท่านั้นจะเป็นผู้เลือกทางเดินแห่งการใช้เวลา
๓. ด้านขวามือมีวงกลมและจุดดับ จุดเกิด รวมถึงเลข ๘ วงกลมดังกล่าวแทนดาวพุธ ส่วนเลข ๘ แทนราหู ในทางโหราศาสตร์ พระพุธและพระราหู เป็นศัตรูกัน การอยู่ใกล้กัน ถือเป็นการวางอาถรรพ์เพื่อตัดไม้ข่มนาม และเป็นคติว่า ของที่ไม่ถูกกัน แต่ปรับให้อยู่ด้วยกันได้ย่อมถือเป็นเรื่องพิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหลักการแห่งพรหมวิหารธรรม อันมีเมตตาเป็นที่ตั้ง จึงยังประโยชน์ให้เกิดแก่สัตว์โลกทั้งหลาย และการวางจุดเกิด จุดดับ แทนความหมายว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ หนีความไม่เที่ยง ความทุกข์ และการสลายตัว หากแต่สัตว์โลกจะต้องใช้เมตตา ซึ่งกันและกัน เพื่อจะทำให้โลกเกิดสันติสุขดังหลักการขององค์พระโพธิสัตว์ ดังนั้น ผ้ายันต์ราหูจรผืนนี้ จึงเกิดขึ้นจากไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ และถูกครอบคลุมกำหนดด้วยพุทธศาสตร์ อันเป็นศาสตร์ที่ไม่เสื่อมจากโลกธาตุ ย่อมนำความสุข แสงสว่าง แก่โลกธาตุ
คาถาบูชาและวิธีบูชา
เมื่อท่านได้รับผ้ายันต์ไปแล้ว ให้เขียนชื่อ – นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด เวลาตกฟาก ไว้ด้านหลังผ้ายันต์ บริเวณกลางดวงลัคนา แล้วนำแผ่นทองคำ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อธิษฐานจิต ฝากดวงเรือนเกิด ชันษา แก่พระรัตนตรัย องค์พ่อจตุคามรามเทพ และเทวดานพเคราะห์ทั้งเก้า แล้วนำแผ่นทองคำเปลวปิดทับชื่อตนเองดังกล่าว โดยภาวนาว่า “จุติ จุตัง จุโต นะกันตัง นะกันโต นะโมพุทธายะ มะ อะ อุ”
วิธีการลงชื่อฝากดวงชะตาไว้ที่ด้านหลังของผ้ายันต์ และปิดทองคำแท้บริสุทธิ์ เพราะมีความเชื่อว่าธาตุทองคำ คือธาตุนิพพานบุคคลใดซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของพระนิพพานย่อมได้รับความปลอดภัยจากบาปและอกุศลทั้งหมด อันหมายถึงพระราหู
วิธีใส่กรอบบูชา
ให้นำผ้ายันต์ใส่แผ่นกระจกเงาแล้วจึงใส่กรอบโดยเว้นช่วงเป็นกระจกเงา ๒ นิ้ว ซึ่งเหมือนกับการใส่กรอบผ้ายันต์ในสายจตุคามทั่วไป การบูชาให้บูชาตามปกติ โดยใช้คาถาบูชาว่า
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุสุริยัง ปะมุญจะสิ
จตุคามรามเทวา สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโตวะ ติฏฐะสีติ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ
พุทธะ คาถา ภีคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ
กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุจันทัง ปะมุญจะสิ
จตุคามรามเทวา สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโตวะ ติฏฐะสีติ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ
พุทธะ คาถา ภีคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ
จตุคามรามเทวาโพธิสัตโต เตชะสา เทยยะ รัฏฐัง อะนุรักขันตุ
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตะถาคะโต
สิทธิเตโช ชะโยนิจจัง สิทธิลาโภ นิรันตะรัง สัพพะกัมมัง ประสิทธิเม
(แล้วอธิษฐานตามความประสงค์)
จำนวนการสร้าง
มีด้วยกัน ๓ สี คือ แดง ดำ น้ำเงิน สกรีนด้วยสีทอง สร้างสีละไม่เกิน ๑๕๐ ผืน ขนาด ๑๒ นิ้ว x ๑๒ นิ้ว ได้ทำพิธีตามหลักสูตร ร่วมกับลูกสะกดสุริยัน – จันทรา
หมายเหตุ ผ้ายันต์ราหูจรนี้ ถูกผูกขึ้นตามคำแนะนำจากท่านผู้มีความรู้พิเศษ โดยวางอาถรรพ์ป้องกันอิทธิพลของราหูทั้งแปดตนในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะเคลื่อนตามทิศต่างๆตามเวลาคราวละ ๓ ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่อรุณรุ่ง ตามทิศแบบตารางหมากรุก จึงไม่จำเป็นต้องตั้งบูชาด้านหลังเจ้าของผ้ายันต์ เพราะถูกผูกวางอาถรรพ์สูตรสำเร็จไว้แล้ว ไม่มีโทษแก่ผู้บูชาด้วยความเคารพเชื่อถือแต่ประการใด
“ ความศรัทธาย่อมนำประโยชน์สุข และผลสำเร็จแก่ผู้ศรัทธา
หากแต่ผลสำเร็จและประโยชน์สุข จะถาวรต้องประกอบด้วยปัญญา และความเพียร”

 

สุริยะเทวะประสิทธิ์

วัตถุมงคลองค์พ่อรุ่นล่าสุดจากกองทุนหลวงปู่ปาน

 

พระนำฤกษ์พิมพ์ประทับสัตว์

นำฤกษ์รุ่นมงคลบารมีครอบฟ้าคลุมดิน กดพิมพ์หรือทำพิธีบวงสรวงบอกกล่าวองค์พ่อเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฏาคม ๒๕๔๙ กดพิมพ์กลางแจ้งภายใต้แสงพระอาทิตย์ทรงกลด ตลอด ๘ ชั่วโมง พระนำฤกษ์แบ่งเป็นพิมพ์น้ำตาลแว่นด้านหลังพลังจักรวาล มีทั้งพิมพ์มีบัวและพิมพ์ไม่มีบัว และพิมพ์ประทับสัตว์ ซึ่งเป็นพิมพ์เก่าของกองทุนจากปี ๔๗ รุ่นสร้างสมเด็จองค์ปฐมบูชาพระคุณหลวงปู่ปาน มีด้วยกัน ๖ พิมพ์ตามพระหมอของหลวงปู่ปาน
ถ้าเราหาพระน้ำตาลแว่นเนื้อนำฤกษ์มาแขวนไม่ได้ ก็ยังหาพิมพ์ประทับสัตว์มาแทนได้ เหมือนๆรุ่นปี ๓๐ ที่ไม่มีลูกกลมก็แขวนพระพุทธสิหิงค์ หรือหาพระประทับสัตว์ไม่ได้อีก ก็ยังมีน้ำตาลแว่นเนื้อรองนำฤกษ์ที่ทำจากเนื้อที่ผสมในพิธีนำฤกษ์ เอาไปเป็นหัวเชื้อผสมเนื้อใหม่และกดพิมพ์กันภายหลัง ถ้าหาแบบนี้ไม่ได้ ก็เอาองค์ไหนพิมพ์ไหนก็ได้ของรุ่นนี้ครับ เป็นรุ่นที่ดีและสำคัญมากๆของกองทุนหลวงปู่ปาน

พระประทับสัตว์เนื้อนำฤกษ์น่าแขวนบูชาครับมีบารมีหลวงปู่ปาน บารมียันต์เกราะเพชรและบารมีขององค์พ่อจตุคามรามเทพครบถ้วน

 

น้ำตาลแว่นลูกเคลือบ

ของโปรดอีกอย่างของผม องค์พ่อท่านรู้ว่าผมชอบท่านก็เมตตาส่งมาให้เรื่อยๆ ครบทุกสีแล้ว ปรกติผมแขวนบูชาสีเหลือง กับสีขาวไม่เคลือบจากชุดไหว้ครู

ที่สุดของสายลูกเคลือบ น้ำตาลแว่นเนื้อกระเบื้องเคลือบสามสี รุ่นมงคลบารมีครอบฟ้าคลุมดิน จัดสร้างปี ๔๙ องค์พ่อรุ่นแรกของกองทุน รุ่นที่เป็นรากฐานทั้งหมดของธุดงคสถาน เนื้อชนวนมวลสารเข้มข้นและพิธีเข้มขลังยิ่งใหญ่ หลวงตาม้าอธิษฐานให้ไม่รู้ว่ากี่รอบต่อกี่รอบ

ท่านที่ยังไม่ได้ตกลงใจว่าจะแขวนบูชารุ่นไหนหรือเก็บสะสมรุ่นไหน ผมแนะนำรุ่นนี้ครับ เก็บได้มีอนาคต แขวนบูชาได้ของดีจริงรับบารมีขององค์พ่อได้จริง ตอนนี้ราคายังเบา มีหลายแบบหลายเนื้อ จ่ายบูชาได้สบายกระเป๋า ทำพิธีที่วัดพระบรมธาตุและศาลหลักเมืองนครด้วย

ลูกเคลือบหรือเนื้อกระเบื้องปรกติก็มีสามสีคือเคลือบเหลือง เคลือบเขียว เคลือบน้ำเงิน จัดสร้างสีละ 1,000 องค์ แต่แบบสามสีน่าจะมีราวๆร้อยองค์เท่านั้น และอีกแบบคือสีขาวเนื้อดินเผาแบบไม่เคลือบ ขาวแบบดินเผาปอร์สเลน บางองค์ก็ออกอมชมพูหรืออมเทาดำ เคลือบสามสีหายากทั้งในแบบที่มีหน้ากากและแบบเรียบๆ ในเนื้อดินก็ผสมชนวนจากพระเนื้อดินเก่าและดินจากสถานที่ศักดิสิทธิ์
ของดีมีน้อยหายาก จัดเป็นของมงคลในยุคต้นๆของกองทุนหลวงปู่ปาน

 

เหรียญมหาจักรปาฎิหาริย์ เนื้อเงินลงยาสีแดง หมายเลข ๑๙ เนื้อนี้จัดสร้าง ๔๐๐ องค์ ( เนื้อเงินแบ่งเป็นเนื้อเงินขัดเงา ๒๐๐ องค์ , เนื้อเงินลงยาสีแดงและเนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน จัดสร้างอย่างละ ๔๐๐ องค์ )

 

เพิ่มสีสันให้ชีวิต องค์พ่อท่านเมตตามาโปรดอีกองค์ครับ น้ำตาลแว่นรุ่นมงคลบารมีครอบฟ้าคลุมดิน เนื้อกระเบื้องเคลือบสามสีหน้ากากเงิน

 

วันนี้มาแบบมหาปาฎิหาริย์

เหรียญหล่อมหาปาฎิหาริย์มั่งมีทรัพย์ จัดสร้างปี ๕๐ และเหรียญหล่อมหาปาฎิหาริย์สองแผ่นดิน จัดสร้างปี ๖๖ จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ของกองทุนจริงๆ แต่ก็ทำพิธีที่กองทุนหลายรอบหลายพิธี ชนวนมวลสารและพิธีกรรมโดยท่านอาจารย์ธนสารทั้งสองรุ่น

ท่านที่ทันยุคมหาปาฎิหาริย์มั่งมีทรัพย์คงพอจำได้ดี รุ่นนี้เรียกว่าดังทะลุฟ้า เป็นรุ่นหลักของปี ๕๐ จัดสร้างไปพร้อมๆกับรุ่นบูรพาจารย์สัมฤทธิ์สิทธิโชคมหามงคลบารมี ของกองทุนหลวงปู่ปาน ท่านผู้สร้างหรือโต้โผใหญ่คือคุณเล็ก หรือ lex2000 ผู้ล่วงลับ รุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นรวมใจของลูกหลานองค์พ่อตั้งแต่เริ่มจัดสร้าง มีการช่วยกันออกแบบ เลือกแบบ และปั้นแบบโดยช่างเม้า มือปั้นแบบอันดับต้นๆของวงการจตุคามรามเทพ
เหรียญหล่อเหรียญนี้เป็นเนื้อพิเศษ เค้าเรียกว่าเนื้อท่านอาจารย์สุธันย์หรือเนื้อพระกริ่งวัดสุทัศน์ เพราะเบ้านี้หรือเตานี้ท่านอาจารย์สุธันย์ใส่ชนวนมวลสารที่มาจากพระกริ่งรุ่นต่างๆของวัดสุทัศน์ลงไปจำนวนมาก ในยุคที่ออกให้บูชาใหม่ๆองค์ละสองสามหมื่น จัดเป็นเนื้อที่มีน้อยหายากมากๆอย่างหนึ่งในสายมหาปาฎิหาริย์มั่งมีทรัพย์

ทุกวันนี้รุ่นนี้ไม่ค่อยมีคนเล่นหาหรือไม่ค่อยมีราคา อันเป็นเคราะห์กรรมของจตุคามรามเทพที่จัดสร้างในปี ๕๐ ช่วงนั้นสร้างกันทุกวัน มีรุ่นใหม่ออกให้บูชาทุกวันบางวันมีหลายรุ่น จนในที่สุดวงการจตุคามรามเทพสร้างใหม่ในยุคนั้นก็พังทะลายลงมา

แต่องค์พระหรือองค์พ่อท่านไม่ได้ผิดอะไร รุ่นนี้หรือรุ่นอื่นๆที่สร้างในปีนั้น รุ่นที่ทำพิธีดีจุดประสงค์การจัดสร้างดี พระก็ยังศักดิสิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาหรือช่วยเหลือคุ้มครองผู้เลื่อมใสศรัทธาได้ดีเสมอ ผมเชื่อว่าลูกหลานกองทุนหลายท่านก็ติดตามศรัทธาของกองทุนมาตั้งแต่ยุคมหาปาฎิหาริย์มั่งมีทรัพย์ หรือที่สมัยนั้นเรียกกันว่า FCมั่งมีทรัพย์

รุ่นนี้ถ้านับกันจริงๆก็เป็นรุ่น2และ3 ของกองทุนที่ทำพิธีพร้อมกัน เป็นรากฐานขององค์พ่อในสายกองทุนเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ไม่รู้นับเป็นรุ่นที่เท่าไหร่