เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 ตุลาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ถ้าเป็นฝรั่งก็ขวัญหนีดีฝ่อ เพราะว่าวันศุกร์ ๑๓ เป็นวันที่เขาถือว่าโชคร้ายที่สุด เนื่องจากว่าเป็นวันที่พระเยซูสิ้นพระชนม์

    แต่คราวนี้ของเรากลับเป็นวันมหามงคลวันหนึ่ง ก็คือวันนวมินทรมหาราช เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะเรียกกันว่า วันนวมินทรมหาราช

    กระผม/อาตมภาพเอง พยายามรักษากำลังใจอยู่กับการภาวนาให้ได้ ๙ ชั่วโมง เพื่อสะสม "เสบียงบุญ" อย่างหนึ่ง แล้วก็ถวายเป็นพระราชกุศลอีกอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครอยู่ในกลุ่มไลน์วัดท่าขนุน หรือว่ากลุ่มไลน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับวัดท่าขนุน จะสงสัยว่าวันนี้หลวงพ่อเล็กของขึ้น เดี๋ยวก็ส่งมา ๑ ชั่วโมง เดี๋ยวก็ส่งมา ๑ ชั่วโมง ก็คือวันนี้กระผม/อาตมภาพตั้งใจที่จะปฏิบัติภาวนาให้ได้อย่างน้อย ๙ ชั่วโมง ส่วนที่เกินถือว่าเป็นกำไร

    วันนี้เป็นวันที่ ๑๓ ของเดือน ซึ่งโดยปกติแล้ว ทางวัดท่าขนุนของเราจะมีการสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ แต่ว่าปีนี้ มีคำสั่งให้ทุกวัดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงต้องรวบทั้ง ๒ งานมารวมกันเป็นงานเดียวกัน

    ฝนฟ้าก็ไม่ค่อยจะอำนวย ต้องบอกว่าตกกันอย่างชนิด "
    กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์" ถ้าลักษณะนี้โบราณเขาบอกว่า "ฝนสั่งฟ้า" ก็คือใกล้จะลาจากแล้ว จึงทิ้งท้ายให้มากหน่อย เพราะว่าเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว

    เช้า ๆ ช่วงนี้ทองผาภูมิมีทะเลหมอกมากมายมหาศาล แทบจะท่วมเมือง ใครที่อยากจะชมทะเลหมอกระยะนี้ ถ้าไม่กลัวฝน จะได้เห็นทุกวัน แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ไม่แน่ ฤดูหนาวทะเลหมอกจะปรากฏโดยสองสาเหตุ สาเหตุแรกคือมีความกดอากาศสูง ที่เป็นความหนาวมากระทบ ก็จะเกิดทะเลหมอกขึ้น หรือว่าถ้ากำลังหนาวอยู่ แล้วมีอากาศร้อนมากระทบ ก็จะเกิดทะเลหมอกเช่นกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เรื่องของฟ้าฝน ต้องบอกว่าธรรมชาติเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเกินพอดี จนเกิดเป็นอุทกภัยต่าง ๆ ก็ค่อนข้างจะอันตราย บ้านเราที่ผ่านมาก็ช่วงลำปาง ปัจจุบันนี้มาถึงตาก น้ำก็เริ่มมีท่วมแล้ว อยุธยา ซึ่งปกติแล้วเป็นทุ่งรองรับน้ำหลาก ช่วยป้องกันเมืองหลวงในสมัยนั้นมาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้น้ำก็เริ่มท่วมแล้ว

    คนโบราณของเราอยู่กับธรรมชาติแบบคล้อยตามกัน ไม่ไปขวางธรรมชาติ เพราะฉะนั้น..เรื่องของน้ำหลากกลายเป็นเรื่องที่คนโบราณเขารอ เพราะว่าถ้าน้ำหลากมา ถึงเวลาข้าวกล้าได้น้ำ ได้ "โอชะ" คือปุ๋ยที่มากับน้ำหลาก ทำให้งอกงามเป็นพิเศษ แล้วบรรดาสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่เป็นอาหารก็มากับน้ำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ชอบแบบไหน ก็หากินแบบนั้น

    แต่ว่าปัจจุบันปลาหลายชนิดที่กระผม/อาตมภาพเคยพบเห็นสมัยเด็ก ๆ สมัยนี้ไม่ค่อยได้พบแล้ว อย่างเช่นว่าปลาสังขะวาด ปลาหนวดพราหมณ์ ปลาเสือตอ หรือแม้กระทั่งปลาใหญ่อย่างปลายี่สกหรือปลากะโห้ ซึ่งโตได้เป็นร้อย ๆ กิโลกรัม ก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว

    หรืออย่างปลากราย สมัยเด็ก ๆ เขาจับมาได้แต่ละตัวยาวเป็นวา อย่าลืมว่าวาคือสองเมตร..! แล้วที่กระผม/อาตมภาพเบื่อที่สุดก็คือ ผู้ใหญ่จะให้ตำเนื้อปลากราย เพื่อที่จะเอามาทำลูกชิ้น ตำกันจนแขนโตไปข้างหนึ่ง..! ถ้าถามว่าต้องตำขนาดไหนถึงจะใช้ได้ ? ผู้ใหญ่เขาบอกว่า "ปั้นก้อนแล้วขว้างใส่ข้างฝา ถ้าติดหนับอยู่ก็ใช้ได้..!" เป็นวิธีการที่โหดร้ายมาก หรือว่าปลาค้าว ซึ่งเป็นตระกูลของปลาเนื้ออ่อน ลักษณะใกล้เคียงกับปลากราย ตัวใหญ่มาก ยาวเป็นวาเหมือนกัน สมัยนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็น

    แล้วปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ปลาออ" ก็คือฝูงปลาแห่กันมาพร้อม ๆ กันแน่นไปทั้งแม่น้ำ เพื่อที่จะไปหาที่วางไข่ ถ้าบ้านไหนต้องการ ก็เอาเข่งไปตักเอา เพราะว่ามาแน่นไปทั้งแม่น้ำเลย แล้วเสียงปลาร้อง ถ้าใครเคยได้ยินทีหนึ่งจะจำได้ติดใจ พวกเราไม่เคยได้ยินเสียงปลาร้อง จึงไม่รู้ว่าปลาร้องได้เหมือนกัน

    โดยเฉพาะสมัยนั้น เขารอปลาสร้อยมา ถ้ามากันทีหนึ่งเต็มแม่น้ำ ผู้ใหญ่ก็จะใช้เครื่องมือหาปลาทุกชนิดที่มีอยู่ ระดมจับให้ได้มากที่สุด เพื่อเอามาหมักทำน้ำปลา สมัยนี้การหมักน้ำปลา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวิธีการเป็นอย่างไร แต่เห็นว่าส่วนใหญ่แล้วใช้กระดูกสัตว์ในการหมัก หรือไม่ก็เติมสี เติมกลิ่นลงไปในน้ำเกลือ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แต่สมัยก่อนนี่เขาเลือก ไม่ใช่ปลาทั่ว ๆ ไปแล้วจะเอามาหมักน้ำปลา แต่เลือกว่าต้องปลาสร้อยเท่านั้น แล้วหมักปีนี้อย่างเร็วที่สุดต้องไปกินปีหน้า ก่อนหมักก็จะมีการเอาอ้อยควั่นมาผ่าสี่ วางรองก้นไหก้นโอ่งก่อนแล้วค่อยหมักน้ำปลา ถึงเวลาด้านหน้าปากไหที่เขาสานไม้ไผ่กันเอาไว้ ถ้าหากว่ามีแมลงวันวางไข่ หรือว่ามี "ขี้ขมวน" เกิดขึ้น เด็ก ๆ อย่างพวกเราก็จะโดนบังคับให้ไปทำความสะอาด

    น้ำปลาที่หมักเองรสชาติจะอร่อยมาก โดยเฉพาะที่กรองมาใหม่ ๆ ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะไม่กินกัน เพราะว่าไม่รู้จักของดี เนื่องจากว่ากรองมาแล้วมักจะมีตะกอนอยู่ค่อนขวด นั่นคือเนื้อปลาที่เปื่อยยุ่ยแล้วทั้งหมด ราดข้าวลงไปก็กินกันชนิด "แหกหม้อแหกไห" แทบจะเอาข้าวลงไปเช็ดก้นหม้อก้นจานกันเลยทีเดียว..!

    แต่คราวนี้ปรากฏการณ์ปลาออแบบนั้นก็มีอันตราย เพราะว่าพวกงูต่าง ๆ มักจะตามฝูงปลามา เพื่อที่จะหาอาหารกิน ก็คือกินปลานั่นแหละ..! ถ้าเจองูกินปลาธรรมดา หรือว่าเจองูงวงช้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปเจอพวกงูเห่างูจงอางก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้..!

    คราวนี้การที่โบราณอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เขาจะสร้างบ้านใต้ถุนสูง เพื่อรองรับหน้าน้ำ พอหน้าแล้งก็เอาเรือขึ้นคานไว้ พอใกล้หน้าน้ำ ก็เอาเรือลงจากคานมา ตอกหมัน ยาเรือ ทาน้ำมัน ไอ้พวกรากศัพท์แบบนี้ ถ้าใครไม่เข้าใจลองไปค้นดูว่าเขามีแปลไว้หรือเปล่า ?

    หมันนี่เป็นเปลือกต้นหมัน เอามาทุบแล้วจะเป็นเส้น ๆ ลักษณะคล้ายกับเส้นด้าย เวลาเราสร้างเรือแล้ว จะมีรอยแตก รอยถ่าง ระหว่างแผ่นไม้ ก็เอาเส้นหมันนี่อุดลงไป ตอกอัดให้แน่น แล้วก็ยาด้วยชันผสมน้ำมัน

    ดังนั้น.โบราณเขาถึงได้มีภาษิตว่า "ยาเรือยาแพ ยาด้านนอก ยาขันยาจอก ยาด้านใน" ก็คือยาเรือต้องยาด้านนอก ถึงเวลาแรงดันน้ำดันขึ้นมา ก็จะได้ไม่เข้าเรือ แต่ว่าพวกขันพวกจอกอะไรที่เราใช้ใส่น้ำ ต้องยาทางด้านใน ก็คือปิดรูรั่วให้หมด ดังนั้น..คำว่า "ยา" ในที่นี้ก็คือ "อุดรูรั่ว" พวกเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็คือร่างกายรั่ว ก็เลยต้องกินยา เอาเข้าไปอุดรูรั่ว จะได้หายป่วย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,863
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    การอยู่รวมกับธรรมชาติแบบคล้อยตามกัน เป็นหลักปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าเป็นทางสายกลาง ถ้าอยู่กับธรรมชาติแล้วไปฝืนธรรมชาติ ก็มักจะไม่รอด เพราะว่าพลังงานธรรมชาตินั้น เมื่อรวมตัวกันมาก ๆ เข้า มักจะเกินกำลังที่มนุษย์จะต้านไหว

    พวกเราเห็นภาพอุทกภัยในประเทศต่าง ๆ ที่ออกข่าว บรรดารถต่าง ๆ ลอยตามน้ำไปเหมือนของเด็กเล่น บ้านเรือนทั้งหลังไม่ว่าจะกี่สิบชั้น ถึงเวลาโดนดันพังทลายลงน้ำไปหมด ฉะนั้น..ในส่วนของทางสายกลาง บรรพบุรุษของเรานำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันนานแล้ว เพียงแต่พวกเรายังหาทางสายกลางของตัวเองไม่เจอเท่านั้น

    เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ถ้าหากว่าใครมีประสบการณ์ในการใช้หลักธรรมแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน ต่อไปก็จะทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ขาดประสบการณ์ตรงนี้ บางทีก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานแบบไหน แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ได้จะดีที่สุด เพราะว่าแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่สร้างความทุกข์ให้กับเราทั้งสิ้น

    วิธีที่ดีก็คือพยายามสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งเข้าไว้ พอความทุกข์มากระทบ จะได้สะเทือนน้อยที่สุด แล้วใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ปกติธรรมดา เราเกิดมาแล้วต้องทุกข์แบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์แบบนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก การเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน

    ถ้าหากว่าสามารถทำแบบนี้ได้ เราเองก็จะค่อย ๆ ถอนใจที่ยึดเกาะในร่างกาย หรือว่ายึดเกาะในโลกนี้ ขึ้นมาได้ทีละน้อย ถอนได้น้อยก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นต่ำ ถอนได้มากก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นสูง ถอนได้ทั้งหมด ก็หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน

    สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...