เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพไข้จับ หมดสภาพ เนื่องเพราะว่าอากาศเปลี่ยนแรงมาก ขนาดอยู่ในกุฏิปิดมิดชิด เปิดเฉพาะประตูบานเดียวให้อากาศถ่ายเท ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ ไม่มีพัดลม ก็ยังรู้สึกว่าหนาวมาก แต่ว่าก็ต้องทนเอา เนื่องเพราะว่าเรื่องของดินฟ้าอากาศนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ เราเองสร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มาก ก็ย่อมได้รับผลกระทบมาก ท่านที่สร้างเวรกรรมเอาไว้น้อย ก็ได้รับผลกระทบน้อย เรื่องแบบนี้ไม่ว่ากัน

    หลังจากที่ฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปทำบวงสรวงที่หน้าบริเวณสมเด็จองค์ปฐม วัดอุทยาน เพื่อขออนุญาตจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบในวันนี้ งานภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น ส่วนใหญ่แล้วกระผม/อาตมภาพจะฉวยโอกาสกราบขอบารมีพระปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัว แต่วันนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงได้นานมาก ? ปรากฏว่าเมื่อพระท่านบอกว่า "เต็มแล้ว" คลายสมาธิออกมา ทำการพรมน้ำมนต์ ถึงได้เห็นว่าสิ่งที่เอามาเข้าพิธีนั้น ไม่ได้มีอะไรที่เป็นรูปพระเลย..!

    กระผม/อาตมภาพเคยบอกกับท่านทั้งหลายเอาไว้แล้วว่า การเสกพระให้เป็นพระนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ว่าการเสกสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รูปพระพุทธเจ้าหรือว่ารูปพระสงฆ์นั้น ต้องเสกให้มีพลังเหมือนกับว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นพระ เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวันนี้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ได้ให้นำเอาปลาตะเพียนสาน ตลอดจนกระทั่งรูปของเทวดานักษัตรทั้ง ๑๒ ปีเอามาเข้าพิธี จึงกลายเป็นว่ากระผม/อาตมภาพนั้นโดนล็อคนิ่งอยู่ในสมาธินานมาก ๆ น่าจะเกิน ๑ ชั่วโมง..!

    เมื่อคลายสมาธิออกมาแล้ว ก็ได้ร่วมภาวนาพระคาถาเงินล้านร่วมกับทุกคน เมื่อพระท่านบอกว่าครบ ๑๐๘ จบแล้วก็วางประคำลง เพื่อเตรียมที่จะนำทุกท่านอุทิศส่วนกุศล ก็พอดีกับเสียงระฆังเตือนว่าจบสุดท้ายดังขึ้นแล้ว ทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) บอกว่า "เป๊ะเว่อร์เกินไปไหมครับหลวงพ่อ ?"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หัวเราะ เนื่องเพราะว่าถ้าระดับพระท่านบอกแล้วยังไม่ "เป๊ะ" ขนาดนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครจะสามารถทำได้ เนื่องเพราะว่าการภาวนานาน ๆ นั้น ถ้าหากว่าสมาธิไม่ทรงตัวจริง ๆ การนับจำนวนก็มักจะมีการพลาดได้

    เมื่อตอนอยู่ที่ในงานสมโภชอุโบสถวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) นั้น ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ควักเอาเครื่องนับเลขอัตโนมัติ หรือที่หลายท่านเรียกเคาน์เตอร์ออกมาให้ดู บอกว่า "เดี๋ยวนี้ต้องอาศัยเครื่องแบบนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าภาวนาไปแล้วกี่จบ" กระผม/อาตมภาพจึงเรียนถวายว่า "เครื่องแบบนี้ก็ดี แต่สติที่ควรได้กลับไม่ได้เท่าที่ควร" ท่านเจ้าคุณหลวงตามองหน้าเป็นเชิงให้อธิบายต่อ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    กระผม/อาตมภาพจึงเรียนถวายว่า "เวลาเรานับลูกประคำ อันดับแรกเลย เป็นอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร คือต้องกำหนดรู้อาการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ

    ประการต่อไปคือ สติต้องกำหนดจดจำว่าตอนนี้ภาวนาไปกี่จบ ? นิ้วมือเคลื่อนผ่านลูกประคำถูกต้องหรือไม่ ? จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้สติเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว เผลอเมื่อไรก็จะนับผิด

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เราใช้เครื่องนับอัตโนมัติ ถึงเวลาก็กดครั้งหนึ่ง ถึงเวลาก็กดครั้งหนึ่ง สติที่จะจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าจึงไม่ได้เท่าที่ควร"
    ท่านเจ้าคุณหลวงตาจึงได้บอกว่า "จริงอย่างที่แกว่า แต่ข้าแก่แล้ว จะให้ไปทุ่มเทแบบสมัยหนุ่ม ๆ ก็ไม่ได้ จึงต้องอาศัยเครื่องแบบนี้แหละ"

    อันดับต่อไปก็คือ ในเรื่องของการนับลูกประคำนั้น ประคำเส้นนั้นจะรับเอาปราณ หรือว่าพลังชีวิต หรือจะเรียกว่าความศักดิ์สิทธิ์ ของเจ้าของผู้ใช้เข้าไปด้วยก็ได้ ก็คือจะเรียกแบบไหนก็ใช่ทั้งนั้น

    ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นว่า สถานที่ซึ่งพระสุปฏิปันโนท่านปฏิบัติธรรม ถ้าเราไปอาศัยอยู่ในที่นั้น สภาพจิตของเราจะทรงตัวได้เร็วมาก แล้วถ้าหากว่าตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผล พลังของท่านที่เหลืออยู่ ก็จะช่วยประคับประคองให้เราเองนั้น ไปได้ถูกทาง และเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่ตะเกียกตะกายพยายามด้วยตนเอง


    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การปฏิบัติตามแบบโบราณจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงแล้ว เพราะว่าโบราณาจารย์ที่ท่านมีความรู้ความสามารถ อยู่ในระดับครูบาอาจารย์ของหลวงปู่หลวงพ่อเรา กว่าจะมาถึงระดับของเรานั้น วิชาการต่าง ๆ ท่านตกผลึกลงมาจนสามารถสรุปได้
    ลงตัวแล้ว

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราเองปฏิบัติตามไป ก็สามารถที่จะรับผลดีได้เลย ไม่ใช่ว่ามาตะเกียกตะกายหาแนวทางใหม่ กว่าที่จะได้แนวทางที่เหมาะสมกับตนเองเหมือนยุคสมัยของท่าน บางทีก็ตายเปล่าเสียก่อน โดยที่ไม่ทันจะได้อะไรอย่างที่หวัง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    โดยเฉพาะในส่วนของคำอุทิศส่วนกุศล ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านผูกเอาไว้นั้น เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงแล้ว ในระยะนี้ท่านทั้งหลายสังเกตว่า เรื่องของท่านไพศาล แสนไชย ได้รับการขุดคุ้ยให้ฮือฮาขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง ซึ่งความจริงก็ฮือฮากันแค่คนนอกวงการเท่านั้น เนื่องเพราะว่าคุณหนุ่ม คงกระพัน ได้ไปทำคลิปมาลงโซเชียล

    โดยปกติแล้ว คนในวงการที่เชื่อถือท่านไพศาล แสนไชย หรือว่าบุคคลที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับท่านไพศาล แสนไชยนั้น ก็จะไปมาหาสู่เป็นปกติ ในแต่ละวันก็ไปเป็นร้อย ๆ คนอยู่แล้ว ซึ่งท่านไพศาล ก็ไม่สามารถที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ได้หมด ต้องมีการจำกัดจำนวนในแต่ละวัน

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่แห่กันไปในระยะนี้ ลักษณะของ "การถือมงคลตื่นข่าว" ก็อาจจะทำให้ท่านอาจารย์ไพศาลเหนื่อยมากยิ่งกว่าเดิม และไม่ใช่ว่าไปแล้วจะได้พบ ต้องใช้ความพยายามเทียวไปเทียวมาหลายรอบทีเดียว แต่ว่าส่วนที่จะได้ ก็คือทำให้บุคคลเชื่อมั่นในเรื่องของการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว โดยเฉพาะการที่เราสร้างกรรมแล้ว มีเจ้ากรรมนายเวร หรือว่าแรงกรรมนั้นคอยตามสนอง หรือว่าตามทวงเราอยู่

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า สำหรับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ นั้น การอุทิศส่วนกุศลของท่านก็คือ "ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพาน"

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า สิ่งที่อาจารย์ไพศาลแนะนำแก่บุคคลที่ไปหา อันดับแรกเลยก็คือ ต้องหาทาง "เปิดกรรม" นั้นให้ได้ ถ้าหากว่าเปิดกรรมแล้ว สิ่งต่อไปก็คือ ใครที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรบ้าง ? แล้วเราต้องไปขอขมากันทีละคน

    แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้พวกเรา อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งในการทำความดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากรรมนายเวรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป ถ้าหากว่ารับไมตรีจิตมิตรภาพหรือข้าวของจากเราไปบ่อย ๆ ท้ายสุดก็ใจอ่อน หันมาดีกับเรา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้ากรรมนายเวรท่านก็ย่อมอโหสิกรรมให้กับเราไปในที่สุด
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้ให้เอาไว้ เป็นสิ่งที่ท่านได้ตกผลึกแล้วว่า ถ้าทำอย่างนี้ก็จะครบถ้วนบริบูรณ์ จึงเป็นเหมือนกับอาหารสำเร็จรูปที่เราทั้งหลายตักรับประทานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปหาสูตรเพื่อที่จะปรุงอาหารขึ้นมาอีกสักจานหนึ่งให้เสียเวลา


    ใครที่ทำเช่นนั้นขอให้รู้ว่า ในสายตาของกระผม/อาตมภาพนั้น ท่านกำลังทำในสิ่งที่ภาษิตจีนกล่าวว่า "ถอดกางเกงผายลม" ก็คือจะตดทั้งที ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถอดกางเกง แล้วท่านไปถอดทำไมให้เสียเวลา ?

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ระยะนี้ในสื่อโซเชียลได้มีการทำคลิป โดยเฉพาะอยู่ในลักษณะการสัมภาษณ์คนดังต่าง ๆ มาลง แม้ว่าจะเป็นการหายอดวิวยอดไลค์เสียมากกว่าก็ตาม แต่ว่าในส่วนของคุณงามความดีของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็ได้ปรากฏชัดแก่สาธารณชน

    แต่ว่ามีบุคคลหนึ่งที่จะกล่าวไปว่ากระผม/อาตมภาพก็พอคุ้นเคยอยู่ ก็คือพลตำรวจโทเรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสมัยที่ท่านเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เคยได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการระวังป้องกันสิ่งมีค่าต่าง ๆ ภายในวัด แก่กระผม/อาตมภาพและเจ้าอาวาสอีกจำนวนมากที่เข้าอบรมด้วยกันในรุ่นนั้น

    สิ่งที่เขาสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ก็เป็นวีรกรรมที่ท่านผู้การเรวัช ได้ทำการปราบปรามผู้ร้ายต่าง ๆ โดยเฉพาะการวิสามัญฆาตกรรมบุคคลที่ต้องบอกว่า เลวร้ายจนกระทั่งท่านเห็นว่าไม่ควรที่จะอยู่ในโลกอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องป้องกันรักษาชีวิตตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วบุคคลที่ตายก็จะเป็นตัวท่านเองอีกอย่างหนึ่ง
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนฟังสนุก รู้สึกว่าท่านเป็นฮีโร่ แต่คนเล่าต้องทวนถึงสิ่งที่ตนเองได้ทำอยู่บ่อย ๆ จะกลายเป็นการทวนความจำในความชั่วที่ตนเองได้ทำไป ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำไปเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ว่าเรื่องของบุญส่วนบุญ เรื่องของบาปส่วนบาป ถ้าไปตอกย้ำในส่วนของบาปบ่อย ๆ เกิดวาระสุดท้ายของชีวิต "อาสันนกรรม" ส่วนนี้แทรกเข้ามา อย่างน้อย ๆ ท่านก็ต้องลำบากไปผ่านตำหนักพญายม ถ้าหากว่าแทรกเข้ามาหนัก อาจจะหลุดยาวลงไปข้างล่างเลย จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะห่วงอยู่มาก

    แต่จากที่ได้สัมผัสมา ท่านผู้การเรวัชเป็นบุคคลที่สมาธิจิตดีมาก ลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าไม่ทิ้งแนวการปฏิบัติของตนเอง และไม่โดนอาสันนกรรมมาแทรก ย่อมมีคติที่ค่อนข้างจะแน่นอน แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนไปสัมภาษณ์ตอกย้ำท่านบ่อย ๆ
    ถ้าเกิดว่าเวรกรรมเข้ามาในวาระนั้นพอดี อาจจะทำให้ท่านเดือดร้อน แล้วหาคนไปช่วยได้ยากก็เป็นได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...