อานิสงส์มรณัสสติภาวนา [ธรรมะน่ารู้]

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 20 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    วันนี้นึกถึงความตายแล้วรึยังครับ ? ธรรมะน่ารู้ตอนนี้ขอนำ อานิสงส์มรณัสสติภาวนา การนึกถึงความตาย มาฝากนะครับ

    ....................................

    มีคนในตระกูลพราหมณะอยู่ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวได้รับการ อบรมสั่งสอนมาอย่างดีในสถาบันทางศาสนา ท่านประพฤติตนเป็นคนดี มีอัตตสัมมาปณิธิ คือตั้งตนไว้ชอบประกอบด้วยศีลธรรม ไม่เหยียบย่ำประเพณี นิยมบริจาคทาน ถือศีล เจริญมรณัสสติภาวนา ต่อมามีภรรยา มีลูกชาย มีลูกสาว มีลูกสะใภ้ และบ่าวรับใช้อีกหนึ่งคน ท่านก็ได้พยายามอบรมสั่งสอนให้ทุกคนปฏิบัติตามวิถีที่ท่านได้ปฏิบัติอยู่ก่อน ท่านจึงได้รับยกย่องว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวตัวอย่าง

    แม้ลูกชายของท่านจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่อาศัยในเรือนเคียงกันเป็นปรกติ และช่วยกันทำงานในไร่นาด้วยความขยันหมั่นเพียรเป็นอย่างดี
    วันหนึ่ง ท่านชวนลูกชายไปไถนาด้วยกัน พอไถนาไปได้สักครู่ลูกชายถึงคราวจะต้องวิบัติในวันนี้ตามยถากรรม ทำให้เป็นคนตาฝ้าฟางมองไม่เห็นอันตรายที่จะมาถึงตัว เห็นงูเห่าเป็นเชือก ก้าวไปเหยียบเต็มเท้า จึงถูกมันกัดถนัดถนี่ทำให้หน้ามืดล้มลงดิ้นอยู่ต่อหน้าพ่อนั่นเอง ฝ่ายพ่อรีบวิ่งไปช่วยประคอง พอรู้ว่าลูกชายสงบนิ่งไปและตายในที่สุด ก็สำรวมใจนิ่ง แสดงความสังเวชสลดใจอยู่ชั่วครู่ คิดวางแผนล่วงหน้าจะจัดการศพลูกชายอย่างไรต่อไป <!--MsgFile=0-->
    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    พอดีมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินผ่านมา พ่อจึงฝากส่งข่าวไปทางบ้านด้วยว่า พ่อคุณเอ๋ย ฉันขอฝากข่าวไปถึงภรรยาด้วยนะ โปรดแจ้งว่าลูกชายของเราถูกงูกัดตายเสียแล้ว และให้แม่อาบน้ำแต่งตัว บริโภคข้าวปลาอาหาร จัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียน สำรับข้าว 1 สำรับไปให้ด้วย และควรแจ้งข่าวให้ลูกสาว ลูกสะใภ้ คนใช้ และเพื่อนบ้านสองสามคนให้ไปร่วมงานศพภายในเย็นวันนี้ด้วย เราจะได้นำศพลูกชายไปเผาบนเชิงตะกอนใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคาตามประเพณี

    ฝ่ายแม่ได้ฟังข่าวมรณกรรมของลูกชาย ก็นิ่งสงบแสดงความสังเวชสลดใจและปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าครอบครัวทุกอย่าง

    เมื่อคนในครอบครัวคนอื่นๆ ทราบข่าวนั้นก็แสดงอาการสังเวชเช่นเดียวกัน และต่างก็ช่วยกันเตรียมผ้าขาวห่อศพ ฟืนเผาศพ คานหามศพเรียบร้อย ไม่มีใครร้องห่มร้องไห้เลยแม้แต่คนเดียว เหมือนไม่มีเหตุกระทบกระเทือนใจพวกเขาทั้งหมด

    ครั้นเวลาเย็น ทุกคนในครอบครัวก็มาประชุมกันพร้อมหน้า เอาศพขึ้นคานหาม ช่วยกันหามไปจนถึงท่าที่เผาศพริมฝั่งคงคา ในเมืองพาราณสี ชายวัยชราคนหนึ่งเฝ้าสังเกตอาการกิริยาของคนในครอบครัวนี้ด้วยความสนใจ เกิดความสงสัยว่า ลูกชายที่รักตายทั้งคน พ่อแม่ไม่ร้องไห้ พี่ชายที่รักตายทั้งคน น้องสาวไม่เศร้าหมอง สามีที่รักตายทั้งคน ภรรยาไม่เสียใจ เจ้านายที่รักตายทั้งคน บ่าวของครอบครัวนี้ก็ใจหินไม่ร้องไห้อาลัยนึกถึงเลย นี่มันอะไรกัน

    เมื่อการฌาปนกิจศพเสร็จเรียบร้อย ชายชราคนนั้นจึงเดินเข้าไปถามเหมือนผู้สื่อข่าวที่หิวข่าว เข้าไปสัมภาษณ์คนในครอบครัวทีละคน

    "ลูกชายตายทั้งคน ทำไมพ่อไม่ร้องไห้"

    "ลูกชายของเรามีร่างกายไร้วิญญาณแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ ถูกญาติเผาอยู่ไม่รู้ถึงความคร่ำครวญของญาติเลย เราจะคร่ำครวญร้องไห้ไปทำไม เขาไปสู่ปรโลกตามคติอันเหมาะสมของเขาแล้ว"

    "แม่ละ ทำไมไม่ร้องไห้บ้าง ไม่รักลูกชายเลยหรือ"

    "ลูกชายของฉัน แม้ฉันจะรักเขาเพียงใด ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรช่วยต้านทานไม่ให้เขาตาย เขามาเกิด เขาอยู่ชั่วคราว เขาจากไปตามกรรมของเขาเอง ตามคติทางไปของเขาเอง เขาไม่รับรู้ความเศร้าโศกของเราแล้ว ร้องไห้ไปทำไม"

    "น้องสาวเล่า พี่ชายที่รักตายไปทั้งคน ไยจึงไม่เสียใจร้องไห้"

    "ร้องไห้ก็ผ่ายผอมไปเปล่าๆ ทำตนให้มีความไม่สบาย ให้เป็นทุกข์ ชื่อว่าไม่รักตนเองจริง ถ้าผู้ตายรู้ว่าเราเป็นทุกข์ ผู้ตายก็คงเป็นทุกข์ระทมมากไปตามด้วย ไม่เป็นการสมควรเลย การร้องไห้เป็นการลงโทษตนเองโดยไม่มีความผิด ไม่สมควรเลย ผู้ตายอาจไม่มีทุกข์อะไรเลย เพราะเขาไปเกิดใหม่แล้ว เราจะมายอมทุกข์ฝ่ายเดียวทำไม"

    "ภรรยาเล่า สามีตายทั้งคนไยไม่ร้องไห้บ้าง คุณไม่ได้รักเขาดอกหรือ"

    "การร้องไห้เป็นคุณสมบัติของเด็กทารกแท้ๆ ดังเรื่องที่ว่า เด็กทารกร้องไห้จะเอาพระจันทร์ในฟากฟ้าซึ่งไม่มีทางเอาได้ ฉันใด แม้ดิฉันจะร้องไห้ถึงคุณพี่ผู้ตายแล้ว คุณพี่ก็ไม่มีโอกาสฟื้นคืนมาได้ ฉะนั้น ดิฉันจึงไม่อยากร้องไห้ เพราะมันเปล่าประโยชน์เสียจริงๆ"

    "แล้วบ่าวละ ทำไมเจ้านายที่รักตายไปทั้งคน ไม่ร้องไห้ถึงเขาเลย"

    "ท่านผู้มีวัยเจริญ ดิฉันคิดว่าดิฉันคิดถูกแล้วที่ไม่ร้องไห้ถึงนายที่รักผู้ตายไปแล้ว เพราะร่างที่ไร้วิญญาณเหมือนหม้อดินแตกไปแล้ว จะพึงประสานให้ดีเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว แตกดับแล้ว แตกดับเลย ฟื้นไม่ได้ นายผู้ตายไม่รับรู้อะไรด้วย ดิฉันจึงไม่ต้องเสียเวลาร้องไห้"

    เพราะเหตุใด ครอบครัวของท่านจึงมีจิตใจเป็นเช่นเดียวกัน ไม่ร้องไห้อาลัยถึงผู้ซึ่งตายไป?

    "พวกข้าพเจ้าทั้งหมดอบรมภาวนาด้วยมรณัสสติ คิดถึงความตายเป็นประจำ มีสติรำลึกถึงอยู่เสมอว่า เราจะต้องตายในโอกาสใดโอกาสหนึ่งเป็นแน่นอน เมื่อยังหายใจอยู่แสดงบทบาทต่างๆ ได้ พวกข้าพเจ้าจะบำเพ็ญประโยชน์ชาตินี้ให้ดีงามสำเร็จ และจะบำเพ็ญประโยชน์ชาติหน้าให้ดีงามเหมาะสม ถ้าข้าพเจ้าแต่ละคนไม่ทำประโยชน์ทั้งสองให้แก่ตนเอง คงไม่มีใครมาทำให้ เพราะว่า

    อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
    ตนแล เป็นที่พึ่งของตน

    อตฺตา หิ อตฺตโน คติ
    ตนแล เป็นคติของตน

    อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ
    ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นแสงสว่างของคน


    ....................................

    ข้อมูลจากพระราชพิพัฒนาทร (พระอาจารย์มหาถาวร จิตตถาวโร) วัดปทุมวนาราม ภาพประกอบถ่ายมาเอง

    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5153271/Y5153271.html

    </center>
     
  2. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ถ้าคนไทยทุกคนมีการระลึกถึงมรณัสสติเป็นนิตย์ก็คงจะดีนะคะ สังคมคงลดความวุ่นวายลงได้ส่วนหนึ่ง ขออนุโมทนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...