เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันพระใหญ่เดือนขาด แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ แต่กระผม/อาตมภาพมีภารกิจด้านนอก จึงต้องมอบฉันทะให้กับพระภิกษุวัดท่าขนุนไปลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์แทน

โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ต้องไปเป็นอาจารย์สอบผู้เข้าสอบความรู้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ประจำปี ๒๕๖๗ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี แต่เนื่องจากว่าภารกิจที่รับไว้นั้น ไม่สามารถที่จะให้ผู้อื่นไปแทนได้ จึงต้องกราบเรียนถวายพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ผู้รับผิดชอบในการฝึกซ้อมอบรมครั้งนี้ ว่ากระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะไปร่วมงานได้ ซึ่งท่านเองก็เมตตาบอกว่า "เมื่อมีภาระสำคัญ ก็ไปทำตามที่ได้รับนิมนต์เอาไว้เถอะ"

ครั้นฉันเช้าแล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินทางตรงไปยังวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เมื่อไปถึงก็เข้าจอดในที่จอดรถใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ซื้อด้วยปัจจัยที่กระผม/อาตมภาพนำผ้าป่าไปทอดให้นั่นเอง ดังนั้น..จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นรถแล้ว ก็รีบกุลีกุจอ โบกให้เข้าที่จอดอย่างกระตือรือร้น

กระผม/อาตมภาพเดินไปกราบพระประธานในวิหาร ตามแบบฉบับของครูบาอาจารย์ได้สอนไว้ ก็คือ "ไปที่ไหน ถ้าสามารถเข้าโบสถ์ได้ ก็ให้ไปกราบพระประธานในโบสถ์ ถ้าเข้าโบสถ์ไม่ได้ ก็ให้กราบพระประธานในวิหารก่อน" ปรากฏว่าดร.พระครูกล้า (พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร.) ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร และเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอก และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ตาไวมองเห็นเข้า จึงตามมาขอกราบถึงในพระวิหาร จากนั้นก็นำกระผม/อาตมภาพไปพักที่ศาลานางสาวอัมพร บุญประคอง

เพิ่งจะนั่งลงยังไม่ทันไร หลวงพ่อต๋อง (พระครูสุทธิสารโสภิต) เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน รองเจ้าคณะอำเภอไทรโยคก็มาถึง ตามมาด้วยหลวงพ่อต่อ (พระครูปิยรัตนานุกูล) วัดมณีวงศ์ เจ้าพ่อวังพญานาคก็มาถึงเช่นกัน

ยังไม่ทันที่จะคุยอะไรกันเลย หลวงพ่อเจ้าคุณผ่อง - พระเดชพระคุณพระวชิรธรรมคณี (ผ่อง สุวีโร ป.ธ.๕) เจ้าอาวาสวัดหนองจอก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีก็มาถึง กระผม/อาตมภาพจึงเข้าไปกราบ และกราบเรียนท่านว่า ไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมฉันเพลได้ เพราะว่าต้องรีบเดินทางกลับ เนื่องจากภารกิจรัดตัวมาก หลวงพ่อท่านก็ยังปรารภว่าเสียดายอยู่เลย

 

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็นิมนต์เข้าไปภายในอุโบสถวัดมหาธาตุวรวิหาร กระผม/อาตมภาพนั่งกราบพระประธานยังไม่ทันไร หลวงพ่อญาก็มานั่งกราบอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อญานั่นก็คือพระครูวัชรชลธรรม เจ้าอาวาสวัดชลธราราม (วัดท่าซิก) เจ้าคณะอำเภอท่ายาง ตามมาด้วยท่านอาจารย์แจ้ (พระครูสมุห์ตะวัน อิทฺธิโชโต) เจ้าอาวาสวัดน้อมประชาสรรค์ พระเกจิอาจารย์หนุ่มมาแรงของยุคนี้

ระยะหลังนี้ ไม่ว่าท่านอาจารย์แจ้จะไปงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่ใดก็ตาม ถ้ากระผม/อาตมภาพอยู่ด้วย ท่านก็จะมานั่งใกล้กันทุกครั้ง เหตุเพราะว่าเคยถวายคำแนะนำให้กับท่านไปว่า "ให้รีบสร้างกำลังใจของตนเองให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะลำบาก เพราะว่าตนเองก็ต้องแบกกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เต็มตัว แล้วยังต้องมาแบกภาระเรื่องราวต่าง ๆ ที่ญาติโยมเอามาถมใส่ให้อีก..!"

ท่านอาจารย์แจ้ก็ยังกราบเรียนกระผม/อาตมภาพมาว่า "ตอนนี้ลำบากมากเลยครับ ยังไม่ทันจะสว่างเลย ญาติโยมก็มานั่งรอแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกว่า ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพอยู่ในลักษณะนี้ ก็จะลดเวลานอนของตัวเองลง ก็คือใช้เวลาก่อนนอนและหลังตื่นนอน รีบภาวนา สร้างกำลังใจให้มากเข้าไว้ จะได้มีกำลังใจสู้กับญาติโยมทั้งหลายได้

อีกไม่กี่นาทีต่อมา พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสิทธาจารย์ หรือหลวงพ่อละเอียด เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะภาค ๑๕ ก็มาถึง ท่านเป็นประธานในการจุดเทียนชัย หลังจากนั้นก็เป็นประธานในการปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อวัดมหาธาตุ รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ก็คือเลื่อนสมณศักดิ์ของ ดร.พระครูกล้านั่นเอง

กระผม/อาตมภาพ แม้ได้ยินพิธีกรบอกว่าให้ภาวนา ๓๐ นาที แต่ก็ "จัดเต็ม" ตามระเบียบของตน เนื่องเพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า พระองค์ท่านแสดงธรรมเหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อนั้นจะตัวใหญ่ ตัวเล็ก ต่างกันขนาดไหนก็ตาม ราชสีห์ก็จะใช้กำลังในการเข้าจับเท่ากัน จึงทำให้พลาดได้ยากมาก

กระผม/อาตมภาพก็กราบขอบารมีพระเกจิอาจารย์สายจังหวัดเพชรบุรีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม หลวงพ่อจิตร วัดสัตตนารถปริวัตร วรวิหาร หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก เหล่านี้เป็นต้น ขอให้ท่านช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ในการเสกเหรียญในครั้งนี้ด้วย

 

เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้ว่า "ถ้าใช้กำลังของพระ หรือว่า พรหม เทวดา สิ่งนั้นก็จะเสื่อมได้ยาก และโอกาสที่จะพลาดก็ไม่มี เนื่องเพราะว่าพระท่านจะมอบหมายให้ พรหม เทวดา ช่วยดูแลวัตถุมงคลนั้น ๆ ส่วน พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ที่ท่านอยู่ข้างบน มีความเป็นทิพย์อยู่แล้ว ท่านก็จะช่วยเมตตาระมัดระวังผู้ที่นำวัตถุมงคลไปใช้ ให้ได้รับความปลอดภัย หรือว่าได้รับอานุภาพไปตามวิชาการที่ได้บรรจุลงไปในนั้น"

ครั้นเมื่อภาวนาครบตามพระท่านสั่งแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์ พรมรอบบริเวณพิธี แล้วก็โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นก็ถอดหน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง เข้าไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อละเอียด เจ้าคณะภาค ๑๕ ซึ่งท่านยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดีเหมือนเดิม เนื่องจากว่าพอถอดหน้ากากท่านก็จำได้ เพราะเคยบอกเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นไปได้ ให้ช่วยนำผ้าป่าไปสร้างที่วัดคลองวาฬ ช่วยท่านสร้างพระเจดีย์ด้วย"

แล้วก็มากราบท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญชิต - พระธรรมวชิรมุนี วิ., รศ.ดร. (บุญชิต ญาณสํวโร ป.ธ.๙) เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แล้วมานั่งรับไทยธรรมจากที่ทางด้านเจ้าภาพนำมาถวาย ซึ่งเมื่อเห็นแล้วก็ถอนใจ ว่าเขาพยายามให้กระผม/อาตมภาพเป็นคนแก่ตามอายุให้ได้ เพราะว่ามีไม้เท้ามาอีกแล้ว แต่ในเมื่อเป็นศรัทธาจากญาติโยม ก็ต้องรับเอาไว้ตามระเบียบ จากนั้นก็เดินทางกลับ ในท่ามกลางอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เป็นอยู่

ครั้นติดตามข่าวสารบ้านเมืองแล้ว ถึงได้รู้ว่าอากาศเปลี่ยนแรงมาก จะมีพายุฝนถึง ๒๖ จังหวัด กระผม/อาตมภาพกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ผู้ทำหน้าที่พลขับนั้น ต่างก็มีเชื้อมาลาเรียอยู่ในตัว เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดอาการไข้ขึ้นมาทันที ยิ่งเปลี่ยนแรงมาก อาการไข้ก็จะหนักมาก

โดยเฉพาะวันนี้น้องเล็กฝืนขับรถ จนกระทั่งกะระยะผิด เกือบที่จะไปเสยการ์ดเลนเสียแล้ว..! กระผม/อาตมภาพที่กำลังใช้กลุ่มไลน์สั่งงานอยู่ โดยใช้เสียงสั่งงานแทนการพิมพ์ ก็เกือบจะต้องอมโทรศัพท์เข้าไปทั้งอัน..! เนื่องเพราะว่าโดนอีกฝ่ายเบรกหัวทิ่ม ขณะที่กำลังพูดใส่โทรศัพท์อยู่ แต่ก็ต้องให้อภัย..เพราะรู้ดีว่าโรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นอย่างไร..?!

 

ครั้นเข้าถึงที่พักวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีแล้ว ก็รอจนกระทั่งผู้ประสานงานมาถึง ได้นำเอาเหรียญตัวอย่างของเหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวัน ก็คือวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง (ปีที่ ๕) มาให้ตรวจดู โดยเฉพาะเหรียญทองคำ ซึ่งกระผม/อาตมภาพสั่งทำน้อยมาก เนื่องเพราะว่าราคาสูง โดยเฉพาะในส่วนของทองคำและเงินในระยะนี้ก็ขึ้นราคาไปได้ดุเดือดมาก

ทางผู้ประสานงานยืนยันว่า จะสามารถทำเหรียญนาคปรก เสาร์ ๕ ตรีวัน ให้เสร็จทันเวลาเฉพาะเนื้อทองคำและเนื้อเงินอย่างแน่นอน ส่วนเนื้ออื่น ๆ นั้น ต้องดูว่างานมากขึ้นหรือว่าน้อยลง ถ้างานส่วนอื่นน้อยลง ก็อาจจะเสร็จเรียบร้อยตามระยะเวลา แต่ถ้าหากว่างานมากขึ้น ก็อาจจะเสร็จไม่ทันก็ได้

แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้หนักใจ เพราะว่าปีนี้มีวันเสาร์ ๕ ถึงสองวัน ถือว่าอยู่ในปีเดียวกัน แล้วส่วนที่ไม่ได้ปลุกเสก ก็เป็น "เนื้อล่าง" เท่านั้น แต่ถ้าเสร็จทัน ไม่ว่าเป็น "เนื้อล่าง" หรือว่า "เนื้อบน" ก็จะได้เข้าพิธีพร้อมกัน เชื่อว่าอีกไม่นาน เมื่อรูปถ่ายสตูดิโอออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้ให้ญาติโยมทั้งหลายได้จับจองเป็นเจ้าของกันต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)