ใครที่เป็นคนต่อต้านระเบียบ ให้รู้ว่าโอกาสที่เราจะเข้าถึงธรรมมีน้อยมาก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    IMG_2864.jpeg

    พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เดือนนี้ทั้งเดือนที่ทองผาภูมิแทบจะไม่เห็นแดดเลย โดยเฉพาะช่วงเช้าเวลาบิณฑบาตเปียกฝนแทบทุกวัน

    เรื่องบิณฑบาตเป็นกิจวัตร เป็นสิ่งที่พระจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นการรักษาอริยประเพณีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ท่านบิณฑบาตแม้วาระสุดท้ายของชีวิต ก็คือบิณฑบาตที่บ้านของนายจุนทะ

    อีกอย่างหนึ่งก็คือ เคยพบด้วยตัวเอง ตอนนั้นอยู่ที่วัดท่าซุงจะบิณฑบาตที่สายใต้เป็นประจำ ตอนแรกหลวงตาวัชรชัยท่านเป็นหัวหน้าสายอยู่ พออาตมาได้หลายพรรษาหน่อย หลวงตาท่านก็ไปเดินสายหลังวัด อาตมาก็เป็นหัวหน้าสายใต้แทน มีอาจารย์สมปองเดินตาม และน้อง ๆ อีก ๑๐ กว่ารูป บางทีฝนตกหนักไม่มีใครบิณฑบาต มีอาตมากับอาจารย์สมปองสองคนไป

    เดินไปจนสุดทางประมาณ ๒ กิโลเมตรจากวัด มีคุณยายอายุ ๘๐ กว่าปี ยืนถือใบกล้วยบังหัวกับขันข้าวรอใส่บาตร ลองนึกดูว่าถ้าวันนั้นเราไม่ได้ไป คุณยายจะทำอย่างไร? คุณยายแก่ ๆ ผมขาวทั้งหัว กลัวว่าฝนตกแล้วลูกพระจะอด อุตส่าห์ยืนถือใบกล้วยบังหัวรอใส่บาตร

    ในวัดท่าซุงตอนนั้นมีพระอยู่ ๒ รูป ก็คืออาตมากับท่านอาจารย์สมปอง ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไรก็ไม่เลิกบิณฑบาต พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านวางกฎระเบียบไว้ว่า ต้องบิณฑบาตกลับมาครบแล้วถึงฉันพร้อมกัน เพราะฉะนั้น..อาตมากับอาจารย์สมปองไม่รู้โดนเขาแช่งชักหักกระดูกไปเท่าไรแล้ว เพราะเวลาฝนตกเขาไม่ไปบิณฑบาตกัน แต่พวกเรา ๒ คน ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกอย่างไรก็ไป

    อาตมาเองใช้ผ้าแค่ ๓ ผืน มารู้ทีหลังอาจารย์สมปองก็ใช้ ๓ ผืนเหมือนกัน พอเปียกแล้วไม่มีเปลี่ยน กลับมาถึงก็รีบบิดให้หมาด ๆ แล้วห่มเข้าวงฉัน ฉันเสร็จก็ค่อยหาทางว่าจะทำอย่างไรให้จีวรแห้ง ถ้าไม่มีแดดจริง ๆ ก็อาจจะต้องเปิดพัดลมเป่าจีวร กว่าจีวรจะแห้งพอที่จะไปทำงานอย่างอื่นได้ใช้เวลาครึ่งค่อนวัน

    จากที่พวกเราเอานิสัยไม่ยอมละทิ้งระเบียบ ไม่ยอมผ่อนผันให้กับตัวเองมาใช้ในการปฏิบัติ เวลาทำอะไรจึงได้มากกว่าคนอื่น ขณะที่คนอื่นถึงเวลาก็ผ่อนผันให้กับตัวเอง แต่พวกเราไม่ยอมผ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลวงพ่อสอนจะถือว่าเป็นคำสั่งที่ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่ฟังเป็นคำสอนผ่านหูไปเฉย ๆ ก็เลยทำให้กลายเป็นสมบัติติดตัวมา

    แม้กระทั่งจนทุกวันนี้ฝนตกแดดออกอย่างไรก็ออกบิณฑบาต บางทีญาติโยมที่รู้จักเขาก็บอกว่า หลวงพ่อเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้ พระเณรเต็มไปหมด ถ้าเป็นที่อื่นเขาให้พระเณรบิณฑบาตเลี้ยงแล้ว แต่อาตมาไม่ใช่อย่างนั้น ถ้ายังไปไหวก็ต้องไป

    ถ้าเป็นวันที่ต้องไปบิณฑบาต ตั้งแต่บวชมา ๒๗ ปี อาตมาขาดแค่ ๔ ครั้งเพราะป่วยจนลุกไม่ขึ้น ถ้าลุกขึ้นพอโงนเงนได้ก็ไป บางทีไข้จับหนักมาก แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเดินไปถึงปลายทางได้อย่างไร แทบจะไม่รู้ตัวว่าเดินกลับมาที่วัดได้อย่างไร เดิน ๆ ไปก็สะดุดก้อนหิน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เลือดไหลเป็นกองเพราะเล็บหลุดไปทั้งอัน..!

    เวลาไข้จับหนัก เราไม่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร เพราะเบลอไปหมด ตั้งสติไว้อย่างเดียวว่ากลับให้ได้ก็แล้วกัน ทำให้เห็นชัดว่า จริง ๆ ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ในเมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราอย่าให้เขาบังคับเรา เราต้องบังคับเขาแทน ถ้ายังไหวเอ็งไปซะดี ๆ..!

    ถามว่าทำอย่างนี้เป็นอัตตกิลมถานุโยคหรือไม่ ? ทรมานตนเองเกินไปหรือไม่ ? โหดร้ายขาดเมตตากับตัวเองหรือไม่ ? ไม่ใช่หรอก..ถ้ายังไปได้ต้องไป ระเบียบวินัยเป็นแค่ของหยาบ ๆ ถ้าเราทำไม่ได้ การเข้าถึงธรรมที่เป็นส่วนละเอียด เราจะเข้าถึงไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้น..ใครที่เป็นคนต่อต้านระเบียบ ไม่ยอมรับระเบียบวินัย ไม่ยอมรับกฎหมายบ้านเมืองหรือกฎกติกาของสถานที่ใด ๆ ให้รู้ว่าโอกาสที่เราจะเข้าถึงธรรมมีน้อยมาก เพราะว่าของหยาบสภาพจิตของเรายังต่อต้านไม่ยอมรับ ธรรมะที่เป็นส่วนละเอียดกว่านั้นหลายเท่าเราจะไม่มีโอกาสได้เข้าถึงเลย"
    ....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...