ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ท่านจางมีชื่อลำลองในวงนอกราชการเรียกกันแบบไม่เป็นทางการว่า ไท่เยว๋ หรือเขียนว่า Taiyue (太岳) ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขุนเขา , หรือผู้ยิ่งใหญ่ชาวเยว่ ก็ได้(คาดว่า)

 

ถ้าใครเก่งประวัติศาสตร์ทิเบตและดินแดนเพื่อนบ้าน ก็สามารถหาร่องรอยประวัติของเมืองราชคฤห์(ทางการจีนบอกว่าคนเผ่าอี๋มีรากฐานอยู่บนที่ราบสูงทิเบต) ได้เหมือนกัน เพราะอยู่บนที่ราบสูงทิเบตเหมือนๆกัน

 

สถาบันกษัตริย์ ใช้สีน้ำเงิน แต่ไม่รู้ว่าสีน้ำเงินจะเป็นสีของราชวงศ์ด้วยหรือไม่ค่ะ เพราะราชวงศ์สยามไม่มีคติการใช้สีประจำราชวงศ์แบบราชวงศ์จีนและราชวงศ์อังกฤษ แต่ถ้ามีคติการใช้สีแบบราชวงศ์จริงแต่ว่าดิฉันไม่ทราบเอง ฉะนี้ สีน้ำเงิน ก็จะเป็นสีประจำพระราชวงศ์ค่ะ. ราชวงศ์ของพระนเรศให้ตามสัญญลักษณ์ ดวงอาทิตย์ หรือ สุริยะ เป็นหมุดหมายค่ะ

 

สมัยจักรพรรดิ ฮั่นอู่ตี้ ทรงส่ง จางเชียน ไปขอความร่วมมือกับแคว้นเยว่ซื่อ เพื่อร่วมมือกันปราบชนเผ่าซ่งหนู ที่ชอบปล้นคาราวานสินค้าบนเส้นทางสายไหมโบราณ ที่พ่อค้าจีนนำผ้าไหมไปขาย

แสดงว่า อาณาจักรเยว่สื่อ อยู่ไม่ไกลจากพวกซ่งหนู

หาที่ตั้งของแคว้นเยว่ซื่อเจอก็จะเจอน่านเจ้าโบราณ (ซึ่งอาจจะเป็นกรุงราชคฤห์) คนแซ่จางได้รับเลือกเป็นทูตไปเจรจาเพราะเป็นคนเชื้อเจ้าของเผ่าเยว่มาก่อน

แคว้นต้าเยว่ซื่ออยู่ในเอเชียกลาง

https://www.silpa-mag.com/history/article_113363

 

ต้าเยว่ซื่อ อยู่ใน ทาจิกิสถานและอัฟกานิสถาน

ต้าเยว่ซื่อ กับชนเผ่าเชียง คนละเผ่ากัน (คิดว่าภายหลังมารวมตัวกัน)

ต้าเยว่ซื่อเคยไปพิชิตกรีก (มิน่า ผสมกรีกเข้าไปด้วย หน้าตาดีเลย)

ต้องตามอ่านบันทึกของ จางเชียน



เส้นทางจุดเริ่มต้นของเชื้อสายเจ้าสยามที่นับถือพุทธ (ยุคแรกเป็นแขกผสมกรีกที่นับถือพุทธ)

บริเวณแคว้นอุทธยาน ซึ่งพระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้าองค์ศากยมุนีได้มาอยู่ที่แคว้นอุทธยานนี้เป็นบางส่วน

 

รูปร่างหน้าตาชนชั้นกษัตริย์ของแคว้นเยว่ซื่อ ประมาณในรูปค่ะ



หน้าในรูปบนคล้ายๆพระอวโลกิเตศวรเหมือนกันนะคะ

 

เคยให้คอมเม้นท์ให้กับท่านมหาฤทธิชัย เรื่องสีพระภูษาขอให้เป็น Royal green และขอให้ปรับให้ตาโต หน่อย ตาหวานมาก ที่ดิฉันเห็นท่านนั้น ท่านตาโตหวาน สงสัยท่านจะมีนัยตาแบบแขกกรีก เปอร์เซีย (เดาเรื่องเชื้อชาติของที่มาของตานะคะ เพราะเจ้ามองโกลก็มาพิชิตตะวันตกถึงตุรกีเช่นกัน เชื้อสายทางพระมารดาของพระนาง)

เชื้อเจ้าโบราณจึงดองกันภายในสายตระกูลสูงๆ เพื่อรักษาเชื้อเจ้าให้บริสุทธิ์ สมัยก่อนไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ จำเป็นที่ต้องได้เจ้าสาวพรหมจรรย์ที่จะมั่นใจว่าลูกที่ออกมามีเชื้อสายเจ้าแท้ๆ เจ้าผู้ครองนครจะได้มั่นใจว่าไม่โดนหลอกให้เลี้ยงลูกให้ผู้ชายอื่น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีมอบสิทธิ์ในราชสมบัติให้ผิดตระกูล

ภาระความคิดเรื่องการรักษาพรหมจรรย์จึงตกเป็นค่านิยมให้ผู้หญิงเป็นผู้รับภาระไว้และต้องรักษาเสมอด้วยชีวิตในขณะที่ยังไม่ได้แต่งงาน

 

ขอบคุณเพจ DB ซัวเถาค่ะ

ต้นกำเนิดเจ้าสายสุริยวงศ์อยู่ไกลถึงเอเชียกลางโน่นเลย อพยพกันมาไกลมาก

 

ป้อมหอราชคฤห์ = ป้อมนายก่าย

เกาะแก้ว อยู่ในกำแพงพระนคร เป็นที่ตั้งของหอราชคฤห์ ปัจจุบันนี้ไม่มีซากอาคาร แต่คาดว่าไม่ห่างจากที่ตั้งวัดสุวรรณดาราราม แค่เดินไปไม่กี่ก้าวตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดก็คงจะใช่

ส่วนวัดเกาะแก้ว เป็นวัดนอกเกาะเมือง ไม่น่าจะใช่คำว่าเกาะแก้วเดียวกันกับในพงศาวดารที่เป็นที่ตั้งของหอราชคฤห์

พระยาราชนุกูล พระอัยกาของรัชกาลที่ 1 สร้างวัดทองขึ้นแถวบ้านเดิม แถวเกาะแก้ว เพื่อให้เป็นวัดประจำวังหน้า ท่านคงพอจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างวังหน้ากับหอราชคฤห์ และคงจะสังเกตว่าวังหน้ายังไม่มีวัดประจำวัง จึงสร้างวัดทองเป็นวัดประจำวังหน้า

 

นอกประวัติศาสตร์และคาดว่าจะหาหลักฐานมาสนับสนุนไม่ได้


สมเด็จพระนเรศทรงเลี้ยงไก่ตามที่ทรงมีพระราชนิยม โดยฝากให้พระนางดูแลไปด้วย พร้อมๆกับ ดูแลเด็กกำพร้า คนชรา ทหาร ไร่ สวน ที่ปลูกเป็นส่วนหนึ่งของเสบียงทัพและการบริโภคบนเกาะแห่งนี้ ดูแลการทำปลาตากแห้งสะสมเป็นเสบียงทัพ การขูดมะพร้าวและคั่วแห้งไว้เป็นเสบียงเช่นกัน และสร้างยุ้งฉางขนาดใหญ่เป็นที่สะสมข้าวไว้ที่เกาะด้วย เพื่อจุดประสงค์หลายๆอย่างทั้งการทัพและการบริโภคของคนบนเกาะ

เรื่องทำมะพร้าวคั่วแห้ง ยังหาหลักฐานได้เป็นเครื่องมือเหล็กหลาวยาวๆไว้โยนมะพร้าวขึ้นจากเรือ พบที่ฐานวัดไชยวัฒนารามตอนนั้นทางการสำรวจไปเจอเครื่องมือการเกษตรพวกนี้ เคยหารูปเจอ แต่ตอนนี้หารูปเหล็กหลาวนี้ไม่เจออีกแล้วค่ะ

ที่สำคัญ พระนเรศให้พระนางดูแลเบี้ยหวัดเงินปีของกองทัพด้วย โดยมีสเมียนนำบัญชีรายละเอียดมาให้พระนางทอดพระเนตรตรวจ เมื่อพระนางเห็นว่าถูกต้องก็จะเอากุญแจไปไขห้องเก็บเงิน ในนั้นมีเงินเป็นโลหะเงินก้อนหลายหีบ เป็นทองก้อนอีกหลายหีบ เอามาให้ทหารที่มาขอเบิกนำไปแจกตามบัญชี (พระนางทำบัญชีเงินปีของสมเด็จพระนเรศด้วย เงินส่วนนี้พระนเรศประทานกลับมาให้พระนางเก็บไว้ใช้หากพระนเรศทรงต้องการใช้จะทรงให้ทหารมาเบิกจากพระนางแทน พระนางจะใช้เงินส่วนนี้ในการซื้อของส่วนพระองค์ของทุกพระองค์ เช่นของเล่นลูกๆ โดยบอกพระธิดาพระโอรสว่าเป็นเงินของพระราชบิดาพระราชทานมานะลูก จะใช้จ่ายต้องสำนึกในพระกรุณาของพระบิดา ทำให้ทุกพระองค์รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวอยู่เสมอ) พระนางค่อนข้างจะจัดสรรทุกอย่างเป็นสัดส่วนได้เพราะท่านจางสอนไว้ และพระนางทรงสะสมเงินได้จากการค้าสำเภาที่ดูแลไปด้วย(พระนางทำการค้าสำเภาเป็นเพราะท่านจางสอนเช่นกัน) หน้าที่ของพระนางค่อนข้างหลายด้าน แต่ที่ทรงบริหารได้เนื่องจากแต่ละด้านจะมีคนที่ไว้ใจได้ช่วยทำงานให้ บางทีของป่าหายากต้องอาศัยพี่ชายทั้งสองคนช่วยเป็นธุระหาให้เพื่อเตรียมส่งออก

คนบนเกาะขอพระอนุญาติจากพระนางจากเกาะบ้านเลนกลับไปตั้งครัวอยู่บ้านเดิมหรือจะไปด้วยประการใดก็ตาม พระนางจะให้เงินไปทำทุนครอบครัวละครึ่งชั่ง

พระองค์ท่านเมื่อไปทัพนานๆ พอพระนางรู้ว่ากำลังทรงกลับมาบ้าน พระนางจะเอาไก่ไปซ่อนแล้วบอกว่าโดนแมวฟัดตายหมดแล้ว ให้พระองค์ตกใจเล่น แต่พระองค์ทรงรู้ว่าพระนางเป็นคนมีนิสัยซุกซนแต่มีเมตตาไม่ได้เกิดแบบนั้น ภายหลังก็ทรงคาดคั้นจนพระนางยอมบอกว่าเอาไปขังไว้ที่กรงแมวในสวน (พระนางเลี้ยงแมวแต่ห้ามเอาขึ้นเรือน เพราะจะทำให้เรือนเสียราศรี เรือนที่ขัดด้วยน้ำมันจันทน์ทั้งเรือนอาจจะเหม็นถ้าแมวแอบไปฉี่ใส่ จึงสร้างกรงเหมือนกรงนกไว้เลี้ยงแมว)

พระนางให้ทำกรงใหญ่สูงเท่าเรือนสองชั้น มีต้นไม้ใหญ่เป็นหลักกลาง สำหรับเลี้ยงแมว งานโลหะทำยากแต่พระนางก็หาช่างมาทำจนสำเร็จ กันแมวหนี และกันสัตว์ใหญ่เข้ามากินแมว
ภาพนี้จำลองให้เห็นว่ากรงแมวแบบกรงนกในสวนสัตว์

เอาไก่ใส่กรงแมว เอาแมวไปใส่กรงไก่ ปั่นป่วนพระองค์ท่านเล่น อันที่จริงการทำแบบนี้ทำให้พระองค์ท่านผ่อนคลายความเครียดในพระราชภารกิจได้เป็นอย่างดี พระนางชอบทำอะไรสนุกๆแบบนี้โดยไม่ซ้ำกันเพื่อต้อนรับสมเด็จพระนเรศยามที่ทรงกลับถึงบ้าน

 

คนแซ่จางมีเชื้อเจ้า การใส่จุลมงกุฎนั้นเพื่อแสดงฐานะว่าเป็นเชื้อพระวงศ์
ในที่นี้ คือ

1. จางจวี๋ลู่




2. จางเชียน ที่บุกเบิกเส้นทางสายไหม



อีกคนที่เป็นที่รู้จักกันดี คือจางจื่อหลง หรือเตียวจูล่ง (สำเนียงแต้จิ๋ว) ในหนังที่ผลิตในสมัยก่อนจะใส่จุลมงกุฏ เสมอ แต่หนังสมัยใหม่จะแสดงแบบใส่เสื้อเกราะจึงไม่เห็นจุลมงกุฏ

ท่านจางจวีเจิ้งยามอยู่บ้านก็ใส่ แต่พระนางมณีจันทร์ผู้ลูกเข้าใจว่าเป็นเครื่องยศทางราชการของข้าราชการราชวงศ์หมิง อันที่จริงจุลมงกุฏมีความหมายซ่อนไว้ในตัวเอง

 

เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ค่ะ ตอนนี้มีคนทำคลิปจึงลองนำมาลงให้รับฟังกันค่ะ

พระองค์ไลทรงถูกฝึกดาบตั้งแต่ 3 ขวบ เป็นกษัตริย์สายนักรบและเป็นลูกกษัตริย์นักรบ จะต้องแกร่งตั้งแต่เกิด

 

ออเจ้า =คุณ
ออ+ชื่อ = การกล่าวถึงบุคคลที่ 3
คล้ายคนจีน เช่น ลูกของเล่าปี่เกิดในสนามรบ จูล่งอุ้มหนีข้าศึกรอดตายมาได้ ลูกเล่าปี่คนนี้ชื่อว่า อาเต๊า นั่นคือ อา+ชื่อ เป็นระบบเดียวกันกับ ออ+ชื่อ ค่ะ

https://youtube.com/shorts/Fw0Jvz-G_LU?si=54C3_Td79KRYhe6n

 

ดิฉันว่า จศ คลาดเคลื่อน (ตั้งใจคลาดเคลื่อน) ควรจะเป็น จศ 965 และพระเจ้าปราสาททองลบศักราชไปอีก ก็อาจจะทำให้คลาดเคลื่อนไปอีก 3 ปี น่าจะออกกฎหมายนี้ ราวๆ พ.ศ 2148-2149 จึงด้อยพระยศพระเชษฐาลง (แม้ปี พศ 2136 จริง สมเด็จพระนเรศวรก็ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แล้วจะมาเรียกเจ้าฟ้าไม่ได้ กฎมณเทียรบาลมีจะระเมิดมิได้) องค์ขาวทรงเรียกพระนเรศเหลือเพียงยศเจ้าฟ้า โดยในปีนั้นพระองค์ขาวได้ยกลูกชายขึ้นชั้นเจ้าฟ้า "เจ้าฟ้าสุทัศน์" เทียบยศเท่ากับสมเด็จพระนเรศซึ่งเป็นกษัตริย์แล้ว ตรงนี้ตามหลักจิตวิทยาก็เป็นไปได้ที่พระองค์ขาวจะยกให้ตัวเองเทียบเท่าตำแหน่งกษัตริย์เพียงพระองค์เดียว นอกนั้นแม้แต่พี่ชาย ให้แค่พระยศเทียบเท่าแค่ฉัตร 7 ชั้น ไม่ได้ฉัตร 9 ชั้นเยี่ยงกษัตริย์



คงเหลือแต่การวิเคราะห์ตามสภาพการ เพราะคนตายไปแล้วพูดไม่ได้

อาจเป็นเพราะปมในด้านจิตใจของกษัตริย์อยุธยาองค์หนึ่งจึงเปลี่ยนประวัติศาสตร์ชาติเพื่อชดเชยปมด้อยตนเอง ก็เป็นได้ เพราะมีพี่ชายที่ perfect เกินไป ไล่ตามยังไงๆก็ตามไม่ทัน สร้างปมด้อยให้กับน้องชายตนเองโดยพระนเรศไม่รู้เลย

วัดที่ฝังพระศพพระนเรศควรตั้งชื่อแบบกษัตริย์ ไม่ใช่ตั้งแค่ชื่อวัดพี่ชาย ดูที่พระเจ้าปราสาททองสร้างวัดไชยวัฒนาราม สร้างให้พระราชมารดาที่เป็นผู้หญิงยังต้องตั้งชื่อให้มีคำว่าชัยชนะเพื่อเป็นเกียรติเลย

 

จีนเองยังงงเลย เผ่าเยว่ ใช้ เยว่ตัวที่แปลว่า พระจันทร์ แทน ตัวที่แปลว่าขุนเขา

ทำให้ไม่รู้ว่าเผ่านี้คือเผ่าเยว่

 

คาดว่าจะใช่ที่ตั้งทัพหลวงในคราวขึ้นไปกวาดเทครัวหัวเมืองเหนือและปราบกบฎพระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลก ทัพหลวงมาถึงที่นี่ปี 2128 พระยามีชื่อตามมาด้วยแต่พระนเรศทรงให้แม่ทัพหัวเมืองแสดงฝีมือบ้าง ออมแรงพระยาคนสำคัญไว้ที่ทัพหลวง จึงมีเวลาสร้างพระและสร้างวัดรอระหว่างทัพพระยาหัวเมืองเหนือไปปราบกบฎ

เรื่องราวประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ตามคลิปค่ะ ทัพหลวงตั้งที่ตำบล เชียงทอง

 

พระนเรศฝึกทหารหน่วยหนึ่งให้สามารถบังคับม้าให้วิ่งเร็วแล้วให้ยิงธนูขณะที่ม้ายกตัวสูงสุด โดยใช้ยุทธวิธีรบแบบกองโจร

เหมือนพวกซ่งหนูเลย พวกนี้ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูกได้ เหมือนพวกกษัตริย์ลิจฉวีของแคว้นราชคฤห์

ซ่งหนูมีอาณาเขตอยู่ในทุ่งหญ้าทาลามากัน มีเขาไท่ซานล้อมรอบ คล้ายกรุงราชคฤห์

ซ่งหนูส่งลูกสาวไปแต่งงานกับกษัตริย์ฮั่น และเป็นญาติกับเยว่ซื่อในทาจิกิสสถาน(แคว้นอุทยาน) ถือว่าซ่งหนู เป็นหนึ่งในเยว่ร้อยเผ่าที่รบเก่งมาก อาจเป็นหนึ่งในสายบรรพบุรุษของน่านเจ้าจริงๆ

จีนมักมองอินเดีย เติร์ก เป็นคนเถื่อน คนป่า ด้อยค่าชาติอินเดีย แต่ถ้ามองจากมุมคนอินเดียเข้ามามองซ่งหนู ก็คงจะมองว่าเป็นเจ้าครองแคว้นกลุ่มหนึ่งคล้ายหนังจักรๆวงศ์ๆของอินเดียที่แสดงในทีวี

 

https://vt.tiktok.com/ZSFdHnHfa/

สตรีสูงศักดิ์อยุธยา




องค์จริงอยู่ที่ปารีส

องค์จำลองด้วยปูนพลาสเตอร์ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ




ตั้งคู่กัน ระหว่าง องค์บุรุษ และ องค์สตรี
ผู้สร้างคาดว่าเป็นกษัตริย์สร้างรูปเคารพไว้บูชาหรือไม่

https://www.silpa-mag.com/history/article_7648

ที่สำคัญ ทำไมคนไทยต้องเชื่อการวิเคราะห์ของฝรั่ง ยอร์ช เซเดย์ ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องไทยอย่างลึกซึ้ง

 

ดิฉันเชื่อว่าการดลบันดาลให้กรุวัดบ่อทองคำแตกเป็นการดลบันดาลของพระองค์ท่าน

เพราะที่นี่มีหลักฐานที่สอดคล้องสนับสนุนการมีอยู่จริงของพระนางมณีจันทร์และพระธิดา ตอนกรุแตกเป็นช่วงเวลาที่กระทู้นี้กำลังเริ่มต้น แต่เวลานั้นยังตามหาหลักฐานจากพระกรุนี้ไม่ได้ จึงต้องยืดเวลาคอนเฟิร์มออกมาถึง 13 ปี เคยถามพี่ที่เป็นเจ้าของเพจกระพระวัดบ่อทองคำ (ตั้งเพจตั้งแต่ปี 2554) ท่านเป็นทหารอากาศว่าหลักฐานที่เจอเช่นพระทีมีรูปปลาตะเพียน ท่านเข้าใจว่าเป็นปลากะโห้ ว่าท่านจอเมื่อไหร่ ท่านบอกว่าเจอตั้งแต่แรกแต่ไม่ได้โพส ...

ดิฉันคิดว่าสมเด็จพระนเรศวรท่านอยากให้คนไทยรู้จักรากเหง้าของตนเอง จะได้รักประเทศ สำนึกบุญคุณของบรรพบุรุษที่ช่วยปกป้องประเทศมา และขอให้ช่วยกันรักษาต่อไป เพราะเราเป็นชนชาติที่มีประวัติยาวนานไปเชื่อมถึงสมัยเมโสโปรเตเมียของอียิปต์ได้ด้วย สายวัฒนธรรมอินเดีย โดยวัฒนธรรมอินเดียเป็นวัฒนธรรมที่คนเชื้อสายเจ้าของสยามรับมาดัดแปลงและปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์ของชนชาติตนเอง

กับชนชาติฮั่น มองโกล ล้วนมีการแต่งงานโดยการเชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานของเชื้อเจ้า โดยเฉพาะ ไทย กับ จีน นั้นเราสัมพันธ์กันตั้งแต่ สยามเป็นชนเผ่านอกด่านที่ส่งพระธิดาไปเป็นมเหสีจักรพรรดิชาวฮั่น และจักรพรรดิฮั่นก็ส่งพระธิดามาแต่งงานกับเจ้าชนเผ่านอกด่าน เช่น ส่ง'หวังเจาจวิน'ออกมาแต่งงานกับเจ้าเผ่านอกด่าน ถ้านับชนเผ่าไบ๋เยว่เป็นบรรพบุรุษของเรา เราก็สัมพันธ์กับเผ่าชาวฮั่นมาเกิน 2000 ปี ส่วนคนเยว่ส่วนใหญ่หน้าตาดี เผ่านี้มีคนสวยอย่างไซซี มาการันตีความงามได้ค่ะ

คนจากกว่างสีจ้วง เป็นพวกที่มีรากวัฒนธรรมฮั่นรากภาษามาจากวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง มารวมตัวกับเยว่ที่มาจากตะวันตก(เอเซียกลาง) ที่แคว้นน่านเจ้า น่านเจ้า คือเจ้าทางตอนใต้ เป็นสายเจ้าสายเอเซียกลาง ภายหลังได้เอาระบบการเขียนมาจากวัฒนธรรมอินเดียมาสนับสนุนภาษาพูด ไท กะได ให้มีตัวเขียนของตนเอง และเชื้อสายเจ้ายังพูดภาษาดั้งเดิมด้วยกลายเป็นราชาศัพท์ในปัจจุบันนี้

สยามเป็นชาติที่มีรากเหง้ายาวนานและพระองค์ท่านคงอยากให้พวกเราหารากเหง้าตนเองให้เจอ

 

เคยทราบมาว่า หน่วยงาน CIA ของสหรัฐฝึกทหารบางหน่วยด้านสมาธิเพื่อเป้าหมายให้ทำ Remote viewing ได้ เพื่อประโยชน์ในการสงครามในการมองเห็นข้อมูลบางอย่างได้โดยใช้จิตไปดู

ทหารไทยรวมถึงสมเด็จพระนเรศท่านทรงฝึกRemote Viewingให้ทหารทุกคน โดยการให้ฝึกสมาธิตามแบบพุทธศาสนา เพื่อพัฒนาความสามารถนี้ ใครทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสงคราม ความรู้แบบนี้ชาติตะวันออกทำได้เก่งมากมาก่อน แต่เราไปเชื่อพวกชาติตะวันตกว่าเป็นสิ่งงมงาย แล้วผลคือพวกชาติตะวันตกเร่งฝึกฝนเอามาใช้ประโยชน์ในการสงคราม

ทหารไทยโบราณจึงมักรักษาศีลอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดความเข้มขลังสูงสุด