ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ดิฉันคาดคะเนว่าหลังจากที่พระนางมาถึงสยามแล้ว ปืนไฟคาบศิลา และปืนนกสับ ที่สามารถยิงได้เร็วกว่าปืนคาบชุด ต้องมีอยู่ในสยามไม่ต่ำกว่าหมื่นกระบอก ถ้ารวมปืนคาบชุดที่หาได้ง่ายกว่าในท้องตลาดค้าอาวุธสมัยนั้น รวมแล้วอาจมีปืนถึงสามหมื่น-ห้าหมื่นกระบอก ดังนั้น การมีพล 50,000 คน ก็จะเหมือนมีพล แสนคน ผนวกกับฝีมือรบส่วนบุคคลที่ 1 คน จะรับมือได้ไม่ต่ำกว่า 2 คน ถึง 10 คน ทำให้ กองทัพ 50,000 คน เหมือนมีกองทัพ 200,000 คน ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูง ที่ทรงทำยุทธหัตถีตั้งแต่ตอนเป็นพระฝ่ายหน้า ตอนนั้นปืนไฟยังมีไม่มาก การหาความจริงข้อนี้อาจจะต้องไปหาหลักฐานพม่า มอญ ลาว ละแวก ว่า เจ้าเมืองไหนบ้างที่เข้ามารบกับพระองค์ ... เรื่องนี้ น่าสนใจมาก ...
    FB_IMG_1704759826569.jpg
    FB_IMG_1704759291939.jpg
    FB_IMG_1704759239576.jpg
    FB_IMG_1704759257840.jpg
    FB_IMG_1704759291939.jpg

    ป.ล. (1) บางคนงง ว่าสมัยนั้นเจียรนัยพลอยให้กลมเกลี้ยงได้แล้วหรือ แต่สำหรับคนที่พอมีความรู้สายมูเตลูจะทราบว่า เพชรพญานาค ของจริง มีลักษณะอย่างไร ก็จะมีลักษณะที่เห็นในองค์พระค่ะ ไม่ใช่พลอย แต่เป็นเพชรพญานาค เป็นหินตามธรรมชาติที่มีอายุยาวนานและเกิดขึ้นมานานมากแล้ว

    ป.ล. (2) โพสเรื่องของพระองค์ทีไรข้างในมันสั่นสะเทือนไปหมดคล้ายมีคลื่นสึนามิภายในร่างกาย กว่าจะสงบลงได้อาจจะต้องใช้เวลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    FB_IMG_1704777521038.jpg

    พระมาลาเบี่ยงในตำนานก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนสมเด็จพระนเรศทรงเป็นพระเจ้าฝ่ายหน้า (มงกุฎ 7 ชั้น)

    ด้านหน้าดังนี้
    FB_IMG_1704777514164.jpg
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    Screenshot_20240109_134520_Facebook.jpg
    ข้อมูลเรื่องปืนนก(สับ) ในยุคพระเจ้าหลงชิ่ง (พระบิดาพระเจ้าว่านลี่
    Screenshot_20240109_133134_Facebook.jpg

    Screenshot_20240109_134708_Chrome.jpg

    ลิงค์ไปเฟสบุ๊คไม่ได้ค่ะ ลองเอาลิงค์ไปคีย์ดูค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คนเผ่าอี๋มีจุดกำเนิดเมื่อ 9000 ปีก่อน ชนเผ่าอี๋กลุ่มหนึ่ง ก่อตั้ง อาณาจักรน่านเจ้า ประวัติศาสตร์อีกกระแสบอกว่าชาวไทยลื้อก่อตั้งอาณาจักรน่านเจ้า ในชั้นนี้ถือว่า สองชนเผ่านี้ก่อตั้งอาณาจักรน่านเจ้า

    ลูกชายคนที่ 5 ของหัวหน้าชนเผ่าอี๋จากอาณาจักรน่านเจ้านี้ ได้คิดค้นธนูขึ้น จักรพรรดิที่ปกครองดินแดนแถวน่านเจ้าและดินแดนแคว้นอื่นที่อยู่รอบๆ ได้พระราชทานแซ่ จาง ให้กับลูกชายคนนี้ที่เป็นชาวชนเผ่าอี๋ และคนๆนี้คนแซ่จางทุกคนถือว่าเขาคือต้นตระกูลจาง

    สรุปว่า คนแซ่จาง เป็นคนน่านเจ้ามาก่อน หรือก็คือญาติกันกับชาวไทยลื้อ ประวัติตระกูลแซ่เก่าแก่แค่ไหนขอเช็คอีกทีค่ะ และในยุคชุนชิว คนสกุลจางเป็นเสนาบดีให้สกุล เจ้า ภายหลังคนสกุลเจ้าก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง

    คนระดับเจ้าแตกออกไปหลายสาย

    1) สายขุนหลวง ลงมาครองอาณาจักรสุโขทัยและท้องถิ่นทางเหนือ รวมถึง ไทยใหญ่ เชียงรุ้ง แสนหวี นานาเมือง เป็นคนเชื้อสายเจ้าจากน่านเจ้า

    2) สายคนแซ่เจ้า ก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง ท่านจางเรียกพระนเรศว่า หัวเจ้า ซ่ง

    3) สายคนแซ่จาง เป็นเชื้อพระวงศ์เก่าของคนเผ่าน่านเจ้า

    คนจีนจึงไม่ค่อยบอกว่าตัวเองเป็นคน "ซ่ง" แต่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นคน "ถัง" มากกว่า มาอยู่เมืองไทย "ความเป็นคนถัง" จึงเรียกในภาษาแต้จิ๋วว่า "ตึ่งนั้ง" แต่ใช้กับคนแซ่จางไม่ได้ คนแซ่จางเป็นคนน่านเจ้า (ดิฉันเกิดมาจนแก่แล้วจึงเพิ่งทราบเหมือนกันค่ะ)

    ท่านจางมองว่าพระนเรศกับท่านเป็นคนสายเลือดเดียวกันมาตั้งแต่สมัยน่านเจ้า ดังนั้นจึงเหมือนการช่วยเหลือคนชนเผ่าเดียวกัน ญาติกัน พี่น้องกันค่ะ เป็นการช่วยคนเผ่าน่านเจ้าให้มีแผ่นดินอาศัยสืบไปและสืบสายคนน่านเจ้าต่อๆไป



    http://hakkapeople.com/node/979.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2024
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คนน่านเจ้าสายหนึ่ง

    จ้าว = เจ้า

    เจ้าแคว้นเจ้า = สายหนึ่งของเชื้อสายเจ้าจากกลุ่มชนน่านเจ้า


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2024
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พงศาวดารพม่าเขียนได้ตรงไปตรงมา ที่บอกทัพอยุธยา ยิง ไม่หยุดเลย ในศึกตั้งรับทัพหงสาตอนที่ตามมาหลังประกาศอิสรภาพ

    ป.ล. แนวศึกด้านเหนือในคราวนั้น พระนางกำลังคลอดพระธิดาอยู่ในวังจันทร์ อโยธยา คาดว่าแนวรับทัพพม่าครั้งนั้นอยู่ที่บางปะหัน ตรงที่สร้างวัดสุวรรณขวัญเมือง เพราะที่เห็นคือพระองค์ท่านมอมแมมมากตอนมาดูพระธิดาที่คลอดออกมาแล้ว คงจะทรงมอมแมมจากดินปืน เพราะทัพอยุธยายิงสนั่น ส่วนพระองค์ทรงห่วงหน้า(ศึกประชิดเมือง)พะวงหลัง (พระนางจะคลอดลูกแล้วพระนางจะรอดไหม)แต่หนสองที่มังสามเกียดกลับมา พระนเรศค่อนข้างชิวกว่าครั้งแรกเพราะสบายพระทัยคือปลอดภัยทุกพระองค์และการจัดการบริหารทัพค่อนข้างมีแบบแผนที่มั่นคงแน่นอนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

    ที่ต้องสังเกตอย่างมากคือ ผู้ที่ออกศึกคู่กัน คือพระมหาธรรมราชาและสมเด็จพระนเรศวร พม่าสะท้อนความจริงบางอย่างเหมือนกัน ที่ฝ่ายไทยมักจะบอกว่า สมเด็จพระนเรศวรออกศึกคู่สมเด็จพระเอกาทศรถเสมอ ภาพชัดว่า ฝีมือรบของพระมหาธรรมราชายังเข้มแข็งแม้จะทรงอายุมากแล้ว แต่ก็ยังทรงดำรงพระเกียรติเป็นนักรบที่ทรนงองอาจตัวจริงอีกพระองค์หนึ่ง



    การกลับมาของมังสามเกียดในครั้งที่ 2 เป็นปีที่พระนางตั้งครรภ์พระองค์ไลหลายเดือนจนเข้าเดือนหลังๆก่อนคลอด พระองค์ดำทรงออกรับศึกเป็นปี กว่าจะเสร็จศึกนี้และกลับมาหาพระนางก็เป็นตอนที่พระองค์ไลทรงเดินเตาะแตะแล้ว ดิฉันคิดว่าทรงมั่นใจว่าพระนางน่าจะปลอดภัยจากการคลอดลูกคนที่สอง และที่ไม่ทรงกลับมาหาในช่วงพม่าอยู่ในแผ่นดินก็คงเพราเพื่อไม่ให้พวกอุปนิขิตตามพระองค์ได้จนอาจจะจับทางได้ว่าพระนางอยู่ที่ไหนและเป็นใครทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวของส่วนพระองค์ท่าน ดังนั้น เมื่อเสร็จศึกเด็ดขาดแล้วจึงกลับมาหาพระนาง

    ป.ล. ขอบคุณความรู้เรื่องศึกจากเจ้าของคลิป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2024
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่มากเกินประวัติศาสตร์ในช่วงสมเด็จพระนเรศวร พูดวางทางไว้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในด้านรายละเอียด

    คนระดับเจ้าในอาณาจักรน่านเจ้า ใช้ภาษาปารวะ ที่รับมาทางการผ่านดินแดนทิเบต หรือรับวัฒนธรรมอินเดียโบราณมาจากทางนั้น ท่านจางเอง ดิฉันเดาว่าท่านเขียนภาษาปารวะได้ และรู้จักพระพุทธศาสนาแบบทิเบตเพราะเป็นคนเชื้อสายน่านเจ้า.

    การเผยแพร่ศาสนาพุทธเข้าทิเบตโดยเจ้าชายจากอินเดียคนทิเบตเรียกท่านว่า คุรุรินโปเช ด้วยเหตุนี้ พระใหญ่(พระศรีอาริยเมตไตย)ในวัดลามะ จึงเป็นศิลปะทิเบต เพราะท่านจางมีรากเหง้าเป็นคนน่านเจ้า ใกล้ชิดกับศาสนาพุทธสายทิเบต

    ด้วยเหตุนี้ คนกลุ่มนี้จากอินเดียเข้ามาแถบน่านเจ้าด้วยช่องทางเดียวกับท่านคุรุรินโปเชเข้าทิเบต คนระดับเจ้าของคนน่านเจ้า ใช้ภาษาปารวะเป็นภาษาศาสนาและเป็นภาษาสูงแบบเดียวกับที่ท่านคุรุรินโปเชใช้ เป็นที่มาว่าคนน่านเจ้ามีเอกลักษณ์พิเศษ ไม่ใช่คนฮั่น ไม่ใช่คนจีน แต่เป็นคนเชื้อสายอินเดียโบราณแบบท่านคุรุ รินโปเช (พระปัทมสมภพ) ส่วนชาวบ้านพูดไท กระได ท่านจางถ่ายทอดยุทธศาสตร์แด่พระนเรศด้วยภาษาโบราณของคนน่านเจ้า นั่นคือ ภาษาปารวะ ทำให้เข้าใจกันได้ค่อนข้างจะลึกซึ้ง เป็นภาษาบังคับให้เรียนของคนสายเจ้า





    ปัจจุบันในทิเบต ท่านกรรมาปะที่17 รุ่นที่17 จากท่านคุรุรินโปเช ก็ต้องเรียนภาษาปารวะมาตั้งแต่ท่านถูกค้นพบว่าเป็นร่างที่กลับมาเกิดใหม่ของท่านกรรมาปะที่ 16 ฉะนี้แล ท่านกรรมาปะที่ 16 สามารถ ประทับฝ่ามือลงบนศิลาได้ ลักษณะแบบการประทับรอยพระพุทธบาท แต่ของท่านกรรมาปะ 16 เป็นรอยฝ่ามือ ต่างกันแค่นี้เท่านั้นเอง




    เดาว่า อาจจะเป็นไปได้ที่สายเจ้าของน่านเจ้านี้มีความเป็นสายพระญาติชั้นหลังๆของพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกันกับท่านคุรุรินโปเช ค่ะ

    สยามเป็นกลุ่มชนชาติที่ถูกกำหนดให้สืบสานพระพุทธศาสนาด้วย DNA ในสายเลือดก็ว่าได้

    ประวัติศาสตร์จีนจะเขียนว่าคนเหล่านี้เป็นคนป่า แต่ถ้าประวัติศาสตร์อินเดีย คิดว่าน่าจะเขียนถึงคนกลุ่มน่านเจ้ามีสถานะดีอยู่ เหมือนที่เขียนถึงพระปัทมสมภพ

    หรือว่าขอมจะมาจากอินเดียตอนล่างและอินเดียตอนบน เช่น

    ขอมรุ่นแรกมาทางทะเล คนแคว้นใต้ของอินเดีย(กลิงคะ,มคธ) สร้างศาสนสถานบูชาด้วยความเชื่อแบบพราหมณ์ฮินดู--> ต่อมาคนวัฒนธรรมอินเดียตอนเหนือ(แคว้นอุทยาน แคว้นคันธาระ )ที่เคยเข้าไปน่านเจ้า ผสมชนเผ่าอื่นๆที่พูดไท เคลื่อนลงมาเปลี่ยนศาสนสถานพรามหมณ์เดิมแถวนี้ให้เป็นแบบพุทธมหายาน-->รับพุทธเถรวาทเข้ามาในดินแดนนี้เป็นชั้นหลังสุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2024
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เห็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง เศวตฉัตรน่านเจ้า เขียนคำโปรยไว้ดังนี้ (หนังสือเล่มนี้อายุเกือบ 100 ปี ได้รับการยกย่องว่าลำดับเหตุการณ์ได้ตรงตามลำดับจริง)

    เรื่องราวใน เศวตฉัตรน่านเจ้า อิงข้อมูลประวัติศาสตร์ไทยเมื่อครั้งเราเสีย นครลุง-นครปา-นครเงี้ยว สามนครหลักให้แก่ชนชาติจีน ในสมัย 3,000 ปีเศษมาแล้ว จากนั้นเผ่าไทยเราพากันละทิ้งฐานที่มั่นเดิมย่านแม่น้ำเอี้ยงจื้อ ใต้ลุ่มแม่น้ำโขง มาสร้างอาณาจักรใหม่ในดินแดนฮุนหนำทางเหนือ และเรียกแผ่นดินตรงนั้นว่า อาณาจักรเทียน ซึ่งมีราชธานีอยู่สองแห่งคือนครเพงาย และนครงายลาว อาณาจักรนี้ เป็นปึกแผ่นร่มเย็นจวบจนเกิดความแตกต่างในวิธีคิดของสองกษัตริย์ เมื่อขุนหลวงหาญเสือกษัตริย์ผู้ครองนครเพงาย ฝักใฝ่และยอมรับไมตรีจากจีน ในขณะที่ขุนหลวงเมาซึ่งปกครองนครงายลาวไม่เห็นด้วย มองว่าความเป็นอิสระ ถือเป็นเกียรติยศและหลักใจสำคัญของชนเผ่าไทย จึงแยกดินแดนของตนเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นกับผู้ใด เมื่อความสามัคคีในหมู่ไทยร้าวฉานผนวกกับความเข้มแข็งในแสนยานุภาพ และความรอบรู้เรืองปัญญาของขุนพลจีนนาม ขงเบ้ง ทำให้ชาติไทยของเราต้องทิ้งแผ่นดินอีกเป็นคำรบสองในตอนปลายพุทธศตวรรษที่9 โดยครั้งนี้มุ่งสู่ทิศใต้ของดินแดงฮุนหนำ เผ่าไทยต้องก่อสร้างตัวหักร้างถางพง เพื่อสร้างเรือนสร้างเมืองใช้เวลานับเนื่องอีกนานแสนนานในหัวใจ กว่าจะตั้งอิสระขึ้นได้ 6 แคว้น ในพุทธศตวรรษที่ 12 ประกอบด้วยนครไอศูรย์, นครหนองแส, นครศรีไศล, นครทองสวาย, นครหนองชวย และนครลานกลอง หกนครอิสระของเผ่าไทยนั้น ล้วนเป็นเชื้อสายของขุนหลวงเมาและขุนหลวงหาญเสือทั้งสิ้น แต่เนื่องจากบรรพบุรุษบาดหมางกันมา จึงไม่สนิทสนมกลมเกลียว และยังถือเราถือเขาทุกนครต่างสะสมรี้พลและฝึกฝนคนของตนไว้เป็นกำลังรบ ให้เจนจัดในตำราพิชัยและการยุทธ รวบรวมขุนพลทั่วแผ่นดินไว้ต้านราชศัตรูภายนอก และประการสำคัญ....เพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ระหว่างกันเองในเผ่าไทย ศึกสำแดงแสนยานุภาพของหกนครรัฐจึงอุบัติขึ้นด้วยกาลฉะนี้ และนี่คือจุดเริ่มอันเกรียงไกรจากการค้นคว้าประวัติศาสตร์อย่างถึงแก่นของ ลพบุรี มาเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่ เมื่อหกแคว้นรวมเป็นหนึ่งเดียว และจากหนึ่งเดียว...ดำรงไว้ซึ่งอิสระของหกแคว้น ดำรงไว้ซึ่งความเกี่ยงไกรแห่งมหาอาณาจักร ด้วยความแยบยลแห่งกุศโลบาย ด้วยความเพียรอันพร้อมเพรียง ด้วยความสามัคคีอันแนบแน่น และด้วยฝีมืออันล่ำลือของผู้ปราบทศทิศ คือวีรกรรมแห่งเหล่าวีรกษัตริย์และเหล่ายอดขุนพลผู้นำทางไปสู่ชัยแห่งธงไทย นาม เศวตฉัตรน่านเจ้า อันเป็นช่วงสำคัญหนึ่งในประวัติศาสตร์เผ่าไทยได้รับการกล่าวขวัญอย่างยกย่องและยิ่งใหญ่ น่านเจ้า ประวัติศาสตร์จารึก ความภาคภูมิแห่งไทย!

    ขุนหลวงหาญเสือกษัตริย์ผู้ครองนครเพงาย ฝักใฝ่และยอมรับไมตรีจากจีน = อาจจะหมายถึงที่ยอมรับใช้แซ่ เช่นแซ่จาง แซ่เจ้า

    ขุนหลวงเมาซึ่งปกครองนครงายลาวไม่เห็นด้วย มองว่าความเป็นอิสระ ถือเป็นเกียรติยศและหลักใจสำคัญของชนเผ่าไทย = อาจจะหมายถึงสายขุนหลวง/ พญาเมือง

    ลพบุรี คือนามปากกาของผู้เขียน ซึ่งคงความหมายด้วย เพราะคำว่า ลพบุรี หมายถึง ละโว้ หรือเรียก ลัวะ หรือเรียก ล่อก๊ก(ในภาษาจีน) ก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2024
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    FB_IMG_1705020407711.jpg

    ด้ามดาบใช่ภาษาปารวะหรือไม่คะ ?

    สำหรับ เยว่อ๋องโกวเจี้ยน เป็นเครือญาติหนึ่งในแผ่นดินน่านเจ้า อาจจะเป็นนครหนึ่งในสามที่แตกเพราะจีนบุกตี ถือว่าเป็นเจ้าองค์หนึ่งของแคว้นน่านเจ้า สิ่งที่สืบทอดมาจากเยว่อ๋องโกวเจี้ยนก็คือ รูปแบบพระแสงขรรค์ชัยศรี ที่ได้ต้นแบบมาจากดาบของโกวเจี้ยน ปัจจุบัน ดาบนี้ก็ยังคมและไม่มีสนิม
    FB_IMG_1705020387246.jpg FB_IMG_1705020395099.jpg
    FB_IMG_1705020401143.jpg

    กระบี่ของโกวเจี้ยนอายุเกือบ 2,000 ปี ที่เวลาทำอะไรไม่ได้
    https://www.silpa-mag.com/history/article_83117

    แคว้นเยว่ ไปรวมตัวกันที่แคว้นน่านเจ้า คนจีนเรียกแคว้นน่านเจ้าว่า ไป๋เยว่ แคว้นของชาวเยว่ร้อยเผ่า

    และคนน่านเจ้า ที่คนจีนเรียกแบบนี้ซึ่งแปลว่า เจ้า(เป็นเจ้าปกครองแผ่นดิน)ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมอินเดียโบราณติดตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2024
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434


    ชื่อแต่ละพระองค์ออกเสียงแนวชื่อแบบคนอินเดียมากกว่าเป็นอย่างอื่น



    บ้านตะลุงเก่า ตำบลโคกม้า อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นแผ่นดินเกิดของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2



    และคนน่านเจ้า ที่คนจีนเรียกแบบนี้ซึ่งแปลว่า เจ้า(เป็นเจ้าปกครองแผ่นดิน)ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมอินเดียโบราณติดตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2024
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    และคนน่านเจ้า ที่คนจีนเรียกแบบนี้ซึ่งแปลว่า เจ้า(เป็นเจ้าปกครองแผ่นดิน)ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมอินเดียโบราณติดตัว




    สยามหรือคนไทยกำลังค้นพบบรรพบุรุษตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2024
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    fb_img_1704777521038-jpg.jpg

    สงครามชนช้างของพระนเรศครั้งนั้น ทำให้ท่านสร้างเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล ขึ้นจริงก็ได้ แต่ว่าเป็นการสร้างในสมัยที่พระองค์ท่านเป็นพระมหาอุปราชแห่งอโยธยา เพื่อฉลองชัยชนะการชนช้างครั้งหนึ่งที่กระทำตั้งแต่ทรงเป็นพระมหาอุปราช ซึ่งอาจจะไปชนกับกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองแคว้นที่ถือว่าตัวเองเป็นพระอินทร์ (นั่งหลังช้าง 3 เศียร มีเศวตฉัตร 9 ชั้นกั้น แต่ตอนนี้ดิฉันไม่ทราบว่าเป็นใคร)

    เพิ่มเติม เป็น 1 ใน 37 องค์ เป็น "นะ" ของพม่าที่ถูกทำให้ตายโหง โดนพระแสงดาบฟันตายโหง พม่าเอานามท่านนี้ไปขึ้นเป็นเทวดาองค์ 1 ใน 37 องค์ที่จะปกป้องคุ้มครองลูกหลาน คนตายโหงมีกำลังอำนาจจิตแรงดี

    พระอินทร์.jpg

    พระอินทร์หลัง.jpg

    และเจดีย์ของวัดป่าแก้วเป็นรูปทรงเจดีย์เดียวกันกับวัดดุสิตมหา


    โดยหลังจากที่พระองค์ทรงครองราชย์แล้ว พระองค์คงจะเริ่มโปรดการสร้างเจดีย์ทรงย่อมุมไม้ 12
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    Screenshot_20240112_171421_Chrome.jpg Screenshot_20240112_171444_Chrome.jpg Screenshot_20240112_171527_Chrome.jpg

    จะใช่แนวรับศึกพม่าศึกแรกและศึกที่2 หลังประกาศอิสรภาพหรือไม่ ต้องหาร่องรอยอื่นร่วมด้วย. เช่นแนวขุดคูสร้างเสมือนเมืองเล็กๆที่ ตำบลจุกดี ดังกล่าว. สมัยพระนารายณ์ท่านได้ทรงถอดฉลองพระองค์ถวายบูชาพระที่วัดนี้ด้วย วัดนี้น่าจะสำคัญนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในคำให้การคนกรุงเก่า
    พระนเรศทรงให้พระโอรสองค์หนึ่งชื่อ พระองค์ทอง ไปครองเมืองพิไชย คาดว่า หลังจากพระเอกาทศรถออกกฎลักษณะกบฎ เทียบกันแล้วก็คือ ออกกฎอัยการศึก ในปี จ.ศ. 955 ที่ให้เอาโทษประหารกับพระมหาอุปราช (ซึ่งพระนางก็ต้องหนีเพราะต้องภัยกฎอัยการศึก) ปีที่ประกาศเป็นปีที่พระนเรศสวรรคต แยกครอบครัวของพระนเรศออกจากกันไปคนละทิศละทาง

    พระองค์ทอง เจ้าเมืองพิไชย ก็ต้องโดนกฎอัยการศึกด้วย แต่พระองค์ทองเป็นลูกของพระสนม คาดว่าหนีไปบวชเพื่อให้พ้นภัยก็คงพ้นเพราะถือว่าเป็นเจ้าชั้นปลายแถวถ้าคิดจะชิงบรรลังค์คงหาพวกไม่ได้มาก บารมีไม่มาก

    ส่วนพระองค์ไลอายุประมาณ 17-18 พรรษาได้รับการช่วยเหลือออกมาด้วยการแลกเปลี่ยนด้วยทรัพย์สินมหาศาลและการให้สัตย์สาบานรวมถึงการเตรียมกองกำลังของพระนางพร้อมเตรียมแลกชีวิตกันถ้าไม่ปล่อยพระองค์ไลออกมา ปรากฎว่าพระเอกาตกลง

    พระองค์ไลมีแผลเหวอะหว่ะทั้งตัว นอนบนใบตองกว่าครึ่งปี ต้องไปหาหมอดี ๆ จากเมืองจีนมารักษาถึงบ้าน (ตำหนักเกาะบ้านเลนที่พระเอกาอนุญาตให้อยู่ไม่ยึด อันที่จริงพระนางเป็นคนดุไม่ใช่เล่น ถ้าเอาจริงก็ทรงไม่กลัวตาย พระเอกาคงไม่กล้าลุกฆาดเกินไปกว่านี้ จึงจบแค่ขอคำสาบานว่าจะไม่ชิงบรรลังค์ พระนางให้คำสัตย์สาบานว่าจะรักษาคำสาบานตราบจนชีวิตจะหาไม่)

    ป.ล. เจ้าฟ้าสุทัศน์ขอให้เอาคนออก คงหมายถึงขอให้เอาพระองค์ไลออกจากคุก มากกว่าเป็นอื่น พระเอกาจึงตวาดว่าจะกบฎหรืออย่างไร เจ้าฟ้าสุทัศน์ตกใจกลับไปวังจันทร์ที่ประทับแล้วเสวยยาพิษฆ่าตัวตาย

    มันแวบๆ ไม่ชัดว่าทำไมพระนเรศจึงแทงตาลูกชายคนหนึ่งของพระเอกาบอดไปข้างหนึ่ง ช่วงตรงนี้ยังไม่เห็นอะไรชัด นัก

    หรือว่า พระเอกาออกกฎอัยการศึกตลบหลังพระนเรศตอนไปศึกอังวะตามที่มีราชสาส์นจากกรุงจีนนัดเข้าตีกรุงอังวะพร้อมกัน ก็ไม่รู้ คาบเกี่ยว ไม่ชัด

    พระเอกาเป็นกษัตริย์อีกองค์มาตั้งนานแล้ว สามารถออกกฎหมายด้วยตนเองได้อยู่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2024
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เคยลองจินตนาการ เอาบทบาทของพระเอกาทศรถออกจากทุกตอนของพงศาวดารไทย ปรากฎว่า ไม่มีผลต่อการต่อสู้ ไม่เป็นผลดีขึ้น หรือส่งผลแย่ลงต่อการศึก ก็เลยสงสัยมาตลอดว่า เป็นบทแทรกในประวัติศาสตร์หรือเปล่า ที่มาเติมภายหลัง

    Screenshot_20240113_114228_YouTube.jpg

    ความเห็นคนนี้มีเค้าโครง ดิฉันก็สงสัยเรื่องยาพิษเหมือนกัน ที่พงศาวดารไทยบอกว่าพระเอกากับพระนเรศแยกกันเดินคนละทัพไปตีอังวะก็อาจจะไม่จริงก็ได้ หลังจากที่เจอการจดบันทึกบิดเบือนหลายแห่ง

    คนไทยหรือสยามจะแพ้ก็มักจะแพ้จากภายในคือแตกแยกแย่งชิงกันเอง

    ป.ล. เจ้าฟ้าสุทัศน์ในหนังศรีอโยธยาถูกแต่งขึ้น ส่วนเจ้าฟ้าสุทัศน์มีจริงไหม มีจริงค่ะเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถ

    ป.ล.2 เอกาทศรถแปลว่า 11 หรือว่าทรงเป็นลูกพระองค์ที่ 11 ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ที่พระวิสุทธิกษัตรีย์จะคลอดลูกถึง 11 พระองค์ และลูกพระอัครมเหสีนั้น จะต้องมีชื่อที่แสดงออกถึงชั้นยศมากกว่าจะปล่อยให้ชื่อลูกแปลว่าลูกคนที่ 11 แบบนี้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2024
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระเจ้าตากสินมหาราช ท่านใช้แซ่ แต้ ในสำเนียงแต้จิ๋ว แต่ในภาษาจีนกลางออกเสียงว่าแซ่ เจิ้ง

    ปฐมบทท่านเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 11 ของสาย พีโลโก๊ะ เป็นสายวงศ์จาก นครเพงาย (สายเดียวกันกับแซ่เจ้า แซ่จาง)

    เหมือนพระองค์ท่านตั้งใจให้บอกด้วยว่าพระองค์ท่านทรงเป็นคนน่านเจ้าเช่นกัน

    ท่านคงทำให้ดิฉันบังเอิญหาเจอค่ะ

    Screenshot_20240113_191445_Chrome.jpg
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เจ้าชายจากแคว้นคันธาระที่เดินทางเข้าไปจีนทางดินแดนด้านใน(เดินไปตามแผ่นดินและภูเขา) เพื่อไปเมืองจีนเพื่อเผยแผ่พุทธธรรม มีท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ (พระโพธิธรรม) อีก 1 คน ท่านมีนัยตาสีฟ้าด้วย (ค่อนข้างยุโรป) เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่พระมหากัสสปะเคยเดินทางออกจากอินเดียเพื่อไปประกาศพุทธศาสนาในจีนตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นเส้นทางปกติที่ใช้ในการสัญจรข้ามแคว้นสมัยนั้นค่ะ คนน่านเจ้าที่เป็นเชื้อพระวงศ์เจ้าจากอินเดียจะค่อนข้างหล่อ

    Screenshot_20240114_123838_Chrome.jpg

    ท่านจางก็หล่อ หรือคนสกุลจางที่ไปเป็นสนมชายของพระนางบูเช็คเทียนจำนวน 2 คน ก็หล่อและเป็นเชื้อพระวงศ์จากน่านเจ้า พระนางบูเช็คเทียนหลงใหลสนมชายของนางมากๆบางครั้งไม่ยอมออกว่าราชการเพราะติดสนมมาก แสดงว่าหล่อจริง

    https://th.m.wikipedia.org/wiki/พระโพธิธรรม

    E book นิยาย เศวตฉัตรน่านเจ้า เล่ม 1-9

    Index of /eBooks/นิยาย/นิยายไทย/เศวตฉัตรน่านเจ้า http://164.115.43.80/eBooks/นิยาย/นิยายไทย/เศวตฉัตรน่านเจ้า/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2024
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คนชั้นเจ้าของน่านเจ้า หน้าตาแบบแขกขาว หน้าตาออกแนวๆพวกอุยกูร์นะแต่เป็นแขกขาวคนละกลุ่มกับอุยกูร์ คนน่านเจ้านับถือพุทธศาสนาแบบเข้าถึงวิญญานและเลือดเนื้อ ยอมตายเพื่อพระศาสนาได้ นั่นคือสู้เพื่อศาสนาพุทธมานานแล้ว ศาสนาอื่นมาบังคับให้เปลี่ยนก็ไม่ยอม จะสู้เพื่อปกป้องพระศาสนา สู้เขาไม่ได้ก็ถอยร่นอพยพ คนน่านเจ้ายอมรับคนที่ถือพุทธด้วยกันให้เป็นพวกได้ ชั้นเจ้านครคุยกันภาษาปารวะ ปัลลวะ มั้ง คนที่มาเติมคือคนที่คุยภาษาไท กระได และอื่นๆ

    พวกจิตวิญญานน่านเจ้าเก่า รักพุทธศาสนาสุดหัวใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434



    จากพงศาวดารพม่า ศึกนันทบุเรงจะเกิดขึ้น ราว ๆ พ.ศ. 2130 และไปจบต้นปี พ.ศ. 2131

    ป.ล. น่าสนใจที่ชาวพม่าหงสาวดี เรียกแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า แม่น้ำทวาราวดี บ่งบอกว่าเป็นดินแดนทวาราวดี

    ป.ล. 2 พระองค์ไลหัดถือดาบไม้มือเดียวตั้งแต่ 3 ขวบก่อน พอเดินแข็งจึงจับดาบ 2 มือ เพื่อให้ดาบกับมือเป็นเนื้อเดียวกัน พระองค์ไลทรงชอบเล่นแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่เล็ก ก่อนจะ 5 พรรษา ทรงฝึกดาบกับชายสูงวัยที่ได้รับคำสั่งมาให้ติดตามพระองค์ไลจำนวน 2 คน(คาดว่าคงได้รับพระบัญชาจากพระนเรศ) ส่วนใหญ่ทหารกรุงศรีจะจับดาบตั้งแต่เป็นเด็กไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดความชำนาญเหมือนเป็นอวัยวะอีกอวัยวะหนึ่ง และต้องฝึกอาวุธก่อนเข้าเรียนเขียนอ่าน

    เป็นศึกที่เกิดหลังจากศึกมังสามเกียดยกเอง 2 ครั้ง ปี 2127 ยกตามหลังพระนเรศมาในปีเดียวกัน กับครั้งที่สองที่พระนเรศตั้งรับด้วยการสร้างป้อมคล้ายเมืองเล็กๆที่ตำบลจุกดี หรือจุกคลี ในปี 2129 คาดว่าจะเป็นป้อมบริเวณบางปะหัน แนววัดสุวรรณขวัญเมือง

    พม่ายกมาตีถี่ ๆ คงจะกลัวเมืองอื่นพากันประกาศอิสรภาพตามกรุงศรีฯ ไม่ทราบว่าในสายตานักการทหาร ที่ตั้งนี้เหมาะสมในการรับศึกไหมนะคะ?

    วัดสุวรรณขวัญเมือง.png

    หรือว่าบริเวณแบบนี้คล้ายจุกไม้ตีคลี ?

    จุกคลี.png
    เสบียงอาหารถูกส่งมาสนับสนุนกองทัพทางแม่น้ำลพบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...