เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 กรกฎาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีบางเรื่องที่มีญาติโยมสอบถามมา อย่างเช่นว่า เรื่องของเด็กที่ถือว่าเป็นเทวดาจุติ เป็นความจริงหรือไม่อย่างไร ?

    เรื่องนี้อยากจะบอกว่า บุคคลที่เป็นเทวดา นางฟ้า หรือแม้กระทั่งพรหมมาจุติ ทั่วประเทศไทยมีเป็นล้าน ๆ ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าเด็กบางคน ถ้าหากว่าเคยเกิดเป็นพรหม เป็นเทวดามานาน ตลอดจนกระทั่งก่อนที่จะขึ้นไปเป็นพรหม เทวดา ช่วงที่เป็นมนุษย์ สามารถฝึกพวกทิพจักขุญาณหรือว่าอภิญญาสมาบัติได้ ความสามารถส่วนนี้จะติดตามมาด้วย ทำให้สามารถบอกกล่าว หรือว่าทำนายอะไรบางอย่างได้

    แต่ว่าเท่าที่พบมาก็คือ เมื่อโตขึ้นมา กิเลส ตัณหา อุปาทานต่าง ๆ ท่วมทับมากเข้า ๆ ส่วนใหญ่แล้วความสามารถส่วนนี้ก็จะหมดไป โดยเฉพาะถ้าโดนคนรบกวนมาก ๆ รักษากำลังใจไม่ให้ไหลตาม รัก โลภ โกรธ หลง ไปได้ ก็ถือว่ารอดตัว ถ้ารักษากำลังใจไม่ได้ ก็พังลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว

    ดังนั้น..พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง จึงได้แนะนำบุคคลที่ใช้มโนมยิทธิในการตอบปัญหาว่า อันดับแรกเลย อย่าอยู่ต่อหน้าคนถาม เพราะว่าถ้าอยู่ต่อหน้ากันแล้วโดนซักถาม บางทีเราเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมาจากความไม่รู้จักพอของคน กำลังใจที่ไม่สะอาดพอ คำตอบก็จะผิดพลาดได้

    ประการต่อไปคือ ให้จำกัดคำถาม อย่างเช่นว่า ถามได้คนละไม่เกิน ๓ ข้อ เพราะว่าส่วนมากแล้วพวกเราถ้ามีโอกาสก็จะมักจะถามเรื่อยเปื่อย แต่จะไปเดือดร้อนตัวบุคคลที่ทำตัวเป็นหมอดู เพราะว่าต้องติดต่อกับพระ หรือว่าพรหม เทวดา หรือครูบาอาจารย์แล้วขอคำตอบ จะกลายเป็นว่าไปรบกวนไม่เป็นเวล่ำเวลาสารพัดเรื่อง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นรำคาญขึ้นมา ก็อาจจะไม่สงเคราะห์ให้อีก..!

    แต่ตัวเองเมื่อโดนคนอื่นยกขึ้นไปในที่สูง ก็คือเป็นอาจารย์ใหญ่ มีคนเคารพนับถือมาก เมื่อไม่ได้คำตอบจากข้างบน ก็ใช้วิธีมั่วตอบเอาเอง คราวนี้การที่มั่วตอบเอาเองนั้น โอกาสที่ผิดมีมากกว่าถูก โดยเฉพาะถ้าเป็นอารมณ์ของการปฏิบัติ ซึ่งสูงกว่าระดับของตัวเอง

    ดังนั้น..ในเรื่องของเด็กที่ว่าเป็นเทวดาจุติมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าถ้าหากว่ายังรบกวนกันในลักษณะนั้น อีกไม่นานก็พัง จึงเป็นเรื่องที่พวกเราเองที่เป็นนักปฏิบัติ จะต้องสังวรไว้ด้วย

    โดยเฉพาะท่านที่ฝึกทิพจักขุญาณได้ หรือว่าฝึกมโนมยิทธิได้ อย่าเป็นขี้ข้ารับใช้ชาวบ้าน จะปลอดภัยที่สุด แกล้งทำเป็นโง่ ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพไปเลย โดยเฉพาะไอ้พวกคิดถามอะไรในใจ ให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเลย ขืนไปแอะให้รู้ ต่อไปก็ถามแบบนั้นไม่เลิก..!

    โดยเฉพาะไอ้พวกที่อ้างว่าติดต่อทางจิตกับกระผม/อาตมภาพแล้ว มึงจะติดต่อไปทำไม ? ก็ในเมื่อสมัยนี้โทรศัพท์ก็มี ไลน์ก็มี ฉะนั้น..ถ้าใครอ้างในลักษณะนั้นให้รู้ไว้เลยว่าโกหก..! เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่รับติดต่อใครทั้งนั้น ดูกิเลสตัวเองก็ระวังไม่ไหวแล้ว ยังจะต้องไปรับรู้เรื่องของชาวบ้านอีก ลำบากลำบนเปล่า ๆ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องหัวหน้าพรรคก้าวไกลโดน กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าขาดคุณสมบัติหรือเปล่า ? หากแต่เป็นเรื่องในวงการพระเครื่องและเครื่องราง ก็คือมีเซียนพระท่านหนึ่ง เป็นกรรมการในสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทยด้วย เข้าร่วมงานประกวดพระเครื่องงานใหญ่ แล้วส่งเครื่องรางและพระเครื่องของตนเองเข้าประกวด โดยให้คนอื่นนำไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเกรงใจกัน ปรากฏว่าโดนตีว่าปลอม โดยเฉพาะเขี้ยวเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย

    คราวนี้ด้วยความที่เขาคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานาน เขารู้ว่าโดนเล่นเข้าแล้ว จึงทักท้วงไปยังผู้ใหญ่ในวงการ ผู้ใหญ่ก็ต้องไปสะกิดคณะกรรมการว่า "เอ็งเล่นผิดคนแล้ว..!" ปรากฏว่าของที่ได้รับการตีว่าปลอม กลายเป็นติดรางวัลที่ ๒ คณะกรรมการโต๊ะนั้นให้เหตุผลว่า "รีบพิจารณาเกินไปเลยไม่รอบคอบ" จึงทำให้เซียนท่านนี้รับไม่ได้ บอกว่าอยู่ในวงการนี้ได้ยินมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับตัวเอง

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพเตือนพวกเราหลายคนว่า วัตถุมงคล ถ้าหากว่าเราหยิบยื่นเข้าไปในวงการเมื่อไร จะโดนตีว่าปลอมทันที เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นของแท้ อันดับแรกเลย เราจะไปขายแข่งกับเขา เท่ากับแย่งลูกค้าของเขาไป อันดับที่สองก็คือ ถ้าเราหมดกำลังใจที่จะไปหาจากแหล่งอื่น จะได้ไปซื้อของเขาเอง ดังนั้น..วงการนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่า "อยู่ยาก" ถ้าไม่ใช่เสือสิงห์กระทิงแรด หรือว่ามีความสามารถที่จะซื้อหาดูของได้ด้วยตนเอง อย่าแวะเข้าไปยุ่งด้วยเป็นดีที่สุด

    แต่คราวนี้เซียนพระท่านนี้ใช้วิธีทำหนังสือถึงสมาคม แล้วก็ยังอัดคลิปวิดีโอลงโซเชียลด้วย ก็เหมือนกับโยนระเบิดลงไปในวงการ แต่เชื่อเถอะ..อย่างเก่งก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวไปแค่อาทิตย์ สองอาทิตย์เท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็เหมือนเดิมอีก เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่ วงการนี้อยู่ได้ด้วยผลประโยชน์ ทำในลักษณะนั้นเหมือนกับไปทุบหม้อข้าวคนอื่น เดี๋ยวก็มีรายการเผากันขึ้นมาอีก..!

    เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราเป็นทองแท้ ก็ไม่กลัวไฟเผา เพราะว่าเผาอย่างไรข้างในก็เป็นทอง แต่เสียเวลาตรงที่ต้องไปรบราฆ่าฟันกัน แทนที่จะเอาเวลามาทำมาหากิน กลายเป็นการสร้างศัตรู กระผม/อาตมภาพก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ ว่าเปิดหน้าชกขนาดนี้แล้ว ถ้าอยู่ ๆ มีข่าวว่าโดนปลดออกจากคณะกรรมการของสมาคมฯ กระผม/อาตมภาพก็จะไม่แปลกใจเลย

    แล้วด้วยความที่มัวแต่มาสนใจดูเรื่องนี้ ทำให้พลาดวัตถุมงคลชิ้นสำคัญไปชิ้นหนึ่ง ก็คือตะกรุดหลวงปู่จันทร์ วัดนาคู ช้าไปแค่ไม่กี่นาที วัตถุมงคลเข้าไป โดนคนตาถึงคว้าไปเรียบร้อยแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    พวกเราเองส่วนใหญ่จะไม่รู้จักวัตถุมงคลของหลวงปู่จันทร์ วัดนาคู แต่คนภาคกลางแถวอ่างทอง อยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท รู้จักดีเสียยิ่งกว่าดี เขาจะมีสโลแกนว่า "จันทร์ นาคู - ภู ดอนรัก - ภักตร์ วัดโบสถ์" นั่นคือพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าสามรูป คือ หลวงปู่จันทร์ วัดนาคู หลวงปู่ภู วัดดอนรัก หลวงปู่ภักตร์ วัดโบสถ์ ที่ต้องถือว่าเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ของภาคกลางยุคนั้น

    หลวงปู่จันทร์ท่านทำวัตถุมงคลแบบตั้งใจทำจริง โดยเฉพาะตะกรุดของท่าน จะทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่บวชกับท่านเท่านั้น คนที่ได้ไปรู้ว่าของดีจริง ถ้าไม่ใช่ลูกหลานไม่เอาไหนจริง ๆ ยากที่จะหลุดเข้ามาในวงการ กระผม/อาตมภาพเล่นของพวกนี้มาสี่สิบกว่าปี ได้มาแค่ดอกเดียว ดอกนี้น่าจะเป็นดอกที่สอง แต่บูชาไม่ทัน..!

    ครูบาอาจารย์ที่ท่านทำวัตถุมงคลในเฉพาะโอกาสพิเศษ ๆ อย่างแถวบ้านกระผม/อาตมภาพก็หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ถ้าใครเจอเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มมีตะกรุดด้วย ให้รีบคว้าไว้เลย นั่นก็ทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่บวชกับท่านแล้วลาสิกขาเท่านั้น ถ้าไม่ลาสิกขา ก็ไม่ได้อีกด้วย

    หรือไม่ก็อย่างหลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ ตะกรุดโทนของท่านดอกยาวเป็นฟุต ทำให้เฉพาะพระภิกษุ หรือสามเณรในวัดที่ทรงพระปาฏิโมกข์เท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาขอ ไม่ทำให้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วัตถุมงคลพวกนี้จึงเป็นของที่หายาก แล้วตะกรุดหลวงปู่จันทร์ดอกนี้ เขาปล่อยที่ ๒๕,๐๐๐ บาท ออกมาปุ๊บหายวับไปเลย ทั้ง ๆ ที่
    กระผม/อาตมภาพก็เฝ้ากระทู้อยู่บ่อย ๆ ยังไม่ทันกิน มัวแต่มาดูเรื่องที่เขามีปัญหากันในวงการกัน

    ตะกรุดหลวงปู่จันทร์ วัดนาคูดูง่ายมาก หลวงปู่จันทร์ท่านเป็นช่าง น่าจะเป็นช่างทองด้วย ตะกรุดของท่านทุกดอกท่านจะบัดกรีมาอย่างเรียบร้อย ครูบาอาจารย์ท่านอื่นอาจจะถักเชือกหรือให้ลูกศิษย์ช่วยถักให้ หลวงปู่จันทร์ท่านไม่ถักให้เสียเวลา ม้วนตะกรุดเสร็จท่านบัดกรีเลย ใครเจอตะกรุดบัดกรีเรียบร้อย แล้วเป็นโลหะ ไม่ว่าจะทองเหลือง ทองแดง เก่าหน่อย หรือว่าเป็นตะกั่วหุ้มทองแดงเก่าหน่อย ให้รีบคว้าไว้เลย โอกาสใช่มีสูงมาก แต่โอกาสเจอก็ยากมากเช่นกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...