เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ งานใหญ่ของทางคณะสงฆ์ก็คือ การสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๗ เพิ่งจะผ่านพ้นไป พรุ่งนี้ต้องประชุมเพื่อเตรียมการสอบธรรมศึกษา แล้วมะรืนนี้ก็เป็นวันสอบ

    แม้ว่าทางพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จะมีหนังสือคำสั่งให้กระผม/อาตมภาพ ไปถวายการต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง ซึ่งท่านจะมาเปิดการสอบธรรมศึกษาที่โรงเรียนวิสุทธรังษี แต่กระผม/อาตมภาพก็คงจะไปไม่ได้

    เนื่องเพราะว่าการสอบธรรมศึกษานั้น ทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายมีปัญหาให้ต้องแก้ไขกันทุกปี แม้กระทั่งบางปีไม่สามารถที่จะโหลดข้อสอบได้ ก็ต้องอาศัยเส้นสายขอข้อสอบจากอำเภออื่น หรือว่าสนามอื่น ไม่อย่างนั้นเด็กของเราก็จะสอบไม่ทัน โดยเฉพาะวิชาในภาคบ่าย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมะ พุทธะ หรือว่า เบญจศีล - เบญจธรรม เป็นต้น เขาให้เวลาแค่ ๕๐ นาทีต่อข้อสอบ ๕๐ ข้อ..!

    ความจริงจะว่าไปแล้ว ทางคณะสงฆ์ธรรมยุตนั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านจะคุ้นเคยมาก ถัดจากนั้นก็คงจะมีแต่กระผม/อาตมภาพเท่านั้น เนื่องเพราะว่าท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับพระธรรมยุต กระผม/อาตมภาพเอง "ได้" มากก็ในช่วงที่ไปช่วยดูแลหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    มีสิ่งหนึ่งที่พระธรรมยุตมีแต่พระมหานิกายของเรายังขาดอยู่มากก็คือ สายสัมพันธ์และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พระธรรมยุตท่านจะถึงกันหมดทุกวัด ไม่ว่าวัดนั้นจะใหญ่จะเล็ก อยู่ใกล้ไกลแค่ไหนก็ตาม ถึงเวลาก็ไปมาหาสู่ กราบรายงานตัว ทำความรู้จักมักคุ้นกับพระธรรมยุตด้วยกันรูปอื่น ๆ จนสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าบวชในสายธรรมยุตแล้วจะรู้จักกันทั้งประเทศ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    โดยเฉพาะความเอื้อเฟื้อของพระเถระที่มีต่อพระผู้น้อย ในสายธรรมยุตนั้น พระผู้ใหญ่จะเป็นผู้แนะนำบุคคลที่มีความสำคัญหรือว่ามีฐานะดี ให้ช่วยไปอุปถัมภ์ค้ำจุดวัดโน้น สำนักนี้ และโดยเฉพาะเป็นผู้ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี หรือว่าพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่ว่าจะพระองค์ใดพระองค์หนึ่งก็ตาม ให้เสด็จไปยังวัดนั้น สำนักสงฆ์นั้น หรือว่าที่พักสงฆ์นั้น

    โดยที่พระเถระผู้ใหญ่ที่มีความคุ้นเคยกับราชวงศ์ จะไปเป็นประธานในงาน ช่วยในการต้อนรับให้สมกับพระเกียรติยศที่เสด็จไป จนกระทั่งเขากล่าวกันได้ว่า วัดสายธรรมยุต ไม่ว่าจะวัดเล็กวัดใหญ่ อยู่ใกล้อยู่ไกลขนาดไหน จะต้องมีร่องรอยการเสด็จของพระญาติพระวงศ์ทั้งหมด ตรงจุดนี้ทางด้านมหานิกายของเราสู้ไม่ได้

    กระผม/อาตมภาพเองเจอพระเถระรูปหนึ่ง พูดให้ได้ยินกับหู เนื่องเพราะว่าตอนนั้นมีวัดหนึ่งที่ทูลเชิญพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (พระยศในขณะนั้น) เสด็จไปเป็นประธานในงานของวัด พระเถระรูปนั้นพูดเข้าหูกระผม/อาตมภาพว่า "ทูลเชิญมาทำไม ? ทำให้เรื่องยากเสียเปล่า ๆ..!"

    เราจะเห็นว่าพระเถระที่กระผม/อาตมภาพกล่าวถึง กับพระเถระฝ่ายธรรมยุตนั้น มีการกระทำที่ต่างกันมาก ฝ่ายหนึ่งตั้งใจที่จะสร้างภาพพจน์ที่ดีงามให้กับคณะสงฆ์ธรรมยุต ก็คือทำให้ญาติโยมที่อุปถัมภ์ค้ำชูต่อวัดวาอารามสายธรรมยุตได้เห็นว่า ทุกวัดได้รับเกียรติยศจากในรั้วในวังที่เสด็จไปถึง ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ไหนก็ตาม เท่ากับเป็นตราประทับช่วยรับรองว่า สถานที่นั้นเป็นสถานที่ที่ดี ควรแก่การเป็นเนื้อนาบุญไปในตัว

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ถ้าหากกล่าวถึงในเรื่องคณะสงฆ์ธรรมยุตและมหานิกาย ในปัจจุบันนี้ต่อให้มีคณะสงฆ์ธรรมยุตบางส่วนสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา แต่เรื่องเหล่านั้นก็จะโดนตัดตอนให้สงบลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว คงจะถือหลักตามพุทธภาษิตที่ว่า จงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ จงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และจงสละทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต เพื่อรักษาธรรม
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเป็นนักบวชฝ่ายธรรมยุต ทำผิดทำพลาดขึ้นมา แล้วจะก่อให้เกิดความเสียหาย เราจะเห็นว่าจะโดนตัดตอน แล้วเรื่องจบลงอย่างรวดเร็วทุกครั้ง มีครั้งเดียวที่ไม่สามารถจะทำได้ก็คือ เรื่องของท่านอาจารย์ยันตระ เพราะว่าท่านไม่ได้มีตำแหน่งแห่งที่ในทางการปกครอง

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้คุณสำคัญขนาดไหน ถ้าสร้างความเสียหายให้กับส่วนรวม คุณก็ต้องสละตัวเอง คณะสงฆ์ธรรมยุตจึงสามารถคงความน่าเชื่อถืออยู่ได้ในสายตาของพุทธศาสนิกชน และในสายตาพุทธศาสนิกชน คณะสงฆ์ธรรมยุตก็คือ "พระของพระราชา"

    พวกท่านทั้งหลายควรจะเอาบทเรียนตรงนี้ไปว่า ถ้าหากเราก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่เริ่มให้คุณให้โทษต่อคนได้ ก็ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับพวกเรากันเอง อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่ โดยเฉพาะกฐินปลดหนี้ เนื่องเพราะว่าถ้าเราไปวัดเดียว มองมาข้างหลังอาจจะไม่เจอใครเลย แล้วพระพุทธศาสนาก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราช่วยกันประคับประคองคนอื่น ถึงเวลาก็มีพวก มีความเป็นปึกแผ่น ช่วยให้พุทธศาสนาของเรามั่นคง ก็จะสามารถที่จะยืนยงจนกระทั่งครบ ๕,๐๐๐ ปีได้

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนักถึงภาพรวมของพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ แต่อย่าลืมว่าภาพรวมหรือมหภาคนั้น ก็เกิดจากจุลภาคจำนวนมากด้วยกันประกอบกันขึ้นมา ภาพรวมก็คือคณะสงฆ์มหานิกายหรือว่าคณะสงฆ์ไทย ส่วนภาพเฉพาะก็คือแต่ละวัด เรามีขอบเขตอำนาจที่สุดก็คือในวัดของเรา ก็ต้องบริหารจัดการวัดของเราให้ดี ให้พระภิกษุสามเณรของเราอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย อยู่ในกรอบของศีลของธรรม จะได้สร้างความเลื่อมใสให้กับญาติโยมได้มาก

    อย่างของวัดท่าขนุนของเราในปัจจุบัน ในสายตาเจ้าคณะปกครองท่านก็จะว่า "วัดท่าขนุนเข้มแข็ง พระภิกษุสามเณรมีความรู้ความสามารถ ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าอาวาสทุกทาง" แล้วแต่ละท่านก็มีจิตสำนึกว่า ตนเองบวชเข้ามาด้วยความตั้งใจจะปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ก็พยายามที่จะรักษาวัตรปฏิบัติตามแนวครูบาอาจารย์เอาไว้ จนกลายเป็นภาพพจน์ที่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา แล้วภาพพจน์ที่ดีเหล่านี้ก็อยู่ในสายตาของชาวบ้านอีกด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เราจึงต้องมีความตระหนักว่า สิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด หรือแม้กระทั่งความคิด อย่างน้อยต้องอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ได้ เราต้องตัดตอนตัวเองเลย ก็คือถ้าอยู่ไปแล้วจะทำความเสียหาย เราต้องไปด้วยตนเอง เมื่อเราเสียสละตนเอง วัดวาอารามก็ไม่เสียหาย พระพุทธศาสนาก็ไม่เสียหาย ศรัทธาของญาติโยมก็ไม่เสียหาย

    จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพราะว่าในปัจจุบันภาพพจน์คณะสงฆ์ของเราย่ำแย่มาก อย่างที่กระผม/อาตมภาพพูดไปในวันก่อน แล้วเราท่านแค่ไม่กี่คนถ้าไปช่วยกันแบก ก็เหมือนอย่างกับมดไม่กี่ตัวไปแบกภูเขาทั้งลูก..! แต่เราจะท้อก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยกันแบกต่อไป จนกว่าจะมีบุคคลที่เห็นด้วยแล้วเข้ามาช่วยกันแบกเพิ่มขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นแล้วก็เบาลง คณะสงฆ์ของเราก็จะมั่นคง ภาพพจน์ก็จะดีขึ้น ศรัทธาของญาติโยมก็จะแน่นแฟ้นขึ้น และท้ายที่สุดทำให้พระพุทธศาสนาของเราตั้งมั่นได้จนครบ ๕,๐๐๐ ปี

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...