เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 มิถุนายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพอยู่ที่วัดพุถ่องเจริญธรรม ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมาระงับอธิกรณ์ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนว่า พระครูวินัยธรปาริชาติ ปิยสีโล ได้ทำการรื้อถอนอาคารบางหลัง แล้วไม่ได้สร้างคืนให้ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นก็คงจะมีเพิ่มเติมมาตามประสาของบุคคลที่เริ่มไม่ชอบหน้ากัน..!

    แต่ว่าเรื่องแบบนี้ เราจะ "ตั้งธง" เข้าไปว่าใครผิดใครถูก
    ไม่ได้ เนื่องเพราะว่าต้องฟังความทั้งสองฝ่ายตามหลักสัมมุขาวินัย ก็คือ ถึงพร้อมด้วยโจทก์ ถึงพร้อมด้วยจำเลย ถึงพร้อมด้วยผู้ตัดสินที่ทรงธรรม ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ การระงับอธิกรณ์ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ ก็จะเป็นไปด้วยความดีความงาม

    ระยะนี้เรื่องในอำเภอทองผาภูมิจะว่ายุ่งก็ใช่ จะว่าปกติก็ใช่ เนื่องจากว่าเพิ่งได้ระงับอธิกรณ์ในเรื่องที่สามเณร นั่งสมาธิแล้วกระโดดโลดเต้นไปด้วย ซึ่งทางตัวเจ้าสำนักสงฆ์ก็ยอมย้ายกลับไปต้นสังกัดไปแต่โดยดี

    ส่วนอีกวัดหนึ่งก็คือวัดประจำไม้นั้นเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าพระอธิการบรรเจิด เทวธมฺโม เจ้าอาวาสวัดประจำไม้ เจ้าอาวาสอาวุโสยิ่งของบรรดาเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ท่านได้ลาสิกขาไปเสียแล้ว..!

    อดีตพระอธิการบรรเจิดนั้น ท่านเป็นบุคคลที่สมถะเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ท่านรับตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ท่านก็ไม่รับ ขอให้ท่านทำประวัติเพื่อขอเป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ไม่ทำ แต่ว่าถ้าหากว่ามีการประชุมคณะสงฆ์เมื่อไร ท่านจะเป็นบุคคลผู้ให้ความเห็น หรือว่าชี้ประเด็นในแต่ละเรื่องได้ถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ทางพวกเราจำเป็นที่จะต้องเสาะหาเจ้าอาวาสใหม่ไปทดแทนท่าน

    ถ้าหากว่าเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ก็จะไปตกอยู่ใน "วงจรอุบาทว์" ที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวเอาไว้ ก็คือว่าถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมลงทันตา เพราะว่าชาวบ้านไม่ให้การสนับสนุน แต่ถึงจะเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังคงคิดถึงคนเก่า เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี ถ้าหากว่าเราค่อย ๆ ทำความดีสู้ไป ก็จะสามารถดึงกำลังใจและศรัทธาของญาติโยมเข้ามาได้ทีละน้อย กว่าที่ทุกคนจะเปิดใจศรัทธา บรรดาเจ้าอาวาสใหม่ก็ทำความดีสู้ไปจนกระทั่งถึงระยะท้าย ๆ ของชีวิตอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาถ้าหากว่ามรณภาพไป เจ้าอาวาสใหม่มา ก็จะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อีก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    กระผม/อาตมภาพถึงได้เรียกว่า "วงจรอุบาทว์" เพียงแต่ว่าแต่ละเรื่องแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น เราต้องรีบดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้ ทางเจ้าคณะปกครองนัดกันตอน ๕ โมงเย็น กระผม/อาตมภาพที่มาถึงก่อน จึงได้มานั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน บนศาลาการเปรียญวัดพุถ่องเจริญธรรม ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นวัดที่ตั้งขึ้นได้ไม่นาน เนื่องเพราะว่าพระครูวินัยธรปาริชาติ ปิยสีโล นั้นเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ เท่านั้นเอง

    ในเรื่องของการอยู่ร่วมกับประชาชนนั้น บางสิ่งบางอย่างเราเองทำไปด้วยตั้งใจจะพัฒนาวัดให้เจริญขึ้น แต่ก็มีบรรดาชาวบ้านบางคนบางพวกที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้าน กระผม/อาตมภาพเองที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ไปทำการพัฒนาวัดมาหลายวัด ซาบซึ้งในเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ล่าสุดวัดที่ไปพัฒนาก็คือวัดทองผาภูมิ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งตอนนั้นหมดสภาพจริง ๆ เพราะว่าเจ้าอาวาสถึงอยู่ก็สักแต่ว่าอยู่เท่านั้น

    กระผม/อาตมภาพเข้าไปถึงก็ต้องทำการขนขยะออกจากวัด ๒๐ กว่าคันรถ..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีการจัดตลาดนัดกันทุกอาทิตย์ แล้วก็เก็บค่าร้านกันอย่างเดียว ไม่ได้คิดที่จะทำความสะอาดเลย บรรดาขยะต่าง ๆ เกลื่อนกลาดรอบโบสถ์ไปหมด ต้นหญ้าก็สูงท่วมหัวชนิดที่เสือหมอบอยู่ทั้งตัวก็ไม่มีใครเห็น กว่าที่จะดำเนินการให้สะอาดเรียบร้อยได้ ก็ผ่านไป
    เป็นเดือนเลยทีเดียว..!

    หลังจากนั้นก็ไปดูว่าบรรดาอาคารต่าง ๆ เสื่อมโทรมทรุดโทรมลงไปตามสภาพ โดยเฉพาะห้องน้ำห้องส้วมที่มีอยู่ถึง ๑๐ ห้อง เพราะว่าอยู่ข้างฌาปนสถาน บรรดาบุคคลที่มาเผาศพจำเป็นจะต้องใช้ แต่ว่าทุกส้วมนั้นไม่สามารถที่จะใช้งานได้ เพราะว่าอ่างเก็บน้ำรั่วบ้าง ก๊อกน้ำหักบ้าง โถส้วมแตกบ้าง กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบบูรณะขึ้นเป็นสิ่งแรก และทำการรื้อถอนศาลาเมรุที่ค่อนข้างจะง่อนแง่นไม่แข็งแรงออก แล้วก็ทำใหม่ให้สวยงาม

    เมื่อรื้อศาลาไปจนกระทั่งถึงศาลาเก่าซึ่งเก็บของเอาไว้เกะกะรกไปหมด ปรากฏว่าโดนชาวบ้าน ๕ - ๖ คนเดินขบวนมาประท้วงว่า กระผม/อาตมภาพขาดความเคารพอดีตเจ้าอาวาส ที่ได้อุตส่าห์สร้างสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ มารื้อทิ้งแบบนี้ เขาไม่เห็นด้วย ขอให้กระผม/อาตมภาพออกจากวัดไป..!

    กระผม/อาตมภาพที่จ่ายเงินไปเป็นล้าน ๆ ในการบูรณะวัดใหม่ตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดในช่วงนั้น จึงรีบไปด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ต่อก็คงจะหมดอีกหลายสิบล้าน เป็นต้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เรื่องพวกนี้แม้มารู้ทีหลังว่า อดีตเจ้าอาวาสที่อยู่ในช่วงนั้น เกรงว่ากระผม/อาตมภาพจะมาเบียดเอาตำแหน่งของท่าน เพราะไม่เชื่อว่าจะมีใครที่เต็มใจมาทำให้เปล่า ๆ โดยหมดเงินไปมากมายขนาดนั้น จึงไประดมชาวบ้านซึ่งเห็นดีเห็นงาม เพราะว่ามีผลประโยชน์ในเรื่องตลาดนัดด้วยกัน ๖ - ๗ คน มาทำการประท้วงตั้งแต่วันแรก ๆ ที่มาช่วยบูรณะวัดให้ท่าน

    กระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะสู้ไปด้วยการคิดว่า ถ้าเราทำทุกอย่างให้สวยงามเรียบร้อยแล้ว เขาทั้งหลายจะเห็นด้วย แต่ลืมนึกถึงกิเลสคนว่า เราไม่คิดแต่คนอื่นเขาคิด เราไม่เอาแต่คนอื่นเขาเอา จึงไปโดนประท้วงขับไล่ เพราะเกรงว่าจะไปเบียดตำแหน่งเจ้าอาวาสเก่าของเขา แล้วทำให้เขาทั้งหลายไม่สามารถจัดตลาดนัด ซึ่งมีแต่ทำให้วัดสกปรกเหมือนเดิมได้ จะทำให้ขาดประโยชน์ของตนเอง จึงพากันมาประท้วง หารู้ไม่ว่ากระผม/อาตมภาพรีบไปด้วยความยินดีทันทีที่เขามาประท้วงเลย..!

    หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแล้ว ได้ทำการพัฒนาวัดท่าขนุนแทน แล้วชาวบ้านก็ไปด่ากันเองว่า "สมน้ำหน้ามึง แทนที่วัดวาอารามของเราจะสวยงามเหมือนอย่างวัดท่าขนุน มึงเสือกไปขับไล่หลวงพ่อเล็กท่าน ตอนนี้วัดท่าขนุนเหมือนอย่างกับสวรรค์ ส่วนวัดของเราเหมือนกับสลัม..!"

    เรื่องนี้ก็แล้วแต่ชาวบ้านเขาจะพูดไป กระผม/อาตมภาพฟังก็เป็นเพียง "ลมผ่านหู" เท่านั้น เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อความเจริญในพระพุทธศาสนา เป็นการมองภาพใหญ่ มองภาพรวม ว่าไม่ว่าเราจะพัฒนาวัดไหนก็ตาม ก็ช่วยให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญมั่นคงขึ้นทั้งสิ้น

    หลายต่อหลายแห่งเมื่อทำเสร็จเรียบร้อย บอกลาญาติโยม ก็ยังโดนประท้วงว่า "อุตส่าห์ทำเสียสวยงามแข็งแรงแล้วทำไมถึงไม่อยู่ ?" กระผม/อาตมภาพก็ตอบตามความเป็นจริงว่า "ผู้บังคับบัญชาสั่งให้มาพัฒนาอย่างเดียว ไม่ได้สั่งให้มาอยู่" เหล่านี้เป็นต้น

    หลังจากที่มาปักหลักอยู่ที่วัดท่าขนุนแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาก็คงจะเกรงใจ เพราะว่าสั่งให้ไปทำมา ๗ - ๘ วัดแล้ว จึงไม่ได้สั่งให้ย้ายไปไหนอีก กระผม/อาตมภาพเองก็เริ่มที่จะเบื่อวัดท่าขนุนแล้วเหมือนกัน เพราะว่าไม่คิดที่จะทำอะไรเพิ่มเติม จึงอาจจะมีการย้ายหนีเอาดื้อ ๆ เพื่อที่จะไปหาที่พัฒนาใหม่ให้หายเซ็งก็เป็นได้..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    แต่คราวนี้ในเมื่อเรื่องเกิดที่วัดพุถ่องฯ ก็ต้องมาฟังความกันทั้งสองข้าง การตัดสินอธิกรณ์นั้น ส่วนสำคัญที่สุดคือการมีสติและการปราศจากอคติ ถ้าหากว่าขาดสติ เราก็จะหลงประเด็นตามเหตุผลที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยกขึ้นมา ดังนั้น..เราต้องมีสติชั่งน้ำหนักทั้งสองฝ่ายว่า เหตุผลของใครมีน้ำหนักกว่ากัน

    แล้วประการต่อไปก็คือว่า จะต้องรักษาอารมณ์ของเราให้ปราศจากอคติ โดยเฉพาะถ้าไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ได้ยิ่งดี จะทำให้งานการทุกอย่างตรงหน้าเป็นไปโดยธรรมโดยวินัย ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะมีการเข้าข้างกัน จนเสียความยุติธรรม อาจจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจก็เป็นได้

    แต่ว่าตั้งแต่กระผม/อาตมภาพระงับอธิกรณ์มา แม้แต่เรื่องที่เขาประท้วงตัวกระผม/อาตมภาพเอง อาตมภาพก็ยังยกไมโครโฟนให้เขาทีละคนว่า "ใครมีอะไรอีกให้พูดมาเลย" ตอนนั้นพระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. ยังเป็นพระมหาปรีชา จิรนาโคอยู่ โกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง บอกว่า "มันด่าอาจารย์แท้ ๆ อาจารย์ยังไปส่งไมโครโฟนให้มันอีก..!" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ใจเย็น ๆ ถ้าเราไม่ให้เขาพูด เราก็จะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา..!"

    เมื่อดูอารมณ์ใจตัวเองตอนนั้นแล้วยังรู้สึกดีใจว่านิ่งเป็นพิเศษ ไม่ได้มีความโกรธเกลียดรักชอบใด ๆ ต่อบรรดาผู้ที่มาประท้วงเลย ขอให้เขายกเหตุผลมาให้เพียงพอเท่านั้น เมื่อถึงเวลาฟังเหตุผลแล้ว แม้ว่าจะเป็นเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ก็ตาม แต่เราก็ยอมตามเขาไป เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ไม่ได้คิดที่จะทำงานอะไรให้ตนเองเหนื่อยยากอยู่แล้ว

    ในเมื่อมาลงทุนลงแรงหมดเงินไปหลายล้านแล้วโยมไม่ชอบใจ เราก็ไปดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาหาเงินให้เหนื่อยยากอีกต่อไป เรื่องของการมีสติ ปราศจากอคติ โดยเฉพาะรักษากำลังใจให้ผ่องใสไว้ได้ในระหว่างตัดสินความ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพื่อที่เราจะได้ทำทุกอย่างให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม

    สำหรับตอนนี้
    กระผม/อาตมภาพขออนุญาตไปฟังอธิกรณ์ที่นี่ก่อน ถ้าหากว่ามีอะไรน่าสนใจ ก็จะได้มาบันทึกให้ทุกท่านฟังใหม่ในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุ สามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...