เรื่องเด่น หน้าหนาวหายไป ทำไม? ร้อนตับแตก หลังปีใหม่มีลุ้น แค่เย็นเบาๆ

แม้ว่าไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ตั้งแต่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเข้าสู่เดือน ธ.ค. ใกล้เทศกาลปีใหม่ ยังแทบไม่ได้สัมผัสความหนาวเย็น ในทางกลับกันหลายพื้นที่ยังคงอากาศร้อนถึงร้อนมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 30 กว่าองศาเซลเซียส สลับกับมีฝนตกในบางพื้นที่ จึงเกิดคำถาม หรือโลกเราเกิดอะไรขึ้น…ประเทศไทยจะไม่มีฤดูหนาวแล้วหรือ?

ขณะที่ประกาศของกรุมอุตุนิยมวิทยาออกมาระบุช่วงวันที่ 7-10 ธ.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น กับอากาศหนาวเย็นลงและมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเชลเซียส ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป เพราะหลายปีที่ผ่านมาช่วง 10 ธ.ค. วันรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยจะมีอากาศหนาว

ด้าน นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ ”มิสเตอร์เตือนภัย” เปิดเผยกับทีมเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ขณะนี้อุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาในโลก ไม่สะท้อนกลับอย่างที่เคยเป็น ทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งทุกประเทศรวมทั้งไทยเจอผลกระทบนี้ ยกตัวอย่าง สหรัฐฯ เกิดไฟป่าขึ้น และภูเขาน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้เริ่มละลายลอยในมหาสมุทร ทำให้ปริมาณน้ำสูงขึ้นไล่มาจากเส้นศูนย์สูตร มาสู่ประเทศจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งรวมทั้งไทยด้วยเพราะอยู่ที่ลุ่ม โดยเฉพาะปากแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่สูงกว่าปากน้ำทะเลไม่มาก จะทำให้น้ำทะเลหนุนเข้ามา

เช่นเดียวกับกรณีฤดูหนาวของไทยปีนี้ไม่หนาวเย็นเหมือนที่ผ่านมา เกิดจากพลังงานแสงอาทิตย์ส่องมายังโลกมากกว่าปกติ จากการระเบิดของดวงอาทิตย์ที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นตลอดทั้งเดือน ธ.ค. ยาวไปจนถึงสิ้นปี อากาศในไทยจะมี 3 ฤดู ทั้งร้อน ฝน หนาว และอากาศจะหนาวอีกครั้งช่วงหลังปีใหม่ หมายความว่าปีนี้อากาศหนาวจะเลื่อนออกไปอีก 1 เดือน แต่จะไม่หนาวมากเหมือนช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา โดยพื้นที่ กทม. อุณหภูมิประมาณ 10 กว่าองศาเซลเซียส แตกต่างจากในอดีต จะต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ เช่น จ.เชียงใหม่ จะไม่หนาวมากเช่นกัน บนภูเขา หรือบนดอย อย่างดอยอินทนนท์ แทบจะไม่เกิดแม่คะนิ้งให้เห็น หรือไม่มีเลย

“ผลกระทบจากพลังงานแสงอาทิตย์ส่องเข้ามายังโลก ไม่ใช่เฉพาะไทย ได้ทำให้ทุกๆ ประเทศอุณหภูมิสูงขึ้น 2-3 องศาฯ หรือบางประเทศ อุณหภูมิสูงกว่า 5 องศาฯ อีกอย่างเกิดจากยานพาหนะที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ทำให้เกิดอากาศร้อน อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้ขณะนี้เป็นห่วงชาวนาชาวไร่มากสุด ในเรื่องแหล่งน้ำ จากปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า” นายสมิทธ กล่าว


ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1436723