เรื่องเด่น การกระทบกระทั่งกันของสังคมคนปฎิบัติธรรม - คำสอน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ที่มาที่ไปของโลจิน้อยอสูรแห่งไฟ
---------------------------------
ธอร์ (Thor) เทพแห่งสงครามและสายฟ้า
ธอร์ เป็นชื่อของเทพเจ้าที่ดังมากองค์หนึ่งของฝ่ายยุโรเหนือ ท้าวเธอเป็นเทพแห่งสงครามและสายฟ้า ว่ากันว่าเป็นเทพที่มีวรกายใหญ่โต หนวดเคราดกหนาสีแดงฉาน (แบบเดียวกับสีผมของคนสแกนดิเนเวียทั่วไป) ดวงตาสีฟ้ามีประกายโหดเหี้ยมเต็มเปี่ยม เวลาจ้องมองใครละก็ กึ๋ย..ย..ย ธอร์ชอบแต่งกายด้วยเครื่องแต่งตัวของนักรบสแกนดิเนเวียนทั่วไป มีเราะหน้าอกกับเสื้อตัวหลวม แถมด้วยผ้าพันแข้ง ที่สำคัญขาดไม่ได้ก็คือหมวกเหล็กแบบที่มีเขากางออกมาสองข้าง เรียกว่าถ้าไม่มีสิ่งนี้ละก็เป็นธอร์ไม่ได้แน่ๆ อ้อ อีกอย่างคืออาวุธประจำกายยอดนิยมของเทพองค์นี้ก็คือค้อนยักษ์อย่างเดียว อย่างอื่นไม่สน

เทพธอร์นี้นอกจากท่านจะเป็นคนโด่งดังในด้านการปราบยังกษ์และสัตว์ประหลาดต่างๆ แล้ว ท่านยังลือชื่อว่าเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์และเป็นผู้ที่มีความรักที่นุ่มนวลและซื่อตรงกับภรรยาอีกด้วย มิไยที่บรรดาหญิงสาวและไม่สาวอื่นจะพากันพยายามพรากธอร์ออกจากอกมีย ที่มีนามว่าเทพี ชิฟ (Sif) ก็ตาม ดังนั้นผู้คนก็เลยยกให้ท้าวเธอเป็นเครื่องหมายของการสมรสที่หวานชื่นยืนยง แต่ไอ้การที่จะเอารูปร่างของเทพที่มีขนาดยักษ์ปานนั้นไปเที่ยวติดอยู่ตามสี่แยกที่จะมีการสมรสคงดูไม่เข้าท่าด้วยประการทั้งปวง คนสแกนฯ ก็เลยคิดเอาแค่รูปค้อนของท่านเป็นสัญลักษณ์ คราวนี้ค่อยดูเข้าท่าหน่อย

ดูรวมๆแล้วเทพธอร์เป็นทั้งนนักรบผู้กล้าและเป็นผู้มีสกุลซะอีก น่าจะเป็นเพอร์เฟคชนเสียนี่กระไร แต่ยังก่อนภาษิตกระเหรี่ยงที่ว่า "ไม่มีใครสมบูรณ์ที่สุด" ยังใช้ได้ เพราะท่ามกลางรูปกายภายนอกที่แสนสง่าเสียเหลือเกินธอร์กลับเป็นเทพที่เชื่อคนง่ายมาก แค่ดูหน้าคนที่เข้ามาพบปะพูดจาว่าเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยเท่านั้นก็จะหลงลมเชื่อวาจาทั้งปวงซะแล้ว แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นก็มีไอเดียที่จะเข้ามาหลอกธอร์เป็นทุนเดิมและก็สำเร็จเสียด้วย

เรื่องนี้ธอร์ไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าจุดอ่อนของตัวน่ะอยู่ตรงนี้ ก็คงหลงภูมิใจในความเก่งกาจสามารถของตนอยู่ไม่วาย

พ่อมด อัดการ์ดาโลกิ หนึ่งในบรรดาผู้ขมังเวทย์แห่งดินแดงสแกนฯ ชักจะทนหมั่นไส้ไม่ไหว เลยคิดหาทางสั่งสอนธอร์เอาเสียบ้าง โดยส่งสารทาทายให้ธอร์พาสมัครพรรคพวกมาแข่งขันกัน กติกาฟังดูแล้วก็เหมือนกับหวานหมูเลยท่านให้ โลกิ (Loki) สหายของธอร์มาแข่งกินกับคนของพ่อมดชื่อ โลจิ (Logi) ให้สมุนของธอร์อีกคนหนึ่งไม่ยอมบอกว่าช่ออะไรแต่มีความสามารถวิ่งเร็วพอๆกับสายฟ้ามาแข่งวิ่งกับยักษ์ ฮิวจิ (Hugi) ส่วนธอร์เองมีภาระจะต้องอุ้มแมวขึ้นจากพื้นดินให้ได้ ต้องไปดื่มเหล้าให้หมดจอก และต้องไปปล้ำกับคนแก่ให้ชนะ

ธอร์รู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้ช่างน่าง่ายดายจนเหลือเชื่อ ก็เลยรับคำท้าแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่พอเริ่มการแข่งเท่านั้นแหละ เทพเจ้าของเราถึงรู้สึกว่าชักจะไม่หมูอย่างที่คิดเสียแล้ว

เริ่มจากตอนที่โลกิแข่งกิน แค่เขาอ้าปากงับอาหารคำแรก โลจิคนของพ่อมดก็สวาปามอาหารจำนวนมหาศาลจนเรียบวุธพอมาถึงสมุนคนที่เข้าแข่งขันกับยักษ์ฮิวจิก็ยังไม่สามารถวิ่งทันยักษ์ใหญ่เสียอีก มาถึงตัวธอร์เองบ้าง ท้าวเธอไม่สามารถอุ้มแมวขึ้นจากพื้นดิน ไม่สามารถดื่มเหล้าจนหมดจอก และยังปล้ำไม่ชนะคนแก่อีกด้วย

ธอร์พ่ายอย่างเสียเชิงจริงๆครานี้ เหมือนกับว่าแค่ของว่ายๆ ก็ทำไม่ได้ น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่า เรื่องที่ทำการแข่งขันน่าจะมีเบื้องหลัง เพราะการแข่งขันแต่ละอย่างไม่ใช่เรื่องยาก คำตอบนะมีแน่นอน เพราะในที่สุดพ่อมดเองก็เป็นคนเข้ามาเฉลยปริศนา พ่อมดเตือนธอร์ว่า ในโลกนี้ยังมีพละกำลังอีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่าธอร์ (อย่าได้ทระนงตัวไปนัก) เช่น โลจิ แท้จริงแล้วคอไฟ ซึ่งสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้เร็วกว่าทั้งมนุษย์และเทพ , ยักษ์ฮิวจิ คือความคิด พลังของความคิดย่อมจะเร็วกว่าความเร็วจของทั้งมนุษย์และเทพใช้พลังของตัวเองวิ่งออกไป, ส่วนแมวที่ธอร์อุ้มไม่ขึ้นจากพื้นดิน ที่แท้ก็คือส่วนหนึ่งของขนหางพญานาคมิดการ์ด ผู้รัดรึงโลกเอาไว้ด้วยกัน, กระบอกใส่เหล้าที่ธอร์พยายามดื่มให้หมด ที่แท้แล้วน้ำที่อยู่ภายในทั้งหมดคือน้ำจากมหาสมุทรประดามีที่อยู่ในโลก และคนแก่ที่ธอร์ไม่สามารถเอาชนะได้ก็คืออายุขัยทีไม่มีใครเอาชนะได้เลย

แรงที่ธอร์พยายามยกแมวขึ้นจากพื้น ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าแผ่นดินไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาการสำลักของธอร์ตอนที่พยายามจะดื่มเหล้าจากกระบอกทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าน้ำขึ้นน้ำลง….

 

ดูไปเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่ดูดีๆ ก็เป็นเรื่องของ สักกายะทิฏฐิ นั่นเอง

ขอบคุณค่ะ อุตส่าห์หามาให้อ่าน จริงๆชาก็เคยศึกษาเทพของทางฝั่งตะวันตกมาเหมือนกัน แต่ก็รู้ งูๆ ปลาๆ

 

ผมชอบเข้ามาอ่านความคิดของใครหลายคน เพื่อนำมาคิด แล้วมาพิจารณา แล้วเอามาปรับปรุงใจตนเอง ที่เห็น ๆ มีหลายคนที่มีความคิดที่ประเสริฐ เป็นแบบอย่างในความคิดที่มาปรับปรุงใจตนเอง เหมือนกับบัวสี่เหล่า ตัวผมเองเพิ่งโผล่จากดิน ต้องฟังธรรมอีกนาน คิดอีกมาก อยากให้คนอื่นมีความคิดที่ถูก เมื่อก่อนผมอยากให้คนที่กินเหล้า อยากจะบอกว่ามันไม่ดี แต่บอกไม่ได้ แถมบอกยังเป็นผลร้ายของเราอีก ต้องพิจารณาว่า คนที่เราจะสอน สอนได้หรือไม่ ถ้าสอนไม่ได้ ก็จนปัญญา ไปฝืนใจ เขาก็ไม่ดี เพราะถล้ำลึกเข้าไปแล้ว มันถอนได้ยากมาก ก็ไม่ต้องบอกแล้ว เข้าใจไปอีกบทแล้ว สาธุ

 

ขอบคุณ คุณปานโสม ในธรรม ข้อนี้ครับ เป็นจริงแท้ ๆ ถ้าไม่ได้ระดับนี้ ไปสอนใครยากจริง ๆ ขออนุโมทนาครับ
การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มาก ๆโดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า

ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อแล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว

อนุโมทนา สาธุ และ ขอบคุณค่ะ น้องนิก


(i)ธรรมคำสอนของหลวงปู่ใช้ได้ดี ทุกที่ ทุกกาลเวลา จริงๆ.

จากคำครู หลวงปู่- ครูบาอาจารย์ อริยะสงฆ์ สายหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และหลวงปู่มั่น ที่ได้เคยเมตตา เทศนาแก่ศิษย์จำนวนหนึ่ง.

จึง บอกไว้ว่า การที่ฆราวาสจะไปเป็นผู้แนะนำคนที่มีสภาวะธรรมที่ไม่เสมอกันนั้น
ควรอริยะภูมิตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป เพราะจะมีแต่ได้ ไม่มีเสื่อมตามกำลัง บุญ บารมีของแต่ละบุคคล

ต้องมีวิชชา 3 เป็นอย่างน้อยในข้อ บุพเพนุวาสาญาณ รู้ว่าเขา
เคยทำกรรมดีและไม่ดีอะไรไว้ในอดีต นับแต่ปัจจุปันถอยหลังไปถึงอดีตชาติ ทำให้รู้ผลของกรรมดีและชั่ว ที่สนับสนุนหรือส่งเสริม
ต่อการ ยอมรับ...เข้าใจธรรมในหัวข้อนั้นๆ.

เช่น อดีตชาติ ของเขาและเราเป็นคู่ปรับกันมา มักจะเอาชนะกันด้วยทิฐิมานะ แม้ที่พูดไป เป็นสิงที่ถูกต้อง แต่เนื่องจากไม่ยอมรับในฝ่ายตรงข้ามมากกว่าธรรมะที่พูดกัน อาจเป็นผลส่งมาถึงชาติปัจจุบัน
แม้นจะพูดในเรื่องเดียวกัน ในเจตนาอันดี แต่พื้นฐานทางใจตั้งแต่อดีตชาติที่มีต่อกันนั้นมี อคติเสียแล้ว การสนทนาธรรม ในชาติปัจจุปันนี้ อาจกลับกลายเป็นการจุดไฟระหว่างคนทั้งคู่ .

ต้องมีเจโตปริยญาณ
เพื่อรู้ในทุกสภาวะจิต ว่ากำลังคิดอ่านสิ่งไร
สามารถปรับปรุงให้ทุกต้องตามสภาพจิตใจและภูมิธรรม ไม่ใช่การที่คิดเอาเองว่า เก่งแล้ว แบบว่าข้าถูกทั้งหมด แต่ผิดที่ ผิดเวลา ผิดบุคคล

หากทำไม่ได้ตามที่เรากล่าวไว้ดังนี้แล้ว เอ็งจงอย่าได้ตั้งตัวเป็นครู อาจารย์สอนใคร ขอให้ดำรงอยู่ในหลักพรหมวิหารสี่..
ไม่ว่าจะเป็นกับผู้ที่มีธรรมเสมอกันหรือไม่เสมอกันก็ดี หากจะทำ ก็ขอให้เป็น การบรรยายธรรม สนทนาธรรมของพระพุทธองค์ในกาลอันสมควรเท่านั้น
หากเอ็งโชคดีได้เจอผู้ที่มีธรรมอันละเอียดกว่าเอ็ง, เอ็งก็พึงสำรวม ระวัดระวัง กายจาวาใจให้ดีเอาเถิด และพึงขอธรรมจากท่านเอา.

ขออนุญาติยกตัวอย่าง หลวงตาม้า ท่านก็เคยสอนลุกศิษย์ ว่า...
สร้างบารมีโดยโปรดพวกผีเทวดา ดีกว่ายุ่งกับคน
ซึ่งลุกศิษย์ได้กราบเรียนถามเหตุผลว่าเพราะอะไรแล้วก็ได้คำตอบมาว่า พวกผีหรือจิตวิญญาณ เป็นทิพย์ใดๆ เมื่อเราแผ่กุศลให้ ....
เขาจะเปลืยนภพภูมิ หรือเห็นผลของบุญกรรมโดยทันทีทันใด แต่ คนจำนวนมาก มีตาไว้ดูแต่สิ่งที่เป็นกิเลส ไม่เห็นผลของบุญบาป ในส่วนละเอียด
การนำธรรมอันดีไปให้เขา เลยกลายเป็นการ ก่อกรรม ก่อเวรอันใหม่ขึ้นมาอีก.

ยกตัวอย่างชาผ้เขียน
ที่ฝืนคำครู อยากชี้แนะผู้อื่นตามกิเลสตัวเอง ผลที่ได้ก็
เหมือนเป็นการจุดไฟระหว่าง ตังเองและคนหลายๆคน แม้พวกเขาไม่แสดงออกทางกายและวาจาตอบโต้มา แต่มโนกรรมก็ได้เกิดขึ้นแล้ว.
แม้นกระทั้ง การยกอ้าง คำสอนของครูอาจารย์มา อันเกิดจากจิตอันเป็นอกุศล ก็ไม่สมควรทำ. แทนที่จะตั้งอยู่ในพื้นฐานของความเมตตา ความจริงใจที่จะถกสนทนาธรรมของพระพุทธองค์

ยกตัวอย่างซ้อน
เช่นการที่เราโกรธใครสักคนเพราะเขาไม่เข้าใจเรา หรือเพราะเขาด่าว่าเรา เราก็เห้นแต่ความผิดของเขา แต่ลืมดูตัวเอง
เราจึงไม่รู้จะทำอย่างไร แต่หงุดหงิดแล้ว เพราะไม่มีพรหมวิหาร4ให้มั่นคง ก็รีบอ้างคำสอนของครูอาจารย์มาสอนเขาใส่เขาเพื่อทำให้เขาสำนึก และรู้สึกมากกว่า ที่จะทำออกมาด้วยความเมตตาจริงๆ.


(i) พูดอีกนัยหนึ่งคือ ใช้ธรรมะ ปกป้องอัตตาของตัวเอง
ชาเคยเป็นมาแล้ว อยากให้ทุกคนดูตรงนี้ให้เห็นละเอียดด้วยค่ะ
หากใครเคยอ่านเรื่องมังกรหยกภาคเตียบ๋อกี๋น่ะ แม่ชี มิกจ๊อซือไถ่ที่เป็นอาจารย์ของจิวจี้หยกน่ะค่ะ ที่อ้างแต่คุณธรรม แต่ฆ่าแบบว่า ข้าจะฆ่าอย่างดียว


ป.ล.คำ ว่า "เอ็ง" นี้ ครูบาอาจารย์ท่านอื่นที่ได้กล่าวกับชาเมตตาสั่งสอน นะคะ ไม่ใช่คำที่หลวงตาม้าเป็นผู้พูดชาเองจะไปเปลื่ยนคำพูดท่านก็กะไรอยู่


สาธุ ค่ะ ทุกท่าน

____________________________________________________________​

-ว่าจะไม่มาแล้วนา แต่ยังวางอุเบกขาไม่ได้-
กระทู้รวมมิตรค่ะ ดีนะกดลิ้งค์ได้เลยค่ะ​

​

 

บางคนอาจจะวิ่งคนละเส้นทาง แต่แท้ที่จริงแล้ว จุดหมายก้คือทางที่มาบรรจบกันที่เดียว

 

อยากแสดงความคิดเห็นบาง
แต่ก็จนในปัญญาค่ะ
แต่พอได้ฟังก็ขออนุโมทนาสาธุ

อืมถ้าเราไม่ชวนเค้า หรือพูดให้เขาเข้าใจไม่ได้

ก็ทำให้เห็นเป็นแบบอย่างดีไหมค่ะ

 

อาจารย์ผมเป็นำนวยการโรงเรียน ภารโรงขี้เกียจทำงาน ท่านไม่ตักเตือนด้วยคำพูดครับ เพราะต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้วสอนด้วยคำพูดยาก ดังนั้น ผอ. จึงลงมือตัดหญ้า ขุดดิน ให้ภารโรงดูเป็นแบบอย่าง / วันนั้นผมสอนหนังสือเด็กอยู่ ก็นึกในใจ เมื่อกี้ยังวเห็นแว๊บๆ ผอ.ไปไหนหว่า...ผมก็ด้อมๆมองๆ อยู่นานสองนาน อ้าวคนที่ใช้เครื่องตัดหญ้ากลางสนามนั่น ไม่ใช่ภารดรงแฮะ ผอ.. เราเองนิ/ และตอนฝึกสอนก็เช่นกัน ผอ. ที่เป็นอาจารย์ผมอีกท่านนึงก็ทำแบบเดียวกันนี่ล่ะ / ดังนั้นผมก็เอามั่ง หลังจากสอนหนังสือเสร็จ ก็เปลี่ยนจากครูเป็นภารโรงล่ะครับ / อิอิอิ พอเด็กนักเรียนเห็นครูทำดังนั้น / เด็กนักเรียนก็มาช่วยครูพัฒนาโรงเรียนครับ ^_^

 

รักกันไว้เถิด .................ไม่มีเรา ไม่มีเขา...

 

ดีมากเลยครับ ที่อัญเชิญธรรมะนี้มาเตือนสติกัน

พบเห็นเป็นปกติ ผู้ที่เข้าวัดมาสะสมทิฐิมานะ ตั้งตัวเป็นอาจารย์ใหญ่เองบ้าง ยกตนข่มท่าน อวดเก่งอวดรู้อวดดี ทำลายศรัทธาผู้อื่น ปรามาสจาบจ้างโจมตีครูบาอาจารย์ที่ตนไม่ได้เคารพนับถือ เห็นแล้วก็ได้แต่สลดใจ ว่าเขาพอมีบุญที่รู้จักศรัทธาพระ แต่กลับหลงสะสมกิเลสตัณหาก่อกรรมหนัก ซ้ำยังประกาศชักชวนให้ผู้อื่นคิดชั่วทำชั่วเหมือนตน

หลวงปู่มั่นก็เมตตากล่าวเตือนไว้ในมุตโตทัยใจความว่า ผู้ไม่ฝึกตนให้ดีก่อน แล้วประกาศจำแนกแจกธรรม สั่งสอนผู้อื่น เท่ากับเป็นการประกาศความชั่วของตนไปในจตุรทิศ

 

เห็นด้วยอย่างแรงกับคุณคนเก่าเลยบล่ะครับผ้ม...

 

การใช้ฟืนดับไฟ ไม่เข้าการ
ถูกเผาผลาญจนสิ้น มีขึ้นใหม่
จะเกิดโจรราวี อัคคีภัย
การแก้ไขให้พากเพียร บำเพ็ญธรรม

 

อุปมา นกบิน เข้าในกรง
ด้วยโลภหลง สร้างกรรม นำหมองศรี
เดินผิดทาง เป็นเหตุ ขาดเสรี
สร้างความดี ไถ่บาป จึงพ้นภัย