รายชื่อผู้ที่ปราถรถนาพุทธภูมิ(ในเว็บนี้)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย thanan, 12 พฤศจิกายน 2004.

  1. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ร่วมสนับสนุนกระทู้คุณ Lotte

    ผมเองก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกันครับ (ทั้ง ๆ ที่ผมก็หน้าตาออกจะพระเอกหนัง 555 ไม่ค่อยหลงตัวเองเลย)
     
  2. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ผมจะไม่เหมือนพระเอกหนังได้ยังไงล่ะครับ ก็ผมคือหนุมานอ่ะคับ 5555555
     
  3. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ผมยังบ่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาเลยครับ คาดว่าชาตินี้จะต้องบำเพ็ญบารมีโดยไม่มีแฟนให้ได้เลย คาดว่าคงสำเร็จครับ
     
  4. องค์เทพ

    องค์เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +312
    อืม เข้าท่าแฮะ ลากันได้จริงหรือ........
     
  5. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    รู้สึกอ่านไม่หมด แต่ก้อ่านพอคร่าว ๆ อ่านแล้วทำให้รู้สึกเหมือนตุ๊กตาเสียกระบาลยังงั้น งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
     
  6. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    เรื่อง ได้รับพยากรณ์แล้วลาได้อยู่หรือ

    ..ผมฝึกสมาธิก็บ่อยครั้ง แต่ผมยังเป็นปุถุชนอยู่ จึงมีโอกาสผิดพลาด แต่ผมอยากบอกประสบการณ์ที่ผมเจอ ให้ท่านทั้งหลายดูไว้อีกทาง

    ... ผมไปดูอดีตชาติของคนรู้จักผม หรือหลายคนที่ดังๆ ที่ปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน .. มีหลายคนที่เคยได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ามาแล้ว ... แต่ว่า ก็ยังมีจิตคิดอยากจะลาพุทธภูมิ และหลายท่านนั้นก็เป็นพระอรหันต์สาวกภูมิเรียบร้อยไปแล้วหลายคน ...

    ... ตัวอย่างที่

    1. ผมกะพี่ชมรมผม(พี่วัฒน์) เขาเคยถาม อ.ไก่ ว่าเคยปรารถนาพุทธภูมิมาหรือเปล่า ..อ.ไก่ บอกว่าเป็นแน่นอน .. แต่พี่แกก็สงสัยอีก เพราะว่า เขาไม่เคยปรารถนาพุทธภูมิเลยและไม่อยากมาทนทุกข์อีก ... มีวันนึงผมกับพี่แกฝึกมโนฯด้วยกัน ก็ย้อนไปดูชาติอดีตชาติว่าเคยได้รับคำทำนายมาหรือยัง ก็ปรากฏว่า เคยได้รับคำทำนายมาแล้ว (ตอนนั้น ถวายทานอะไรซักอย่าง แล้วก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าต่อหน้าพระองค์) .... ตอนล่าสุดที่เจอพี่แก พี่แกก็บอกว่า ที่อยากลาไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าหากได้ลงนรกอีกเพียงชาติเดียว จะลาทันทีเลย ... เนี่ยอ่ะครับ เหตุผลแก

    2. มีพี่ผู้หญิงหลายคนที่เคยคุยด้วยกัน .. และก็เคยฝึกมโนฯด้วยกัน เขาก็เคยได้รับคำทำนายมาแล้วทั้งนั้น .. และเขาส่วนมากนั้น ก็ลาแล้วครับ แต่ว่าส่วนใหญ่ จะได้รับคำทำนายมาไม่นานมากครับ ..

    3. มีน้องคนนึงเป็น หญิง แกยังปรารถนาพุทธภูมิต่อ ...แต่ชาตินี้แกเป็นผู้หญิง ปรมัตถ์แล้วด้วย เหลือไม่กี่ชาติก็เต็ม ... เห็นมั๊ยว่า เป็นหญิงได้รับคำทำนายแล้วก็มี ... ที่เป็นหญิงชาตินี้ก็เพราะกรรมหรอก .. อดีตเจ้าชู้ไว้เยอะ ..ถึงจะกายหญิง แต่ว่าใจชายนะเออ คนนี้น้อง Fame รู้จักดี ..ถามน้องแกได้ อุอุ

    4. สังเกตเลยว่า คนที่เป็นพระดังๆ ส่วนใหญ่ล้วนเคยปรารถนาพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้นครับ เช่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อฤาษี หลวงปู่มั่น และอีกหลายๆท่าน แม้แต่ ในหลวง(ไม่ใช่พระ)ท่านก็เป็นพุทธภูมิ
     
  7. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ...............................โมทนา สาธุ หน่อเนื้อพุทธางกูรทุกท่าน......................

    ............เราจะเฝ้าดูความสำเร็จของทุกท่าน และความพ้นทุกข์ของเหล่าสรรพชีวิต


    ...................เราจะรอจนถึงวันนั้น แน่นอน....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..................เราชื่นชม ปิติยินดีอย่างยิ่ง ในความสำเร็จของท่านทั้งหลาย
    ที่ใกล้เข้ามาทุกที

    แต่อย่าประมาท เพราะเล่ห์กลมารมันเยอะ


    หากพลาดขึ้นมา...

    ตัวพวกท่านอาจไม่เท่าไร แต่ สายบุญบริวารของท่านเขาช่วยตัวเอง
    ได้ลำบาก
    ..........................ยินดี และ เฝ้าดู...................


    [b-wai]
     
  9. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    เมื่อวานนี้ (วันเสาร์ที่ 6 ส.ค.48) ผมไปฝึกญาณ 8 ที่บ้านซอยสายลม มีพี่เปี๊ยกเป็นครูฝึก หลังการฝึกผมมีโอกาสคุยกับพี่เปี๊ยก
    ก็เลยนำข้อสงสัยเรื่องการเป็นพุทธภูมิของผมไปสอบถามแก ก็ได้รับคำอธิบายให้ฟังว่า ให้ใช้เหตุผลพิจารณาดูว่า ส่วนใหญ่ลูกศิษย์
    ที่ติดตามหลวงพ่อมาหลายชาติ (นับไม่ถ้วน) มักจะเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิเช่นเดียวกับหลวงพ่อ ตัวพี่เปี๊ยกเองก็บอกว่า ในชาตินี้
    แกไม่ได้ปรารถนาพุทธภูมิเลย และไม่ทราบมาก่อนเช่นกัน แต่เมื่อมาฝึกมโนมยิทธิแล้วจึงได้ทราบว่าตนก็เคยปรารถนาพุทธภูมิมา
    เหมือนกัน เพราะติดตามหลวงพ่อมา

    ผมมาคิดต่อเอาเองว่า คงมีลูกศิษย์ของหลวงพ่อหลายๆ คนลาพุทธภูมิกันในชาตินี้ เหมือนกับที่ผมก็ตั้งใจลาเช่นกัน เพราะจะติด
    ตามหลวงพ่อไปพระนิพพาน หลังจากติดตามท่านมาหลายชาติแล้ว (อันนี้คงต้องให้น้องอ้นช่วยยืนยันอ่ะ..หุ หุ ) หลวงพ่อบำเพ็ญ
    บารมีมาถึง 16 อสงไขย กับอีกแสนกัป ท่านยังลาเลย แล้วเราที่บำเพ็ญบารมีมาน้อยนิดจะมัวรอช้าอยู่ทำไม สู้ไปนอนเล่นบน
    พระนิพพานให้สบายใจกันดีกว่า....ใครจะไปกับผมยกมือขึ้น......
     
  10. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    มีเรื่องมาเล่าต่ออีกหน่อยนึง.... วันที่ผมไปฝึกญาณ 8 ผมได้พบบุคคลคนหนึ่งที่ไปร่วมฝึกด้วย และเธอก็ทำให้ผมถึงกับทึ่งมากทีเดียว ถ้าเอ่ยชื่อเธอขึ้นมา ผมเชื่อว่าทุกท่านคงต้องรู้จักเธอแน่นอน เพราะเธอเป็นดารานักแสดงที่เห็นอยู่บนจอโทรทัศน์เสมอๆ เธอคือ เจมี่ บูเฮอร์ (ถ้าสะกดชื่อผิดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ) เหตุที่ทำให้ผมทึ่งปนความสงสัยจนทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิ ตอนสมาทานพระกรรมฐานก็คือ ผมทราบว่าเธอเป็นแคธอลิก และเคยเห็นเธอในงานแต่งงานของเพื่อนที่ทำงาน โดยเธอเป็นญาติกับฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนผมเป็นเพื่อนกับเจ้าสาว งานนี้จัดขึ้นในโบสถ์แคธอลิกแห่งหนึ่ง ในงาน เจมี่ จะเป็นผู้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และร่วมรับศีลด้วย พอผมเห็นเธอมาร่วมฝึกญาณ 8 ก็เลยสงสัยว่าเธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธตั้งแต่เมื่อไหร่กัน .จากการสังเกตของผมพบว่า เธอสวดมนต์ รับศีล 5 และ สมาทานพระกรรมฐาน ได้อย่างคล่องแคล่ว ก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น ผมเก็บความสงสัยไว้จนกระทั่งฝึกเสร็จ จึงเข้าไปคุยกับเธอ ก็เลยได้ทราบว่า เธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธได้เกือบ 2 ปี แล้ว เหตุที่มาฝึกมโนมยิทธิ เพราะได้อ่านหนังสือ และซื้อซีดี คำสอนของหลวงพ่อไปแล้ว แล้วสนใจจึงมาฝึก....

    ผลการฝึกของเธอ ดูจากการตอบคำถามของครูฝึกได้ตลอด ก็นับว่าใช้ได้ดีทีเดียว ผมและเธอต่างก็อนุโมทนาซึ่งกันและกััน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำบุญกับท่านพระครูปลัดอนันต์ (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน)


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2007
  11. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..............................เห็นเธอไปร่วมบุญกับกลุ่มนิตยสารโลกทิพย์ด้วย...ดาราแบบนี้ยังมีในวงการ
    อีกหลายคน ข่าวแบบนี้เขาน่าจะส่งเสริมให้เผยแพร่บ้างนะครับ โมทนา
     
  12. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ขอโมทนากับผู้ปรารถนาพระนิพพานเป็นที่ไป.. เป็นทางประเสริฐแล้ว ทางสวยสดงดงาม กว่าปุถุชนทั่วไป... เป็นความสุขนิรันดร์ หาทุกข์มิได้ .. เป็นหมู่บัณฑิต ..เป็นผู้พัฒนา


    แต่พุทธภูมิทั้งหลาย อย่าใจเสียไป เขาไม่ได้ลากันทุกคนหรอก อุอุ ... มันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่ที่ใคร เรื่องลาพุทธภูมิ .. นั่นเป็นเรื่องที่ว่า ลูกหลานหลวงพ่อส่วนมาก ที่ติดหลวงพ่อแจ .. ส่วนใหญ่เป็นพุทธภูมิวิริยะธิกะ แล้วก็ลงมาลาไปนิพพานพร้อมกับหลวงพ่อ .. แต่ละคนจะเป็นกำลังของพุทธศาสนาได้ยิ่งใหญ่มาก ..เพราะกำลังใจ และบารมีแต่ละคนนั้น ไม่ใช่ย้อยๆเลย ... เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ..

    การเปรียบเทียบกำลังใจของผู้สู้ต่อ

    1. พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ท่านทำจนสำเร็จ ..ท่านสู้จนเสร็จ..ท่านสร้างบารมีพิเศษด้วยนะ องค์ปัจจุบัน เคยไปถามท่านมาไม่ผิดบารมีพิเศษคือ ประกาศธรรมได้กว้างขวางในหมู่โลกทิพย์ (หากผิดพลาดประการใด ผู้รู้จริง ขอให้มาช่วยเตือนด้วยครับ)

    2. แม้ พระศรีอาริย์ท่านก็ไม่ลา .. ถามว่าท่านเจอหนักไหม ... ถามท่านดูสิครับ .. อุอุ

    3. ต่อให้มีพระพุทธเจ้ามาอีก 100,000 พระองค์ คนที่ยังไม่ไปนิพพานก็ยังไม่หมด .. นรกไม่ว่าง ตราบใดที่คนยังมีกิเลสอยู่ ...

    4. สุญกัปป์ คือ กัปป์ที่ขาดพระพุทธเจ้า หรือไม่มีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติมาแสดงพระธรรมพาเหล่ามวลชนไปพระนิพพาน ... สุญญกัปป์ มีเยอะมากมาย พุทธภูมิเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ ว่าท่านจะช่วยกัปป์ไหน .. รับประกันเลย จะพุทธภูมิจะเบียดกันแค่ไหน สุญญกัปป์ก็ยังปรากฏมีให้มาเยาะเย้ยเหล่าพุทธภูมิอยู่เสมอ ..เห็นเป็นแบบนี้ทุกที

    5. เวลา ที่เราจมอยู่กับ กิเลส กี่อสงไขยแล้ว ... แล้วเทียบกับการบำเพ็ญบารมีเป็นพุทธภูมิ ว่า มันต่างกันเพียงไร .... เทียบเวลาบำเพ็ญแล้ว ก็ยังคุ้มอยู่เลย เพราะเวลาที่เราจมในกิเลสนั้น นับอสงไขยไม่ถ้วน เวลาที่บำเพ็ญบารมีขององค์ปฐม ก็ 40 อสงไขย ..

    6. อยากให้ท่านทั้งหลายที่ต้องการสู้ต่อ..ได้ศึกษาถึงกำลังใจของพระพุทธองค์ขององค์ปัจจุบัน .. ว่าท่านทำมาเพียงไร .. แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นที่ว่า ... คนจะเข้าใจ ตาม step ของการบำเพ็ญบารมีนั้นมีน้อย เพราะว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญมาทาง ปัญญาธิกะพุทธภูมิ ... เวลาท่านทำบารมี ท่านเจอเป็นชุดๆ ไม่ได้ทำสบายๆเหมือนแบบวิริยาธิกะ หนักมากเลย แบบปัญญาธิกะ เพราะเป็นแบบเร่งรัด แต่ผลคือ บารมีเต็มเร็ว ไม่ต้องรอนาน ....

    ..เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทำบารมีมาแบบเร่งรัดนี้เอง ... คนทั่วไปจะเข้าใจได้ยาก ว่าท่านทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร .. อย่าไปเผลอปรามาสเข้านะครับ ... แม้พระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ หรือพระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ท่านก็ย่อมเคารพในบารมี 10 ที่เต็มเปี่ยม ของแต่ละพระองค์ ...

    ... ความสำคัญของผู้สู้ต่อ คือ การสู้ด้วยกำลังของพุทธภูมิจริงๆ และถูกทางทางฝ่ายมโนมยิทธินั้น ทำให้เราสามารถติดต่อกับพระพุทธเจ้าได้ พระโพธิสัตว์บารมีเต็มทุกพระองค์ท่านก็สามารถจะติดต่อได้ ในที่สุดคือองค์ปฐม พระพุทธเจ้าผู้เป็นองค์แรกในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งปวง...

    ...พุทธภูมิเป็นระบบเดี่ยว กล่าวคือ ไม่ได้สนใจคนอื่นมากหรอก เวลาเขามาหักห้ามกำลังใจเรา ให้หันเหไปทางอื่น แม้ว่าคนใกล้ตัวเราเขาจะทำให้เราท้อ และเหนื่อย แต่เขาหาได้ทำให้เราสำเร็จโพธิญาณ มันไม่เกี่ยวกันเลย .. ไม่เจือด้วยอกุศลกรรม ... เขาจะไปทางไหนก็ดี เราหวังเพียงเขาจะสุขที่สุด เราช่วยได้ให้มากที่สุด ... บนนิพพานไม่เห็นเขาทะเลาะกัน

    ... เวลาปัญหามาหนักๆ .. ผู้ร่วมสร้างบารมีของเรา นั้นจะทำตัวให้เราเสียกำลังใจไปเท่าใด .. อันนั้นไม่ใช่ทาง .. ในชาดก ผมเคยเจอคำว่า "หากไปกับคนพาล ไปแต่ผู้เดียวประเสริฐกว่า" ... นี่คือองค์ปัจจุบัน ... ท่านสู้มาขนาดนี้ ...


    แต่เวลามารมาจริงๆ มาแบบที่เราสู้ไม่ได้...ก็อย่าไปสู้นะ ..ให้เฉยๆไว้ก่อน อุอุ ... บางทีก็ไม่ไหวเหมือนกัน ได้แต่นิ่งๆ... เราสู้ หรือไม่สู้แบบไหนก็ได้ ..ที่ผลออกมาแล้ว เราจะได้อยู่ต่อ ..และเสี่ยงอกุศลกรรมน้อยที่สุด ...

    ท้ายที่สุดนี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย ..จงมีความสุขกันถ้วนหน้ากันครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2005
  13. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ท่านที่เป็นศรัทธาธิกะคงไม่ค่อยชอบประกาศตัวละมั้ง
    ไม่เคยเจอเลย
     
  14. suttatika

    suttatika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมขอรายงานตัวผู้ปรารถนา ศรัทธาธิกะพุทธภูมิครับ และขออนุโมทนาทุกท่านครับ.....

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    " ศรัทธาเสมอด้วยปัญญา ดังโคคู่ลากเกวียนไปพร้อมกันโดยเกวียนไม่ล้ม"
    ศรัทธามากกว่าปัญญาคือ งมงาย ปัญญามากกว่าศรัทธาคือ วิปลาส คำตอบสุดท้ายคือทางสายกลาง

    web รวมบทสวดมนต์หลากหลาย และ web link อสุภะลดกาม ( บางจริต ) ทั้งในและต่างประเทศที่ www.geocities.com/suttatika
     
  15. ผู้มีจิตอันตั้งมั่น

    ผู้มีจิตอันตั้งมั่น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +48
    รู้ได้ยังไครับ ว่าอีก 250 ชาติ 500 ชาติจะได้ตรัสรู้ แล้วรู้ได้ยังไง ว่าท่านเคยได้พุทธพยากรณ์มาแล้ว พุทธเจ้าของเรานับแต่ตอนที่ท่านเป็น สุเมธฤาษีได้ปราถนาพุทธภูมิก็ตั้ง4อสงไขย ถึงได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วน การที่จะรู้ว่าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นญาณของพระพุทธเจ้าเท่านั้นไม่ใช่หรือครับ เพราะบารมีของพระสาวกแม้จะได้บรรลุพระอรหันต์ ปฏิสัมภิธาญาณ 4 อภิญญา6 แต่ก็ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ เพราะบารมีไม่พอ และยิ่งพวกคุณที่เป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา กิเลสเต็มหัวใจจะรู้ได้อย่างไง ผมว่าจิตของพวกคุณนี้เข้าขั้น วิปัสสนู อย่างเต็มขั้นเลย รู้อะไรไหม ชาตินี้คุณโชคดีมากทีได้เกิดมาเจอพระพุทธศาสนาและเข้าใจในคำสั่งสอน แต่กลับไม่ยอมเอามาประพฤติปฏิบัติกลับวาดฝันลมๆแล้งๆ ไปชาติหน้า ว่าจะได้เป็นพุทธเจ้ามั่งล่ะ จะได้เป็นปัจเจก มั่งล่ะ พระอสีติมหาสาวกมั่งล่ะ ชาตินี้คุณเกิดมาเจอของดีกลับไม่ยอมเอา แล้วชาติหน้าพวกคุณยิ่งไม่เหลวไหลไปกว่านี้อีกเรอ พวกคุณคิดว่าการจะได้เป็นพทุธเจ้า เป็นพระปัจเจก นั้นช่างง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรือไง ตัวผมน่ะ แค่ขอตั้งจิต ตั้งสติ ให้อยู่ในจิต ตั้งจิตอยู่ในกาย ก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว และยิ่งขอให้ได้เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าท่ายลนเคยเห็น พระสาวกท่านเคยเห็น เพียงแค่กระพี้แค่เปลือก ก็นับเป็นพระคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแล้ว ไม่คิดเพ้อฝันไปไกลขนาดนั้นเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2005
  16. Star Platinum

    Star Platinum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +1,152
    ผมไม่เคยบอกว่าผมจะได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาทำนายจริงๆ ที่สำคัญคือผมไม่เคยใส่ใจด้วยว่าอีกกี่ชาติจะสำเร็จ ผมเคยแต่บอกเฉยๆว่า"คุณคนเมืองบัว"บอกไว้อย่างนี้เท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เชื่อแบบไม่ใช่ปัญญาไต่ตรองด้วย ผมรู้แต่ว่าชาตินี้ผมจะทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้และจะช่วยเหลือคนอื่นๆด้วย(ผมและหลายๆคนที่นี่ทำความดีทุกวัน)

    อย่าคิดว่าที่ผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นเรื่องลมแล้งๆหรือเพ้อฝันสิครับ การปรารถนาจะช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์นี่ผิดด้วยหรือครับ คุณอย่าดูถูกความคิดคนอื่นที่ต่างจากคุณสิครับ ที่สำคัญคือผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมปรารถนาไม่ใช่เรื่องง่าย ผมว่าทุกคนที่นี่ก็น่าจะทราบดีว่ายากแค่ไหน

    คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์? ผมปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์เสมอครับ

    วิสัยของแต่ละคนต่างกันครับ คนที่ปรารถนาจริงๆตั้งใจจริงๆก็มีนะครับ
     
  17. ผู้มีจิตอันตั้งมั่น

    ผู้มีจิตอันตั้งมั่น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +48
    เข้าใจผิดแล้วครับ ผมไมได้ดูถูกความคิดคุณเลยน่ะ แถมอนุโมทนาสาธุด้วย ที่คุณมีความปราถนาเช่นนี้ ยังไงก็ต้องขอให้คุณอดโทษที่ผมล่วงเกินไปโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจด้วย
    และผมขอตอบที่คุณถามว่าผมรู้ได้ยัไงว่าคุณไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอน คำตอบก็คือ ถ้าคุณปฏิบัติตามคำสั่งสอนพุทธเจ้าจริงคุณก็คงไมได้มาตอบผมหรอก คุณคงโกนหัว บวช ครองผ้ากาสาวพัตไปแล้ว เพราะขึ้นชื่อว่าหน่อเนื้อพุทธธางกูล ย่อมรู้ว่าบารมีจากการครองผ้ากาสาวพัตนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน การรักษาศีล รักษาพรหมจรรย์ เจริญภวานานี้สิถึงจะเรียกว่าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
    และผมขอถามหน่อยเถอะพวกคุณมั่นใจในความปราถนานี้ขนาดไหน พระพุทธเจ้าเราเอง ตอนสมัยศาสนาพระ กัสสปะ พระองค์เกิดเป็นมาณพแต่มีจิตใจเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อในพระรัตนตรัย นี้ขนาดพระองค์บำเพ็ญบารมีมาเต็มที่แล้วน่ะ เพราะต่อจากศาสนานี้ก็จะเป็นศาสนาของพระองค์ แต่พระองค์มีเพื่อนเป็นคนวรรณะตำกว่าได้มาช่วนท่านไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ชวนครั้งแรกก็ไม่ยอมไป เพื่อนคนนี้เลยจับแขนท่านชวนอีกก็ไม่ยอมไป ครานี้จับไหล่ก็ไม่ยอมไปอีก ที่นี้เพื่อนคนนี้เลยจับหัวหัวเลยแล้วชวนไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่นี่ท่านเลยยอมไปเพราะสงสัยว่าเพื่อนเขามีวรรณะตำกว่าแต่กลับจับหัวท่าน นี่ดูสิครับ จิตของพระโพธิสัตว์ที่ได้พุทธพยากรณ์แล้ว และใกล้จะได้ตรัสรู้แล้ว ยังหลงได้ขนาดนี้ แล้วพวกคุณแน่ใจเรอะครับ ว่าพวกคุณ จะไม่หลงท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ชั่วกัปชั่วกัลป์ ผู้ปราถนาพุทธภูมิเปรียบได้ดังเม็ดทราย ใน 4 มหาสมุทร ตอนได้บรรลุก็บรรลุเหมือนกัน ตัดกิเลสเหมือนกัน หลุดพ้นเหมือนกัน เปรียบเหมือนมีชายสองคนไปเฝ้าพระราชา ชายคนหนึ่งเดินตรงไม่เที่ยวไปไหนไปเฝ้าพระราชเลยทันทีทำให้ไปถึงเร็ว แต่ชายอีกคนกลับเดินท่องเที่ยวจนรอบเมืองแล้วไปเฝ้าพระราชา นี้เห็นไหมครับ จุดประสงค์จริงๆของชาย2คนนี้คือเฝ้าพระราชา เพียงแต่ชายที่เดินชมรอบเมืองจะรู้อะไรมากกว่าชายที่เดินตรงไปทาพระราชา เปรียบดังกับผู้ปราถนาพุทธภูมิกับผู้ปราถนาการหลุดพ้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือ หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิจะต้องเกิดตายไปนับชาติไม่ถ้วน และยิ่งอนิยตโพธิสัตว์ อาจจะตกอบายภูมิถึงโลกันตนรกกว่าจะชดใช้กรรมเสร็จ ก็นับกัปนับกัลป์ ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าของเราตอนเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านเคยบริจาค ตวงตา อวัยวะ ร่างกาย แขนขา หรือแม้แต่ชีวิตให้เป็นทาน ก็นับชาติไม่ถ้วน แล้วพวกคุณล่ะกล้าทำไหม พระองค์ตอนเสวยชาติเป็นพราหม์เคยกระโดดจากหน้าผาเพื่อพลีร่างกายของท่านให้เสือแม่ลูกอ่อนที่หิวจัดซึ่งกำลังจะกินลูกตัวเอง ไม่ทราบว่าพวกคุณกล้าทำไหม ผมว่าน่ะชาตินี้พวกคุณโชคดีแล้วทีได้เกิดในพระพุทธศาสนา คุณคิดดูสิคนบนโลกนี้ 6 พันกว่าล้าน คน มีกี่ล้านคนที่ได้นับถือศาสนาพุทธ และมีอีกกี่คนที่ได้บวชในพุทธศาสนาและมีอีกกี่คนที่ได้บวชแล้วบำเพ็ญเพียรเจริญตามรอยพระพุทธศาสนาจริงๆ และยังมีสัตว์เล็กสัตว์น้อย และสัตว์ใหญ่อีกนับไม่ถ้วน ผมจึงอยากให้คุณคิดดูให้ดีๆ เกิดตายนับเป็นทุกข์แสนสาหัส พวกคุณยังต้องการที่จะเกิดอีกหรือ ผมเสียดายถ้าพวกคุณยังต้องการที่จะเกิดต่อไปอีก เพราะจิตของพวกคุณหากแม้นบวชในพระพุทธศาสนาอาจจะเห็นธรรมได้โดยง่าย สามารถช่วยเหลือพระพุทธศาสนาไปอีกไกลจนถึง 5 พันปี คนไทยสมัยนี้หาคนที่เข้าใจและรู้เรื่องพระพุทธศาสนาแบบพวกคุณนี้ช่างน้อยนัก พวกคุณเปรียบเหมือนพ่อครัว ที่มีเครื่องครัว มีมีด มีเขียง มีเตา มีอาหาร ครบสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ไม่ยอมทำ ถ้าไม่ยอมทำแล้วจะรู้รสชาติของอาหารได้อย่างไร ปรุงออกมาสิครับ ใช้สติปัญญาของท่านคิดไตร่ตรองให้ดี เอาล่ะขอพอแค่นี่แล้วกัน และถ้าวาจาอันใดที่ผมล่วงเกินไปก็ขอให้พวกคุณอดโทษให้ผมด้วย เพระผมเองก็ยังเป็นปุถุชน กิเลสหนาปัญญาหยาบ บางทีอาจจะล่วงเกินโดยไม่ตั้งใจ
     
  18. Star Platinum

    Star Platinum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +1,152
    คนเราทำดีได้โดยไม่จำเป็นต้องบวชก็ได้ครับ จริงๆแล้วผมก็วางแผนว่าจะบวชในอนาคตเมื่อพร้อม แต่ไม่ใช่ตอนนี้เนื่องจากผมยังอยู่ในวัยศึกษาและยังมีภาระทางโลกอยู่ และถึงแม้ผมยังไม่ได้บวช ผมก็เป็นกำลังเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้

    แต่ละคนมีวิถีทางไม่เหมือนกันครับ ผมเข้าใจนะครับว่าคุณหวังดี แต่เรามีวิสัยไม่เหมือนกันครับ แม้ผมก็เห็นด้วยว่าบางคนอาจจะมีความเห็นแปลกๆไปบ้าง คนในห้องพุทธภูมินี้ยังมีวิสัยทัศน์ไม่เหมือนกันเลย แต่ละคนก็ต่างอายุ ต่างการศึกษา วุฒิภาวะ สิ่งแวดล้อม ร้อยแปดพันประการฯ ความเห็นบางอย่างย่อมไม่ตรงกันอยู่แล้ว ซึ่งผมก็ถือว่าความคิดของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรนอกจากความคิดที่ผิดต่อศีลธรรมหรือที่เพี้ยนไปมากๆ

    การบำเพ็ญเพียรแบบสละชีวิตนี่ต้องเป็นช่วงใกล้ปรมัทธ์แล้วครับ ผมไม่รู้หรอกว่าผมบำเพ็ญอยู่ช่วงไหน แต่ถ้าถามว่าผมกล้าไหม? ผมตอบเลยว่าผมกล้า แต่ตอนนี้ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ทำ ตราบใดที่ไม่เป็นประโยชน์เพื่อคนหมู่มากหรือไม่จำเป็นจริงๆ เพราะผมรู้ว่าชีวิตของผมในชาตินี้สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้อีกมากในด้านอื่นๆ ผมจะไม่ทำตราบใดที่ยังทำกิจที่ผมได้วางเป้าหมายเอาไว้ไม่เสร็จ บารมีนั้นทำได้หลายทางนะครับ ทั้งทางด้านปัญญาบารมีหรือด้านขันติ ฯลฯ

    เรื่องที่ว่าเป็นพุทธภูมิแล้วมีโอกาสตกนรกน่ะผมทราบครับ แต่ผมไม่กลัว ผมทำตามทางของพระพุทธองค์อยู่เสมอ ถึงแม้ผมทำผิดจริงผมก็ยอมลงนรกครับ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดมาก่อนที่จะทำสิ่งที่ถูกหรอกครับ ถึงแม้การปรารถนากระทำให้สำเร็จพระโพธิญาณเป็นเรื่องยากแต่ผมก็พร้อมที่จะทำครับ

    ผมฟังที่คุณพูดมาแล้วก็นึกถึงคำพูดที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า วิสัยคนที่ปรารถนาพุทธภูมิกับสาวกภูมิต่างกัน พูดกันเรื่องนี้ก็จะมีความเห็นขัดแย้งกัน

    สุดท้ายนี้ ผมว่าก็เป็นเรื่องดีที่คุณลงความเห็นมานะครับ ผมก็จะได้ทำอะไร คิดอะไรอย่างมีสติมากขึ้นไปอีก โมทนาด้วยครับ
     
  19. Fame

    Fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +266
    " ผมฟังที่คุณพูดมาแล้วก็นึกถึงคำพูดที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า วิสัยคนที่ปรารถนาพุทธภูมิกับสาวกภูมิต่างกัน พูดกันเรื่องนี้ก็จะมีความเห็นขัดแย้งกัน "

    อนุโมทนาบุญอย่างยิ่งคะ *-*
     
  20. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171

    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

    แม้ว่าผมจะเป็นสาวกภูมิ (เพิ่งเป็นเต็มตัววันนี้เองครับ..28 ส.ค.2548) ผมก็เห็นด้วยกับคุณ Star Platinum ที่ว่า
    "อย่าคิดว่าที่ผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นเรื่องลมแล้งๆหรือเพ้อฝันสิครับ การปรารถนาจะช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์นี่ผิดด้วยหรือครับ ... ที่สำคัญคือผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมปรารถนาไม่ใช่เรื่องง่าย ผมว่าทุกคนที่นี่ก็น่าจะทราบดีว่ายากแค่ไหน"

    ผมคิดว่า ใครๆ ก็สามารถมีความปรารถนาพระโพธิญาณเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลข้างหน้าได้ครับ
    ไม่จำกัดว่า จะเป็น เทพ พรหม มนุษย์ ครุฑ นาคา คนธรรม์ ฯลฯ แต่จะเป็นได้หรือไม่ก็สุดแท้แต่
    บารมีและกำลังใจของแต่ละท่่านครับ ถ้าไม่ลาพุทธภมิซะก่อนนะครับ .....

    ผมมีเรื่องเกี่ยวกับตัวเองมาบอกเล่าสู่กันอ่านครับ คิดซะว่าอ่านเล่นสนุกๆ ละกัน
    เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.2548) ผมมีนัดกะตัวเองว่าตอนบ่ายจะไปฝึกญาณ 8 กับ อ.ไก่ ที่หมู่บ้านสินธร ตอนเช้าผมเลยตั้งใจว่าจะไปวัดเพื่อไปทำการลาพุทธภูมิอย่างเป็นทางการซะที หลังจากที่โดน อ.ไก่
    ทักคราวที่แล้วว่า "จะลาพุทธิภูมิแน่หรือ" แถมเจ้า KomAon11 (เจ้าอ้นเอ๊ย...ขอพาดพิงอีกหนนะ) ยังมาถามซ้ำเข้าให้อีกว่า "ลาแล้ว..แต่..ลาเมื่อไรกัน.." คราวนี้เลยตั้งใจซะดิบดี มองดูนาฬิกา..เพิ่งจะ
    9.00 น. เอง ยังมีเวลา...ของีบเอาแรงซะหน่อย เพราะเมื่อคืนนอนดึก...กะว่าพักสายตาสัก 30 นาที
    ที่ไหนได้...เหอ..เหอ...ตื่นขึ้นมาอีกที ปาเข้าไป 11.30 น. เลยต้องรีบแต่งเนื้อแต่งตัวไปบ้านสินธร
    เป็นอันว่า วันนี้ยังไม่ได้ลา ... คิดว่า ม่ายเป็งลายน่อ...พรุ่งนี้ก็ล่าย...ดีซะอีกเป็นวันอาทิตย์ แถมเป็น
    วันพระด้วย....

    ระหว่างพักครึ่งเวลา..(หลังจากการฝึกรอบแรกผ่านไป)...ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกศิษย์ อ.ไก่ คนหนึ่ง
    ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ โจ้ (คนนี้เก่งทางด้านเจโตปริยญาณ) กระทาชายนายโจ้บอกกับผมว่า ลาไม่
    ขาดหรอก (แหม..พูดเหมือน อ.ไก่ เลย..หุ..หุ..) ไม่เชื่อก็คอยดูสิ เดี๋ยวก็มีเหตุการณ์ที่มาทดสอบ
    กำลังใจอีก...แ้ล้วนายโจ้ก็สาธยายร่ายมนต์ เอ๊ย..เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมได้ประสบมา..คิดแล้วก็จริง
    อย่างที่นายโจ้เขาบอก ...แต่ อะแฮ่ม..กระผมลูกศิษย์หลวงพ่อครับ...หลวงพ่อไปพระนิพพานแล้ว
    ผมก็ต้องรีบวิ่งตามไปให้ทัน.....แบบว่า...กลัวหลงทางอ่ะครับ.... เกรงว่าเกิดมาชาติต่อๆไป ไม่มี
    โอกาสพบหลวงพ่อแล้ว..เดี๋ยวจะไม่มีคนชี้ทางลัดตัดตรงไปพระนิพพานให้.... เพราะฉะนั้น ใจผม
    ยังมั่นคงที่จะลาจากพุทธภูมิเหมือนเดิม.... นายโจ้ก็ยังคงสำทับมาอีกว่า...คอยดูละกัน ..ตั้งใจให้ดี
    อย่าให้กำลังใจตกก็แล้วกัน....

    ตอนฝึกเสร็จ...ผมมีโอกาสได้คุยกับ อ.ไก่ ก็เลยถามเรื่องที่ตัวเองสงกะสัยว่า
    1. เคยเป็นพุทธภูมิจริงหรือ และเป็นประเภทใด
    - ได้รับคำตอบว่า เป็นจริง และเป็นแบบปัญญาธิกะ....โห...อึ้งเลย.... (อ้น...คราวที่ Chat กัน
    พี่เข้าใจว่าเป็นแบบวิริยาธิกะ เพราะคิดว่าน่าจะเหมือนหลวงพ่อน่ะ...อันนี้จิตเฝือแน่นอนเลย...
    ขอพระอภัยมณีด้วยนะ)
    - เกิดความสงกะสัยอีกแระ...ไมเป็นแบบปัญญาธิกะละ...ก็ได้รับคำตอบว่าชอบใช้ปัญญาพิจารณา

    2.ติดตามหลวงพ่อมานานเท่าไร
    - 16 อสงไขยกว่าๆ แล้ว ตามมาตลอด ประเภทชอบอาสา... พอถึงเวลาเขาประกาศว่า ใครบ้าง
    จะลงไปช่วย....รีบเสนอหน้ายกมือยกไม้ขอลงไปเกิดด้วยโคนนนน....หุ..หุ..แบบว่าชอบ..ชอบ..รบ..อ่ะ
    แต่เป็นนักรบที่ใจดี...ไ่ม่ฆ่าให้ตาย แค่ตัดกำลังแขนขา ฟันเอ็นขาดกระจุย...แล้วบอกว่าข้าไม่ฆ่าเอ็ง
    หรอก ไปหาหมอรักษาเอาเองแล้วกันนะ...แต่โทษที...ตอนนั้นอยู่ในป่าลึก....มันจะหาหมอเจอมั้ยเนี่ย...หุ..หุ..
    ชาตินี้ผลกรรมเลยตามสนอง ทำให้เส้นเอ็นที่ขาทั้งสองข้างตึง..นั่งขัดสมาธิเพชรไม่ได้ ..เวลาปฏิบัติ
    พระกรรมฐานต้องใช้วิธีนั่งพับเพียบ หรือไม่ก็นั่งบนเก้าอี้....นี่แหละกรรมที่ใจดีไม่ฆ่าให้ตายแค่ตัด
    เส้นเอ็นเท่าน้านนน.......


    3. จากข้อ 2. เลยเกิดความสงกะสัยอีกว่า ก็ในเมื่อติดตามหลวงพ่อมานาน ไหงไม่เหมือนหลวงพ่อหว่า..
    แต่ไม่กล้าถามต่อ เพราะเกรงใจคนที่รออีกหลายคน กะว่า..ไว้คราวหน้าค่อยถามใหม่ดีก่า....หุ..หุ...

    กลับมาถึงบ้านก็มาฝึกต่อด้วยตัวเอง....ฝึกไปฝึกมา..ฝึกมาฝึกไป...จากนั่งเป็นนอน จากนอนก็..หลับดีกว่า..อิ..อิ..
    ในขณะหลับก็ฝันถึง อ.ไก่...(แหม...ตามมาถึงบ้านเลยนิ..) มาบอกให้เข้าไปอ่่านในเว็บ..พอเข้าไปอ่านก็ได้พบ
    กับกระทู้ตอบคำถามตามความสงสัยของตัวเองหลายๆ ข้อ..เกี่ยวกับเรื่อง กุศลกรรมที่ตนเองทำไว้หลายๆ อย่าง
    ก็ได้ทราบว่าได้อานิสงส์อะไรบ้าง....ในขณะนั้นทราบว่า..ผู้ที่เขียนตอบให้ทราบคือ "พระ" ข้างบน ท่านตอบให้

    พอตอนตี 2 ถูกปลุกอ่ะ...แบบว่า..เป็นครั้งแรกที่ถูกปลุกแบบนี้...(นายโจ้เขาบอกว่าเขาถูกปลุกบ่อยๆ ) พอตื่น
    ขึ้นมา ลุกเข้าห้องน้ำ แล้วมานั่งสมาธิต่อ...แปลกแต่จริง...ไม่ยักกะงัวเงียแฮะ...ตาสว่างสดใส...ไม่ง่วงเหงา
    หาวนอน ก็เลยนั่งสมาธิแบบสบายๆ สักพัก...แล้วก็นอนต่อ...ไปตื่นอีกที 6 โมงเช้า....

    ล้างหน้าล้างตาเสร็จ แต่งตัวไปใส่บาตรพระ 9 รูป ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เสร็จแล้วเตรียมดอกไม้
    ธูปเทียนและพานรอง ไปทำพิธีลาพุทธภูมิต่อพระประธานในโบสถ์ ตอนกล่าวลา...ขนลุกซู่...เลย...แต่ก็ขอลา..
    และอธิษฐานว่า จะขอทำหน้าที่ต่อไปตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ สิ้นสุดชีวิตเมื่อไรขอไปพระนิพพานทันที....
    (อันนี้เป็นการอธิษฐานตามแบบที่ อ.ไก่ กล่าวนำอธิษฐานตอนฝึกพระกรรมฐานเสร็จ...)

    มีเกร็ดอีกเล็กน้อย...ตอนที่..กำลังจะก้มกราบลาพุทธภูมิเป็นครั้งที่ 3 ไม่รู้มียัยป้าที่ไหนก็ไม่ทราบ เดินมาถึง
    หน้าพระประธาน คุณป้าแกก็นั่งแหมะลงมา ...โห...มาโดนพานดอกไม้ธูปเทียนของเราล้มเลย...เรางี้..ใจวูบ
    ไปนิดหนึ่ง....แต่กำลังใจไม่ตก...ยังไงก็ขอลาพุทธภูมิแน่นอน....คิดได้ดังนั้นก็ก้มลงกราบลาครั้งที่ 3 เป็นครั้ง
    สุดท้าย....

    ถึงตอนนี้....ผมก็เป็นสาวกภูมิเต็มตัวแล้วครับ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...