เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 เมษายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,415
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2040426.jpg
      2040426.jpg
      ขนาดไฟล์:
      289.9 KB
      เปิดดู:
      74
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,415
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจสำคัญ ก็คือการเข้าร่วมเสวนาวิชาการตามโครงการของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งการเสวนาวิชาการครั้งนี้ วิทยากรที่สำคัญก็คือดร.เมล กิลล์ ซึ่งถามว่าสำคัญอย่างไร ?

    ดร.เมล กิลล์ ก็คือผู้ที่เขียนหนังสือสำคัญเล่มหนึ่ง ชื่อว่า The Meta Secret ซึ่งถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้เคยอ่านหนังสือ อย่างเช่น The Secret มาก่อน แล้วรู้สึกตื่นเต้นกับแนวคิดต่าง ๆ ที่ผู้เขียนเรียบเรียงเอาไว้ พอมาเจอกับ The Meta Secret หลายต่อหลายท่านอาจจะได้รับคำตอบในชีวิตของตนเองไปเลย..!

    เหตุก็เพราะว่า ดร.เมล กิลล์นั้น เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งจากอุบัติเหตุ แล้วก็ต้องสูญเสียแขนของตนเองไป กลายเป็นบุคคลพิการ แต่ด้วยความที่ตายแล้วไปพบเห็นโลกหลังความตายมา ท่านจึงใช้ชีวิตที่เหลือเดินทางไปทั่วโลก เพื่อค้นหาความหมายของชีวิตตามแนวจิตวิทยา แล้วก็สรุปลงมาเป็นหนังสือเล่มสำคัญ ซึ่งแปลโดยคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย กระผม/อาตมภาพไม่แน่ใจว่าหนังสือ The Meta Secret เล่มนี้ยังมีจำหน่ายอยู่อีกหรือไม่ ? น่าเสียดายที่ว่าเพิ่งจะผ่านพ้นสัปดาห์หนังสือแห่งชาติไปไม่นาน

    เมื่อทราบว่าผู้เป็นวิทยากรคือ ดร.เมล กิลล์ กระผม/อาตมภาพก็รีบสมัครเข้าโครงการทันที โครงการครั้งนี้เกิดจาก ผศ.(พิเศษ) ดร.อยุษกร งามชาติ ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ที่บางวิชาเคยเป็นอาจารย์สอนร่วมกับกระผม/อาตมภาพมาด้วย แต่ว่าท่านอาจารย์เป็นคนถ่อมตัวมาก อย่างเช่นวิชาวิปัสสนากรรมฐาน บางทีท่านอาจารย์ก็เข้ามาร่วมฟังกับนิสิต เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวเองด้วย

    การจัดการครั้งนี้ ส่วนที่สำคัญก็คือได้ฟังความรู้ที่ ดร.เมล ท่านสรุปลงมา ปกติแล้วท่านจะขายคอร์สความรู้เหล่านี้ในราคาค่อนข้างสูง โดยที่ต้องใช้การอบรม ๕ ชั่วโมงต่อเนื่องกัน แต่ว่าท่านต้องสรุปเนื้อหาลงมาในเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งท่านบอกเอาไว้แล้วว่า "เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดให้ครบถ้วนอย่างที่ต้องการ"

    สิ่งที่ ดร.เมล ท่านกล่าวมานั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา ที่ลักษณะเหมือนกับอาจารย์ที่ปรึกษา ก็คือว่าเราทำอย่างไรจะให้บุคคลผู้มีปัญหายอมเปิดใจ บอกกล่าวถึงปัญหา หรืออารมณ์ที่ตนเองประสบอยู่ แล้วเราจะได้ทำหน้าที่แก้ไข หรือว่าการสร้างบรรยากาศในห้องเรียน ระหว่างการเรียนการสอน ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เคร่งเครียด ทำอย่างไรที่จะให้นักศึกษาเปิดใจยอมรับวิชาของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาอาจจะไม่ชอบเลย เป็นต้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,415
    เมื่อถึงเวลามีการให้สอบถามปัญหาท้ายชั่วโมง กระผม/อาตมภาพจึงขออนุญาตถามว่า "จากการที่บุคคลซึ่งมีกำลังใจไม่เท่ากัน ก็คือถ้าหากว่าเราเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา มักจะเจอบุคคลประมาณ ๓ ประเภท

    ประเภทแรกก็คือ เราต้องทั้งแบกทั้งหามไปเลย เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรด้วยตนเองได้ทั้งสิ้น..! ประเภทที่ ๒ ก็คือ ต้องฉุดกระชากลากถูไป เบาแรงกว่าบ้าง เพราะว่ายอมเดิน แต่ก็เดินอย่างไม่เต็มใจ..! ส่วนประเภทที่ ๓ นั้น เราแค่ชี้ทาง เขาก็สามารถที่จะไปได้เองแล้ว

    ถ้าหากว่าเป็น ดร.เมลเจอปัญหาแบบนี้ แล้วจะแก้ไขอย่างไร ?" ปรากฏว่าดร.เมลหัวเราะ บอกว่า "นี่ปัญหาโลกแตกของนักจิตวิทยาทุกคนที่ต้องเจอแบบนี้ ดังนั้น..
    ให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

    โดยที่ยกคำตอบของหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ที่ตอบพระฝรั่งว่า "ถ้าเราเป็นต้นไม้ใบหนา ผลดก มีสารพัดนกมากินผล แล้วนกตัวโน้นก็บ่นว่าเปรี้ยวเกินไป..ไม่ชอบ นกตัวนี้ก็บอกว่าหวานเกินไป..ไม่อร่อยอย่างที่คิด เป็นต้น นกบางตัวก็ขี้รดต้นไม้ไปเลยเสียด้วย..! ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น เราก็ยืนหยัดในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปสนใจเสียงนก เสียงกา หรือว่าความประพฤติของนกกาทั้งหลายเหล่านั้น ก็คือ
    เราให้คำแนะนำไปอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนเขาจะรับไปทำ หรือไม่รับไปทำ อย่าได้รับมาเป็นอารมณ์ของเรา

    ปัญหาต่อไปที่กระผม/อาตมภาพตั้งคำถามก็คือว่า "บรรดานักจิตวิทยาชาวตะวันตกนั้น ต้องศึกษาหลักจิตวิทยาต่าง ๆ มาด้วยความยากลำบาก กว่าที่จะสรุปลงมาเป็นตำรา หรือแนวทางในการจัดการทางจิตวิทยาได้ แต่ว่าทางด้านของโลกตะวันออกของเรานั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีคำตอบสำเร็จรูปสำหรับคนทุกระดับอยู่แล้ว สามารถแก้ไขปัญหาทางจิตตั้งแต่ต่ำสุด จนถึงสูงสุด ได้อย่างเด็ดขาดและไม่กำเริบอีก แต่ว่าทำไมคนตะวันออก ถึงไม่ค่อยที่จะศึกษาเรื่องนี้ มีแต่คนตะวันตก ที่ศึกษามากขึ้นไปเรื่อย ๆ ดร.เมลมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ?"

    ท่านดร.เมลหัวเราะเป็นการใหญ่ แถมยังบอกสั้น ๆ ว่า
    "ถ้าหากว่าเขาไม่ศึกษาในชาตินี้ แล้วมีเหตุปัจจัย เดี๋ยวชาติหน้าเขาก็เข้ามาศึกษาเอง..!" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็นึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,415
    ส่วนอีกท่านหนึ่งถามว่า "ฝึกฝนในด้านของกรรมฐานมานานแล้ว แต่หาความก้าวหน้าไม่ได้เลย ขอให้ดร.เมลช่วยชี้ทางให้ด้วย"

    ดร.เมลบอกว่า
    ขอยกตัวอย่างของชาวอินเดียแดง ซึ่งถ้าหากว่าการเดินทางของเขานั้นหลงทาง แล้วกลับมายังที่เดิม ครั้งที่ ๑ ให้เดินทางใหม่ ครั้งที่ ๒ ให้เดินทางใหม่ แต่ถ้าหากว่าครั้งที่ ๓ ยังหลงกลับมาที่เดิม ต้องเปลี่ยนทิศทางและวิธีการในการเดินทางแล้ว เพราะหมายความว่าเส้นทางที่ท่านเดินไปนั้นใช้ไม่ได้

    กระผม/อาตมภาพเอง เห็นว่าเป็นคำตอบที่ใช้ได้อยู่ แต่ว่าคำตอบที่ถูกต้องแท้จริงนั้นก็มี เสียดายว่าเป็นชั่วโมงของดร.เมล ที่เราไม่ควรเสียมารยาทเข้าไปแสดงความคิดเห็น จึงต้องขออภัยท่าน Jackie ด้วย ที่เข้ามาสอบถามแล้วไม่ได้คำตอบที่เหมาะสมไป

    การที่ท่านปฏิบัติกรรมฐานมาเป็นเวลานาน แล้วไม่สามารถที่จะมีความก้าวหน้าได้นั้น ก็คือท่านทำแล้วทิ้ง การที่ทำแล้วทิ้งก็คือ เมื่อถึงเวลา เราก็นั่งปฏิบัติภาวนาของเราเต็มที่ แต่พอลุกจากที่ภาวนา เราก็ทิ้งไปเลย ไม่มีการประคับประคองรักษาอารมณ์ใจนั้นเอาไว้ เหมือนอย่างกับคนที่ว่ายทวนน้ำมา เมื่อถึงเวลาได้เต็มที่ตามที่ตนเองต้องการแล้ว ก็ปล่อยให้ลอยตามน้ำไป ครั้นวันรุ่งขึ้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาว่ายทวนน้ำกลับมาใหม่ แล้วก็ปล่อยให้ลอยตามน้ำไปอีก วันแล้ววันเล่าก็เป็นอย่างนี้ กลายเป็นคนขยันที่ทำงานทุกวัน แต่หาผลงานไม่ได้เลย เหมือนกับคุณ Jackie นี่เอง

    วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เมื่อเราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ให้ตั้งสติ ระมัดระวังประคับประคอง รักษาอารมณ์ใจนั้นเอาไว้ อย่าให้หลุดหายไปไหน ใหม่ ๆ ก็อาจจะได้แค่นาที ๒ นาทีก็หลุดหมดแล้ว แต่ถ้าหากว่าเราระมัดระวัง ตั้งหน้าตั้งตาประคับประคองต่อไป ก็จะได้นานขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง เป็นต้น จนกระทั่งได้เป็น ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน หรือว่าเป็น ๑๐ วัน ครึ่งเดือน ๑ เดือน

    ถ้าเราเคยชินกับการประคับประคองรักษาอารมณ์ใจให้ผ่องใสจากกิเลส ไม่ว่าจะเป็น ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ ใน "นพจรรยา" ก็ตาม ท่านก็จะสามารถรักษาอารมณ์ใจให้ปราศจากกิเลสได้ยาวนานขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อสภาพจิตผ่องใสมากขึ้น เราจะเห็นช่องทางเอง ว่าเราจะทำอย่างไรให้ก้าวหน้าไปกว่านี้ นี่คือสิ่งที่น่าเสียดายว่า ไม่ใช่ชั่วโมงที่เราจะไปแสดงความเห็น จึงไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรคุณ Jackie ได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,415
    แต่ต้องขอชมเชยว่า ทางด้านดร.เมลนั้น พูดภาษาอังกฤษที่ฟังง่ายมาก แม้ว่าจะมีศัพท์แสงทางวิชาการด้านจิตวิทยามามากก็ตาม ส่วน ดร.เจี๊ยบ (Chatreudee Wilkie) ผู้ที่คอยแปลเป็นภาษาไทย ท่านก็สามารถแปลได้ถึงน้ำถึงเนื้อ แต่ว่าบางคำนั้นท่านไปแปลเป็นภาษาไทยแท้ไปเลย ทั้ง ๆ ที่ ดร.เมลท่านใช้คำว่าวิปัสสนา หรือใช้คำว่า Meditation ซึ่งถ้าหากว่าแปลตรงตัวว่าใช้หลักวิปัสสนากรรมฐาน คนไทยเราจะเข้าใจได้มากกว่า

    หรืออย่างเช่นที่ท่านใช้คำว่าไทชิ ซึ่งความจริงแล้ว คนไทยเราเคยชินกับคำว่าไท่เก๊กมากกว่า เพราะคำนี้มาจากภาษาจีนกลางว่าไท่จี๋ ที่แปลว่าไร้ที่สุด แต่ว่าเมื่อมาเป็นภาษาอังกฤษ ก็มักจะอ่านกันว่าไทชิบ้าง ไท่ชิบ้าง ในเมื่อเราเองไม่เข้าใจว่า คนไทยของเราเองเคยชินกับคำไหน บางทีการแปลก็ทำให้ขาดอรรถรส หรือทำให้ความเข้าใจพร่องลงได้เหมือนกัน

    แต่ต้องเจริญพรขอบคุณทุกท่านที่ทำให้มีโครงการดี ๆ ในวันนี้ขึ้นมา ได้สัมผัสกับนักเขียนที่ตนเองชื่นชอบอย่างใกล้ชิด ได้ฟังแนวคิดของบุคคลที่เคยตาย แล้วกลับฟื้นคืนมาใหม่ ได้ฟังประสบการณ์ชีวิต ที่เขาค้นคว้ามาหลายสิบปี แล้วสรุปลงมาเป็นตำรา หรือแนวทางปฏิบัติสั้น ๆ แค่ ๕ ชั่วโมง ทำให้เปิดโลกทัศน์ของตนเองกว้างขวางขึ้นอีกมาก

    แม้ว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสอนเรามาครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่ว่าบุคคลบางประเภท ก็เหมือนกับคนที่เลือกอาหาร ไปเจอประเภทร้านที่ได้มิชลิน ๔ ดาว ๕ ดาว กลับไม่ชอบ ชอบไปหาร้านข้างถนนกินเอาเอง ถ้าลักษณะอย่างนี้ ท่านมาอ่านหนังสือ The Meta Secret ของดร.เมล กิลล์ ก็อาจจะได้ประโยชน์ จึงขอให้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะนำตนเอง ให้มีความเจริญก้าวหน้าทางจิตใจสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งท้ายสุด หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานโดยถ้วนหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...