เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 ธันวาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อคืนเกิดความวุ่นวายล่าช้าที่สนามบินนานาชาติบันดาราไนยเก กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เพราะว่าเครื่องบินมาช้า พวกเราก็นั่งตาตี่รอไป จากที่จะต้องมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิตอน ๐๖.๑๐ น. ก็กลายเป็นมาถึงเกือบ ๐๘.๔๐ น. แต่ว่ากลับดีตรงที่ว่ารถติดน้อยลงแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าเข้าเมืองในช่วงเช้า ๆ แบบนั้น รถจะติดมากเป็นพิเศษ

    จากการที่ไปศรีลังกาครั้งนี้ มีหลายอย่างที่คนไทยเราหาความถนัดไม่ได้เลย ก็คือการห้ามหันหลังให้พระ ซึ่งตรงนี้แม้แต่ประเทศพม่าก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

    ที่ประเทศพม่า พระเถระหรือเจ้าอาวาส ถ้าจะอบรมพระภิกษุสามเณร โดยที่นั่งแบบกระผม/อาตมภาพตรงนี้ ท่านจะชักผ้าม่านปิดพระประธานไปก่อน จะได้ไม่ต้องหันหลังให้พระ คราวนี้พวกเราไม่เคยชินกัน ถึงเวลาเตือนแล้วเตือนอีกก็ยังเผลอจนได้ ด้วยความเคยชิน อยากจะถ่ายรูปกับพระสวย ๆ ถึงเวลาก็หันหลังให้ทันทีเลย แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือการเข้าหาพระผู้ใหญ่ เมื่อถึงเวลารับของแล้ว กราบลาออกมา ต้องเดินเข่าถอยหลัง เพราะว่าถ้าหมุนตัวเมื่อไร ก็คือเราหันหลังให้พระทันที..!

    การหันหลังให้พระ คือการหันหลังให้กับศาสนาพุทธ เขาเกรงว่าจะเป็นการแสดงออกว่าเราไม่นับถือศาสนาพุทธ หรือว่าไม่นับถือพระพุทธเจ้าแล้ว จึงได้มีข้อห้ามกันค่อนข้างที่จะเคร่งครัด สถานที่หรือว่าวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เขาจะจัดเจ้าหน้าที่คอยดูนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าหากว่าใครถ่ายรูปโดยหันหลังให้พระ เจ้าหน้าที่จะเข้ามาขัดขวางทันที ถ้ายังไม่ฟังก็อาจจะโดนขับไล่ออกไปเลย โดยไม่ได้ใส่ใจว่าคุณจ่ายค่าเข้าดูไปเท่าไร..?!

    จะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นความดีประการหนึ่ง เพราะว่าถ้าเรามีข้อเคร่งครัดในการปฏิบัติ บรรดาชาวต่างชาติต่างภาษา หรือว่าต่างประเทศ ก็ต้องศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติในศาสนาพุทธ แล้วทำตามให้ได้ แบบเดียวกับที่วัดพระแก้วของเรา ถ้าหากว่านุ่งสั้น เขาก็จะมีผ้าถุงให้ยืม หรือถ้าหากว่าใส่ข้างบนค่อนข้างล่อแหลม โดยเฉพาะสุภาพสตรี ก็จะมีผ้าให้คลุมไหล่เข้าไป

    คณะของเราที่ไปทั้งหมด ๓๒ รูป/คน มีท่านเดียวที่ไม่ได้เข้าไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วด้านใน เพราะว่าไม่มีชุดขาว ทั้ง ๆ ที่เตือนผ่านกลุ่มไลน์แล้วว่า "พวกเราไปกี่วัน ให้เตรียมชุดขาวไปเท่านั้นได้จะยิ่งดี เนื่องจากว่าเราเข้าวัดกันทุกวัน" แต่ก็ยังมีบุคคลที่ทำตัวตามสบาย ก็คือจะแต่งตัวแบบนี้ ในเมื่อไม่ได้ใส่ชุดขาว เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ให้เข้าไป เสียโอกาสทั้ง ๆ ที่ไปถึงหน้าหอประดิษฐานพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือเสียค่าเดินทาง ๓๕,๐๐๐ บาท เพื่อที่จะไปสักการะในจุดสำคัญที่สุดตรงนี้ แต่กลับไม่ได้เข้าไป..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ทางวัดท่าขนุนของเราก็ไม่ได้เคร่งครัด ผู้มาปฏิบัติธรรมจะใส่เสื้อผ้าสีสันแบบไหนก็ได้ แต่ขอให้เป็นชุดสุภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นชุดขาว แต่ว่าระยะหลัง ๆ ด้วยความที่เขาทำตาม ๆ กัน ก็เลยใส่ชุดขาวกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ในเมื่อของเราเองไม่ได้เคร่งครัด จะไปว่ากล่าวบุคคลอื่น หรือว่าวัดอื่นก็ไม่ได้

    จึงได้แต่ศึกษาเรียนรู้เอาไว้ว่า ประเทศศรีลังกามีประชากรแค่ ๗๓ เปอร์เซ็นต์ที่นับถือศาสนาพุทธ แต่ว่าเขามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มีกระทรวงพระพุทธศาสนา มีพระเป็นรัฐมนตรี มีพระเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขาทำได้เพราะว่าความเป็นพุทธนั้นเข้มแข็งมาก

    งานนี้ที่ไปก็เห็นชัดตา ก็คือเด็กอิสลามจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงไปโรงเรียนวันพระ ก็ต้องแต่งชุดขาวทั้งหมด ต่อให้คุณสวมผ้าคลุมฮิญาบ ก็ต้องเป็นผ้าคลุมสีขาว พูดง่าย ๆ ว่าถ้าอยากเรียนในโรงเรียนนี้ ก็จงทำตามเสียดี ๆ..! ดังนั้น..ถ้าหากว่าบ้านเราเมืองเรามีความเคร่งครัดและเข้มแข็งในพระพุทธศาสนา คาดว่าพระพุทธศาสนาของเราจะเจริญรุ่งเรืองมากกว่านี้

    ทุกวันนี้องค์กรทางพระพุทธศาสนา ตั้งแต่กระทรวง รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ไม่ได้ทำหน้าที่ของอุบาสก อุบาสิกา ผู้มาอำนวยความสะดวกให้แก่วัดวาอาราม แต่เผลอมาในลักษณะของเจ้านาย ไม่นานก็จะมีหนังสือคำสั่งลงมาว่า วัดต้องทำแบบนั้น วัดต้องทำแบบนี้ โดยที่บางอย่างเป็นการจัดงานที่ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก นอกจากไม่สนับสนุนงบประมาณแล้ว ยังบังคับว่าคุณต้องทำด้วย ก็คือหลงประเด็นว่าตนเองมีหน้าที่อะไร กลายเป็นคิดว่าเป็นผู้บังคับบัญชาพระภิกษุสามเณร ถึงเวลาชี้นิ้วสั่งได้..!

    ในเรื่องของคดีความต่าง ๆ เกี่ยวกับพระ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น ควรที่จะเข้าถึงให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะระงับเรื่องไม่ให้ใหญ่โต หรือกระจายกว้างขวางออกไป โดยเฉพาะต้องแม่นต่อพระธรรมวินัย อย่างเช่นว่าการดื่มน้ำเมาต้องอาบัติปาจิตตีย์ ถ้าจะว่าไปแล้ว คือเป็นอาบัติที่สามารถแสดงคืนในท่ามกลางสงฆ์ได้ โดยให้สัจจะปฏิญาณเอาไว้ว่า "ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่คิดเช่นนี้อีก ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเช่นนี้อีก ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก"

    หรือถ้าจะเป็นการลงโทษทางโลก ก็ต้องมอบหมายให้เจ้าอาวาสหรือว่าพระอุปัชฌาย์ อันดับแรกเลยก็ตำหนิโทษ ถ้ายังไม่เลิกรา ครั้งต่อไปก็ภาคทัณฑ์ ถ้ายังเลิกไม่ได้อีก แล้วครั้งต่อไปค่อยให้สึกหาลาเพศไป แต่ปัจจุบันนี้เรื่องถ้าหากว่าถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือว่าถึงมีตำรวจ มักจะจับสึกไปเลย โดยไม่ได้ดูความหนักเบาของพระวินัย ซึ่งเป็นเครื่องปฏิบัติของพระ ไปเอากฎหมายบ้านเมืองและจารีตประเพณีเข้ามาเป็นใหญ่แทน จึงสร้างความวุ่นวายแก่คณะสงฆ์มากกว่าความสงบเรียบร้อย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    อีกเรื่องหนึ่งที่เห็นชัดในการไปศรีลังกาครั้งนี้ก็คือ ความที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ภาษาอังกฤษเขาว่า connection เรียกภาษาไทยง่าย ๆ อย่างน่าเกลียดว่า "มีเส้น" ทำให้ได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

    เพียงแต่ว่าทางคณะซึ่งนำโดยท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ.๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี รองเจ้าคณะอำเภอโพธารามนั้น ท่านมีความสนิทสนมกับพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะมากกว่า ดังนั้น..เมื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว จึงมีห้องพิเศษให้ ได้รับอนุญาตให้นำรถยนต์เข้าไปจนติดประตูรั้วชั้นในสุดเลย คราวที่แล้วกระผม/อาตมภาพแม้แต่หน้าประตูรั้ว เขายังไม่ให้ใกล้เลย โดนไล่ให้ไปจอดในลานจอดรถ แล้วเดินผ่านประตูเข้าไป ๓ - ๔ ชั้น..!

    ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าวัดมัลลิกาวะ ซึ่งประดิษฐานพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วนั้นก็คือพระราชวังเก่า สร้างขึ้นโดยเจตนาอย่างหนึ่งก็คือปกป้ององค์ประมุขของประเทศ คือพระมหากษัตริย์ จึงต้องมีกำแพงชั้นแล้วชั้นเล่า มีประตูชั้นแล้วชั้นเล่า เพื่อป้องกันข้าศึกไม่ให้เข้าถึงตัวพระมหากษัตริย์ได้ง่าย

    แต่พอไปทางด้านวัดมัลวัตตะ พวกกระผม/อาตมภาพต้องเดินตั้งแต่ถนนซอยเข้าไป ต่างกับครั้งก่อนที่ไปกับคณะคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ของเอ็นซีทัวร์ ที่สามารถเอารถวิ่งเข้าไปจนจอดที่ข้างสำนักงานเลขานุการวัดมัลวัตตะเลย..!

    เพราะว่าทางด้านฝ่ายมัลวัตตะนี้ ทางเอ็นซีทัวร์ได้ไปสร้างรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชสรณังกร ขนาดเท่าองค์จริง ดูด้วยสายตาก็ประมาณ ๒ เมตร แล้วก็รูปหล่อหลวงปู่อุบาลี ผู้ไปสืบพระศาสนาสยามวงศ์ในประเทศลังกา จึงทำให้การประสานงานทางด้านมัลวัตตะนั้น ทางเอ็นซีทัวร์มีความสะดวกคล่องตัวกว่า แล้วได้เข้าไปชมแม้กระทั่งที่อยู่อาศัยของหลวงปู่อุบาลีในสมัยนั้นด้วย แต่งานนี้นอกจากต้องเดินเท้าเข้าไปตั้งแต่ถนนซอยแล้ว สถานที่อยู่ของหลวงปู่อุบาลี เขาก็ไม่เปิดให้ดู จึงต้องสรุปว่า "เส้นใครเส้นมัน"..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ส่วนบรรดาปัญหากวนใจที่เกิดขึ้นในเที่ยวกลับ กระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นเรื่องดี ก็คืออย่าให้งานกร่อยในระหว่างอยู่ที่นั่น จะเริ่มต้นขาไปจากสนามบินบ้านเรา หรือขากลับจากสนามบินบ้านเขา ก็ไม่ว่ากันทั้งนั้น เพราะถือว่าเป็นนอกตารางไปแล้ว จะเสียเวลาก็ไม่เป็นไร

    ในส่วนที่ต้องเจริญพรขอบคุณและขอบพระคุณก็คือ ท่านจิต (พระจิตติพัฒน์ อินทปญฺโญ) ครอบครัวของคุณทิปกรและคุณอาภรณ์ทิพย์ ไซยะวงศ์แสง จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คุณเฉลิมเดช รุจิราวรรณ ที่มอบสร้อยคอทองคำพร้อมกับพระทองคำเลี่ยมทองให้ไปถวายบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว

    เจริญพรขอบคุณทางคุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์ ที่จ่ายค่าเดินทางให้กระผม/อาตมภาพ ๒ ที่นั่ง พร้อมผู้ติดตาม แล้วก็ยังมีหลายท่านที่ถวายปัจจัยร่วมทำบุญในการเดินทางครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพเทหมดตัว แทบจะทุกบาททุกสตางค์ เหลือเงินติดกระเป๋ากลับวัดท่าขนุน ๕๐ บาทถ้วน..! เพราะว่าเหลือจากค่าแท็กซี่ที่วิ่งจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิไปวัดอุทยานเท่านั้น ขอทุกท่านได้อนุโมทนาร่วมกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...