ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sep 17, 2024 บอกลาแน่! ทับเปอร์แวร์ตำนานกล่องใส่อาหารสุดดังจ่อล้มละลาย แบกหนี้กว่า 23,800 ล้านบาท จ่อปิดโรงงานแห่งสุดท้าย ปลด 150 คน ตำนานแบรนด์อายุ 82 ปี
    .
    ทับเปอร์แวร์ (Tupperware) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าทัพเพอร์แวร์ ซึ่งเป็นตำนานธุรกิจและแบรนด์ภาชนะหรือกล่องบรรจุถนอมอาหารชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมที่จะยื่นล้มละลายต่อศาลในรัฐเดลาแวร์ ตามมาตรา 11 ภายในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ทัปเปอร์แวร์ กำลังจะสิ้นสุดการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานถึง 82 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1942 เป็นต้นมา
    .
    สาเหตุจากทัปเปอร์แวร์ ต้องเผชิญกับภาระหนี้สินสะสมมีจำนวน กว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 23,800 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ทับเปอร์แวร์ใช้ความพยายามในการบริหารแก้ไขภาวะหนี้สินสะสม รวมถึงดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดท่ามกลางปัจจัยที่ท้าทายและรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ความพยายามดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์วิกฤติได้
    .
    ขณะที่ราคาหุ้นของทัปเปอร์แวร์มีราคาดำดิ่งมากกว่า 50% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเราเดือนมิถุนายนปีนี้ ทัปเปอร์แวร์ เปิดเผยว่ามีแผนที่จะปิดโรงงานผลิตสินค้าซึ่งเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในประเทศสหรัฐสหรัฐอเมริกาพร้อมด้วยการปลดพนักงานออกเป็นจำนวน 150 คน ก่อนหน้านี้ในปี 2023 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของบริษัทได้ลงมติเปลี่ยนแปลงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคนใหม่ รวมถึงปรับเปลี่ยนคณะบริหารชุดใหม่ โดยมีความหวังว่าจะพลิกฟื้นธุรกิจของทับเปอร์แวร์
    .
    ทับเปอร์แวร์ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่อาศัยกลยุทธ์การขายตรงมาเป็นระยะเวลาช้านาน โดยในปี 2022 มีเครือข่ายผู้ขายสินค้าอิสระของทับเปอร์แวร์ มากกว่า 3000 คนทั่วสหรัฐอเมริกา
    .
    ทั้งนี้ แบรนด์ทับเปอร์แวร์ หรือทัพเพอร์แวร์ในประเทศไทย ที่คนไทยเคยรู้จักกันดีในยุคทศวรรษ 1960 นั้น เริ่มต้นในประเทศไทยด้วยการเริ่มจัดจำหน่ายในระบบขายตรง และเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยมากว่า 39 ปี จนกระทั่งในปี 2005 บริษัท เอส เค อินเตอร์ กรุ๊ป 2005 จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดย คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ได้เห็นโอกาสการตลาดในการขยายการจัดจำหน่ายในประเทศไทย จึงได้เสนอขอรับสิทธิ์ในการนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รวมทั้งได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมจากระบบไดเร็คเซลส์ โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้นทั้งการค้าปลีกในห้างสรรพสินค้า และระบบแฟรนไซส์ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในระดับต่างๆ ได้มากขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3zlcddq
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #Tupperware #ธุรกิจ #ปลดพนักงาน #รายได้ #หนี้ #ล้มละลาย #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/kPSWiRTjnrrWb1ii/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sep 18, 2024 ตำนานล้ม! บริษัทต่อเรือไททานิก อายุกว่า 160 ปี ล้มละลาย ขาดเงินกู้หมุนเวียนกว่า 8,000 ล้านบาท เตรียมปลดพนักงานจำนวนมาก

    ฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ เป็นยักษ์ผู้ผลิตและต่อเรือเดินทะเล และเรือเดินมหาสมุทรที่มีอายุมามากถึง 163 ปี ที่สำคัญเป็นบริษัทที่ต่อเรือเดินมหาสมุทรไททานิก ซึ่งประสบอุบัติเหตุจมลงใต้มหาสมุทร เปิดเผยว่า ได้ประกาศยื่นล้มละลายและเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยกระบวนการดังกล่าวจะเริ่มต้นภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์นี้

    สาเหตุที่บริษัทดังกล่าวต้องประกาศล้มละลาย นำไปสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และปรับโครงสร้างทางธุรกิจนั้น เกิดขึ้นจากบริษัทต่อเรือฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ ไม่สามารถกู้เงินหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องมูลค่า 200 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง กว่า 264 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,976 ล้านบาทจากธนาคารเพื่อการเงินและส่งออกแห่งสหราชอาณาจักร ทำให้สถานะทางการเงินและแนวโน้มในการดำเนินกิจการต่อไปต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างรุนแรง

    บริษัทต่อเรือฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ เผยตอบไปว่ามีความจำเป็นต้องตัดลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วยการเตรียมปลดพนักงานจำนวนมากในสายงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแกนหลักของธุรกิจต่อเรือ รวมถึง บริษัทโฮลดิ้งซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทต่อเรือฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ

    การประกาศล้มละลายในครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกเนื่องจากว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาบริษัทต่อเรือฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ เคยได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอังกฤษในการนำบริษัทดังกล่าวเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการอย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นบริษัทต่อเรือดังกล่าวได้ปฏิเสธแรงกดดันจากรัฐบาลอังกฤษเนื่องจากมีกลุ่มทุนชื่อว่าอินฟราสตราต้า แสดงความสนใจที่จะเข้าถือหุ้นร่วมลงทุนด้วย

    ทั้งนี้ บริษัทต่อเรือฮาร์แลนด์ แอนด์ วอล์ฟ ก่อตั้งขึ้นในปี 1861 และดำเนินกิจการเป็นผู้ผลิตและเรือเดินมหาสมุทรเรือเรือเดินทะเลเรือรบของกองทัพเรือแห่งสหรัฐราชอาณาจักร ผลงานที่เป็นตำนานและเป็นประวัติศาสตร์ของโลกคือ การต่อเรือเดินมหาสมุทรที่มีชื่อว่าไททานิค ซึ่งเป็นเรือเดินมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และได้รับสมญานามว่าเป็นเรือเดินมหาสมุทรที่ไม่มีวันจม เรือดังกล่าวทำการต่อเรือจนเสร็จสิ้นในปี 1912 จนกระทั่งได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมจมลงสู่ใต้ท้องมหาสมุทรแอตแลนติกในวันที่ 15 เมษายน ปี 1912

    #เรือไททานิก #ล้มละลาย #บริษัทต่อเรือ #อังกฤษ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/c1dfgBJmvLsfnFYu/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sep 18, 2024 สารพัดกังวล! ความกังวลแบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ กำลังซื้อเปราะบาง หนี้ครัวเรือนยังสูง กดดันดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม ส.ค.ดิ่งลง

    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.67 อยู่ที่ 87.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 89.3 ในเดือนก.ค.67 โดยมีปัจจัยด้านลบจากอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง โดยเฉพาะสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ในประเทศ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) อยู่ที่ 354,421 คัน ลดลง 23.71% โดยเฉพาะรถกระบะ และรถบรรทุก เนื่องจากความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ขณะที่กำลังซื้อยังเปราะบางจากความกังวลปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.8% ต่อ GDP ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งกดดันการบริโภคในประเทศ

    ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสูง ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบ รวมถึงต้นทุนทางการเงิน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงปัญหาการทุ่มตลาดของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ทำให้สินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่า ส่งผลให้ยอดขายสินค้าลดลง

    นอกจากนี้ ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง ได้สร้างความเสียหายให้แก่ภาคเกษตร และอุตสาหกรรม รวมถึงส่งผลให้ภาคก่อสร้างชะลอตัวลง ในด้านการส่งออก อัตราค่าระวางเรือ (Freight) ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางสหรัฐฯ และยุโรป จากการเร่งส่งออกของจีน และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น ขณะที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจากระดับ 36.46 บาท/ดอลลาร์ ในเดือนก.ค.67 มาอยู่ที่ 34.92 บาท/ดอลลาร์ในเดือนส.ค.67 ส่งผลให้สินค้าไทยแพงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง

    โดยในเดือนส.ค.67 ยังมีปัจจัยบวกจากสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลง ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และมีความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณ และการใช้จ่ายภาครัฐ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งภาคการท่องเที่ยว ยังเป็นแรงสนับสนุนการบริโภคในประเทศ จากมาตรการดึงดูดท่องเที่ยวของภาครัฐ

    ส่วนดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 93.9 ปรับตัวลดลงจาก 95.2 ในเดือนก.ค.67 โดยมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังกังวล ได้แก่ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น, ปัญหาหนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้น, ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังยืดเยื้อและรุนแรง ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 คาดว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคัก

    ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่ อยากให้เร่งประกาศและสร้างความชัดเจนในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 อาทิ มาตรการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน เป็นต้น,ปรับลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเพื่อเสริมสภาพคล่องในภาคอุตสาหกรรม และชะลอการเรียกเก็บเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม กรณีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในรอบปีสูงขึ้น รวมทั้งทบทวนลดเพดานวงเงินการประกันการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม รวมถึงปรับปรุง พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 เพื่อให้การบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) มาตรการดอบโต้การอุดหนุน (CVD) มาดรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (SG) และมาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดระยะเวลาการพิจารณาไต่สวน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสินค้าทุ่มตลาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว และออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อาทิ ยกเว้นภาษีนินิบุคคล ขยายเวลาการยื่นภาษี ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร รวมทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

    #หุ้นไทย #ลงทุน #หุ้นเปิด #ตราสารหนี้ #SET #กนง #ทอง #บอนด์ยีลด์ #ตลาดทุน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/4AvPMSWwXYuVqgKM/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    2 โรงกลั่นน้ำมันในจีนล้มละลาย เหตุคนจีนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน #MoneyBuffalo

    โรงกลั่นน้ำมันจีนขนาดเล็ก บริษัทเจิ้งเหอ ( Zhenghe Group Co.) และซานตง หัวซิง ปิโตรเคมีเคิล กรุ๊ป (Shandong Huaxing Petrochemical Group Co.) ประกาศล้มละลาย โดยเป็นโรงกลั่นที่บริหารงานโดยยักษ์ใหญ่แห่งวงการเคมีภัณฑ์ของจีน ซิโนเคม กรุ๊ป (Sinochem Group Co.)

    2 บริษัทประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนนำไปสู่ภาวะล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถหาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทั้ง 2 บริษัทจึงถูกศาลสั่งปิดกิจการตามกฎหมาย

    โรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กของเอกชนในจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ความต้องการเชื้อเพลิงลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการและกำไรของโรงกลั่นลดลง

    https://www.facebook.com/share/jVakdS6G1vqsYBCz/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่น เปลี่ยนชื่อเป็น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าบัญชีให้กลุ่มเปราะบาง 25-28 ก.ย. นี้ #MoneyBuffalo

    https://www.facebook.com/share/p/LkjLRci4bmNGcsZT/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กูรูนักลงทุนอเมริกันชื่อดังระดับโลก ชี้ 5 แรงกระแทกสำคัญสุดกับเศรษฐกิจโลก จับตาดอกเบี้ยสหรัฐ ความขัดแย้ง 2 ยักษ์เศรษฐกิจ สงครามเทคโนโลยี BTimes

    Sep 18, 2024 ดูอนาคต! กูรูนักลงทุนชื่อดังระดับโลกชี้ 5 แรงกระแทกสำคัญสุดกับเศรษฐกิจโลก จับตาดอกเบี้ยสหรัฐ ความขัดแย้ง 2 ยักษ์เศรษฐกิจ สงครามเทคโนโลยี

    นายเรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีชื่อดัง นักลงทุนระดับตำนาน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารกองทุนประกันความเสี่ยงการลงทุน หรือเฮ็ดจ์ฟันด์ มีชื่อว่า บริดจ์วอเตอร์ แอสโซสิเอท (Bridgewater Associate) ซึ่งเป็นกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับ 5 แรงกระแทกสำคัญที่เกี่ยวข้องระหว่างกัน และเป็นวัฒจักรของเศรษฐกิจโลก มีดังนี้

    1. ภาวะหนี้ เงิน และวงจรเศรษฐกิจ
    ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเศษได้ตรึงออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่สูงที่สุดในรอบ 23 ปีมาเป็นเวลาถึงสี่ปีส่งผลให้รัฐบาลอเมริกัน ต้องจัดสรรการชำระหนี้มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.049 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 35.66 ล้านล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา ภาระการชำระหนี้นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการชำระหนี้รวมทั้งหมดที่ประเมินว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.158 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 39.37 ล้านล้านบาททั้งปี ดังนั้น การบริหารจัดการภาระหนี้สินทั้งหมดจึงกลายเป็นเป็นประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับเศรษฐกิจโลก เมื่ออัตราอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนลงเร็วๆ นี้

    2. การจัดระเบียบ และความผิดปกติภายในของสหรัฐอเมริกา
    ประเด็นนี้หมายถึงการเมืองในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนปีนี้ ในปัจจุบัน จะพบว่ามีความไม่ลงรอยกันอย่างมากระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายขวา และฝ่ายซ้าย อาจจะนำไปสู่ช่องว่างของความมั่งคั่งและคุณค่าทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลงผู้นำสูงสุดของสหรัฐมาเป็นสุภาพสตรีครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังหมายถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารอย่างเป็นระเบียบจะเกิดขึ้นอย่างเรียบร้อยหรือไม่ อย่างไร (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) 3.ความขัดแย้งอำนาจครั้งใหญ่
    มุมมองนี้หมายถึงความขัดแย้งระหว่าง 2 มหาอำนาจของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเรื้อรังต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งในอาณาธิปไตยของทะเลจีนใต้ความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวันกับจีน ความขัดแย้งทางมาตรการเศรษฐกิจที่ตอบโต้ซึ่งกันและกัน จากนี้ไปจะเกิดความกลัว หรือกังวลของสงคราม

    4.การกระทำของธรรมชาติ
    โดยปกติแล้ว พฤติกรรม หรือการกระทำของธรรมชาติในประวัติศาสตร์ผ่านมานั้น มักจะกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว ที่ส่งผลต่อมนุษยชาติ และสังคม มากกว่าสงคราม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วมครั้งใหญ่ และโรคระบาด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งคร่าชีวิตผู้คน และส่งผลกลายเป็นความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อการจัดระเบียบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ และระหว่างประเทศของทุกชาติ

    5.เทคโนโลยี
    หากใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หรือนักลงทุนที่มีความสามารถในการปรับใช้ หรือลงทุนเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมแล้วละก็ เทคโนโลยีจะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดในยุคเศรษฐกิจสมัยต่อไป ใคร หรือประเทศไหนก็แล้วแต่ ที่มีชัยชนะในสงครามแห่งเทคโนโลยีจะกลายเป็นผู้ที่ชนะสงครามในทางการทหารนั่นเอง

    ทั้งนี้ นายเรย์ ดาลิโอ กล่าวให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ในงานประชุมสุดยอดแห่งสถาบันมิลเคน ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูง และนักลงทุนจากทั่วโลกเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก

    #เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก #สหรัฐ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/BPkFP5am5J5u1r8e/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เฟด” ปรับลดดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอีก 1.00% ในปี 2568 และ 0.50% ในปี 2569

    คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 11 ต่อ 1 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามการคาดการณ์ของตลาด ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในรอบกว่า 4 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติมที่ : https://moneyandbanking.co.th/2024/130440/

    https://www.facebook.com/share/wwuZfRhbQET5F4xD/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เฟด” ปรับลดดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอีก 1.00% ในปี 2568 และ 0.50% ในปี 2569

    คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 11 ต่อ 1 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามการคาดการณ์ของตลาด ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในรอบกว่า 4 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติมที่ : https://moneyandbanking.co.th/2024/130440/

    https://www.facebook.com/share/wwuZfRhbQET5F4xD/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sep 18, 2024 ไม่รอกัน! แบงก์ชาติอินโดฯ หั่นดอกเบี้ยเหนือคาดหมาย ลงครั้งแรกในรอบ 3 ปีกว่า หรือตั้งแต่เกิดโรคโควิด หวังกระตุ้นเศรษฐกิจโตปีนี้เข้าเป้า 5.1% รองรับเฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี

    ธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ส่งผลให้อัตราอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลดลงจาก 6.25% มาอยู่ที่ 6.000% นับเป็นเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี 6 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วิกฤตการณ์โรค โควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซียเป็นต้นมา การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันนี้ได้สร้างความพอใจและเหนือความคาดหมายให้กับตลาดทุนทั่วโลกเนื่องจากคาดการณ์ว่าการประชุมปัจจุบันนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

    นายเพอร์รี่ วาริจิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า การลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของอาเซียน ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะลดต่ำลงและเข้าสู่เป้าหมายเป็นที่ 2.5% ภายในปี 2025 นอกจากนี้ อีกเหตุผลหลักสำคัญก็คือคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินโดนีเซียประเมินว่า ในคืนวันนี้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่อยู่ในระดับสูงกว่า 23 ปี ให้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

    ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวต่อไปว่าหลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวแล้วจะติดตามและประเมินผลความเคลื่อนไหวของการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องทำให้เกิดแรงจูงใจในการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพิ่มมากขึ้นให้เข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อที่จะสนับสนุนความมี เสถียรภาพของค่าเงินรูเปี๊ยะ อินโดนีเซีย สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินโดนีเซีย พบว่าดัชนีหุ้นสำคัญปรับตัวตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.8% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่การลงทุนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย

    ธนาคารกลางอินโดนีเซียไม่เพียงปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากชั่วข้ามคืนลงเหลือ 5.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย อัตรากู้ยืมหลงเหลือที่ 6.75% โดยเป็นการปรับลดลดลง 0.25% ของทั้งสองประเภทดอกเบี้ย

    ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือตัวเลขจีดีพีในปี 2024 นี้อยู่ที่ระดับ 5.1% และในปี 2025 จะมีจีดีพีขยายตัวที่ 5.2% ที่สำคัญรัฐบาลประเทศอินโดนีเซียตั้งเป้าหมายว่าจะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ถึง 8% ภายในปี 2027

    https://www.facebook.com/share/p/VQXMZq46daKFrdFo/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1726703241858.jpg

    ถ้าเฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ดอกเบี้ยไทยจะลงได้แค่ไหน? | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
    .
    ชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง นักวิเคราะห์ทางการเงินมองว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดรอบนี้ จะทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลมาไทย ไม่ว่าการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และ 0.50% ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกหลายแห่งมีการปรับลดดอกเบี้ยไปตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางยุโรป (ECB) อังกฤษ (BoE) เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ จีน (PBOC) นิวซีแลนด์ สวีเดน สะท้อนว่าหลายประเทศอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง
    .
    ก่อนหน้านี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณในการประชุม Jackson Hole ว่า ถึงเวลาลดดอกเบี้ยแล้ว นักวิเคราะห์มองว่า กรณีลด 0.25% หมายความว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสามารถเติบโตได้อยู่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาแรงด้วยการปรับลด 0.50% ทว่าหากปรับลดดอกเบี้ยแรงตั้งแต่แรก ก็มีข้อดีคือจะสามารถชะลอผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเป็นการเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที ทว่าอาจจะทำให้นักลงทุนตกใจและกังวลกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐว่ามีปัญหาจนถึงคราวต้องกระตุ้นอย่างแรงหรือไม่
    .
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของเฟดครั้งนี้ มีแนวโน้มจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางในภูมิภาค พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยตาม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าแบงก์ชาติจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบัน แบงก์ชาติอินโดนีเซีย อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
    .
    ขณะที่แบงก์ชาติออสเตรเลียจะประกาศนโยบายในวันที่ 24 ก.ย. โดยตลาดคาดการณ์ว่าน่าจะคงดอกเบี้ยเช่นเดิม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าแบงก์ชาติเกาหลีใต้ จะมีการลดดอกเบี้ยครั้งเดียวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและราคาบ้านที่สูงขึ้น
    .
    สำหรับประเทศไทยมีความเป็นไปได้ว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ที่ประชุมจะมีความโน้มเอียงไปในทางที่จะ “ลด”ดอกเบี้ยนโยบายลงไปในทิศทางเดียวกับเฟด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับสหรัฐค่อนข้างมาก ซึ่งทุกครั้งที่สหรัฐมีการเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยก็จะส่งผลกระทบกับเงินทุนไหลเข้าและไหลออกของไทยพอสมควร ดังนั้นหากสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้เงินบาทก็จะแข็งค่า และยังมาจากจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น
    .
    ดังนั้น ในภาพรวมจึงมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเร่งให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น ด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายลงจะช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ทำให้คนตัวเล็กมีโอกาสลืมตาอ้าปาก มีโอกาสสร้างธุรกิจเกิดการจับจ่ายใช้สอย มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขับเคลื่อนประเทศไปได้ คงจะเป็นการดีที่จะได้เห็น กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/yTmapJmuk3W6yqw2/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1726704431412.jpg

    ThaiPublica’s Pick: แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 ในวันที่แรงส่งหลักทยอยหมดไป
    .
    SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำในปี 2567และ 2568 ที่ 2.5% และ 2.6% ตามลำดับ ในระยะต่อไปภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงส่งหลักที่เหลืออยู่ของเศรษฐกิจไทย
    .
    SCB EIC ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ที่ 39.4 ล้านคน โดยการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์ ขณะที่การส่งออกไทยปี 2568 ยังเติบโตต่ำกว่าในอดีต
    .
    ส่วนหนึ่งจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง การผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่แม้เริ่มทยอยฟื้นตัวตามการส่งออกสินค้าที่ปรับดีขึ้นบ้าง แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากสินค้าคงคลังสูง และอุปสงค์ในประเทศเปราะบาง
    .
    การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพิ่มเติมจะมีข้อจำกัดมากขึ้น จากภาระการคลังสูง โดย SCB EIC ประเมินว่าขณะที่โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลใช้วงเงินสูง แต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่และชั่วคราว ส่งผลให้หนี้สาธารณะไทยอาจมีแนวโน้มชนเพดานในปี 2570
    .
    นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนของ ครม. ชุดใหม่เป็นการสานต่อนโยบาย ครม. ชุดก่อน โดยมีจุดเน้นมากขึ้นที่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจกลุ่มเปราะบาง SCB EIC ประเมินชุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะสั้น จะส่งผลบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ท่องเที่ยว และภาคเกษตร ขณะที่ธุรกิจที่มีแรงงานขั้นพื้นฐานในสัดส่วนสูงจะได้รับผลกระทบด้านต้นทุน และธุรกิจพลังงานอาจได้รับผลกระทบด้านรายได้
    .
    สำหรับนโยบายส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน จะส่งผลบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมที่สอดรับเทรนด์โลก และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สำหรับนโยบายสิ่งแวดล้อมยังเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว
    .
    ภาคธุรกิจไทยยังต้องเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างฟันเฟืองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากรอบด้าน โดยเฉพาะ

    1) อุตสาหกรรมยานยนต์ที่อาจสูญเสียกำลังการผลิตในประเทศไปราว 40% หากการปรับตัวของค่ายรถยนต์ไม่เท่าทันกับกระแสนิยมที่กำลังเปลี่ยนไป

    2) ผู้ประกอบการ SME เผชิญแรงกดดัน จากกำลังซื้อในประเทศที่เปราะบาง อีกทั้ง ยังถูกซ้ำเติมจากการตีตลาดจากสินค้านำเข้า กระบวนการผลิตและการตลาดล้าสมัย ดังนั้น การผลักดันให้ภาคธุรกิจเหล่านี้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นควบคู่กับนโยบายยกระดับความสามารถทางการเเข่งขันในระยะยาว
    .
    #แนวโน้มเศรษฐกิจไทย #แรงส่งเศรษฐกิจไทย #มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ #รัฐบาลแพทองธาร #SCB #EIC #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/JgEryMBuPvwTFimo/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง จ.มหาสารคาม แห่ตรวจสอบบัญชี เข้าคิวยาวเหยียด หลายคนเฮลั่น! เงินเข้าบัญชี พร้อมนำสมุดบัญชีแห่ถอนเงินออกมาใช้จ่ายภายในครัวเรือน ปลื้มรัฐบาลช่วยเหลือ ด้านชาวบ้านกลุ่มชวดเงินหมื่น แนะรัฐบาลตรวจสอบสิทธิ์กลุ่มคนเปราะบางใหม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000090141

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/ZRu5NbVWH2Jyj9fs/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลุ่มน้ำปิงเสี่ยงจมบาดาลเพิ่มอีก..ล่าสุดชลประทานฯ คาด 3-5 ทุ่มคืนนี้น้ำทะลักสูงเกิน 5 เมตร มวลน้ำหลากท่วมเชียงใหม่ขยายเป็นวงกว้าง เสี่ยงถึงสถานีรถไฟ-เวียงกุมกาม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000090180

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/DQaFXpqcXFSv5jmt/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1727257983994.jpg

    ญี่ปุ่นเกิดคลื่นยักษ์ “สึนามิ” สูงครึ่งเมตร หลังแผ่นดินไหวใต้น้ำเขย่าแรง 5.9 ใกล้เกาะห่างไกลนอกฝั่งโตเกียว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำวันอังคาร(24 ก.ย) ความแรง 5.9 แมกนิจูดใกล้เกาะโทริชิมะ (Torishima island) ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ราว 600 ก.ม 40 นาทีตามมาคลื่นยักษ์สึนามิสูงร่วมครึ่งเมตรชัดเข้าเกาะฮาจิโจ (Hachijo island) รวมถึงคลื่นยักษ์ลูกเล็กต่ำสุด 10 เซนติเมตรไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย ล่าสุดทางการญี่ปุ่นสั่งยกเลิกคำเตือนสึนามิแล้ว
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(24 ก.ย)ว่า – เกาะโทริชิมะ (Torishima island) ที่ไม่มีคนอาศัยส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอิซุ(Izu islands)ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่าง 600 ก.ม ทางทิศใต้ของกรุงโตเกียเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำขึ้นวันอังคาร(24) แต่ในเบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย
    .
    แผ่นดินไหวเกิดในระดับความแรง 5.9 แมกนิจูด
    .
    เจแปนไทม์สของญี่ปุ่นรายงานเพิ่มเติมว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.14 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร(24)ในระดับความลึก 10 ก.ม แต่ไม่มีรายงานบันทึกการสั่นสะเทือนระดับ 1 ชินโด(shindo 1) หรือสูงกว่าตามมาตรฐานการวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น
    .
    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นกล่าวในงานแถลงข่าววันเดียวกันว่า แผ่นดินไหวน่าจะอยู่ระดับต่ำและศูนย์กลางแผ่นดินไหวนั้นห่างจากแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่น
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า คลื่นยักษ์สึนามิสูง 50 เซนติเมตรหรือราวครึ่งเมตรเดินทางมาถึงเกาะฮาจิโจ (Hachijo island) ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่เกาะอิซุราว 40 นาทีหลังจากแผ่นดินไหว 5.9 แมกนิจูดเกิดขึ้น
    .
    สถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่า ในเบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหายจากสึนามิหรือแผ่นดินไหว
    .
    ทั้งนี้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นก่อนหน้าแถลงว่า ชาวบ้านบนหมู่เกาะอิซูและหมู่เกาะโอกาซาวาระ (Ogasawara islands) ต้องเตรียมพร้อมรับมือคลื่นยักษ์สึนามิสูง 1 เมตร
    .
    บริษัทโตไก คิเซน (Tokai Kisen) ในเช้าวันอังคาร(24) สั่งยกเลิกบริการเรือเฟอร์รีระหว่างกรุงโตเกียวและโอชิมะ(Oshima) และระหว่างอาตามิ(Atami) และโอชิมะเนื่องมาจากคำเตือนสึนามิบนหมู่เกาะอิซุ อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์มิร์เรอร์ของอังกฤษ
    .
    เจแปนไทม์สรายงานว่า นอกเหนือจากเกาะฮาจิโจแล้วพบว่าเกิดคลื่นยักษ์สึนามิเดินทางมาถึงท่าเรือโคซู(Kozu Port)บนเกาะโคซู (Kozu Island) สูง 20 เซนติเมตร และมีรายงานเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ 10 เซนติเมตรที่ทสึโบตะ(Tsubota) และเอโกะ(Ako)ของเกาะมิยาเกะ (Miyake Island) รวมไปถึงที่โอคาดะ(Okada)ที่อิซุ-โอชิมะ( Izu-Oshima)
    .
    อย่างไรก็ตามเจแปนไทม์สชี้ว่า ล่าสุดทางการญี่ปุ่นสั่งยกเลิกคำเตือนสึนามิแล้ว

    https://www.facebook.com/share/p/xVLe3WzogT6nDVW6/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เป็นเรื่อง! “ไบเดน” ลืมปิดไมค์วิจารณ์ “สี จิ้นผิง” ซื้อพื้นที่เพื่อโปรโมทจนน่าเกลียด แสดงพฤติกรรมท้าทายทั่วเอเชีย ระหว่างประชุมกลุ่ม QUAD ในรัฐเดลาแวร์
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน วันเสาร์(21 ก.ย) วิจารณ์ปักกิ่งและประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง อย่างเผ็ดร้อนระหว่างหารือผู้นำกลุ่ม QUAD ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย ชี้ผู้นำจีนพยายายามซื้อพื้นที่การทูตให้ตัวเองเพื่อโปรโมทไชน่าอย่างก้าวร้าว แสดงพฤติกรรมท้าทายไปทั่วทั้งทะเลจีนใต้ไปจนถึงเอเชียใต้
    .
    นิวสวีคของสหรัฐฯรายงานวันนี้(24 ก.ย)ว่า ปักกิ่งวันจันทร์(24)ออกมาตอบโต้สหรัฐฯอย่างแข็งกร้าวหลังเสียงรอดไมค์ผู้นำประธานาธิบดีสหรัฐฯแสดงความเห็นตรงไปตรงมาต่อประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และรัฐบาลจีนระหว่างการหารือร่วมกับผู้นำกลุ่ม QUAD 4 ชาติที่รัฐเดลาแวร์บ้านเกิด
    .
    โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน หลิน เจี้ยน (Lin Jian) ตอบโต้ระหว่างการรายงานสรุปประจำวัน ชี้นิ้วสหรัฐฯพยายามสร้าง “ภัยคุกคามจีน” เพื่อควบคุมและโดดเดี่ยวปักกิ่ง และใช้กลุ่ม QUAD เพื่อยังคงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯต่อไป อ้างอิงสื่อทางการจีน
    .
    “ฝ่ายสหรัฐฯมักกล่าวว่าตัวเองไม่มีเป้าหมายไปที่จีน แต่ประเด็นแรกของการซัมมิตคือ “จีน” และการหารือซัมมิตนั้นเกี่ยวข้องจีนทุกเรื่อง” โฆษกแถลงโต้
    .
    โฆษกจีนกล่าวหาวอชิงตันไร้สาระและเรียกร้องให้สหรัฐฯละทิ้งต่อความลุ่มหลงในการเป็นผู้นำโลก
    .
    กลุ่ม QUAD เป็นกลุ่มพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่ย่อมาจาก Quadrilateral Security Dialogue ประกอบไปด้วยสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ที่บ่อยครั้งจะมองจีนเป็นภัยคุกคาม ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีไบเดนมักจะย้ำว่า เป้าหมายของ QUAD เพื่อปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค มากกว่าจะปะทะจีนโดยตรง
    .
    ทั้งนี้ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิอาเซียน รศ. ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ได้เคยกล่าวถึงกลุ่ม QUAD ของไบเดนว่า การประชุมกลุ่ม QUAD ครั้งที่ 1 นั้นมอง “จีนเป็นภัยซ่อนเร้น”
    .
    สมัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ในปี 2017 ซึ่งในยุทธศาสตร์ระยะยาวฉบับนี้มีเป้าหมายด้านความมั่นคงของสหรัฐ 4 ข้อ ได้แก่:
    .
    1. ปกป้องคน มาตุภูมิ และวิถีอเมริกัน
    .
    2. สร้างความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
    .
    3. สร้างสันติภาพ
    .
    4. คงสถานะผู้จัดระเบียบโลกแบบมหาอำนาจเชิงเดี่ยว
    .
    จะเห็นว่า 3 ใน 4 ของเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนคือภัยคุกคาม
    .
    ผู้เชี่ยวชาญไทยชี้ว่า ทั้งในในยุทธศาสตร์ระยะยาวปี 2017 ของสหรัฐฯ และ ยุทธศาสตร์ระดับรองภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงของสหรัฐ ในนาม Indo-Pacific Strategy เมื่อปี 2019 สหรัฐฯต้องการย้ำว่า “การสร้างพันธมิตรในการปิดล้อมจีนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” และสิ่งสำคัญนั้นก็สะท้อนออกมาในรูปของบทบาทของสหรัฐฯ ที่เป็นตัวตั้งตัวตีใน The Quad
    .
    นิวสวีครายงานต่อว่า การหารือวันเสาร์(21)ของกลุ่ม QUAD มีนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ ซึ่งมีปัญหาพรมแดนทั้งกับจีนและรัสเซีย
    .
    เอพีรายงาน เครื่องบินรัสเซีย Il-38 บินล้ำน่านฟ้าทางเหนือของญี่ปุ่นวันจันทร์(23) ที่เกาะรีบุน (Rebun Island) นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด เป็นเวลา 1 นาทีจำนวน 3 ครั้งในช่วงเวลาการบิน 5 ช.มในพื้นที่ และส่งผลทำให้เครื่องบินรบญี่ปุ่นยิงพลุแสงใส่เครื่องบินรัสเซียเพื่อเตือน
    .
    นิวสวีครายงานว่า เสียงไบเดนรอดออกมามีใจความว่า “จีนยังคงพฤติกรรมก้าวร้าว ท้าทายพวกเราไปทั่วภูมิภาค มันเป็นเรื่องจริงทั้งในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก เอเชียใต้ และช่องแคบไต้หวัน”
    .
    ปักกิ่งยังคงยืนกรานอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ที่ซึ่งหน่วยยามจีนได้ใช้กระสุนน้ำและพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์ใกล้แนวสันดอนซาบินา (Sabina Shoal) จุดปะทะล่าสุดในพื้นที่พิพาท
    .
    และปักกิ่งยังคงท้าท้ายญี่ปุ่นในหมู่เกาะสแปรตลีย์(Spratly Islands)
    .
    ไบเดนวิจารณ์ประธานาธิบดีสีกับผู้นำกลุ่ม QUAD ว่า
    .
    “เขา(ประธานาธิบดีจีน)มองหาโอกาสที่จะซื้อพื้นที่ทางการทูตให้ตัวเอง ซึ่งในมุมมองของผม เป็นการผลักดันผลประโยชน์จีนอย่างก้าวร้าว”

    https://www.facebook.com/share/p/n2mWhsqZz3Ddd6jb/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #จีน ออกมาแถลงยอมรับต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกว่าประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile - ICBM) ไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกวันนี้ (25 ก.ย.) ในความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะโหมกระพือความวิตกกังวลของนานาชาติต่อการยกระดับคลังแสงนิวเคลียร์ของจีน
    .
    กระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า กองกำลังจรวดแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้ยิงขีปนาวุธ ICBM ที่ติดหัวรบหลอก (dummy warhead) เมื่อเวลา 8.44 น. ตามเวลากรุงปักกิ่ง โดยขีปนาวุธดังกล่าว “พุ่งโจมตีเป้าหมายในทะเลตามที่ถูกกำหนดไว้”
    .
    ทางกระทรวงย้ำว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของ “แผนซ้อมรบประจำปี” และไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ประเทศ หรือเป้าหมายใดๆ
    .
    ด้านสำนักข่าวซินหวารายงานว่า จีน “ได้แจ้งให้ประเทศที่เกี่ยวข้องรับทราบล่วงหน้า” ทว่าในรายงานไม่ได้เอ่ยถึงเส้นทางการบินของขีปนาวุธ หรือจุดตกที่แน่นอน “ในทะเลหลวงของมหาสมุทรแปซิฟิก”
    .
    ซินหวาระบุว่า การทดสอบครั้งนี้ “แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาวุธ เครื่องไม้เครื่องมือ และระดับการฝึกของกองกำลังจรวด ซึ่งได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่มุ่งหมายเอาไว้”
    .
    กองกำลังจรวดของ PLA ซึ่งกำกับดูแลคลังแสงขีปนาวุธทั้งแบบดั้งเดิมและนิวเคลียร์ของจีน ได้รับมอบหมายภารกิจในการยกระดับกองกำลังนิวเคลียร์ของประเทศเพื่อตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เช่น ระบบป้องกันขีปนาวุธที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ศักยภาพด้านการสอดแนมที่ดีขึ้น รวมถึงกลุ่มพันธมิตรที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ความเร็วในการยกระดับคลังแสงนิวเคลียร์ของจีนนั้นเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเป็นเพียงการ “ป้องปรามในระดับต่ำสุด”
    .
    รัฐบาลจีนยืนยันว่ายังคงยึดมั่นในนโยบาย “ไม่นำ (อาวุธนิวเคลียร์) ออกมาใช้ก่อน” (no first use policy) ขณะที่กองทัพจีนแถลงย้ำว่า คณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง (Central Military Commission) ซึ่งมีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นั่งเป็นประธาน คือหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจสั่งการใช้อาวุธนิวเคลียร์
    .
    จีนระงับการเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ไปเมื่อเดือน ก.ค. เพื่อประท้วงที่วอชิงตันส่งออกอาวุธให้ไต้หวัน
    .
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยประเมินไว้เมื่อปีที่แล้วว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ระดับปฏิบัติการ (operational nuclear warheads) อยู่มากกว่า 500 หัวรบ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นหัวรบนิวเคลียร์ที่ติดบนขีปนาวุธ ICBM ประมาณ 350 หัวรบ และคาดอาจจะเพิ่มเป็นกว่า 1,000 หัวรบภายในปี 2030
    .
    เพนตากอนยังระบุด้วยว่า กองทัพจีนมีการก่อสร้าง “ไซโลลับ” เอาไว้หลายร้อยแห่งเพื่อใช้เก็บขีปนาวุธ ICBM ภาคพื้นดิน
    .
    ในส่วนของสหรัฐฯ และรัสเซียมีการครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ระดับปฏิบัติการ 1,770 และ 1,710 หัวรบตามลำดับ
    .
    ที่มา : รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/eDEVQBQzooZxMKNK/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางการฟินแลนด์เตรียมส่งแพนด้ายักษ์ 2 ตัวกลับไปยังจีนก่อนกำหนดส่งคืนถึง 8 ปี โดยให้เหตุผลว่าสวนสัตว์ที่พวกมันอาศัยอยู่ไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะดูแลพวกมันได้อีกต่อไป
    .
    แพนด้ายักษ์ที่ชื่อว่า Lumi และ Pyry ถูกส่งไปยังฟินแลนด์เมื่อเดือน ม.ค. ปี 2018 หลังจากที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ไปเยือนประเทศนอร์ดิกแห่งนี้ และมีการลงนามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการอนุรักษ์แพนด้า
    .
    ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 ปักกิ่งได้ส่งแพนด้ายักษ์เป็นทูตสันถวไมตรีไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจีน
    .
    แม้จีนจะทำข้อตกลงให้ฟินแลนด์ยืมแพนด้า Lumi และ Pyry เป็นเวลา 15 ปี ทว่าในอีกไม่ช้าพวกมันจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักโรค ก่อนถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดที่จีนก่อนกำหนดถึง 8 ปี ตามคำแถลงของสวนสัตว์ Ahtari Zoo
    .
    ริสโต ซิโวเนน ประธานสวนสัตว์ Ahrari Zoo ระบุว่า สวนสัตว์เอกชนแห่งนี้ลงทุนไปกว่า 8 ล้านยูโรเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับ Lumi และ Pyry และยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลพวกมันอีกปีละ 1.5 ล้านยูโร ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับจีนด้วย
    .
    เดิมทีทางสวนสัตว์หวังว่าแพนด้ายักษ์จะช่วยดึงดูดผู้คนให้เดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของฟินแลนด์มากขึ้น แต่ก็มาเกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และสวนสัตว์ก็มีหนี้สินพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนต้องมีการหารือเรื่องการส่งแพนด้าทั้งสองกลับจีน
    .
    ทางสวนสัตว์ยอมรับว่า ปัญหาเงินเฟ้อมีส่วนทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลแพนด้าเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลฟินแลนด์ก็ปฏิเสธจ่ายเงินอุดหนุนให้เมื่อปี 2023 ด้วย
    .
    ซิโวเนน ระบุว่า กระบวนการเจรจาเพื่อส่งคืนแพนด้ายักษ์ใช้เวลาถึง 3 ปี “และตอนนี้ทางฝ่ายจีนยืนยันมาว่า สามารถทำได้แล้ว”
    .
    ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์แถลงว่า การส่งคืนแพนด้ายักษ์ทั้ง 2 ตัวเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจของสวนสัตว์ และไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลฟินแลนด์ จึงไม่ควรมองเป็นประเด็นปัญหาต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    .
    ด้านสถานทูตจีนประจำกรุงเฮลซิงกิให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้พยายามช่วยเหลือทางสวนสัตว์เต็มที่ แต่สุดท้ายทั้ง 2 ชาติก็ตัดสินใจว่าการส่งแพนด้ายักษ์กลับบ้านคือทางออกที่ดีที่สุด
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/tjmRHWtf8eDG2VuV/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นข้าว "ขาดตลาด" หนัก หลังนักท่องเที่ยวแห่กิน "ซูชิ" เยอะเกิน (กระฉูดขึ้น 168%)! ซูเปอร์มาร์เก็ตเกลี้ยงแผง! หลายที่ต้องจำกัดให้ซื้อได้แค่คนละถุง!

    เหลือเชื่อ! สต็อกข้าวของญี่ปุ่น ล่าสุด ต่ำสุดในรอบเกิน 2 ทศวรรษ! ตอนนี้ หาซื้อในท้องตลาดยาก! ราคาก็ย่อมพุ่งฉิว!
    สถานการณ์ คือ ปลูกน้อยกว่ากิน (deficit) เป็นเวลา 3 ปีซ้อน แล้วปีนี้ยิ่งแย่ เพราะอากาศไม่ดี เก็บเกี่ยวไม่ได้ตามต้องการ (; supply ลด) ขณะที่นักท่องเที่ยวกระหน่ำบินมาสวาปาม "ซูชิ" เยอะขึ้น รวมทั้ง "โอนิงิริ" และ "ด้ง" ซึ่งพวกนี้ มีข้าวเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น (; demand ขึ้น)

    ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่านักท่องเที่ยวจะมีผลขนาดนี้
    ตัวเลข ก.ค. 2022 - มิ.ย. 2023 นักท่องเที่ยวกินข้าว 1.9 หมื่นตัน
    ก.ค. 2023 - มิ.ย. 2024 นักท่องเที่ยวโซ้ยไป 5.1 หมื่นตัน! เพิ่มขึ้นมโหฬาร!
    ทั้งนี้ ครึ่งแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวตะลุยเจแปน 17.8 ล้านหัว ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์!
    และล่าสุด ตัวเลข ก.ค. 2024 นักท่องเที่ยวมาย่ำแดนซามูไร 3.3 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์!

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังงงๆ มันจะมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศกินข้าว 7 ล้านตัน/ปี

    เป็นเรื่องแปลกๆ ที่เหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ...

    หมายเหตุ ภาษีนำเข้าข้าวที่ญี่ปุ่น สูงถึง 778% เพื่อพิทักษ์ชาวนาในประเทศ
    ขณะที่ยอดส่งออกข้าวของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 6 เท่าในเวลา 8 ปี มาอยู่ที่ 3 หมื่นตัน
    จบข่าว

    https://www.facebook.com/share/p/AtVsjdtTwbk4ofzo/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ต้นไม้ตาย’ อีโมจิใหม่เตรียมใช้ปีหน้า สะท้อน ‘ภาวะโลกรวน’ เป็นเรื่องใหญ่ กระตุ้นผู้ใช้ตื่นรู้ภัยแล้ง ปัญหาสิ่งแวดล้อม
    .
    เนื่องจากภัยแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น เตรียมปล่อยอีโมจิ “ต้นไม้ตาย” พร้อมให้ใช้งานบนโทรศัพท์ในปีหน้า
    .
    ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจาก “ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญ ไม่เว้นแม้แต่วงการเทคโนโลยี ที่ล่าสุดเตรียมปล่อย “อีโมจิ” ใหม่ เป็นรูป “ต้นไม้ตาย” เพื่อให้สามารถพูดคุยถึงปัญหาภัยแล้ง และ “ภาวะโลกร้อน” ได้เห็นภาพมากขึ้น
    .
    Unicode Consortium หน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานอีโมจิ เปิดเผยว่าในปี 2024 จะมีอีโมจิใหม่ ๆ มาให้ได้ใช้กันในปี 2025 หลายตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ต้นไม้ตาย” (dead tree) หรือ “ต้นไม้ไร้ใบ” (leafless tree) ซึ่งเป็นลักษณะไม้ยืนต้นตาย ไม่มีใบไม้
    .
    โดยอีโมจินี้ ได้รับการเสนอครั้งแรกในปี 2022 จากไบรอัน ไบฮากิ เพื่อเพิ่มการช่องทางการสื่อสารผ่านข้อความด้านสิ่งแวดล้อม
    .
    ปีนี้ภัยแล้งเกิดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการผลิตกาแฟ และผลผลิตอื่น ๆ ของบราซิล แม่น้ำมิสซิสซิปปีและคลองปานามาแห้งคอด ทำให้การเดินทางขนส่งทางเรือทำได้อย่างยากลำบาก ส่วนในสเปนก็เจอปัญหาขาดแคลนน้ำ และส่งผลกระทบอื่น ๆ ทั่วทั้งโลก
    .
    รายงานล่าสุดขององค์การสหประชาชาติระบุว่าคาดว่าภาวะภัยแล้งจะเลวร้ายลงตลอดศตวรรษที่ 21 แม้ว่าจะมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ตาม ซึ่งผลกระทบดังกล่าวส่งผลเสียต่อสุขภาพอยู่แล้วผ่านมลพิษทางอากาศ โรคภัย สภาพอากาศที่เลวร้าย การอพยพย้ายถิ่นฐาน การขาดแคลนอาหาร และแรงกดดันต่อสุขภาพจิต ทุกปี ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 13 ล้านคน
    .
    อีโมจิอาจไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารในอันดับแรก ๆ ที่คนจะใช้ในการต่อสู้กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การมีอีโมจิต้นไม้ตายสามารถสะท้อนถึงความต้องการของผู้คนในการสื่อสารเกี่ยวกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น
    .
    ต้นไม้ตายเป็น 1 ใน 8 อีโมจิบ่อยที่จะปล่อยมาให้ใช้งานบนโทรศัพท์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ร่วมกับอีโมจิลายนิ้วมือ ฮาร์ป สาดน้ำ พลั่ว พืชราก ใบหน้าที่มีขอบตาคล้ำและถุงใต้ตา (Bags Under Eyes) และ ธงของหมู่เกาะแชเนิล
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1146104?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจClimate

    https://www.facebook.com/share/p/Je2VDd88hDs8Aqea/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บาทพุ่งทะลุเพดาน! แข็งสุดรอบ 30 เดือน นักวิชาการผวาจีนลดดอกเบี้ย ส่อทุบซ้ำเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง
    .
    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า วันนี้เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 30 เดือนที่ 32.563 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.62-32.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.50 น.) แข็งค่าต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ
    .
    นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค นำโดยเงินหยวนในตลาด Offshore และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
    .
    ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงมาที่ 98.7 ในเดือน ก.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 104 และต่ำกว่าระดับ 105.6 ในเดือน ส.ค.)
    .
    นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุน ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ของตลาดว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 25 basis points ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป
    .
    สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.50-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนส.ค. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ
    .
    ในระยะสั้น เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าไปทดสอบแนว 32.50 และ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามลำดับ
    .
    อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1146360?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจFinance
    https://www.facebook.com/share/p/XTXbG27Uem9hbBq6/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...