บทความให้กำลังใจ(ความสงบพบได้ทุกหนแห่ง)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 8 พฤษภาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    49,677
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,054
    (ต่อ)
    หลายคนแม้มีความรู้เรื่องนี้ แต่พอไฟไหม้จริงๆ ก็ตกใจ ผู้คนเฮไปไหนก็ตามไปด้วย แล้วก็ถูกเหยียบตาย หรือบางคนอาจเคยรู้มาว่าเวลาไฟไหม้อาคารขณะที่อยู่ในห้อง อย่าจับลูกบิดประตูด้วยมือเปล่า เพราะลูกบิดจะร้อนมาก แต่เมื่อเผชิญเหตุการณ์จริงหากไม่มีสติก็อาจเผลอจับลูกปิดเอาได้เพราะความกลัว อยากจะรีบหนีไฟให้เร็ว ๆ

    ที่จริงยังมีสถานการณ์ที่ดูน่ากลัวน้อยกว่านี้ แต่ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ถ้าหากไม่มีสติ อย่างเช่นเมื่อสองสามปีก่อนมีนักศึกษาไปกินเหล้าแถวรามอินทราจนเมามาย ขณะขับรถกลับบ้านปรากฏว่าปวดฉี่ ก็ออกจากรถไปฉี่ตรงคูน้ำริมทาง พอดีเกิดอาเจียนขึ้นมา ขณะที่ก้มตัวอาเจียนพระสมเด็จฯที่ห้อยคออยู่เกิดตกลงไปในคู ด้วยความเสียดายเขากระโดดลงไปในคูเพื่องมหาพระสมเด็จ ฯ เพื่อนห้ามแต่เขาไม่ฟัง ปรากฏว่าจมน้ำตาย ถ้านักศึกษาคนนั้นมีสติ ก็อาจจะยับยั้งชั่งใจไม่ลงไป แต่เพราะความเมาและความเสียดายพระเครื่อง จึงไม่ทันยั้งคิด กรณีนี้ถ้าเขามีสติก็รอดตาย อาจจะเสียพระเครื่องไปหรืออาจจะไม่เสียก็ได้ถ้างมดีๆ แต่เพราะไม่มีสติจึงเสียหนักกว่านั้น คือ เสียชีวิต

    คงจะเห็นแล้วว่าสติเป็นเรื่องสำคัญมากถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายได้ทีเดียว ที่จริงเพียงแค่อยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน เวลาใช้เครื่องไฟฟ้า ถ้าไม่มีสติเอามือเปียกๆ ไปเสียบปลั๊ก ก็อาจถูกไฟดูดตายได้ หรือเดินลงบันไดถ้าไม่มีสติก็อาจตกลงมาหัวฟาดพื้นตายได้ สติจึงสำคัญต่อความอยู่รอดของเราทุกคน มันไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยหรือเกินจำเป็น ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตรอดได้ แต่ถ้าอยู่ด้วยความทุกข์ ด้วยความเศร้าเสียใจ ทุกข์เพราะรู้สึกผิด เพราะความโกรธ ความพยาบาท หรือเพราะความอาลัยอาวรณ์ อารมณ์เหล่านี้สามารถจะทำร้ายจิตใจ ทำให้อยู่ร้อนนอนทุกข์ บางคนถึงกับทนไม่ไหว ตัดสินใจฆ่าตัวตาย

    ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ การมีสติสำคัญมาก เพราะทุกวันนี้ผู้คนทุกข์เพราะความคิดมากกว่าเรื่องอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะไม่มีอาหารกิน ไม่ใช่ทุกข์เพราะขาดปัจจัยสี่ ไม่ใช่ทุกข์เพราะทำงานเหนื่อยยาก ส่วนใหญ่ทุกข์ทั้งๆ ที่มีชีวิตสะดวกสบาย แต่ก็ยังกลุ้มใจ วิตกกังวล กินไม่ได้นอนไม่หลับ นั่นเป็นเพราะความคิดที่ปรุงแต่งไปต่างๆ นานา หรือเพราะเสียใจในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือวิตกในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เช่นพอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ก็ทำใจไม่ได้ มีพยาบาลคนหนึ่งไปตรวจร่างกาย หมอก็อ้ำอึ้งที่จะบอกผล พยาบาลจึงบอกหมอว่า บอกมาเลยๆ ฉันรับได้ หมอจึงบอกว่าคุณเป็นมะเร็งตับ จะอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน พยาบาลคนนั้นช็อกเลย ทั้งที่ดูแลคนป่วยมาสามสิบปี แต่พอมันเกิดขึ้นกับตัวเองก็ทำใจไม่ได้ หายหน้าไปเลย ไม่มาทำงาน ซึมอยู่กับบ้าน อยู่ได้ประมาณยี่สิบกว่าวันก็ตาย ที่ตายไม่ใช่เพราะก้อนมะเร็งในตับมันลุกลามรวดเร็วกว่าที่หมอพยากรณ์ แต่เป็นเพราะใจที่ตื่นตระหนกวิตกกังวลนั่นเอง

    สติที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน คนธรรมดามักคิดว่าฉันมีสติอยู่แล้ว ทำไมต้องฝึกสติอีก สติที่มีนั้นพอเพียงสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันที่ไม่มีเหตุร้าย ไม่มีเรื่องมากระทบมาก ถ้าชีวิตราบรื่นความสัมพันธ์กลมเกลียว ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น สติเท่าที่มีอยู่ของคนทั่วไปก็เพียงพอในการดำเนินชีวิตให้เป็นสุขตามอัตภาพ แต่ชีวิตคนเราใช่ว่าจะราบรื่นเหมือนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางช่วงก็ขรุขระ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่ถ้าเราฝึกสติอยู่เสมอ เจอเหตุการณ์ย่ำแย่เกิดขึ้น เช่น เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย อาจเสียศูนย์อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็จะตั้งสติได้ และแทนที่จะปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้าโศก ก็จะดึงจิตออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น และพิจารณาว่าเราจะรักษาร่างกายอย่างไรดี

    ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ เสียทรัพย์แต่ใจไม่เสียก็ได้ แม้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ เป็นเพราะมีสติรักษาใจนั่นเอง
    :- https://visalo.org/article/suksala27.html
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    49,677
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,054
    ความสงบพบได้ทุกหนแห่ง
    พระไพศาล วิสาโล
    ทางมหาวิทยาลัยเมื่อนิมนต์พระลามะจากธิเบตมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้อนรับให้ถูกแบบแผนได้อย่างไร เห็นว่านักศึกษาไทยคนนี้เป็นคนเอเชียด้วยกัน คงจะดูแลและอุปัฏฐากพระธิเบตได้ดี นักศึกษาก็ยินดีดูแลให้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นคริสต์ ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ได้ดูแลพระธิเบต นักศึกษามีความประทับใจท่านมาก ใครที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระธิเบตก็จะรู้สึกประทับใจเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ผ่อนคลาย เป็นกันเอง และมีน้ำใจ

    นักศึกษาไทยดูแลพระธิเบตตลอด ๓-๔ วัน เมื่อถึงวันที่ท่านจะเดินทางกลับ นักศึกษาก็สอบถามเกี่ยวกับวัดของท่านที่อินเดีย และปรารภว่าเมื่อเรียนจบแล้วอยากไปอยู่กับท่านสักระยะหนึ่ง พระธิเบตถามวัตถุประสงค์ นักศึกษาตอบว่า อยากไปสัมผัสกับความสงบที่นั่น เพราะที่กรุงเทพ ฯ ไม่สงบเลย พระธิเบตตอบว่า ยินดีต้อนรับ แต่ขณะเดียวกันก็ติงว่า “ถ้าคุณไม่สามารถพบความสงบที่กรุงเทพฯ ได้ มาอยู่ที่วัดของอาตมาก็คงจะไม่พบเช่นกัน”

    คำพูดของพระธิเบตกระทบใจนักศึกษามาก ทำให้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายเมื่อเรียนจบ กลับมาเมืองไทย ก็ตัดสินใจไม่ไปวัดของพระธิเบตท่านนั้น แต่มาสอนหนังสือที่จุฬา ฯ แทน คงเป็นเพราะท่านได้คิดว่า แท้จริงแล้วความสงบนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ อยู่กรุงเทพ ฯ ก็มีความสงบให้เราพบและสัมผัสได้ พูดอีกอย่างคือ ความสงบนั้นอยู่ที่ใจ ถ้าวางใจถูก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็พบความสงบได้

    ความสงบคือความสุขที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก แต่จิตใจส่วนลึกแสวงหา หรือถึงกับโหยหา แม้ความสงบจะมีเสน่ห์น้อยกว่าความสนุก ความตื่นเต้น ความเอร็ดอร่อย อย่างหลังนั้นเหมือนกับน้ำหวาน ซึ่งมีเสน่ห์กว่าน้ำจืดหรือน้ำฝน แต่ไม่มีใครที่กินน้ำหวานไปได้ทั้งวัน ใครที่กินน้ำหวานทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ก็แล้วแต่ ไม่นานก็จะเจ็บป่วย โรคภัยถามหา เช่น โรคเบาหวาน ฟันผุ แต่น้ำจืดหรือน้ำฝนนั้น แม้มีเสน่ห์น้อยกว่า แต่มันเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องการจริง ๆ กินทั้งวันทั้งปีก็ไม่เป็นอันตราย ความสุขที่เกิดจากความสงบก็เหมือนกัน อาจจะไม่มีเสน่ห์หวือหวาดึงดูดใจ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตมาก

    หลายคนคิดว่าความสงบใจจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความสงบจากสิ่งแวดล้อม จึงเลือกที่จะมาอยู่วัด หรือพยายามแสวงหาสถานที่ที่สงบ เช่น พักแรมในป่า หรือไปรีสอร์ต อันที่จริงสิ่งแวดล้อมที่สงบสงัด เป็นสิ่งที่เราควรแสวงหา แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ ในโอวาทปาติโมกข์มีข้อความตอนหนึ่งที่ทรงแนะนำพระสาวกนั่นคือ "การนอน การนั่งในที่อันสงัด" อย่างไรก็ตามถ้าเราจะรอแต่สถานที่ที่สงบ สงัด ไร้เสียงรบกวน เพื่อให้ใจเราสงบตามไปด้วย เราอาจไม่พบความสงบใจเลยก็ได้ เพราะสถานที่สงบสงัดเดี๋ยวนี้หายากมาก และถึงแม้จะหาได้ ก็ใช่ว่าจะสงบไปตลอด สถานที่บางแห่งสงบสงัด ไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีเสียงวิทยุ โทรทัศน์ แต่คนที่เราอยู่ด้วยอาจทำตัวไม่น่ารัก พูดไม่เพราะ ทำให้เราขุ่นเคืองหรือว้าวุ่นใจได้เสมอ

    จะหาสถานที่ที่เพียบพร้อมทั้งความสงัด และมีคนที่น่ารักเรียบร้อยถูกใจเรานั้นเป็นเรื่องยาก เพราะแม้แต่พ่อแม่ที่รักเรามาก หรือคู่ครองที่มีความรักให้เรามากมาย ก็ยังทำบางสิ่งที่ขัดอกขัดใจเรา หรือพูดจากระทบกระทั่งกัน ทำให้เราขุ่นมัว การอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรมากระทบกระทั่ง ไม่มีเสียงดัง ไม่มีคนพูดจาหรือมีพฤติกรรมขัดอกขัดใจเราเลยเป็นเรื่องยาก เราจึงไม่สามารถหวังความสงบจากสถานที่ได้ ไม่ว่าบ้าน สำนักงาน หรือแม้แต่วัด ถ้าต้องการความสงบก็ต้องพยายามหาที่ใจเรา
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    49,677
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,054
    (ต่อ)
    มีผู้ชายคนหนึ่งไปปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนาที่พุทธสมาคมแห่งหนึ่ง ห้องประชุมติดแอร์เย็นสบาย ไม่มีเสียงรบกวน บางช่วงก็นั่งตามลมหาย บางช่วงก็เดินจงกรม รู้สึกสงบมาก ตกเย็นก็เลิกปฏิบัติ ได้เวลากลับบ้าน พอเดินมาถึงที่จอดรถ พบว่ารถของตนออกไม่ได้ เพราะมีรถอีกคันจอดซ้อนอยู่ ความโกรธพุ่งขึ้นมาทันที เขาถึงกับด่าเจ้าของรถคันนั้นอย่างรุนแรง

    ชายผู้นี้เมื่อครู่จิตใจยังสงบอยู่เลย แต่พอเจอสิ่งกระทบใจ ไม่ถูกใจ ก็หัวเสียทันที นักปฏิบัติธรรมหลายคนเป็นเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเอาจิตใจไปผูกติดกับสิ่งภายนอก เช่น สถานที่ หรือสภาพแวดล้อมที่ราบรื่น พอเจอพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ ใจที่สงบก็กระเจิงทันที อันที่จริงถ้าหากเขามีสติ รู้ทันอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็วฉับไว ความโกรธก็ไม่สามารถเล่นงานจิตใจจนถึงกับระเบิดออกมาอย่างนั้น สติไม่เพียงช่วยให้เห็นความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านในใจ หากมีสติที่ไว ก็จะรู้ทันตั้งแต่ตอนที่มีประกายความไม่พอใจเกิดขึ้น แค่รู้ทันเท่านั้นมันก็จะสงบลงไป ไม่ลุกลามกลายเป็นความโกรธจนห้ามใจไม่อยู่ ต้องพูดด่าออกไป

    สติเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ใจเราสงบได้ด้วยตัวของเราเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม สติที่คนเรามีอยู่นั้นพอที่จะทำให้เราใช้ชีวิตได้ตามปกติ คนที่ไม่มีสติก็คือคนบ้าหรือคนที่สลบหลับใหล ใครที่มาทำวัตร สวดมนต์ ฟังธรรมบรรยาย อยู่ในความสงบได้ ก็แสดงว่ายังมีสติครองใจพอสมควร ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเผลอพูดคุยกัน ที่จริงความอยากพูดคุยก็คงมี แต่เมื่อมีสติรู้ทัน ก็สามารถระงับยับยั้งปากไว้ได้ แต่ถ้ามีเสียงคนเดินกระแทกเท้า มีคนคุยกันอยู่ข้าง ๆ หรือว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา หลายคนก็จะไม่พอใจทันที ความไม่พอใจนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะไม่มีสตินั่นเอง เช่น ใจเผลอไปจดจ่ออยู่กับเสียงเหล่านั้น พอมีความไม่พอใจเกิดขึ้นก็ยังไม่รู้ทัน จึงรู้สึกเป็นทุกข์ นึกด่าเขาในใจว่าไม่มีมารยาท

    เมื่อความไม่พอใจ หรือความโกรธเกิดขึ้น ใจก็ไม่สงบ แต่ถ้าเรามีสติมากกว่านี้ เราก็จะรู้ทันความไม่พอใจที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที แล้วก็วางมันลงได้ แต่ที่เรายังโกรธนานเป็นวันเป็นคืน ก็เพราะว่าไม่รู้ตัว พอไม่รู้ตัวก็ไปยึดหรือแบกความโกรธเอาไว้ หรือไม่ก็ขุดคุ้ยพฤติกรรมต่าง ๆ ในอดีตของคนที่เราโกรธ ทำให้โกรธหนักขึ้น ยิ่งโกรธก็ยิ่งลืมตัว เอาแต่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการซ้ำเติมจิตใจตัวเองให้ทุกข์หนักขึ้น เหมือนกับการจุดไฟเผาใจตัวเอง หรือเอาของแหลมกรีดใจตัวเอง ก็ยิ่งเกิดความทุกข์ทรมาน

    เวลามีความโกรธเกิดขึ้น ถ้าเราไปกดข่มมันก็จะยิ่งดื้อ ยิ่งกดเท่าไร มันก็ยิ่งสะท้อนกลับมามากเท่านั้น ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่าแรงกดเท่ากับแรงสะท้อน หลักการนี้ไม่ได้ใช้กับสสารอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังใช้กับอารมณ์ได้ด้วย ยิ่งไปกดมัน มันก็ยิ่งสะท้อน ยิ่งกดข่ม ความโกรธก็ยิ่งโผล่มา

    เคยมีคนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโลว่า ทำอย่างไรถึงจะตัดความโกรธให้ขาด หลวงปู่ตอบว่า “ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง” ความรู้ทันจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีสติ การมีสติช่วยทำให้ใจสงบได้ ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบ หรือเจออะไรที่ชวนให้ไม่ถูกใจ ไม่พอใจก็ตาม ขอให้สังเกตว่า มันทำได้แค่ชวน แต่มันไม่สามารถบังคับเราได้ ถ้ามีสติ เราจะไม่เผลอรับคำชวนของมัน แต่ถ้าไม่มีสติ ก็จะไปรับคำชวนนั้น พอไปรับคำชวนก็จะเกิดความไม่พอใจ เกิดความโกรธ เกิดความทุกข์ใจขึ้นมาทันที

    เวลามีคนด่าว่าเรา คำด่าว่าของเขาเป็นแค่คำชวนให้เราไม่พอใจ เวลามีคนทำอะไรไม่ถูกใจ สิ่งที่เขาทำก็เป็นแค่การชวนให้เราโกรธ ถ้าเรารับคำชวน เราก็โกรธ แต่ถ้าเราไม่รับคำชวน ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

    ถ้าเราหมั่นดูใจของเรา มีสติ เราก็จะเห็นว่าที่จริงแล้วที่เราทุกข์ ที่เราโกรธ เป็นเพราะใจเราไปรับคำชวนของคนรอบตัว เพราะฉะนั้นจะโทษผู้อื่นฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไปรับคำชวนนั้น เขาไม่ได้บังคับให้เราโกรธ แต่เป็นเพราะเราไปรับคำชวน เราก็เลยโกรธ เป็นทุกข์ ร้อนรุ่มกลุ้มใจ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่สงบสงัดแต่ใจก็ยังไม่สงบ แต่ถ้าเรามีสติ เรารู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่วุ่นวาย อึกทึกคึกโครม ใจก็ยังสงบได้

    :- https://visalo.org/article/suksala28.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...