เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ต้องขออภัยญาติโยมทุกท่านเป็นอย่างสูง เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ การบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน อาจจะเกิดจากเครื่อง Error ทำให้กดบันทึกแล้วไม่ติดเสียงธรรมมา ในขณะเดียวกัน..ปกติจะมีพระภิกษุในวัดบันทึกซ้ำเอาไว้ฟังเองอีกรอบหนึ่ง แต่เมื่อวานนี้ปรากฏว่าไม่มีใครบันทึกเอาไว้เลย จึงเป็นเหตุให้เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนหายไปหนึ่งวัน..!

    แต่ก็เป็นการดี เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเรื่องเมื่อวานนี้เป็นการภายในมากจนเกินไป คือส่วนใหญ่มีการตำหนิ ดุด่าว่ากล่าวเกี่ยวกับความประพฤติของพระภิกษุ ซึ่งถ้าหากว่าญาติโยมฟังแล้วอาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้

    แต่ความจริงแล้วญาติโยมทั้งหลายต้องเข้าใจว่า พระที่กระผม/อาตมภาพดุด่าว่ากล่าวไปนั้น ศีลของท่านไม่ได้บกพร่อง แต่ว่ามีเรื่องของความประพฤติบางอย่าง ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธา จึงต้องมีการตำหนิติเตียนกันตั้งแต่เบื้องต้น

    อันดับแรกเลยก็คือ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับวัดวาอาราม หรือพระพุทธศาสนา อันดับต่อไปก็คือให้พระภิกษุสามเณรของเรามีประสบการณ์ จะได้รู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำได้หรือว่าทำไม่ได้ เพราะว่าบางอย่างสิ่งที่เราทำไป แม้ว่าจะไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่ว่าญาติโยมไม่เข้าใจ ก็จะตำหนิติเตียนเอาได้ เป็นต้น

    จึงทำให้เรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นการภายใน ไม่ทราบว่าโดนผู้ใด "ตัดออกจากกองมรดก" พอมาดูการบันทึกแล้ว แม้ว่าเวลาจะครบถ้วน แต่ติดเสียงอยู่ประมาณ ๑๙ วินาทีเท่านั้น จึงทำให้ท่านทั้งหลายขาดการฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไปหนึ่งวัน

    เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเข้ารับการรักษาจากบรรดาแพทย์แผนไทยของชมรมภัทรเวชสยาม ซึ่งติดต่อมารักษาฟรีให้แก่ประชาชนในเขตอำเภอทองผาภูมินี้เป็นครั้งที่สามแล้ว กระผม/อาตมภาพอยากจะลองดู จึงไปให้รักษาด้วยวิธีการนวดและจัดกระดูก แต่ปรากฏว่าเจอคุณหมอมือหนักมาก ดังนั้น..เมื่อถึงเวลากดไปแล้วจึงระบมไปทั้งตัว จนแทบจะเดินไม่ได้ เมื่อบันทึกเสียงธรรมแล้วก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาบันทึกใหม่ เพราะว่าอยากจะไปนอนระบมแทนมากกว่า จนทำให้เสียงธรรมขาดหายไปหนึ่งวัน

    แล้วบรรดายาต่าง ๆ ที่หมอให้มา อย่างเช่นว่ายาถ่ายกษัยเส้น คุณหมอสั่งนักสั่งหนาว่า ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำในตอนเช้า ให้ฉันยาหอมไปก่อนสักถ้วยหนึ่ง เพื่อที่จะได้ช่วยไม่ให้หน้ามืดถ้าเกิดถ่ายมาก แล้วขณะเดียวกันถ้าหากว่าถ่ายมาก กำลังตก ก็อย่าฉันซ้ำ หากแต่ว่าให้เว้นไปก่อนหนึ่งอาทิตย์แล้วค่อยฉันอีกที แต่ปรากฏว่าเมื่อเช้านี้ ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเดิมเลย นอกจากเมื่อวานเย็นตอนที่ฉัน รู้สึกมวน ๆ ในท้องนิดหน่อย แล้วตอนเช้าก็ถ่ายตามปกติ ไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติว่าเป็นฤทธิ์ของยาถ่ายเลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ในเรื่องของการรักษานั้น ญาติโยมทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ยานั้นรักษาได้เฉพาะโรคทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถที่จะรักษาโรคเวรโรคกรรมได้ กระผม/อาตมภาพนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกเอาไว้แล้วว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก ชาตินี้เศษกรรมจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าสักเดือนละตัวสองตัว จะบรรเทาอาการตรงนี้ลงไปได้"

    กระผม/อาตมภาพจำได้ว่าปล่อยครั้งแรกในวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ มาถึงปัจจุบันนี้ก็น่าจะ ๓๙ ปีแล้ว ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ค่อย ๆ เจอหมอเจอยาที่เหมาะกับตนมากขึ้นเรื่อย ๆ คราวนี้ก็มาด้วยความหวังว่าอาจจะเจอหมอเจอยาที่เหมาะกับตน แต่ว่าการรักษาด้วยการนวดและจัดกระดูกแบบนี้นั้น ไม่เหมาะแน่นอน เนื่องเพราะว่าทำให้เจ็บระบมไปทั้งตัว แล้วอาการมาลาเรียก็กำเริบด้วย..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพใช้กำลังในการข่มโรคเอาไว้ แต่ในเมื่อร่างกายเจ็บปวด ก็ต้องใช้กำลังมาต่อต้านความเจ็บปวดแทน จึงทำให้กำลังที่ใช้ในการข่มโรคหายไป เชื้อโรคก็เลยฉวยโอกาสอาละวาดขึ้นมา เรียกง่าย ๆ ว่าเป็น Dead lock ที่แก้ไขไม่ได้มาตลอด ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ จวบจนปัจจุบันนี้ เรียกว่าเป็นมาลาเรียมา ๔๐ กว่าปีแล้ว..!

    ยาทุกประเภท หมอทุกประเภท รักษามาจนกระทั่งไม่รู้ว่าจะรักษาแบบใดแล้ว แม้กระทั่งยาสมุนไพรที่ฉันเข้าไปวันนี้แล้วขมติดคอไปอีก ๓ วัน ก็ฉันมาเป็นตันแล้ว ยาสมุนไพรไหนที่ว่าดี ไม่ว่าจะเป็นจันทลีลา ตรีผลา ห้าราก เก้าราก หญ้านางแดง อะไรก็ตาม หมอจ่ายมาก็เป็นอันว่าฉัน บางอย่างฉันลงไป เหงื่อแตกพลั่ก ๆ อยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง แล้วอาการก็บรรเทาลงแค่วูบเดียว หลังจากนั้นก็หนักเหมือนเดิม จึงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่า ถ้าเป็นวาระของกรรมแล้ว เราไม่สามารถที่จะบรรเทาอาการของโรคลงไปได้เลย เพราะว่าทำเขาเอาไว้มาก ถึงเวลาก็ต้องชดใช้เขามาก

    แต่กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่าโชคดี เพราะว่ารับกรรมใหญ่ตรงนี้มา ดังนั้น..ในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทั้ง ๙ ระลอกอย่างเป็นทางการ และอีก ๑ ระลอกในปัจจุบันนี้ ยังไม่เคยทำให้กระผม/อาตมภาพติดเชื้อได้เลย ทั้ง ๆ ที่ระลอกล่าสุดนั้น พระภายในวัดติดเชื้อกันเกือบจะทั่วไปหมด ทั้ง ๔ รูปที่ฉันอาหารอยู่วงเดียวกันกับ
    กระผม/อาตมภาพก็ติดทั้งหมด แต่กระผม/อาตมภาพตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อยู่ ๔ วันต่อเนื่องกันก็ไม่ติด..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่งานเล็กขนาดไหน ตลอดจนกระทั่งดูแลผู้ป่วยเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็ไม่ติดเชื้อ ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอนุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ถึงขนาดบอกว่า "หลวงพ่ออย่าเข้าไป เดี๋ยวจะติดเชื้อ..!" แล้วทุกคนก็ยืนอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพเข้าไปเยี่ยมดูอาการผู้ป่วยจนครบทุกราย ออกมาแล้วก็ไม่เห็นว่าตนเองจะติดเชื้ออะไร ก็แปลว่าในเมื่อรับกรรมใหญ่ไปแล้ว กรรมที่เล็กกว่า เขาก็ไม่สนใจในตัวเราแล้ว..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียว ก็คือค่อย ๆ สร้างความดี อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าท่านใจอ่อนเสียก่อน ให้อภัยมา การอโหสิกรรมเกิดขึ้น กระผม/อาตมภาพก็น่าจะได้หมอดียาดีที่ตรงกับโรคมากกว่านี้ หรือถ้าหากว่ายังไม่ให้อภัย แต่กระผม/อาตมภาพเสียชีวิตก่อน ก็เป็นอันว่าชาตินี้จบกัน มีปัญญาไปตามทวงเอาที่อื่น ๆ ที่กระผม/อาตมภาพไปก็แล้วกัน..!

    สำหรับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพป่วยจนทำใจได้มานานแล้วว่า การรักษานั้นจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ถ้าหายก็คือหาย ถ้าหากว่าไม่หายก็ยอมรับว่า สภาพร่างกายของเรานี้เป็นรังของโรค เกิดมาเมื่อไร ก็ต้องพบกับความทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้น..ขึ้นชื่อว่าการเกิดเช่นนี้ก็ไม่ต้องการอีกแล้ว เอากำลังใจมุ่งไว้ที่พระนิพพานดีกว่า

    ส่วนเมื่อเช้านี้ตอนออกบิณฑบาต แม่ชีที่วัดท่าขนุนท่านหนึ่งได้ทำบุญในช่วงออกบิณฑบาต แล้วอธิษฐานว่า "ขอพระอรหันต์ชาตินี้เร็ว ๆ" กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ขำอยู่ในใจ เนื่องเพราะว่าแม่ชีอายุ ๘๐ ปีแล้ว ถ้าหากว่าจะเป็นพระอรหันต์เร็ว ๆ ก็คงจะเป็นไปนานแล้ว โดยเฉพาะมาอยู่วัดท่าขนุน ตั้งแต่สมัยของท่านอาจารย์สมพงษ์ (พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) อดีตเจ้าอาวาส

    แล้วแม่ชีก็เรียนมาเกี่ยวกับเรื่องของการแก้ดวง เสริมดวงอะไรให้ยุ่งไปหมด จึงเปลี่ยนชื่อของ "สมพงษ์"กลายเป็นนาย "ธน" ความจริงคำนี้ก็คือธน ซึ่งอ่านว่า ทะ-นะ คือ ทรัพย์สิน แต่กระผม/อาตมภาพอ่านว่า "ทน" ตามภาษาไทยตรง ๆ แล้วบอกกับท่านอาจารย์สมพงษ์ว่า "ถ้าหากว่าชีวิตนี้ต้องทน ผมก็คงไม่เอาด้วย" ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้ ท่านอาจารย์สมพงษ์ก็ต้องสึกหาลาเพศไปตามวาระของกรรม

    หลังจากนั้น แม่ชีก็มาขอเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก แม้แต่ไปขอเรียนปริญญาเอกที่ศรีลังกา กระผม/อาตมภาพก็ส่งให้เรียนถึง ๕ ปี จบกลับมาแล้วยังใช้คำว่า "ขอพระอรหันต์เร็ว ๆ ในชาตินี้" ซึ่งอันดับแรกก็คือถ้าหากว่าเร็ว ก็คงไม่มาในตอนที่แก่ขนาดนี้

    ประการที่สองก็คือ ความเป็นพระอริยเจ้าทุกระดับนั้น อยู่ที่ความพากเพียรพยามยามของเราเองในการปฏิบัติให้ได้ ปฏิบัติให้เป็น ไม่ใช่ว่าถึงเวลาแล้วก็มาเอ่ยปากขอ ถ้าสามารถขอกันแบบนี้ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คงพาพวกเราไปพระนิพพานกันหมดแล้ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...