เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

คำนวณ 1 นาที บนสวรรค์ชั้นดาวดึงค์ เทียบกับโลกมนุษย์

ในห้อง 'การทดลองทางจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 11 ตุลาคม 2004.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 2 ของ 4

นืเฟร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 เมษายน 2006

โพสต์:

213

ค่าพลัง:

+433
สุพจน์ said:

สวัสดีครับ ผมเพิ่งสมัครตะกี้นี้เอง
บังเอิญเข้าเวปนี้แบบไม่ได้ตั้งใจ ผมเป็นคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังดูใจตัวเองอยู่(ก่อนที่จะมาเจอเวบนี้ผมเป็นคนที่เลื่อมใสในคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัพุทธเจ้ามาก แต่กิเลสและ "ห่วง" ผมยังหนาอยู่มากบางหัวข้อธรรม ผมก็เข้าถึง บางข้อรู้แต่ปฏิบัติไม่ได้) เมื่อบังเอิญเข้ามา ได้อ่านโพสต์ต่างๆมากมายซึ่งเป็นไปตามอารมณืโลกีย์วิสัยแล้วแต่ใครจะแสดงออกมา
อ่านกระทู้ของคุณ เวปสโนว์ แล้วเป็นวิทยาศาสตร์ดี ที่จริงผมก็ศึกษาทางด้านนี้มาบ้าง ผมมีความคิดเห็นเพิ่มเติม ในส่วนของกาลเวลาผมไม่แน่ใจว่าความคิดของผมจะไปตรงกับทฤษฏีของใครที่ไหนหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้เรียนทาง วิทยาศาสตร์มาโดยตรง
ว่าด้วยเรื่องเวลา ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจ ผมคิดว่าเรื่องเวลากับพระพุทธศาสนานี่แทบจะแยกกันไม่ออก เป็นสัจธรรมคู่กัน กล่าวคือ เป็นมา มีอยู่ และเป็นไป นี่ก็กล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่าการลิขิตจากพรหม เมื่อมาถึงจุดนี้ก็คือทุกคนเป็นไปตามกรรม กรรมมีที่มา มีอยู่ และต้องชดใช้ ถ้าจะเป็นวิทยาศาสตร์ก็คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทุกอย่างล้วนมีเวลาที่เข้ามาบอกว่า เป็นอดีต(มีมา) เป็นปัจจุบัน(มีอยู่) และเป็นอนาคต(เป็นไป) ดังนั้นตามที่ผมเข้าใจจากการพิจารณานั้นก็คือ ทุกอย่างในโลกล้วนขึ้นอยู่กับเวลา เกิด แก่ เจ็บตาย ล้วนอยู่ภายใต้กำหนดของกาลเวลาทั้งสิ้น
แต่ทั้งนี้ผมเลื่อมใสในพระพุธองค์ เพราะท่านชี้ทางออกจากวัฏสงสาร คือการหลุดพ้นจากห้วงแห่งห่วงทุกอย่างแม้แต่กาลเวลา คือนิพพาน
กล่าวถึง"เวลา" ทางวิทยาศาสตร์ ผมขออธิบายตามความเข้าใจเนื่องจากผมมิได้ศึกษาโดยตรงจึงไม่สามารถใช้ภาษาทางวิทยาศาสตร์ได้ตรง
อดีตคือสิ่งที่มีมา เช่นเมื่อ ณ วินาทีที่แล้ว ผมพิมพ์ ตัว "ว" แสดงว่าเมื่อผมพูดถึงวินาทีที่แล้วจะมีตัวผมอีกคนที่อยู่ ณ มิติเวลานั้นอยู่ เมื่อผมพูดถึงตอนผมอายุ 10 ขวบผมก็มีตัวผมในมิติเวลานั้นเหมือนกัน เวลาผ่านมาเท่าใดมิติของเวลาก็ยิ่งจะทับซ้อนกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงมีตัวผมอยู่ ณ ทุกมิติเวลาที่ผ่านมา และกระทำตามซ้ำไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นตัวผมย้อนกลับไปที่ 10 นาทีที่แล้วก็จะทำตามตัวผม ณ วินาทีที่ 10.01 นาที และคนที่ 10.01 ก็ทำตามคนที่ 10.02 และคนต่อมาก็ทำตามกันต่อมาเรื่อยๆแต่ทุกคนจะมีมิติเวลาเป็นของตัวเอง ดังนั้นคิดอย่างหยาบๆ สมมติว่าผมเกิดมา 30 ปี(คิดมิติเวลา ปีละ 1 คน) ผมจะมีตัวผม ณ มิติเวลาที่ผ่านมา 10 คน และทุกคนจะทำตามคนข้างหน้าเสมอ ไม่มีใครแตกแถว เพราะเวลาเป็นตัวกำหนดว่า วินาที(เสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยววินาทีก็ได้ ผมไม่อยากยึด ขอเรียกมิติเวลาดีกว่า)จะต้องทำอะไร
เมื่อมาถึงจุดนี้สามารถอธิบายได้ว่าที่ผ่านมาคือการลิขิตของเวลา หรือพรหมลิขิต
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าผมก็ทำตามคนข้างหน้าที่มีมิติเวลาก่อนหน้าผมเหมือนกันและคนข้างหน้าก็ทำตามคนข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เมื่อผมได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยความคิดอันน้อยนิด(จริงๆเพราะองค์ความรู้ของผมยังมีน้อยอยู่)
ณ ปัจจุบัน เราสามารถที่จะไม่เดินตามคนคนที่มีมิติเวลาข้างหน้าเราก็ได้(จริงๆแล้วทำไม่ได้) กล่าวคือ เมื่อกล่าวถึง เวลา ณ ปัจจุบัน เมื่อเรามองไปในมิติเวลาที่ผ่านมาเราได้เห็นว่าเกิดการทำตามกันตาม มิติเวลากันเป็นทอดๆ แต่ ณ ปัจจุบันเมื่อมองไปข้างหน้า มันจะเกิดการแตกของมิติเวลา ก็คือ จะเกิดเป็นทางแยก ของ มิติเวลามีมากจนเป็นอนันต์ นั้นหมายถึงหากเราคิดทำแบบที่1 เราก็จะไปตามมิติเวลาของตัวเราเองที่คิดแบบที่1 หากเราคิดแบบที่2 เราก็ไปตามมิติเวลาที่คิดแบบที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ถือว่าเป็น อนันต์ เป็นรูปแบบการแปรผกผันทางความคิด เมื่อมีมิติเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องจึงมีเหตุกาณ์ที่เป็นอนันต์ มากเกินขอบเขตของการนับ
ณ จุดนี้เองทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้ตามความคิด แต่สุดท้ายมันก็คือความคิดที่มีอยู่ก่อนแล้วในมิติเวลาที่เราเลือกทำตามความคิดนี้ แต่หากเราคิดดีทำดีก็จะเกิดที่เรียกว่าเหตุแห่งกรรมดีส่งผลให้ ณ ปัจจุบันที่เราคิดหรือทำ เป็นอดีตของอนาคต ถึงแม้ว่าเป็นปัจจุบันก็ตามแต่ก็คืออดีตของอนาคต และก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าเราจะต้องได้รับผลกรรมดีตอบแทนแต่จะอยู่ในรูปแบบใดและตอบสนองตอนไหนไม่มีใครคาดการณ์ได้ และหากเราคิดชั่วทำชั่วมันก็เป็นเหตุแห่งกรรมชั่ว และต้องชดใช้เช่นกัน
ดังนั้นในทางวิทยาศาสตร์ หากว่าเราเดินทางเร็วกว่าแสงจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะสารถเอาชนะเวลา ย้อนไปในอดีตหรือข้ามไปอนาคตได้ แต่ในความคิดของผม การเดินทางของแสงก็ยังใช้เวลาเป็นตัววัด ทำให้แสงก็ยังอยู่ในกฎของเวลาอยู่ คือ เกิดแสง มีแสง แสงดับไป (กฎของสัจธรรม)แต่หากว่าเราย้อนไปได้จริงๆ มันก็ป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในมิติเวลาที่ตัวเราได้เดินทางไปก่อน เช่น ผมอายุ 30 เดินทางย้อนเวลาไปในอดีต เมื่อเวลา 10 ขวบ ในความเป็นจริงผมก็ทำตามตัวเองที่มีมิติเวลากอ่นผมอยู่นั่นเอง แต่เมื่อพูดถึงทางกายภาพการเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงหรือมากกว่าแสงหรือที่เรียกว่า วาร์ป ต้องเกิดการสียดสีของสิ่งของที่เกิดการเคลื่อนที่ทำให้ต้องใช้พลังงานสูงและทำให้เกิดแรงเสียดทานสูง นั่นคือพลังงานในการขับเคลื่อน และมีการเสียดสีทำให้เกิดความร้อนสูง ในปัจจุบันหากเราเดินทางด้วยความเร็วสูงเช่น การส่งยานออกนอกโลก ก็เกิดความร้อน มากมายหลาย พันองศาเซลเซียส(ตอนนี้ยังเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ตอนต่อไปจะกล่าวถึงการเดินทางของจิต)ในปจจุบันมีเพียงโลหะไม่กี่ชนิดที่ทนความร้อนสูงขนาดนั้นได้ และก็ยังเป็นของหายากอยู่ ในตัวยานเป็นโลหะแต่ภายนอกเป็นเซรามิกที่ทนความร้อนได้สูง แต่ศาสนาพุทธกลับมีเรื่องราวการเดินทางที่เร็วกว่าแสงให้ศึกษาเป็นที่มาของแหล่งความรู้ทั้งหลายทั้งมวล ที่จะสามารถเอาชนะได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเวลา
นี่คือวิทยาศาสตร์ในแบบของผมเกี่ยวกับเรื่องเวลา
ส่วนในเรื่องเวลาของมิติ อื่นอาจจะเป็นมิติที่4,5,6,7,- อนันต์ ก็น่าจะอยู่ในกฎของเวลาสากลจักรภิภพ ไม่ว่าจะเป็นโลกเทพ โลกมนุษย์(รวมถึงสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก) แม้กระทั่ง นรกภูมิ เพียงถ้าคิดแบบวิทยาศาตร์ เวลาของแต่ละโลกจะช้าจะเร็วกว่ากันเท่านั้น
แต่เมื่อมีเรื่องความคิดเข้ามาเกี่ยวข้องมีแวดล้อม จึงมีอารมณ์ สุข ทุกข์
พระพุทธองค์ จึงทรงประกาศหนทางดับทุกข์ นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงหลุดพ้นจากห่วง ทุกอย่าง

ผมยังมีความคิดเห็นต่อว่าด้วยเรื่อง วิทศาสตร์กับพระพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของจิต อำนาจของจิต พลังจิต การบรรลุฯลฯ รวมถึงมิติเวลาของจิตด้วย
แต่เนื่องด้วยยังมีห่วง(มัดอยู่ที่ภาระหน้าที่)อยู่จึงต้องอำลาด้วยเท่านี้

ปล.นี่เป็นความคิดเห็นในบางส่วนอาจจะถูกหรือไม่ นี่เป็นความคิดของคนที่มีความรู้น้อยแนวความคิดอาจจะไปตรงกับทฤษฏีของท่านใด ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หากมีผู้รู้ท่านใดจะชี้แนะหรือเพิ่มเติม หรือเพื่อเป็นวิทยาทานก็แบ่งปันแนวความคิดเพื่อให้เกิดปัญญาด้วยครับ
Click to expand...

ขอชื่นชมครับ กับความคิดของคุณ
นืเฟร, 4 พฤษภาคม 2006

#21
weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 มีนาคม 2006

โพสต์:

381

ค่าพลัง:

+1,411

อันนี้บอกยากครับ ต้องลองไปดูสักครั้ง ผมก้อกำลังฝึกอยู่ครับ

weirchai, 4 กันยายน 2006

#22
karain เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 กันยายน 2006

โพสต์:

638

ค่าพลัง:

+707

งงอยู่ดีอ่ะ แล้วมาตรฐานอยู่ไหนอ่ะ ใช้ไรเป็นบรรทัดฐานอ่ะ

karain, 6 ตุลาคม 2006

#23
nuttaphong สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

3 กันยายน 2006

โพสต์:

20

ค่าพลัง:

+17

ขอแนะนำให้คุณเวปโสนวถอดจิตไปถามเทวดาครับเพราะจะได้รับคำตอบที่ถูกต้อง

nuttaphong, 12 ตุลาคม 2006

#24
surad เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มกราคม 2006

โพสต์:

385

ค่าพลัง:

+1,287

ผมว่าคุณสุพจน์ จะดูหนังพวกย้อนเวลามากไปหรือเปล่าครับ เหมือนดูหนังเลยย้อนเวลาไปแล้วไปเจอตัวเราในอดีตกำลังทำอะไรที่เราได้เคยทำไว้ในอตีตแล้วก็ไปแก้ไขในอดีตที่เราทำไว้ในอดีตทำให้อดีตที่เราทำสิ่งที่ไม่ดีไว้ส่งผลให้ตัวอดีตของตัวเราค่อยๆเปลียนแปลงมาถึงปัจจุบัน หนุกดี

คาถาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

surad, 12 ตุลาคม 2006

#25
bboymikimon สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

23 กันยายน 2006

โพสต์:

10

ค่าพลัง:

+14

ไอเดียของคุณสุพจน์น่าสนใจมาก ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน มันเป็นความรู้ที่ลอยเข้ามาเองแบบไร้ที่มาและไร้จุดหมาย แล้วมันก็ไป แต่จะบอกแน่ว่าอะไรถูกอะไรผิดคงเป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด ผมคิดว่า ไม่มีอะไรที่ถูกต้องที่สุดและก็ไม่มีอะไรที่ผิดอย่างแท้จริง ผมคิดว่าทุกสรพพสิ่งล้วนเป็นเพียงมายา ไม่มีอยู่จริงแต่ก็มีอยู่จริง

คิดออกมาได้แต่ทำไม่ได้ครับ หุๆ

bboymikimon, 7 พฤศจิกายน 2006

#26
kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤศจิกายน 2005

โพสต์:

4,939

ค่าพลัง:

+8,843

นายกระจอก said: ↑

ขอแนะนำให้คุณเวปโสนวถอดจิตไปถามเทวดาครับเพราะจะได้รับคำตอบที่ถูกต้อง
Click to expand...

(smile)

kikinlala, 30 พฤศจิกายน 2006

#27
Singha3821 สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

24 พฤศจิกายน 2006

โพสต์:

10

ค่าพลัง:

+20

เป็น อจิณไตย ครับ อย่าคิดเลยปวดหัว

Singha3821, 1 ธันวาคม 2006

#28
ทิดหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

11 พฤศจิกายน 2006

โพสต์:

101

ค่าพลัง:

+768
ชื่นชมกับ websnow ที่นำความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ มาคำนวนให้พวกเราได้ทราบ เพราะตามหลักของพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างนั้นจริง ๆ
ชื่นชอบกับคุณ สุพจน์ ที่มีความเชื่อในแบบของตัวเอง ซึ่งความจริง ก็เป็นสิ่งที่หลาย ๆ ท่าน คิดอยู่เหมือนกัน เป็นการยืนยันความคิด ที่มีคนที่มีแนวคิดเช่นเดียวกันกับท่านอยู่ด้วย
จะอย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้(ในขณะนี้) แต่คิดว่า คงไม่นาน ถ้าวิทยาศาสตร์เราเจริญก้าวหน้า สามารถเดินทางย้อนเวลาได้ เราจะได้รู้ครับ ว่า แนวคิดของ คุณสุพจน์ถูกหรือไม่(ถ้ายังมีชีวิตอยุ่นะครับ)
หรือถ้าการประพฤติปฏิบัติของเรา ใช้ความเพียรเต็มที่จนเกิดปัญญา และปาฏิหารย์ต่าง ๆ ในทางพุทธศาสนาขึ้นกับตัวเรา ก็จะเป็นการพิสูจน์แนวคิดของ websnow ว่า ถูกต้องหรือเปล่า
คงใช้ความเพียรน่าดู และคงเหนื่อยกันอีกหลายชาติเลยคราวนี้
ขอบคุณ ทั้ง 2 ท่าน ที่ให้ความรู้นะครับ ชื่นชม...ชื่นชม
ทิดหนึ่ง, 6 ธันวาคม 2006

#29
doungkamon เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

28 ตุลาคม 2005

โพสต์:

162

ค่าพลัง:

+676

คิดอยู่อย่างหนึ่งค่ะ มนุษย์กำหนดว่าเวลาบนโลก 1 วันคือการที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ
เวลาบนดาวอื่นๆ ก็เทียบกำหนดอย่างนี้
เช่นอาจจะไปอยู่ดาวพลูโต 1 วัน (ไม่คิดเวลาเดินทาง) กลับมาคนรู้จักตายหมดแล้ว เป็นต้น
ขนาดเวลาเปรียบเทียบโดยวัตถุที่จับต้องได้ ยังแตกต่างกันขนาดนี้
เวลาเปรียบเทียบโดยวัตถุที่จับต้องไม่ได้ (จิด ความคิด สวรรค์ นรก หรือแม้กระทั่งคลื่นไฟฟ้า) ย่อมแตกต่างอย่างที่เราคิดไม่ถึงแน่นอนค่ะ
......
ขอสนับสนุนคุณ websnow ค่ะ ทดลองอีกนะคะ

doungkamon, 15 กุมภาพันธ์ 2007

#30
augustines เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

10 ธันวาคม 2006

โพสต์:

104

ค่าพลัง:

+151

เออ ถ้าผมไปอาบน้ำอยู่บนสวรรค์ ผมก็ต้องนอนแช่่้น้ำเป็นเวลา 750 วันบนโลกสิครับ
(เมื่อผมอาบน้ำเป็นประจำ เป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง)

augustines, 27 กุมภาพันธ์ 2007

#31
doungkamon เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

28 ตุลาคม 2005

โพสต์:

162

ค่าพลัง:

+676

นั่นสิ แต่อยู่บนโน้นเรารู้สึกว่าอาบน้ำครึ่งชั่วโมง (เวลาเทียบกับพื้นที่ที่เราอยู่)
กลับลงมา ชีวิตหายไป 2 ปีกว่า..

doungkamon, 27 กุมภาพันธ์ 2007

#32
จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 สิงหาคม 2006

โพสต์:

373

ค่าพลัง:

+4,622

WebSnow said: ↑

1 นาที สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ = 25 วันบนโลกมนุษย์

1 วินาที สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ = 10.15 นาที บนโลกมนุษย์

เมื่อ เทวดา ชั้นดาวดึงค์ สวด อิติปิโส ฯ 3 จบ (จะเป็นเวลา 1 นาที )
โลกมนุษย์ก็ผ่านไป 25 วัน

********************************************

25 วัน = 1 นาที
90 วัน = 90/25 = 3.6 นาที

พระพุทธเจ้าไปเทศน์โปรดโยมมารดา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึง เป็นเวลา 3 เดือนของโลกมนุษย์
เป็นเวลาของสวรรค์สวรรค์ชั้นดาวดึงเท่ากับ 3.6 นาที
Click to expand...

รู้สึกจะแปลงผิดนะครับ ผมขอแก้เลยละกัน

1 นาที หรือ 60 วินาที บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่ากับ 25 วันบนโลกมนุษย์ หรือ25*24*60 เท่ากับ 36000 นาที บนโลกมนุษย์

1 วินาที บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ 36000/60 เท่ากับ 600 นาที หรือ 10 ชม.

จักรพนธ์, 28 กุมภาพันธ์ 2007

#33
จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 สิงหาคม 2006

โพสต์:

373

ค่าพลัง:

+4,622

ลองตรวจสอบดู

1 วินาที บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ 36000/60 เท่ากับ 600 นาที หรือ 10 ชม.

60 วินาทีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ 600*60 เท่ากับ 36000 นาทีบนโลกมนุษย์ หรือ 36000/60/24 เท่ากับ 25 วันบนโลกมนุษย์

จักรพนธ์, 28 กุมภาพันธ์ 2007

#34
ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

วันที่สมัครสมาชิก:

10 สิงหาคม 2007

โพสต์:

1,707

ค่าพลัง:

+10,094

ช่วยคิดด้วยนะครับ

ถ้า 1 นาทีสวรรค์ คือ 25 วันโลกมนุษย์

จริงๆ แล้ว เป็นเวลาที่สัมพัทธ์กับความรู้สึก นั่นก็คือ สุข และ ทกข์

(ความรู้สึก ทุกข์ บนโลก)

ถ้าผมบอกว่า เอามือจับสาวสวย อยู่ 1 ชม. แล้วเอามือออก จะรู้สึกว่าได้จับไป
แป๊ปเดียวเอง คือ อยากจับต่อ

และถ้า เอามือจับเตารีดร้อนๆ 1 วินาที แล้วเอามือออก จะรู้สึกว่ามันนาน
เป็นชั่วโมงเลย คือ ไม่อยากจับต่อ

เปรียบสาวสวย เป็นดังสวรรค์ เวลาบนสวรรค์ จึงเหมือนผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เปรียบเตารีดร้อน เป็นดังนรก เวลาในนรก จึงเหมือนผ่านไปช้าเหลือเกิน

ผมเอามาสัมพัทธ์กับเวลาบนโลก

ก็คือ เวลาในสวรรค์ ที่มีแต่ความสุข จึงยาวนาน หมายถึง วันๆนึงในสวรรค์จะยาวนาน เป็นหลายๆปีในโลก
แต่ 1วันโลกมนุษย์ บนโลก คือ 1 วันโลก
1 วันโลกมนุษย์ บนสวรรค์ คือ 1 วันโลก แต่น้อยกว่า 1 วันสวรรค์ บน
สวรรค์ ไงครับ
เราไปแบบชาวโลก รู้สึกแบบชาวโลก ต่างกับความรู้สึกสุขๆ ของชาวสวรรค์ครับ

สรุปว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจของเรา (ในอัตภาพนั้นๆ ภพภูมินั้นๆ)

เพราะจะเทียบแต่เวลาทางกายภาพไม่ได้ต้องมีจิตเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ

ขอโทษนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ทำให้ งง งง

เเสงเทียนที่จุดส่งต่อกันไป ไม่เคยทำให้เทียนเล่มเเรกสว่างน้อยลง มีแต่จะทำให้ห้องสว่างขึ้น

ดาราจักร, 11 สิงหาคม 2007

#35
AJ_Purngkan เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 ตุลาคม 2004

โพสต์:

395

ค่าพลัง:

+3,789

เจ๋งอ่ะ อ่านแล้วประเทืองปัญญามาก ๆ

อ่านแล้วสะใจว่าเออ ตามเค้าทันนะนี่นะ

กาลามสูตร จริง ๆ หุหุ

แล้วเรื่องที่นิทานของแต่ละประเทศเกี่ยวกับ เมืองบาดาลที่ว่า ลงไปเที่ยวโดยเต่า

แล้วก็ไปเจอวังบาดาล ไปหลงรักลูกสาวเค้า แล้วก็เกิดคิดถึงบ้านเลยขอกลับ

เจ้าวังบาดาล ก็ให้กล่องมา แล้วก็กำชับว่าไม่ให้เปิด

เมื่อกลับมาถึงก็เป็นเวลากว่าสองสามชั่วคนแล้ว

นิสัยอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ก็เลยเปิดดู ตัวเองก็กลายเป็นคนแก่หง่อม ๆ แล้วก็ตายในที่สุด

.........หุหุ

ขำดีครับ

มหาเทพดอทคอม เรียนเชิญศึกษาและเข้าใช้ [URLI="http://www.mahathep.com"]พระประวัติมหาเทพ-มหาเทวี[/URLI]||[URLI="http://www.mahathep.com/webboard"]กระดานสนทนามหาเทพ-มหาเทวี [/URLI]||[URLI="http://mahayarn.exteen.com"]เรื่องเกี่ยวกับมหายาน[/URLI]|| [URLI="http://www.mahathep.com/webboard/index.php?board=16.0"]เรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสตร์[/URLI]

AJ_Purngkan, 17 สิงหาคม 2007

#36
มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

วันที่สมัครสมาชิก:

5 กันยายน 2005

โพสต์:

21,454

ค่าพลัง:

+181,786

มีเต่าตัวหนึ่ง อาศัยอยู่บนพื้นดิน ที่คั่นกลางระหว่าง บึงใหญ่มาก กับบึงเล็ก ๆ

วันหนึ่ง เต่า ได้ลงน้ำในบึงเล็ก ๆ ดำน้ำไป พบกับฝูงปลา และสัตว์น้ำอื่น ๆ
ก็เกิดความสงสาร ฝูงปลา และสัตว์น้ำ ทั้งหลาย ว่า....
บึงน้ำแห่งนี้ คับแคบ แออัด ไม่มีความสะดวกสบาย

จึงแนะนำปลา และสัตว์น้ำทั้งหลาย ว่า....
พวกเธอทั้งหลาย อย่าอยู่ที่นี่ ต่อไปเลย เพราะว่าที่นี่คับแคบมาก
หากพวกเธอขึ้นไปจากบึงน้ำอันเล็ก แห่งนี้
และตะเกียกตะกายออกไป ไม่ไกลนัก ก็จะได้พบกับบึงใหญ่

แล้วพวกเธอ จะได้มีความสุขกว่านี้ อย่างยิ่ง....
เพราะที่นั่น เป็นบึงใหญ่ สามารถอยู่ได้หลายอายุของชั่วลูก ชั่วหลาน ชั่วเหลน

..................................................................................

หากพวกเรา เป็น ปลา.. เมื่อฟัง เต่า แนะนำ ดังนั้นแล้ว

เราควรที่จะตะเกียกตะกาย เพื่อไปหาบึงใหญ่
ตามที่ เต่า ได้เล่าให้ฟังนั้น กันดีไหม ? ? ? ?

ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยเข้าถึงมา ไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่
ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ มาก่อนเลย

เรา(ปลา) ทั้งหลาย ควรจะตัดสินใจไปกันไหม ? ? ? ?

...................................................................................

ผมว่า.. พวกเรา(ปลา) ก็คงจะไม่ไปกัน....
เพราะว่า ดีไม่ดีขึ้นไปได้ไม่นาน ก็ต้องตายเพราะไม่คุ้นเคยต่อสภาวะบนพื้นดิน
และก็ไม่รู้ว่า บึงใหญ่ที่ว่านั้น จะอยู่ไกลแค่ไหน....

แล้วเรา(ปลา) ก็ไม่ใช่เต่า ไม่มีเท้าเดิน แบบเต่า จะไปกันอย่างไร

...................................................................................

แล้วยิ่งถ้าหาก เต่า นั้น อธิบายเพิ่มอีกว่า....

เดี๋ยวนี้ คน ที่อาศัยบนพื้นดิน
เขามีความก้าวหน้ามาก มียานพาหนะที่รวดเร็ว เดินเร็วกว่าเรา(เต่า) มาก
เพียงแค่เรา(เต่า) เดินทางจากบึงเล็ก ไปบึงใหญ่ นั้น
คน เขาสามารถเดินทางข้ามประเทศไปได้แล้ว

ยิ่งตลอดอายุของพวกเธอ(ปลา) ทั้งหลาย นี่ (7 ปี 20 ปี)
คน เขาสามารถเดินทางได้รอบโลกอันมหึมา นี้ ไม่รู้ว่ากี่เที่ยว ต่อกี่เที่ยวแล้ว..

หากเราเป็น ปลา....

เราจะเชื่อถือในคำพูดของ เต่า กันไหม

...................................................................................

ผมว่า เรา(ปลา) ทั้งหลาย ย่อมยิ่งไม่เชื่อถือ....

เพียงแค่บึงใหญ่ ยังไปไม่ได้..
แล้วจะไปเชื่ออะไร กับการเดินทางรอบโลก

...................................................................................

เรื่องของห้วงเวลา ที่มีในพระธรรม ในพระไตรปิฎก

ก็เป็นเพียงเพื่อเทียบเคียงให้เห็นว่า
หากเมื่อเราเสวยสุข บนสวรรค์ หรือเสวยทุกข์ในนรก นั้น
จะสามารถเสวยสุข เสวยทุกข์ อยู่เนิ่นนาน เพียงใด

ส่วนในเรื่องที่ว่า คน ที่สามารถ ฝึกฌาน เกิดเป็น ญาณ ทั้ง 8
รับรู้ได้เพียงใด นั่นเป็นเรื่องของ ฌานวิสัย

ที่บรรดา ปลา ทั้งหลาย
ไม่พึงไปรู้เรื่องยานพาหนะของคน ที่เดินทางรอบโลก ได้อย่างรวดเร็ว

...................................................................................

คนที่ฝึกฌาน ได้ญาณ ได้ฤทธิ์นาน ล่องหน หายตัว เดินบนน้ำ ทะลุภูเขา
ท่องต่างโลก ต่างภิภพ ด้วยอทิสสมานกาย ก็ดี.. กายหยาบ ก็ดี
เดินทางด้วยความรวดเร็ว แบบว่า เพียงแค่คิด ก็ถึงแล้ว....

อย่างนี้ ผู้ทรงฤทธิ์ ท่านทำได้

แล้วคนที่ฝึกสมาธิ แต่ก็ยังไม่เฉียดฌาน จะเข้าใจได้อย่างไรกัน

นี่ คน ที่ทรงฤทธิ์ มีฌาน มีญาณ ที่มีฤทธิ์ ท่านสามารถทำได้....

หากยิ่งเป็น พุทธานุภาพ.. เทวตานุภาพ.. นี่ก็ย่อม ยิ่งเป็นใหญ่กว่านี้
การที่เราถอดจิตออกไป ท่องเที่ยวภพภูมิต่าง ๆ นั้น
ท่านจะสามารถ สำแดงให้เรารู้ ให้เราเห็น มาก และนาน เพียงใดก็ได้
ย้อนไป ย้อนมา ทบทวนไปมา ได้ทั้งอดีต อนาคต

ไม่ได้เนื่องกับเวลาที่ถูกจำกัดทางโลก

เพียงแต่ เมื่อถึงกำหนดเวลา บนโลกมนุษย์
เทวดา เขาก็จะเตือนว่า บัดนี้บนโลก จะสว่างแล้ว เชิญกลับได้

คือว่า เมื่ออยู่ข้างบน เป็นเรื่องของญาณ เป็นเรื่องของฤทธิ์
เป็นเรื่องพุทธานุภาพ เป็นเรื่องของเทวตานุภาพ
ก็จะสามารถรับรู้ได้มาก(ญาณ) เดินทางไปได้เร็ว(ฤทธิ์)

แต่ทว่า ก็จะไม่ฝืนเวลาทางโลก (ตามกฏแห่งกรรม)
เมื่อหมดเวลา ก็เตือนให้กลับ

ยกตัวอย่าง เช่น ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ผู้ที่ฝึกได้ ก็ทิ้งกาย
ไม่รับรู้เรื่องของกาย เพราะอทิสสมานกาย ออกไปแล้ว
ไปพบ ไปกราบ ไปบูชา สถานที่ต่าง ๆ นานา มากมาย

แต่เมื่อครบกำหนดเวลาที่ฝึก เขาก็เตือนให้กลับมา

ชั่วระยะเวลา 1 - 2 ชั่วโมง บนโลก ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยววินาที บนสวรรค์
แล้วจะทำอะไรได้ เพียงเศษเสี้ยววินาที จะไปรู้ ไปเห็น ได้อย่างไรกัน

แต่ทว่า ตามความเป็นจริง นั้น
เพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง ผู้ทรงฤทธิ์ ผู้ทรงญาณ ต่าง ๆ รับรู้ได้มาก ไปได้ไกล
จนกระทั่งไม่สามารถที่จะนับเป็นกิโลเมตรได้แล้ว

ดวงดวง ที่ห่างไปจากโลก เป็นพัน เป็นหมื่น หรือล้าน ปีแสง
ผู้ทรงฤทธิ์ ผู้ทรงญาณ เพียงแค่คิด ก็สามารถเห็น ก็สามารถเข้าถึงแล้ว

แต่ทว่า....
ปลา ที่พยายามคืบคลาน ตะเกียกตะกาย จากบึงเล็ก ไปบึงใหญ่ จะไปถึงไหม
ปลา จะไปรู้เรื่องยานที่สามารถไปได้รอบโลก ได้หรือ

..................................................................................

เรื่องอย่างนี้ เป็น ปัจจัตตัง

ปลา ย่อมรู้เรื่องได้เฉพาะในน้ำ
คน ย่อมรู้เรื่องยานที่สามารถเดินทางได้รวดเร็ว รอบโลก
มนุษย์ ย่อมไม่คัดค้านคำตรัสสอนของพระพุทธองค์

...................................................................................

อจินติตสูตร

เล่มที่ 21
[77] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย 4 ประการ นี้
อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน

อจินไตย 4 ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย

พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 1
ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน 1
วิบากแห่งกรรม 1
ความคิดเรื่องโลก 1

ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย อจินไตย 4 ประการ นี้แล ไม่ควรคิด
เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน ฯ

จบสูตรที่ 7

...................................................................................<O</O

แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007

1 ปิดทอง ประดับเพชร สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก พร้อมบันลังก์แก้ว
2 ถวายโคมไฟระย้า บูชา สมเด็จองค์ปฐม อานิสงส์ แสงสว่าง ล้นจักรวาล
3 ถวายวิหารแก้ว แด่สมเด็จองค์ปฐม สุข สงบ ร่มเย็น
4 Line I.D. คือ 0811700567
โทร.0811700567

มหาหินทร์, 17 สิงหาคม 2007

#37
telwada เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

21 กันยายน 2004

โพสต์:

1,509

ค่าพลัง:

+1,817

ที่คุณกล่าวมายังเป็นเพียงการคาดคะเน หรือเดาเอา ตามคติความเชื่อของคุณ
ทีนี้ถ้าข้าพเจ้าจะบอกว่า เวลาจากจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาลนั้น เมื่อเทียบกับเวลาบนโลกมนุษย์แล้ว ได้ดังนี้
1 ปี จากจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล เท่ากับ 10 ถึง 12 ปี บนโลกมนุษย์
ที่ข้าพเจ้าใช้คำว่า 10 ถึง 12 ปี ก็เพราะ เวลา ณ จุดศูนย์กลางแห่งจักรวาลนั้น อาจช้าหรือเร็ว ไม่เกิน 2 ปี โลกมนุษย์
อย่างเช่น ปัจจุบัน อายุบนโลกมนุษย์ของข้าพเจ้า 55 ปี
แต่ อายุจริง ณ จุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล หรือ อายุบนสวรรค์ชั้นที่เหนือไปจากโลกนี้ เท่ากับ ประมาณ 5 ขวบ ขอรับ
ที่กล่าวไปนี้ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยนะขอรับ เพราะสรีระร่างกายของข้าพเจ้าบางครั้ง ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นตัวเล็ก ขาวใส คล้ายกระจก คล้ายกุมารทองตัวเล็กๆอย่างไรอย่างนั้นขอรับ
เรื่องจริงไม่ได้โม้,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

telwada ทำไมจึงคิดว่าตัวเองเป็น พระศรีอารย์ ?

http://board.palungjit.com/f181/telwada-ทำไมจึงคิดว่าตัวเองเป็น-พระศรีอารย์-202.html

telwada, 17 สิงหาคม 2007

#38
AJ_Purngkan เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 ตุลาคม 2004

โพสต์:

395

ค่าพลัง:

+3,789

เอ่อ... ฮ่า ๆ ๆ ๆ

มหาเทพดอทคอม เรียนเชิญศึกษาและเข้าใช้ [URLI="http://www.mahathep.com"]พระประวัติมหาเทพ-มหาเทวี[/URLI]||[URLI="http://www.mahathep.com/webboard"]กระดานสนทนามหาเทพ-มหาเทวี [/URLI]||[URLI="http://mahayarn.exteen.com"]เรื่องเกี่ยวกับมหายาน[/URLI]|| [URLI="http://www.mahathep.com/webboard/index.php?board=16.0"]เรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสตร์[/URLI]

AJ_Purngkan, 17 สิงหาคม 2007

#39
ศิริวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

24 มีนาคม 2007

โพสต์:

311

ค่าพลัง:

+1,697

อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ

081-5954166

ศิริวีร์, 17 สิงหาคม 2007

#40

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 2 ของ 4

แชร์หน้านี้

Loading...