เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 มิถุนายน 2025 at 17:52.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางกลับถึงวัดท่าขนุน ก็ออกบิณฑบาตไม่ทันเสียแล้ว เนื่องเพราะว่าเมื่อวานนี้ พลขับต้องขับรถต่อเนื่องทั้งไปและกลับประมาณ ๘ ชั่วโมง จึงเกิดอาการสลบไสลไม่ได้สติ..! ไม่สามารถที่จะตื่นตี ๓ ได้ตามที่นัดกันเอาไว้ จึงต้องปล่อยให้นอนเลยตามเลย ตื่นแล้วค่อยเดินทางกลับวัดท่าขนุน แต่น่าเสียดายว่าไปไม่ทันบิณฑบาตเช้า

    เมื่อไปถึง เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ถึงมีเวลามาดูแลจัดการเงินต่าง ๆ ที่รับมาในช่วงงานเป่ายันต์เกราะเพชร ไม่ว่าจะเป็นเงินสังฆทาน หรือว่าเงินจากการจำหน่ายวัตถุมงคล ส่วนที่น่าคิดมากที่สุดก็คืองานนี้ธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท ใบละ ๕๐ บาท และใบละ ๒๐ บาทมีมากเป็นพิเศษ เป็นเครื่องที่วัดได้อย่างชัดเจนว่า
    การทำบุญของญาติโยมนั้นลดน้อยถอยลง เนื่องเพราะว่าสภาพเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่อำนวย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวังค่าใช้จ่ายไว้ก่อน

    ยกเว้นคณะของคุณทิปะกร ไซยะวงศ์แสง จากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ถวายเงินทำบุญทุกอย่างมา ๑ ล้านบาท และถวายเงินส่วนตัวมา ๑ แสนบาท

    สรุปว่าญาติโยมที่มารับยันต์เกราะเพชร ๔ - ๕ พันคน ทำบุญแล้วยังรวมเกือบจะไม่ได้เท่ากับคนทำบุญคนเดียว..! ต้องบอกว่า
    บุคคลที่มีความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ ก็ยังคงสามารถที่จะทำบุญได้เหมือนเดิม แต่บุคคลที่ไม่มีความคล่องตัวระดับนั้น อย่างไรก็ต้องระมัดระวังค่าใช้จ่ายเอาไว้ก่อนโดยไม่ประมาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็เหลือรายรับอยู่ที่ประมาณ ๒ ล้านเศษ ๆ เท่านั้น

    เรื่องพวกนี้ ญาติโยมที่กำลังมองวัดมองพระสงฆ์ในแง่ร้าย ไม่เคยคิดมาถึงตรงนี้ว่า แต่ละวัด แต่ละแห่งนั้น มีรายจ่ายต่าง ๆ อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในการดูแลวัด ค่าใช้จ่ายในการบูรณะของเก่า เสริมสร้างของใหม่

    ตลอดจนกระทั่งค่าใช้จ่ายของบุคลากรต่าง ๆ ที่อยู่ภายในวัด ซึ่งโดยนิสัยของกระผม/อาตมภาพแล้วก็ไม่ชอบใช้ใครฟรี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมีรายจ่ายในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมาก ยังดีที่ว่ากระผม/อาตมภาพสามารถจัดการเรื่องเงินทองได้อย่างเด็ดขาด เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเงินเก่า ๆ เลยแม้แต่บาทเดียว พูดง่าย ๆ ว่าหาเงินใช้เอง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    เนื่องเพราะว่าเงินวัดส่วนใหญ่นั้น จะไปตกอยู่ในมือของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ซึ่งยัดเยียดตัวเองเข้ามาเป็นไวยาวัจกรบ้าง เป็นกรรมการวัดบ้าง เมื่อถึงเวลาวัดมีงาน ไม่ว่าจะเป็นกฐิน ผ้าป่า หรือว่างานเทศกาลใด ๆ ก็ตาม รายจ่ายก็ไม่ได้สนใจจะช่วยวัดจ่าย แต่รายรับเข้ามาเมื่อไรก็เก็บกวาดเอาไว้จนหมดเกลี้ยง โดยอ้างว่านำไปเก็บรักษาไว้บ้าง นำไปเข้าบัญชีให้กับวัดบ้าง แล้วก็ไม่เคยที่จะได้คืนอีกเลย ส่วนใหญ่ก็จะนำไปใช้จ่ายเองบ้าง นำไปปล่อยกู้ออกดอกบ้าง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเจ้าอาวาสไม่มีความสามารถเฉพาะตัว ก็ย่อมไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย พูดง่าย ๆ ว่ากลายเป็นทาสหาเงินให้ "ขาใหญ่" ทั้งหลายเหล่านี้ไปใช้จ่ายกัน แบบชนิดที่ฟุ่มเฟือยร่ำรวยไปตาม ๆ กัน..!

    เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นรองเจ้าอาวาส ก็เห็นอยู่ในลักษณะแบบนี้ จึงได้บอกกับท่านอาจารย์สมพงษ์ (พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) เจ้าอาวาสในยุคนั้น แต่ว่าท่านอาจารย์สมพงษ์เป็นเด็กของอำเภอทองผาภูมิ บรรดาขาใหญ่ทั้งหลายส่วนใหญ่ก็เป็นผู้อาวุโสระดับปู่ ระดับพ่อทั้งนั้น จึงไม่สามารถที่จะจัดการอะไรได้ จนกระทั่งท่านต้องสึกหาลาเพศไป ทิ้งเงินวัดเอาไว้แปดแสนกว่าบาท..!

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเงินวัดส่วนนั้นเลย ยกเว้นเงินทุนการศึกษา ที่ท่านอาจารย์สมพงษ์ได้ตั้งเอาไว้ตามหน้าที่ เป็นเงินจำนวน ๖๐,๐๐๐ กว่าบาท กระผม/อาตมภาพไปขอเปลี่ยนชื่อบัญชีเป็นชื่อของตนเอง ปรากฏว่าทางธนาคารแห่งนั้นไม่ยอมเปลี่ยนให้ โดยที่บอกว่า "ต้องเอาลายเซ็นของเจ้าของบัญชีเดิมมาก่อน"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    ท่านอาจารย์สมพงษ์นั้น เมื่อสึกหาลาเพศแล้วก็หายไปจากยุทธจักรไปนาน กว่าจะมาปรากฏตัวอีกทีก็เกือบจะ ๘ เดือนให้หลัง เมื่อกระผม/อาตมภาพได้ลายเซ็นไปแล้ว ทางด้านธนาคารบอกว่า "ไม่เหมือน" ไม่ยอมทำเอกสารให้..!

    กระผม/อาตมภาพก็เลยโวยขึ้นมากลางธนาคารว่า "ถ้าไม่ทำให้ อาตมาก็จะทิ้งบัญชีนี้ไปเลย..!" ทำเอาสมุห์บัญชีธนาคารต้องปรากฏตัวออกมา บอกว่า "ท่านจะทิ้งบัญชีนี้ได้อย่างไร ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "อย่างเก่งก็ฉีกโยนลงถังขยะ เงินแค่ ๖๐,๐๐๐ กว่าบาท หลังตู้เย็นของอาตมามีมากกว่านั้นอีก..!" อีกฝ่ายหนึ่งได้ฟังก็เลยต้องยอมทำเอกสารให้

    แต่กระผม/อาตมภาพไม่ขอฝากกับธนาคารแบบนี้
    อีกแล้ว จึงเบิกออกมาจนหมด แล้วไปเปิดบัญชีใหม่กับธนาคารอีกแห่งหนึ่งแทน และคิดอยู่ในใจว่า "ถ้าคุณทำงานแบบนี้ ไปไม่รอดแน่นอน..!" ท้ายสุดปรากฏว่าไม่รอดจริง ๆ โดนควบรวมกิจการกับธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แต่น่าจะดำเนินการเหมือนเก่าก็เลยไปไม่รอดอีก ก็เลยต้องไปควบรวมกับอีกธนาคารเป็นแห่งที่ ๓..!

    แต่ว่าปัจจุบันนี้ สาขาทองผาภูมิก็ไปไม่รอด ต้องปิดทิ้งไปเลย..! ใครที่ต้องการทำธุรกรรม ต้องวิ่งเป็นระยะทาง ๑๔๐ กิโลเมตร ลงไปยังกาญจนบุรีเพื่อทำธุรกรรมการเงิน ไปกลับรวม ๒๘๐ กิโลเมตร ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านเหล่านั้นที่รักมั่นไปก็แล้วกัน..!

    เมื่อกระผม/อาตมภาพได้รับตราตั้งเจ้าอาวาสเต็มตัวแล้ว ก็ได้ทำการประชุมคณะกรรมการวัด ซึ่งท่านอาจารย์พระสมุห์สมพงษ์ได้ตั้งเอาไว้ ๗๒ คน ปรากฏว่ามีมาประมาณ ๓๐ คนเท่านั้น..!

    กระผม/อาตมภาพกางระเบียบ ตลอดจนกระทั่งข้อกฎหมายให้ดูว่า
    ไวยาวัจกรและกรรมการวัดนั้น ทุกคนจะต้องพ้นตำแหน่งตามเจ้าอาวาสไปโดยกฎหมาย แต่เนื่องจากว่าทุกคนได้ช่วยเหลือทางวัดท่าขนุนมาโดยตลอด กระผม/อาตมภาพก็จะแต่งตั้งใหม่ กลับคืนไปในตำแหน่งเดิมทุกคน และขอทำการประชุมกรรมการวัด เพื่อที่จะชี้แจงและพิจารณาการทำกิจการต่าง ๆ ทุกเดือน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    เมื่อแจ้งไปแล้วกระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการตามนั้น แต่ปรากฏว่ากรรมการวัดทั้ง ๗๒ คนนั้น มีมาประมาณ ๓๐ คนบ้าง ไม่ถึง ๓๐ คนบ้าง กระผม/อาตมภาพก็แจ้งให้ทราบทุกครั้งที่ประชุมว่า "ใครมีใจให้กับทางวัด อาตมภาพก็ยินดีที่จะรับให้เป็นกรรมการวัดต่อไป แต่ถ้าใครไม่มีใจให้กับทางวัด ถึงเวลาอาตมภาพก็จะตัดหางทิ้งไปเลยเหมือนกัน..!"

    ครั้นครบ ๓ ปีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ออกคำสั่งเจ้าอาวาส ยกเลิกการแต่งตั้งไวยาวัจกร ตลอดจนกระทั่งคณะกรรมการวัดทั้ง ๗๒ คน แล้วแต่งตั้งใหม่เฉพาะผู้ที่มาประชุมทุกครั้งเท่านั้น ซึ่งเหลืออยู่ไม่ถึง ๓๐ คนดี..! ปรากฏว่ากลายเป็น "ผึ้งแตกรัง" เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นกรรมการวัดใหญ่แบบวัดท่าขนุน ซึ่งเป็นวัดหลักของทางอำเภอแล้ว เท่ากับว่าเขาสูญเสียฐานเสียงไปส่วนหนึ่ง แต่ละคนจึงวิ่งมาวัดเพื่อขอร้องให้กระผม/อาตมภาพแต่งตั้งใหม่..+

    แต่กระผม/อาตมภาพนั้นบอกว่า "ให้โอกาสพวกคุณมา ๓ ปีแล้ว ในเมื่อคุณไม่มีเวลาให้กับทางวัด ก็จะไม่แต่งตั้งใหม่ ปล่อยให้คุณไปทำงานของคุณให้เต็มที่ ขอบใจที่ยังมีใจให้กับทางวัด แต่ไม่อยากทำให้คุณต้องลำบากใจ ในการที่ทำงานตัวเองด้วย แล้วต้องมาเหนื่อยยากกับงานวัดด้วย ขอให้คุณทำงานส่วนตัวของคุณให้ดีก็แล้วกัน"

    หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็
    ออกระเบียบวัด "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร" ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนตอนแรกก็ยังมีการ "ลองของ" ก็คือถึงเวลาก็นำเอาผ้าป่ามาวัด กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ได้สั่งให้ไปหา เพราะฉะนั้น..เอากลับไปทอดที่วัดไหนก็ได้ ทางวัดท่าขนุนไม่รับ..!" เจอเข้าไป ๒ - ๓ ราย ท้ายสุดเรื่องการเรี่ยไรไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง ไม่เป็นเวล่ำเวลา ก็หมดไป การออกซองฎีกาเพื่อเรี่ยไรก็ไม่มี เนื่องเพราะว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนออกเป็นระเบียบวัดไปแล้วว่า "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร"
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,770
    ค่าพลัง:
    +26,635
    กระผม/อาตมภาพก็อาศัยการรับสังฆทาน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วมาที่บ้านวิริยบารมี ตลอดจนกระทั่งบ้านเติมบุญ นำเอาปัจจัยที่ได้รับจากญาติโยม มาทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัด ส่งเสียให้พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษา และมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ในอำเภอทองผาภูมิ

    ปัจจุบันนี้ พระภิกษุสามเณรทั้งอำเภอ ถ้าหากว่าใครต้องการที่จะเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ กระผม/อาตมภาพจะถวายค่ารถให้รูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน แล้วมาภายหลังได้มีการตั้งห้องเรียนวัดปรังกาสีขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล กระผม/อาตมภาพก็เหมาจ่ายค่าเทอม ในระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ เทอมละ ๕ แสนกว่าบาทให้ไปจนกระทั่งเรียนจบ..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีส่วนในการยุ่งเกี่ยวกับเงินวัด และเงินเก่า ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ไปทวงถามแม้แต่บาทเดียว ให้แต่ละคน "ทำตาใส" ไม่รู้ไม่ชี้ "ในเมื่อเอ็งไม่รู้ได้ ข้าก็ไม่รู้ด้วย" ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะง้อ..! ถึงเวลาเมื่อปิดบ้านเติมบุญแล้ว ญาติโยมทั้งหลายก็ยังคงทำบุญเข้ามา อยู่ในลักษณะของบัญชีบริจาคออนไลน์ ซึ่งผูกอยู่กับทางกรมสรรพากร ทำให้ทางวัดพอที่จะมีค่าน้ำค่าไฟบ้าง

    ในส่วนอื่น ๆ ที่ใช้จ่ายอยู่ กระผม/อาตมภาพเมื่อออกกิจนิมนต์ได้มา ก็นำมาใช้จ่ายในส่วนนั้น ตลอดจนกระทั่งมีการสร้างวัตถุมงคลตามวาระ ญาติโยมทั้งหลายก็พร้อมใจกันทำบุญมา จึงทำให้วัดท่าขนุนสามารถที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้ได้

    แต่เมื่อมาเห็นการทำบุญในงานเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วก็สะท้อนใจ แม้ว่าอาตมภาพพยายามที่จะแบ่งเบาภาระญาติโยมต่าง ๆ ไม่ว่าการทำมาหากินของผู้ใหญ่ ทุนการศึกษาของเด็ก ๆ ก็ตาม แต่เมื่อเห็นธนบัตรใบละ ๒๐ บาท ใบละ ๕๐ บาท ใบละ ๑๐๐ บาท มีจำนวนมากมาย แต่ว่าใบใหญ่กว่านั้นแทบจะไม่ได้มองเห็นเลย ก็ทำให้เข้าใจถึงความลำบากของทุกคนเป็นอย่างดี

    ก็ได้แต่
    ขอให้ทุกท่านตั้งอกตั้งใจภาวนาพระคาถาเงินล้าน ให้ได้วันละ ๑๐๘ จบ ภาวนาเป็นพระกรรมฐานส่วนตัวไปเลย ไม่ต้องไปเร่งรัด แต่ทำให้มีคุณภาพเข้าไว้ เพื่อที่เราจะได้ผ่านวาระอันยากลำบากใน ๕ ปีนี้ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านได้บอกเอาไว้ โดยที่ไม่ต้องลำบากมากเหมือนกับคนอื่นเขา

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...