เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ทุกวันอาทิตย์ทางวัดท่าขนุนจะนำพระภิกษุสงฆ์รับบิณฑบาต จากนักท่องเที่ยวและประชาชนในชุมชน ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" โดยเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. ตรง แต่ว่าวันนี้เนื่องจากว่าเป็นวันอาทิตย์ โดยปกติแล้วจะมีบุคคลใส่บาตรน้อย เพราะว่าไปรวมกันอยู่บริเวณร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน เพื่อรอใส่บาตรตามโครงการนี้ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งก็คือวันนี้มีนักท่องเที่ยวใส่บาตรในตลาดน้อยมาก เนื่องเพราะว่าเป็นช่วงหลังสงกรานต์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังทองผาภูมิน้อยลงไปมาก ส่วนประการที่สามนั้นก็คือ ช่วงนี้ตี ๕ ครึ่งก็ "ได้อรุณ" แล้ว ทำให้พระภิกษุวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตเร็วกว่าปกติถึง ๑๕ นาที เมื่อรวมกันทั้ง ๓ ประการแล้ว จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องนำพระภิกษุมานั่งรอญาติโยมที่เตรียมตัวใส่บาตรอยู่เป็นเวลานานทีเดียว เนื่องเพราะว่าทุกคนมาตามเวลาเหมือนเดิม..!

แต่ก็เป็นการดีตรงที่ว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับญาติโยมทั้งหลายระยะหนึ่ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ปรากฏได้ยาก เพราะว่าส่วนใหญ่เมื่อมาถึงแล้ว ก็ได้เวลาใส่บาตรพอดี ทางพิธีกรหรือมัคคนายกก็ต้องเริ่มด้วยการไหว้พระ อาราธนาศีล ครั้นรับศีลเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการรับพร จากนั้นก็ต่อด้วยพิธีการใส่บาตรไปเลย และด้วยความที่เป็นวันอาทิตย์ที่มีนักท่องเที่ยวน้อย จึงทำให้การใส่บาตรนั้นเสร็จเร็วกว่าปกติอีก

เมื่อไปถึงวัดท่าขนุนและฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังมีญาติโยมซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอีกเป็นสิบ ได้นำเอาข้าวปลาอาหารมาใส่บาตรพระที่หอฉันเลย เพราะว่าเมื่อเขาไปถึงตลาดชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน พระภิกษุสงฆ์ได้รับบาตรไปเรียบร้อยไปแล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น ถ้าหากว่าเราเป็นคนตรงเวลาก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่าเราตื่นสาย หรือว่ามีภารกิจอื่นแล้วมาใส่บาตรไม่ทัน จากนั้นก็ยังเพียรพยายามตามไปใส่บาตรจนถึงที่วัด ก็นับว่ากำลังใจของญาติโยมทั้งหลายคณะนี้ อยู่ในระดับที่ใช้ได้เลยทีเดียว

เมื่อฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้นำพระภิกษุวัดท่าขนุนไปร่วมงานประจำปีวัดพุทธบริษัท ซึ่งงานประจำปีนั้นก็เริ่มด้วยพิธีการบวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์ และเจ้าที่เจ้าทาง จากนั้นก็เป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลของทางวัดพุทธบริษัท ซึ่งได้เข้าพิธีไปแล้ว

แต่ว่าในเมื่อวัดของตนเองจัดงาน และมีเครื่องบวงสรวงพร้อมมูล จึงทำการปลุกเสกซ้ำเสียอีกรอบหนึ่ง โดยเฉพาะบรรดามีดหมอต่าง ๆ นั้น ทางด้านวัดพุทธบริษัทได้นำเอามีดหมอของครูบาอาจารย์ล้อมรอบมณฑลพิธีทั้ง ๔ ทิศ และตั้งเอาไว้ตรงกลางด้วย นับว่าเป็นพิธีกรรมเต็มรูปแบบเลยทีเดียว

 

ครั้นปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพได้ไปพักที่ห้องรับรองซึ่งสร้างขึ้นใหม่ โดยทางวัดพุทธบริษัทนั้นได้สร้างลานอเนกประสงค์ขึ้นมา เพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ แต่ด้วยความที่ว่าเราเจริญพระพุทธมนต์และถวายสังฆทานกันตอน ๑๐ โมง ดังนั้น..ต่อให้บริเวณลานอเนกประสงค์มีร่มเงามากเพียงใดก็ตาม ก็ยังมีพระหลายรูปที่ต้องนั่งตากแดดเจริญพระพุทธมนต์ตอน ๑๐ โมงเช้า..!

และการสวดมนต์ซึ่งนำโดยพระครูสุตกาญจนวัฒน์ (ปรีชา จิรนาโค ป.ธ.๓), ดร. เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่นั้น ก็ค่อนข้างที่จะยาว เพราะว่านอกจากจะเป็นการเจริญพระพุทธมนต์ ๗ ตำนานตามปกติแล้ว ยังมีการเจริญบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่ค่อนข้างจะยาวอีก จึงทำให้พระสงฆ์หลายรูปตกอยู่ในอาการของ "พระแดดเดียว" เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าลงกระทะทอดน้ำมัน ก็ฉันได้พอดีเลย..!

เสร็จสรรพจากพิธีการแล้ว กระผม/อาตมภาพมาเช็คงานในกลุ่มไลน์ เห็นคำสั่งด่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ขอความร่วมมือให้ทางคณะสงฆ์ จัดงานเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่าน ทำเอาทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ต้องสับสนวุ่นวายกันไปพักใหญ่

เนื่องเพราะว่าทางพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ท่านกำหนดให้มีการประชุมพระสังฆาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ในระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ และเลขานุการ ประจำเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ในวันที่ ๒๙ เมษายน ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันประสูติพอดี

บรรดาเจ้าคณะอำเภอต่าง ๆ จึงต้องโทรศัพท์บ้าง ส่งไลน์บ้าง ประสานงานกัน กับเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือพระมหาเจษฎา ญาณวิสุทฺโธ ป.ธ. ๓ ซึ่งเรียกกันแบบคุ้นเคยว่า "มหากุ้ง" จนกระทั่งได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่า ทุกอำเภอจะต้องจัดงานของตนเองที่วัดใดวัดหนึ่ง ซึ่งทางอำเภอและทางที่ว่าการอำเภอของอำเภอนั้น ๆ เห็นว่าเหมาะสม

เมื่อจัดการเจริญพระพุทธมนต์แล้ว ให้ส่งรายงานพร้อมภาพประกอบด้วย ส่วนเรื่องการประชุมพระสังฆาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ในระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ และเลขานุการนั้น ให้เลื่อนไปเป็นวันที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ แทน

 

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น ทางคณะสงฆ์ของเราพยายามที่จะยืดหยุ่น และขณะเดียวกันก็ยกเอาความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเป็นอันดับ ๑ เสมอ แม้ว่างานของทางคณะสงฆ์จะสำคัญเพียงใดก็ตาม ดังที่ได้เคยเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า กระผม/อาตมภาพนั้นไม่รับกิจนิมนต์ส่วนตัว ยกเว้นที่เป็นส่วนรวม ซึ่งต้องสงเคราะห์ญาติโยมจำนวนมากพร้อม ๆ กัน

แต่ถ้าหากว่ามีงานคณะสงฆ์เข้ามา กระผม/อาตมภาพก็จะให้ความสำคัญต่อคณะสงฆ์ก่อน ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นงานของคณะสงฆ์ระดับล่าง และงานของคณะสงฆ์ระดับบนเข้ามาพร้อมกัน กระผม/อาตมภาพก็จะมอบหมายให้เลขานุการไปงานของคณะสงฆ์ระดับล่าง สรุปเนื้อหาส่งมาให้ทราบ ส่วนตนเองก็ไปงานของคณะสงฆ์ระดับบน

แต่ถ้าหากว่างานของคณะสงฆ์ระดับบนเข้ามา แต่ว่ามีงานหลวงแทรกเข้ามา อย่างเช่นงานนี้เป็นต้น กระผม/อาตมภาพก็จะเอางานที่เป็นฎีกาหลวง หรือว่างานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาก่อน ในเรื่องของการลำดับความสำคัญเหล่านี้ ก็อยู่ที่พวกเรากันเองว่าจะลำดับความสำคัญกันอย่างไร แต่กระผม/อาตมภาพนั้นให้ความสำคัญในลักษณะนี้

โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแต่เดิมกำหนดเป็นวันประชุมพระสังฆาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ทางด้านมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็มีคำสั่งเรียกประชุมคณะกรรมการจัดงานวันวิสาขบูชาโลก ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นเจ้าภาพหลัก กระผม/อาตมภาพในฐานะคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็ต้องไปร่วมงานด้วย

 

แต่ในเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วว่า ในงานประชุมคณะกรรมการจัดงานวันวิสาขบูชาโลกนั้น มีองค์ประธานก็คือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต นอกจากท่านเจ้าคุณอาจารย์ ผู้เป็นประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว ยังมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ป.ธ.๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และครูบาอาจารย์หลัก ๆ ของทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอีกนับร้อยรูป พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือ "ถึงไม่มีเรา งานนี้ก็ไปได้" กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้น้ำหนักกับการประชุมคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีก่อน

แต่ในเมื่อมีงานเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แทรกเข้ามา พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านจึงก็เลื่อนการประชุมพระสังฆาธิการออกไป โดยเอางานทางสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเป็นอันดับ ๑ ซึ่งเป็นการกระทำที่พระสังฆาธิการทุกรูปก็เห็นด้วยว่าถูกต้องดีงามแล้ว ดังนั้น..ในวันพรุ่งนี้จึงเหลือแต่งานเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่านแทน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระภิกษุสามเณรของเราก็ดี ญาติโยมทั้งหลายที่ติดตามเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ก็ตาม ขอให้ทราบการจัดการลำดับความสำคัญของงาน ตามที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้วข้างต้น

แต่ไม่ว่าเราจัดลำดับงานลักษณะใดก็ตาม ก็ยังต้องมีการชั่งน้ำหนักอีกด้วยว่างานไหนสำคัญกว่า ? งานไหนที่สำคัญกว่าแต่ไปได้โดยไม่มีเรา ? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราจะต้องประกอบไปด้วยสติ และประกอบไปด้วยปัญญา แยกแยะความสำคัญ ก่อน หลัง เร็ว ช้า ของลำดับงานต่าง ๆ ให้ออก ถ้าท่านสามารถทำได้ ท่านก็จะอยู่กับปัจจุบัน ก็คือมีงานตรงหน้าอยู่เพียงงานเดียวเท่านั้น..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)