แจ้ง...สมาชิกที่เคยอ่านพระไตรปิฎกเสียงอ่านขึ้นเว็บกับพวกเรา หรือผู้สามารถท่านอื่น ๆ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 3 ตุลาคม 2013.

  1. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    แจ้ง...สมาชิกที่เคยอ่านพระไตรปิฎกเสียงอ่านขึ้นเว็บกับพวกเรา หรือผู้สามารถท่านอื่น ๆ เิชิญทางนี้

    ผู้ที่สนใจที่จะสมัครอ่านเสียงธรรมะ ติดต่อได้ที่คุณอ๋อ


    http://palungjit.org/private.php?do=newpm&u=47097

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2013
  2. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    มีใครติดต่อไปที่คุณอ๋อบ้างหรือยังครับ ?
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    มีแล้ว 1 คน...จ้า
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ตัวอย่างตามไฟล์แนบด้านล่างเลย...

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2902991/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ตุลาคม 2013
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ตัวอย่างไฟล์ที่ต้องการให้อ่าน แต่เดี๋ยวจะทำเป็นไฟล์ให้อ่านง่ายๆ ขึ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    แวะมาดูหลายรอบแล้วค่ะ
    อยากจะสมัครมาก
    แต่ไม่มีความรู้ในการบันทึกเสียงค่ะ
    อนุโมทนากับท่านที่สมัครอ่านทุกท่านนะคะ
     
  7. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    ดิฉันสนใจอยากร่วมสมัครนะคะ แต่ดิฉันทำเสียงเอฟเฟค ตัดต่อเสียงไม่เป็น อีกอย่าง


    ไม่มีคอมค่ะ เพราะดิฉันใช้แท็บเล็ต แต่ถ้ามีคนสอนก็คงพอจะทำได้ค่ะ.....
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เดี๋ยวจะลองหาคนมีประสบการณ์ในการบันทึกเสียง และทำเอฟเฟคดูอีกทีจ้า
     
  9. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    เอามาให้ลองฟังครับผม

    บทสนทนาธรรม ตอนที่ ๑

    เชิญแนะนำ ติชม ได้เลยครับ :cool:

    ทำสดๆร้อนๆเมื่อเช้านี้ครับ ^^

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2909540/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ตุลาคม 2013
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    โหหหหหหหหหหหหหหหหห เจ๋งมากเลย......
    สาธุ...
     
  11. ดอกใบบุญ

    ดอกใบบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    10,147
    ค่าพลัง:
    +16,407
    ฟังละครเสียงธรรมจบแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยจ้า
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    ใบบุญจะมีความสารถทำได้ไหมน้อ
    แต่ถ้ามีบทให้ก็น่าจะลองดูเหมือนกันน้อจ้า อิอิ

    ใบบุญสมัครด้วยคนจ้า
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ขอโทษที ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อ รอแป๊ปนะ ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยจ้า มีอะไรคืบหน้าจะลงมาตรงนี้นะ
     
  13. ดอกใบบุญ

    ดอกใบบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    10,147
    ค่าพลัง:
    +16,407
    รับทราบจ้า...คุณอ๋อ

    และวันนี้แวะมาบทสนทนาธรรม ตอนที่ ๑ ของคุณ phank จ้า
    สาธุจ้า
     
  14. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    สนใจด้วยจ้า แต่อ่านเป็นภาษาไทยดีกว่านะคะ เพราะไม่ถนัดในการอ่านภาษาบาลี(ภาษาพระ)เท่าไหร่ค่ะ ละเราจะใช้โปรแกรมอะไรในการบันทึกเสียงคะ
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    บทที่หนึ่ง

    บทสนทนาธรรม ตอนที่ ๑
    ระหว่าง หลวงพ่อแช่ม วัดบ้านดาบ กับผู้ใหญ่มา
    บ้านคุ้งนามอญ จังหวัดลพบุรี

    -----------------------------------------------------------------
    ผู้ใหญ่มา :นมัสการครับหลวงพ่อ

    หลวงพ่อแช่ม :สวัสดีโยมผู้ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่วันพระที่แล้ว หายเงียบไป

    ผู้ใหญ่มา :ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คือบ้านผมกับวัดบ้านดาบมันอยู่กันคนละทุ่ง การไปมาแต่ละครั้งต้องเดินเสียเวลากว่าจะถึง จึงเลือกมาตามโอกาสที่ใจมันอยากจะมา

    หลวงพ่อแช่ม :ถ้าอยากได้ของดีก็ต้องอดทนหน่อยนะผู้ใหญ่

    ผู้ใหญ่มา :ครับ จริงของหลวงพ่อ ตั้งแต่จากหลวงพ่อไปครั้งที่แล้ว ผมพยายามทำจังเลยครับ

    หลวงพ่อแช่ม : หือ! ว่าไงนะ ใครบอกให้ทำ? หลวงพ่อไม่ได้สั่งอย่างนั้น เพียงให้ดูให้พิจารณา ไม่ใช่ไปทำเอา ให้เรียนรู้ ให้ดูเฉยๆ ว่า กายไม่ใช่เรา เราไม่ใช่กาย กายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย ดูให้เห็นลงไปจริงๆ ว่ามันเป็นมัน มันเป็นของของโลก เกิดธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมกัน จึงมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น

    ผู้ใหญ่มา :อ๋อ... ผมเข้าใจแล้วครับ เมื่อทุกสิ่งเป็นของของโลก กายก็เลยไม่ใช่ของเรา ใช่ไหมครับ?

    หลวงพ่อแช่ม : อือ... ใช่ ต้องขยันเรียนรู้ให้เข้าใจ ธรรมะนั้นต้องใส่ใจใฝ่รู้ ที่ว่าเข้าใจหรือรู้แล้วนั้นต้องดูบ่อยๆ ถี่ๆ ทุกลมหายใจเข้าออกเลยจึงจะดี จะเห็นแจ้งแทงตลอดได้เร็วขึ้น จนเห็นกายแยกกับใจได้ ก็จะหมดความเป็นคน อนุสัยที่มีอยู่เดิมๆ ต้องขาดจากความยึดติดให้ได้

    ผู้ใหญ่มา :เอ... แล้วมิต้องทิ้งหรือหนีทุกสิ่งในโลกหรือ หลวงพ่อ?

    หลวงพ่อแช่ม :ไม่ใช่ๆๆ ไม่ต้องทิ้งหรือหนีอะไรไปไหนจริงๆ หรอกผู้ใหญ่ ถ้าหนีหรือทิ้งแสดงว่ายังติด ยังยึดทั้งสองอย่าง ต้องเข้าไปรู้ว่ายึดไม่ได้ เพราะทุกสิ่งมันมีไม่จริง
    คือมันไม่อยู่คงที่สักอย่างเดียว มันจึงเป็น อนัตตา
    เพราะบังคับตัวมันเองไม่ได้ และมันเป็นของของโลกจึงเป็น อนิจจัง ต้องเปลี่ยนไปหมุนไปตามโลก แต่ความไม่รู้ไม่เห็นความจริง จึงไปเอาของของโลกมาสร้างทุกสิ่งจนเต็มโลกไปหมด แล้วก็ยึดว่าเป็นจริง มีจริงๆ เป็นของของเรา ของฉัน ของกู กันหมด

    ผู้ใหญ่มา : อ้อ... ผมเข้าใจแล้ว แต่เรานำทุกสิ่งมาใช้ได้เมื่อจำเป็น ใช้ไปตามสมมุติโลก โดยไม่ยึดเท่านั้น แล้วมันก็จะพังไปตามเรื่องตามกาลเวลาของมัน ใช่ไหมครับ?

    หลวงพ่อแช่ม : อือ... ใช่แล้ว รู้จักมันและอยู่กับมันเท่านั้นก็พอ แต่ไม่ยึดมันเป็นของเรา ก็จะไม่หนักใจ ไม่เป็นทุกข์เมื่อมันต้องพังต้องเปลี่ยนแปลงไป

    ผู้ใหญ่มา :ผมฟังหลวงพ่ออธิบายแล้ว ดูเหมือนว่าไม่น่าจะยาก แต่พอจากหลวงพ่อไปมันเข้าไปยึดติดอีก ก็เลยรู้ว่ายาก

    หลวงพ่อแช่ม : ผู้ใหญ่เพิ่งเรียน เพิ่งรู้ ยังไม่เห็นความจริงของมันจากใจ ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปซี กินเหล้าแก้วแรกมันจะติดได้อย่างไร? หรือเพาะถั่วงอกวันเดียวมันก็ไม่งอกใช่ไหมผู้ใหญ่?
    ผู้ใหญ่มา : ครับ จริงของหลวงพ่อ ผมต้องเพียร ต้องมีความเพียรให้มาก ดูกายให้มากๆ แล้วจะทิ้งกาย (ไม่ยึดกาย) ได้ ใช่ไหม?

    หลวงพ่อแช่ม :ใช่ เพราะกายมันเป็นแต่ธาตุทั้งหลายมาประชุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน พอถึงเวลาก็สลายไปตามเหตุของมัน มันจึงไม่เป็นของใครและบังคับมันไม่ได้

    ผู้ใหญ่มา :สาธุ... เรื่องแยกกายแยกใจนี้ ต้องเอาไปดูเสียก่อนใช่ไหมหลวงพ่อ?

    หลวงพ่อแช่ม : ไม่ใช่ๆ โยมผู้ใหญ่ การเรียนธรรมนี้จะต้องรู้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ใหญ่ต้องดูกาย เห็นกาย และแจ้งในกาย ออกจากกาย (ไม่ยึดเป็นกายเรา) ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะมาดูใจ และทิ้งใจ (ออกจากใจ) ทีหลัง แต่พิจารณาไปพร้อมๆกันนั้นไม่เป็นไร เวลาแยกเราออก จะออกจากกาย หรือพ้นกายก่อน

    ผู้ใหญ่มา :อย่างนั้นหรือครับ? ผมจะต้องไปดูกายมากๆ ให้เห็นแจ้งว่ามันเป็นมัน แล้ววันหน้าผมจะมาเรียนเพื่อดูฝ่ายใจต่อนะครับ

    หลวงพ่อแช่ม :อือ... ดีแล้วผู้ใหญ่ ขอให้ขยันหน่อยก็แล้วกัน เพราะคนเราเกิดมาไม่มีใครรู้วันตายได้เลย จะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็หารู้ได้ไม่ เห็นหน้ากันอยู่หลัดๆ อาจจะตายในเวลาอันสั้นอย่างคาดไม่ถึงก็มีมาก ลูกบ้านผู้ใหญ่มีใครสนใจเรื่องนี้บ้างไหม?

    ผู้ใหญ่มา :มีน้อยมากครับ เพราะเขายังไม่เข้าใจ ยังคิดว่ามีเวลามากอยู่ ยังไม่แก่เท่าผม ยิ่งต้องเดินข้ามทุ่งมาหาหลวงพ่อไกลๆ อย่างนี้ เขายิ่งไม่เอากัน แต่ให้วิ่งไปหาเรื่องอื่นที่สนุกๆ ตื่นเต้นและเพลิดเพลินใจ ไกลเท่าไรเขาก็ไม่ท้อ แม้จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลก็ยังไป

    หลวงพ่อแช่ม :เออ... ก็ไม่เป็นไรหรอก ใครเขาชอบเขาสนใจก็ลองชวนให้มาฟัง มาเรียนดู ดีกว่าไม่บอกใครเสียเลย

    ผู้ใหญ่มา :ผมจะลองดูนะครับ อย่างไรก็ตามผมคิดว่าควรจะช่วยตัวเองก่อนให้พ้นภัยจนไม่สะดุ้งสะเทือนต่อคำ พูดของคนอื่นได้ แต่ถ้ามีโอกาสพบคนที่สนใจจริงๆ ผมก็จะชวนเขามาด้วยในครั้งต่อไป ผมกราบลาก่อนละครับ

    หลวงพ่อแช่ม :สวัสดีผู้ใหญ่ ขอให้เจริญในธรรมเถิด
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    บทที่สอง

    บทสนทนาธรรม ตอนที่ ๒
    -----------------
    ผู้ใหญ่มา : นมัสการครับหลวงพ่อ

    หลวงพ่อแช่ม :สวัสดีผู้ใหญ่ อ้าว! วันนี้ไม่ใช่วันพระ ทำไมจึงมาได้ มีอะไรด่วนหรือ?

    ผู้ใหญ่มา :มันทนรออยู่ไม่ไหวซิครับ ใจมันรู้มันเห็นขึ้นมา จึงอยากจะมารายงานให้หลวงพ่อฟัง

    หลวงพ่อแช่ม :ถ้าใจมันอยากก็ให้มันมาโดยกายไม่ต้องมาก็ได้

    ผู้ใหญ่มา :มันอดไม่ได้ซิครับ จึงพากายให้เดินข้ามทุ่งมาด้วย
    เรื่อง มันมีอยู่อย่างนี้ครับ

    วันที่ผมมาคุยกับหลวงพ่อครั้งที่แล้ว มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นที่บ้านขณะที่ผมไม่อยู่ ลูกบ้านกลุ่มหนึ่ง มารอพบผมและไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้พบและพูดกันให้รู้เรื่อง เพราะเขาตกลงในบางเรื่องไม่ได้ ต้องการจะให้ผมช่วย ภรรยาผมบอกเขาว่า ผมจะกลับเย็นๆ เขาก็อุตส่าห์รอ พอผมไปถึงบ้าน เขาเล่าให้ฟังว่า ที่ดินคันนาซึ่งใช้ร่วมกันมันคด จะตัดใหม่ให้ตรง แต่ไม่มีฝ่ายใดยอมเสียเปรียบ ผมจึงใช้ธรรมะที่หลวงพ่อสอนให้ไปตัดสินให้เขา ปรากฏว่าได้ผล

    ผมอธิบายให้เขาฟังว่า “เดิมเมื่อโลกไม่มีนั้น ไม่มีพื้นดิน ไม่มีคน พอมีโลกแล้วจึงมีพื้นดินและพื้นดินก็เป็นของโลกทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของ พอมีคนขึ้นมาในโลก คนมาจับจองยึดถือที่ดินเป็นของของตน (ของกู ของฉัน ของเรา) ทั้งๆ ที่เป็นได้ไม่จริง แต่ตู่เอาเอง แล้วกลับมาแก่งแย่งกัน ขัดแย้งกันถึงกับจะฆ่ากัน เพราะคิดว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ส่วนเกินไปจริงๆ หรืออีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเสียส่วนของตนไปจริงๆ จึงโกลาหลกันอย่างนี้ และหาข้อยุติกันไม่ได้ คิดดูเถอะ ต่างโกงของโลกเขาแท้ๆ”

    เท่านั้นแหละ ครับหลวงพ่อ ได้ผลเลย ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกสำนึกและหยุดทะเลาะกัน ยอมให้ผมเป็นคนกลางถือเชือกวัดคันนาใหม่ ดึงให้ตรงไม่เข้าใครออกใคร ได้คันนาที่ตัดตรง และพอใจกันทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีรายอื่นๆ มาให้ผมช่วยแก้ไขอีก ๕-๖ ราย ทำให้เขาสบายไปตามๆกัน นี่ไงละครับ เรื่องที่ทำให้ผมต้องมาก่อนกำหนด

    หลวงพ่อแช่ม :อือ... นับว่าดีมาก ผู้ใหญ่เอาธรรมะไปใช้ได้ถูกตรงแล้ว เข้าท่าจริงๆ สาธุนะ

    ผู้ใหญ่มา :หลวงพ่อครับ ผมขอถามเรื่องกายกับใจต่อนะครับ ผมเข้าใจเรื่องกายแล้ว ได้สังเกตและพิจารณาอยู่เสมอๆ จนเห็นว่ามันเป็นมันจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไร มันทำของมันเองทั้งนั้น เราบังคับบัญชามันไม่ได้เลย และมันก็เปลี่ยนของมันเองอยู่เสมอ ทุกอิริยาบถทุกอาการ ไม่ว่าหยาบหรือละเอียด ไม่มีเราอยู่ในมัน ไม่มีเราเป็นมันจริงๆ มันเองก็บังคับตัวมันไม่ได้ เพราะมันไม่มีตัวนั่นเอง มันเป็น อนัตตา จึงมี ทุกขัง และ อนิจจัง ตามมาคือเปลึ่ยนอยู่เป็นนิตย์

    ผมทิ้งกายได้แล้ว และไม่ยึดมันแล้ว แม้ เวทนากาย ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นมัน วันหนึ่งผมเกิดปวดท้อง ท้องเสียเป็นบิดขึ้นมา ผมเฝ้าดูมัน จนเห็นชัดว่ามันปวดของมัน เราจะไปบังคับให้มันหยุดปวดไม่ได้ จนกว่ามันจะคลายตัวของมันเอง ความปวดจึงเป็นเพียงกระแสคลื่นชนิดหนึ่งเท่านั้นที่เกิดดับตามเหตุของมัน ไม่มีตัวไม่มีตนอะไร แต่ผมสงสัยว่ายังมี พอใจ-ไม่พอใจ อยู่ในขณะนี้ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? หลวงพ่อช่วยอธิบายหน่อยเถอะครับ

    หลวงพ่อแช่ม :อือ... ใช่ ผู้ใหญ่ยังมี เวทนาใจ ยังติดเวทนา ยังเข้าใจว่าเวทนาเป็นเรา เป็นของเราน่ะซี เลยมีพอใจ-ไม่พอใจ ทั้งๆ ที่มันเป็นมันและเกิดดับๆ เสมอ

    ผู้ใหญ่มา :แล้วทำอย่างไรจึงจะออกจากเวทนาใจได้ละครับ?

    หลวงพ่อแช่ม :ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ดูมันเฉยๆ เพราะ สัญญาจำได้หมายรู้นั่นเองเป็นเหตุ เช่นจำได้นี่คือปากกา (หลวงพ่อยกปากกาให้ผู้ใหญ่ดู) ก็หมายรู้ไว้และรู้อีกว่าสำหรับเขียนหนังสือ ตามที่คนสร้างขึ้นและกำหนดหน้าที่ให้มัน ปากกาจึงเป็นชื่อสมมุติของสิ่งๆ หนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับเขียนหนังสือ เมื่อผู้ใหญ่ไปเห็นที่ไหนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นปากกา แล้วยึดถือว่ามีจริงๆ เป็นปากกาจริงๆ มานานแล้ว โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงธาตุของโลก ซึ่งคนนำมาปรุงแต่งสร้างเป็นสิ่งๆ หนึ่งขึ้นมาใหม่ ถ้าลองถามมันดูว่ามันเป็นอะไร มันจะไม่ตอบ เพราะพูดไม่ได้ แต่คนไปตั้งไปเรียกมันว่าปากกา และยึดถือกันเอง แสดงว่า คนหลงสมมุติและยึดสมมุติว่ามีจริงด้วยความไม่รู้ หรือยึดผิดๆ (อวิชชา) นั่นเอง

    ถ้าใครให้ของที่บอกว่าสวย ราคาแพง จะรู้สึกพอใจไปตามสัญญาที่สมมุติและจำกันมายึดถือต่อมา ทำให้อยากได้ในสิ่งที่สวยที่แพงกว่าอยู่เรื่อย ของเก่าหรือของที่ไม่สวย มีราคาถูกตามที่สมมุติเรียกกัน ก็จะถูกเมินและไม่อยากได้ เวทนาพอใจ – ไม่พอใจ จึงมีตามสัญญาหมายรู้ในอดีต ที่เป็นโมหะ หรือสำคัญมั่นหมายด้วยอวิชชา จนพาให้หลงให้ยึดถือกันจนเคยชินว่าเป็นจริง

    หลวง พ่อจะขอยกอีกตัวอย่างหนึ่งให้ชัดขึ้นนะ ถ้าผู้ใหญ่ถูกด่า มีสัญญาหมายรู้ในเสียงด่า ในคำด่า และสำคัญมั่นหมายว่าเขาด่าเราจริงๆ จะส่งให้เกิดเวทนาไม่พอใจทันที ถ้าไม่มีเราเข้าไปรับแทนสัญญา เวทนา เหล่านั้น เพียงเฝ้าดูด้วยสติให้ทัน จะเห็นว่าเมื่อธาตุต่อธาตุกระทบกันคือ เสียง มากระทบ หู และวิญญาณทางหูมาร่วมทำงาน เกิดการ ได้ยินเสียง ถ้าเสียงนั้นไม่มีสัญญาหมายรู้ไปในทางยึดถือ (เช่นด่าเป็นภาษาอื่นซึ่งคนไทยฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความหมายก็จะโกรธไม่เป็น เกลียดไม่เป็น) เวทนาที่เกิดขึ้นก็จะเป็นสักแต่ว่าความรู้สึก ว่าได้ยินอะไรอย่างหนึ่ง แล้วก็ดับไป ไม่เกิดความพอใจ หรือไม่พอใจ ไม่รู้สึกโกรธหรือเกลียดขึ้นมา ผู้ใหญ่เข้าใจไหม?
    ผู้ใหญ่มา :อ๋อ... เข้าใจแล้วครับ เป็น เพราะสัญญาจำได้หมายรู้นี่เองส่งต่อหรือปรุงซ้อนขึ้นมาให้มีเวทนาที่ยืดถือ ความพอใจ-ไม่พอใจจึงเกิดขึ้น แต่ทั้งสัญญาและเวทนาไม่ใช่เรา–ไม่ใช่ของเรา จึงไม่มีเราพอใจหรือไม่พอใจใช่ไหมครับ?

    ทั้งสัญญาและเวทนาเป็นเพียงธาตุ ที่มาอาศัยกันประชุมกันเป็นขันธ์ และอาศัยวิญญาณขันธ์เข้ามาร่วมทำงานด้วย จึงเกิดการรับรู้ เกิดความรู้สึกและความจำ เป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกัน ถ้ารู้สึกว่ามีเราเข้าไปยึดถือสัญญาและเวทนาขันธ์นั้นมาเป็นเรา-เป็นของเรา แล้ว ก็จะมีเราพอใจหรือไม่พอใจ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรา-ไม่ใช่ของเรา ใช่ไหมครับ? ทั้งสัญญาและเวทนาจะทำหน้าที่อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ดับไปตามกระแสของเหตุ ที่ส่งมา จึงเรียกว่ามีไม่จริง ใช่ไหมครับ?

    หลวงพ่อแช่ม :อือๆ ใช่แล้วๆ ขอให้มีสติ คือความระลึกนึกได้ (สัญญาณเตือนภัยให้ระวังตัว) ให้รู้ว่าสักแต่ว่าสัญญาณนะ สักแต่ว่าสุมมติที่คนในโลกตั้งเอาเรียกเอา ธรรมชาติเดิมๆ เขาไม่ดีไม่ชั่ว ไม่ถูกไม่ผิด ก็จะไม่สำคัญมั่นหมายหรือยึดถืออะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นเดือดเป็นแค้น เป็นโกรธเป็นเกลียด เป็นหลงใหล ฯลฯ สัญญาทำงานแล้วก็จะดับไปเสมอ ไม่ปรุงต่อให้เกิดเวทนา พอใจ-ไม่พอใจ เวทนาไม่มีงานทำก็จะโลภ-ไม่ได้ โกรธก็ไม่ได้ เกลียดก็ไม่ได้ หลงไม่ได้ กลัวไม่ได้ เป็นต้น

    ผู้ใหญ่มา :ผมเข้าใจแล้วครับ ชักเห็นลางๆ แล้วครับ ผมจะต้องดู ให้มากๆ มีสติมาให้ทัน จนเห็นว่าสัญญาเป็นสักแต่ว่าสัญญา (ลบสมมุติแห่งชื่อและความหมายออกเสียก่อนให้ทัน) เวทนาก็จะเป็นสักแต่เวทนาตามธรรมชาติ เกิดแล้วก็ดับ แล้วสังขาร วิญญาณละครับ มันทำงานอย่างไร มีหน้าที่อะไร?

    หลวงพ่อแช่ม : สังขารมีหน้าที่คิดนึก ปรุงแต่ง ตามที่สัญญา เวทนาส่งมา
    เมื่อมีการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ วิญญาณของอายตนะเหล่านี้จะทำหน้าที่รับรู้ก่อนทันทีว่า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัสทางผิวกาย และมีอารมณ์ความนึกขึ้น
    เมื่อรับรู้แล้ว จะนึกถึงสัญญาจำได้หมายรู้ในอดีต และปรุงต่อเป็นเวทนา พอใจ-ไม่พอใจ ทันที
    แล้วสังขาร หรือปรุงต่อเป็นตัณหา คือความอยาก (อยากได้ อยากมี อยากไม่สูญเสีย) เมื่ออยากได้อยากจะเอาให้ได้ เมื่อได้แล้ว ก็ยึดเป็นของตนทันที ทุกขณะที่เกิดความรู้สึก คิดนึกปรุงแต่งเป็นความอยากและความยึด หรือความไม่อยากไม่ยึดก็ตาม มโนวิญญาณ จะรับรู้และส่งให้จิตรู้แจ้งอีกครั้ง เป็นความรู้สึกรวบยอดที่จิต รู้สังขารจิต หรืออาการของจิต รู้ว่ามีกิเลสหรือไม่มีกิเลส รู้ว่าว่างหรือวุ่น เป็นต้น
    แล้วเก็บจำไว้ในรูปสัญญา สังขารก็ไม่ใช่เรา—ไม่ใช่ของเรา วิญญาณก็ไม่ใช่เรา—ไมใช่ของเรา มันเกิดดับทุกครั้งตามเหตุตามปัจจัย คนมีความ โลภ โกรธ หลง ทุกวันนี้ก็เพราะมีตัวตนเข้าไปยึดถือเวทนาและตัณหามาเป็นเป็นของตนไงล่ะโยม ผู้ใหญ่ เรียกว่ามีอุปาทาน นั่นเองจึงเป็นทุกข์

    ผู้ใหญ่มา :ผมเริ่มเห็นชัดขึ้นแล้วครับ แต่ต้องไปเห็นจากใจให้ได้จริงๆ ไม่ใช่นึกเอา พูดเอาใช่ไหมครับ?

    หลวงพ่อแช่ม :ใช่แล้ว รูปก็ดี เวทนาก็ดี สัญญา สังขาร วิญญาณก็ดี มันทำงานของมันตามหน้าที่ เราไม่มีในมัน ปล่อยให้มันเป็นมัน รับส่งหน้าที่กันเองเป็นทอดๆ เป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกัน (เราอยู่เฉยๆ เปล่าๆ เป็นเพียงสมมุติเรียกขันธ์ห้าเท่านั้น) ถ้ามีสติมาทันและรู้สึกตัวอยู่ทุกขณะ จะเห็นขบวนการของขันธ์ห้าชัดและเห็นว่ามันเกิดดับทุกขันธ์ โดยเราบังคับบัญชามันไม่ได้ จึงเกิดปัญญาเห็นแจ้งว่าไม่มีเราในมัน และมันก็ไม่มีตัวตน จึงบังคับบัญชาตัวมันเองไม่ได้ สติหรือตัวกำหนดรู้หรือผู้ดูก็ไม่ใช่เรา เป็นส่วนของจิต ของธาตุรู้ ดูไปดูมาก็จะเกิดปัญญารู้แจ้งขึ้นมาเองและรู้ได้เองว่าผู้รู้ก็ไม่ใช่เราอีก เพราะบังคับบัญชาเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน เขารู้ของเขาเอง และเกิดดับเอง จึงไม่มีเราในมันจริงๆ ทั้งกายและใจ จะดูแบบไหนอย่างไรก็ได้ให้เห็นว่าไม่มีเราในขันธ์ห้า และขันธ์ห้าก็ไม่มีตัวไม่มีตน จึงเกิดดับ และมีไม่จริง หมดทั้งเราหมดทั้งมัน ไม่เหลือการดูดผลักในใจ จึงจะเรียกว่าสอบผ่าน เห็นธรรมได้อย่างถูกต้องด้วยตนเอง เป็นปัจจัตตัง ต่อไปจะพ้นกามราคะได้ และทิ้งรูปทิ้งนามได้เด็ดขาด

    ผู้ใหญ่มา :โอ...หลวงพ่อ ดูไปดูมามันชักจะยากขึ้นนะครับ

    หลวงพ่อแช่ม :ก็อย่างนี้แหละ การเข็นครกขึ้นภูเขา ใครๆก็ย่อมรู้ว่ามันลำบาก ผู้ใหญ่จะกินอะไรให้อร่อย จะให้พ่อครัวปรุงเร็วๆ ลวกๆ ย่อมไม่ได้ พระอริยเจ้าแต่ละองค์ท่านก็ต้องอดทน ทนอย่างมาก เพียรอย่างมาก เพื่อจะไม่ต้องเกิดต้องตาย (ทางจิต) กันให้ได้ในชาตินี้ อย่าเชื่อตามคนอื่นว่า อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยในการปฎิบัติธรรมนะผู้ใหญ่ ถ้าใครบุกจริง เอาจริงในเรื่องนี้จะประสบผลสำเร็จทุกคน ทั้งๆที่ทุกเรื่องมีไม่จริงก็ตาม แต่เมื่อถึงนิพพานแล้ว จะรู้เองว่าได้รับผลนิพพานจริงๆ

    ผู้ใหญ่มา :หลวงพ่อครับ ตั้งแต่ผมได้เรียนธรรมกับหลวงพ่อมาจนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่นานนัก แต่รู้สึกว่าสบายกายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    หลวงพ่อแช่ม :เออ... ที่ว่าสบายๆ นั้น ก็ยังไม่จริงนะ มันมีสบายมากกว่าที่โยมผู้ใหญ่คิดหรือรู้สึกอีกมาก ถ้าเห็นแจ้งจนถึงที่สุด หมดทุกข์ไปอยู่เหนือโลกพ้นโลกได้เมื่อไร เมื่อนั้นแหละผู้ใหญ่จะรู้ว่าถึงบางอ้อ

    ผู้ใหญ่มา :ครับ หลวงพ่อ ผมพอจะเข้าใจ เรื่อง รูป นาม หรือกายกับใจ ว่ามันทำหน้าที่ของมัน ไม่ใช่เรา ซึ่งรู้ได้อย่างนี้ก็ทำให้รู้สึกสบาย ปลอดโปร่งใจไปมาก

    หลวงพ่อแช่ม :แสดงว่ามีความรู้สึก เกิด—ตาย น้อยลงน่ะซี เมื่อก่อนมันวุ่นวายมากกว่าว่าง พอรู้จักตัวเองขึ้นก็เลยว่างมากกว่าวุ่น

    ผู้ใหญ่มา :ผมกราบลาก่อนละครับ วันนี้คุยกันนาน ได้เนื้อหามากมายจริงๆ ผมต้องกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ และเคารพนับถือเป็นอาจารย์ของผมโดยแท้จริง

    หลวงพ่อแช่ม :“อย่ามีอาจารย์ในจิต อย่ามีลูกศิษย์ในใจ” นะผู้ใหญ่ มันเป็นของมันทั้งนั้น ขอให้เจริญในธรรมเถิด
    ----------------------
     
  17. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    คุณอ๋อครับ ไม่ทราบว่าคุณอ๋อรวบรวมรายชื่อสมาชิกที่สนใจทั้งชายและหญิงได้เป็นจำนวนเท่าไหร่ครับ เท่าที่ผมดูจะต้องมีเสียงผู้ชายยืนพื้นในทุกบทสนทนา ซึ่งในบางบทสนทนามีเสียงผู้หญิงด้วย ตามความคิดผมมี 3 วิธี คือ

    1.ให้เฉลี่ยบทสนทนาตามจำนวนผู้ชายและในบางบทสนทนาที่มีเสียงผู้หญิงให้จับคู่กับสมาชิกผู้หญิงช่วยกัน

    2.เฉลี่ยรวมให้กับสมาชิกทั้งหญิงและชาย โดยสมาชิกที่ได้รับบทสนาไปให้ปรับแต่งเสียงในโปรแกรมตัดต่อเพื่อให้เป็น ญ หรือ ช เองตามบทสนทนา

    3.ในบางบทสนทนาที่มีทั้งเสียงผู้หญิงและชาย มีสมาชิกท่านไหนที่มีคนพร้อมก็รับบทสนทนานั้นไป

    และไม่ทราบว่าได้สอบถามทางพระหรือยังครับว่าถ้าเสียงหลวงพ่อแช่มกับผู้ใหญ่มาแต่ละตอนอาจโทนไม่เหมือนกัน ได้หรือเปล่าเพราะสมาชิกหลายๆท่านช่วยกัน

    อันนี้ผมสอบถามและเสนอความคิดเห็นดูนะครับ ^^

    ขอบคุณครับ
     
  18. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    โมทนา สาธุ ๆ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกัน
    เผยแผ่พระไตรปิฎกและพระธรรมคำสั่งสอน
    ของพระพุทธเจ้า ด้วยครับ
     
  19. mhutom

    mhutom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +264
    ยังมาสมัครทันมั้ยค่ะพี่ อยากร่วมด้วย แต่หากสำเร็จลุล่วงแล้ว กราบอนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ หากยังพอมีโอกาสให้น้องได้ช่วย ก็จะทำสุดความสามารถค่ะ
     
  20. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,683
    ค่าพลัง:
    +9,239
    อยากช่วยด้วยค่ะ
    ยังสมัครทันมั๊ยคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...