เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 กรกฎาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ญาติโยมส่วนมากที่มาร่วมงานไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร ใครได้ที่นอนก็ถือว่าโชคดีไป เพราะว่าในทองผาภูมิของเรา ที่พักทุกแห่งเขาจองหมดไปตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว..! ส่วนทางอำเภอไทรโยคหมดไปเมื่อเดือนที่แล้ว

    แล้วยิ่งท่านใดที่จอดรถในวัดได้ก็ถือว่าโชคดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะต้องเดินไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าหลายท่านก็ไม่เข้าใจ ไม่เคยมา บางท่านก็ถามว่า "ต้องขึ้นเขาหรือเปล่า ?" ถ้าอยากจะขึ้นก็ได้ ก็มีทั้งยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี มีทั้งยอดเขารอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน..!

    หลายท่านไม่เคยมา กะเวลาผิด เนื่องเพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายวิ่งจากกรุงเทพมหานคร ผ่านนครปฐม ผ่านบ้านโป่งของราชบุรี มาถึงกาญจนบุรี เป็นระยะทาง ๑๒๖ กิโลเมตร ผ่านไป ๔ จังหวัด แต่ถ้าหากว่าวิ่งจากกาญจนบุรีมาทองผาภูมิ ซึ่งเป็นอำเภอของตัวเอง ๑๔๐ กิโลเมตร..! ไกลกว่ามาก หลายท่านที่ไม่เคยมาก็เลยกะเวลาผิด

    โดยเฉพาะพรรคพวกกันก็คือท่านเจ้าคุณสายชล - พระเทพสุธี (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.๙) อดีตเจ้าคณะภาค ๑ เรียนท่านแล้วว่า "ไปวัดผมเตรียมเวลาไว้ ๔ ชั่วโมงนะครับ" ท่านก็คิดว่าแค่เมืองกาญจน์เท่านั้น ปรากฏว่านิมนต์มาสวดมนต์ฉันเพล ท่านมาถึงตอนเกือบบ่ายโมง คงคิดว่าอยู่ใกล้ ๆ แค่เมืองกาญจน์เรื่องเล็ก..!

    งานนี้ไม่มีการรับวัตถุมงคลเข้าพิธี ส่วนใหญ่แล้วงานเป่ายันต์เกราะเพชร พระท่านจะสงเคราะห์ให้เฉพาะวัตถุมงคลที่เราติดตัวอยู่ แต่คราวนี้ คำว่า "ติดตัวอยู่" ก็หมายความว่าเป็นของที่เราใช้ประจำ ไม่ใช่ทำขึ้นมาใหม่แล้วเอามาเข้าพิธี เพราะว่าก่อนหน้านี้ การทำขึ้นมาใหม่แล้วเอามาเข้าพิธี ท่านก็สงเคราะห์ให้ แต่ว่าตอนนี้ที่ท่านห้าม เพราะท่านบอกว่า "หากินกันจนเกินงาม"

    เมื่อสงสัยว่าทำไมถึงต้องห้าม ท่านบอกว่าโดยปกติแล้ว สมัยก่อนเขาสร้างวัตถุมงคลก็ด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย แต่ว่าสมัยนี้สร้างมาเพื่อจำหน่ายหาเงิน วัตถุประสงค์เปลี่ยนแปลงไป แทนที่จะได้คุณงามความดีในเรื่องของอนุสติ ก็กลายเป็น รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมาแทน ในเมื่อท่านไม่สงเคราะห์ ก็ไม่ต้องใช้ความพยายาม จะใช้วิธีใดมา ไม่ว่าจะที่วัดนี้ หรือว่าที่บ้านของท่าน พระท่านก็ไม่สงเคราะห์ให้อยู่ดี ก็แปลว่า ถ้าใครปล่อยให้เขาจับเขาจองไว้ก็รับผิดชอบกันเอง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    บางท่านถามว่า "พ่อแม่นอนเป็นผักอยู่ ถ้าหากว่าเอาธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ใส่มือให้ท่านรับยันต์เกราะเพชร ท่านจะได้รับหรือไม่ ?" การรับยันต์เกราะเพชรต้องมีความตั้งใจรับ โดยเฉพาะความเคารพ เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่สามารถที่จะตั้งใจหรือว่านึกคิดอะไรได้ กลายเป็นผักอยู่อย่างเดียว ก็ปล่อยท่านเป็นผักต่อไปเถอะ..! รับยันต์ไปก็ไม่รู้จะเอาไปป้องกันอะไร เพราะว่าท่านก็อยู่แค่ตรงนั้น ไม่ได้ไปไหนเลย

    แล้วก็ยังมีคนสงสัยว่า "เทียนน้ำหนัก ๑ บาท ขนาดเท่าไร ?" กูจะบ้า..! น้ำหนัก ๑ บาทก็คือ ๑๕ กรัม ลองไปถามเขาดูว่าเทียนหนัก ๑๕ กรัม คนขายส่วนใหญ่เขาขายเป็นเบอร์ ถามว่าเทียนหนัก ๑๕ กรัม เบอร์อะไรแล้วก็เอามา วัสดุไม่จำเป็น จะเป็นเทียนขี้ผึ้งแท้ จะเป็นเทียนจากไขปลาวาฬ หรือจะเป็นเทียนจากพาราฟิน ใช้ได้ทั้งนั้น สีอะไรก็ใช้ได้ ไม่เกรงใจจะใช้สีดำที่เขารับพระราหูก็ได้..!

    แล้วถ้าหากว่าอยากรับยันต์หลายรอบ กรุณาเปลี่ยนใหม่ด้วย เหมือนอย่างกับตั๋วหนัง คุณใช้ไปแล้ว จะเข้าไปดูอีกรอบหนึ่ง เขาคงไม่ให้เข้ากระมัง ? ก็ช่างสงสัยกันนะ สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพไม่เคยสงสัยเรื่องแบบนี้เลย

    ความลังเลสงสัยทำให้ศรัทธาคลอนคลาย เมื่อศรัทธาไม่มั่นคง โอกาสที่คุณงามความดีที่เกิดขึ้นจะเรื่องของวัตถุมงคล หรือสิ่งที่เราศรัทธาก็จะมีน้อย เหมือนอย่างกับเครื่องรับโทรศัพท์ รับคลื่นได้ไม่ดี จะให้มีความชัดเจนก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าศาสนาทุกศาสนาเริ่มต้นมาจากศรัทธาทั้งนั้น ถ้าไม่มีความศรัทธาเลื่อมใส ก็จะไม่เข้าหาพระศาสนา เมื่อมีศรัทธาตั้งมั่น เรื่องอื่นก็มาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาก็ตาม

    ในเรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชร ความจริงแล้วก็คือการปฏิบัติในพุทธานุสติ การระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก แล้วท่านก็บังคับว่า เราต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือต้องไม่ลักขโมยและไม่ดื่มสุราเมรัย

    ถามว่าทำไมถึงต้องไม่ลักขโมยและไม่ดื่มสุราเมรัย ? บ้านไหนเมืองไหนมีขโมย คนก็เดือดร้อนไปหมด บ้านไหนมีคนดื่มสุรา ติดยาเสพติด ในบ้านก็เดือดร้อนไปหมด การลักขโมยเป็นการเบียนเบียนคนอื่น ทำให้สังคมเดือดร้อน การดื่มสุราติดยาเสพติด เป็นการเบียดเบียนตัวเอง ทำให้ครอบครัวและตัวเองเดือดร้อน ยังดีที่ท่านขอแค่ ๒ ข้อ ใครรักษาได้มากกว่านี้ก็ถือว่าเป็นกำไร
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เนื่องเพราะว่าเรื่องของยันต์เกราะเพชร ไม่ได้สำคัญตรงการรับ แต่สำคัญตรงที่ว่ารับไปแล้วรักษาได้หรือเปล่า ? โดยเฉพาะในเรื่องของสุรา ต้องระวังเป็นพิเศษ หลายคนไม่มีความเข้าใจ ถามว่า "ดื่มน้ำพั้นช์ได้ไหม ?" ถ้าไม่ใส่เหล้าก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ใส่ทั้งนั้น..! อีกรายหนึ่งก็ฟาดไอศกรีมรัมเรซินทุกวัน ไอ้นั่นเหล้าชัด ๆ เลย เหล้าเถื่อนอีกต่างหาก..! หลายท่านก็มีช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี แหม..น่าอร่อย บางคนก็โน่นเลย ขนมเค้ก แต่คราวนี้ท็อปปิ้งหน้าเค้กเป็นอะไร ? เป็นเชอรี่แช่บรั่นดี เจริญ..!

    แล้วยิ่งสมัยนี้อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทั้งนั้น ระมัดระวังกันเอาเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามใคร เพราะว่าทันทีที่เข้าปาก เราจะรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว บางท่านถ้าความรู้สึกดี ๆ รู้สึกเลยว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งออกจากตัว ให้รู้ว่า "คุณขา..ยันต์ลาก่อน มีโอกาสแล้วค่อยเจอกันใหม่..!" เรื่องพวกนี้สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าพิสูจน์อาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ก็คืออุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารับยันต์มา แล้วก็ไปลองกินเหล้าดูว่ายันต์หายจริงหรือเปล่า ? ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าสิ้นสติจนเกินไป..!

    กระผม/อาตมภาพอายุก็ย่าง ๖๕ ปีแล้ว ไม่รู้จะได้รับอนุญาตให้ทำการเป่ายันต์สงเคราะห์ญาติโยมไปได้อีกสักกี่ครั้ง เพราะว่าข้อจำกัดมีมาก มีหลายวัดนิมนต์ให้ไปเป่ายันต์ที่วัดของท่าน ต้องบอกไปว่าไม่ได้ เพราะว่าครูบาอาจารย์ห้ามไว้ตั้งแต่วันแรกที่ครอบครูแล้ว ก็คือห้ามเดินสายเป่ายันต์ เพราะว่าจะอยู่ในลักษณะของการหาเงิน ไม่ใช่การสงเคราะห์คน ข้อห้ามท่านมีหลายข้อ แต่ข้อนี้ห้ามเพราะว่าสร้างความเสียหายให้แก่ตนเองมาก ถ้าไปทำในลักษณะของโลภในลาภ อยากได้ชื่อเสียง พระท่านจะไม่สงเคราะห์ให้ คนที่คิดว่าตนเองเข้าพิธีไปแล้ว เกิดนึกอยากลองของแบบกระผม/อาตมภาพ ไปไล่จับงูเห่างูจงอางดู ก็อาจจะถึงตาย..!

    แล้วเรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้นจำกัดหลายรูปแบบด้วยกัน อันดับแรกก็คือ ต้องเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น ข้างแรมก็ไม่ได้ แล้วที่แน่ ๆ ก็คือต้องรอครูบาอาจารย์หรือพระท่านอนุญาตให้ทำ ถ้าท่านไม่อนุญาต ? กระผม/อาตมภาพเก่งแค่ไหนก็ไปไม่รอด เพราะว่ายันต์เกราะเพชรจริง ๆ แล้วก็คือบารมีของพระพุทธเจ้า จะเรียกว่าฉัพพรรณรังสีก็ได้ ที่ท่านประทานลงมาเพื่อให้คุ้มครองป้องกันตัวเรา อานุภาพที่สำคัญก็คือสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท แต่ไม่ใช่มหาสะท้อน..!

     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วิชามหาสะท้อนนั้น ใครจะทำดีทำชั่วกับเราเขาส่งคืนหมด ดีมาก็ดีกลับไปหลายเท่า ชั่วมาก็ชั่วกลับไปหลายเท่า แต่ยันต์เกราะเพชรสะท้อนเฉพาะเรื่องไสยศาสตร์เท่านั้น นักเลงดีหลายต่อหลายรายที่มาลองในงานพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร บาดเจ็บสาหัสไปเยอะแล้ว เพราะคิดจะทำคนอื่นแค่ไหน ตัวเองก็เดือดร้อนแค่นั้น กระผม/อาตมภาพเองมีหน้าที่ดูเฉย ๆ ดูด้วยความเวทนาสงสาร ว่ามึงจะทำไปทำอะไรวะ ?

    แล้วอีกหลายท่านที่มีของที่ตนเองเคารพนับถือที่เป็นไสยศาสตร์ติดตัวมา มาถึงที่นี่โดนล้างเกลี้ยงหมดนะจ๊ะ..! เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่อยากเสียของ กรุณาอย่ามาเข้าพิธี มีอยู่รายหนึ่งกลับไปแล้วป่วยหนักไปเดือนกว่า ไม่หายสักที ปรากฏว่าเป็นคนใต้ จึงไปหาหมอครูทางด้านโน้น หมอครูบอกว่า "มึงสืบทอดครูโนราห์มาแล้วเสือกทะลึ่งไปรับยันต์เกราะเพชร ครูโนราห์โดนขังอยู่ข้างใน ออกมาไม่ได้ มึงก็เลยป่วยตลอด..!"

    สรุปว่ารายนั้นต้องมาขอร้องกระผม/อาตมภาพ ว่าทำอย่างไรจะให้ครูเข้าออกได้ ก็มีอย่างเดียวว่าคุณต้องเลิกต้องการยันต์เกราะเพชร วิธีเลิกก็ง่ายนิดเดียว ละเมิดศีล ๒ ข้อ ข้อใดข้อหนึ่งก็จบแล้ว..!

    เรื่องพวกนี้บางทีเราก็คิดไม่ถึง เพราะว่าทางครอบครัวเขามีการครอบครูโนราห์มาตามสายบรรพบุรุษ ใครจะไปนึกว่าครูโนราห์แพ้ยันต์เกราะเพชร..! พอยันต์ครอบลงไป ครูออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เตือนลูกเตือนหลานด้วยการทำให้ป่วย เดือดร้อนกันไปอีกนาน ถ้าไม่ได้หมอครูแจ้งให้ทราบก็คงจะป่วยไปอีกหลายเดือน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...