สนทนาธรรมช่วงเช้า (ก่อนบวงสรวงไหว้ครูเป่ายันต์เกราะเพชร) วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 กรกฎาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    สนทนาธรรมช่วงเช้า (ก่อนบวงสรวงไหว้ครูเป่ายันต์เกราะเพชร) วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2023
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ญาติโยมไปเข้าห้องน้ำห้องส้วมแล้วก็ไปดูโรงทาน ถ้าหากว่าเขาเปิดแล้วก็กินกันได้เลย จะได้หมดภาระ แล้วก็เข้ามานั่งรอพิธีได้ กว่าพิธีจะเริ่มก็ ๗ โมงเช้าโน่น ถ้าใครคิดว่าทนนั่งรอตั้งแต่ตอนนี้ได้ก็เชิญ..! แต่ถ้าช่วงนั้นลุกออกไปก็แปลว่าที่นั่งหาย ใครไม่มีหน้ากากอนามัย ไปขอเจ้าหน้าที่ อสม.หน้าศาลาหลังนี้ ทองผาภูมิเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ถ้าใครไม่กลัว คิดว่าเหมือนเป็นหวัดธรรมดา ไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ตายมาเยอะแล้ว..!

    พระที่แจกให้ไปสำคัญมาก โดยเฉพาะผงที่บรรจุอยู่หลังพระ มีสังฆาฏิครูบาอาจารย์ปนอยู่ประมาณ ๒๐ รูป ก็คือพระระดับนั้น ให้เราได้สักรูปหนึ่งก็ยากแล้ว คนทำใช้เวลาเกือบ ๕๐ ปี กว่าที่จะดำเนินการให้สำเร็จลงได้ ที่อาตมภาพใช้คำว่า "องค์เดียวเที่ยวทั่วโลก" ในเว็บวัดท่าขนุนเขาจำหน่ายหลายสตางค์ แต่ตรงนี้ใครทำบุญ เราแจกให้กับโยมทุกคน

    เดี๋ยวพอถึงเวลางานจริง ๆ แล้ว ใครเอาอะไรมาให้วางไว้บนตักตัวเอง จะใหญ่ขนาดไหน ก็ต้องไว้บนตักตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วจะกินที่นั่งคนอื่นเขา แล้วจะได้รู้ว่าเราขนของมามากเกินไปแล้ว

    การรับยันต์เกราะเพชร เขาไม่ได้บังคับว่าต้องใส่ชุดขาว แต่ว่าจากที่ไปศรีลังกามา เห็นญาติโยมชาวพุทธทางด้านโน้นแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมมาก ชาวพุทธศรีลังกาไม่ว่าจะหญิง จะชาย จะเด็ก จะผู้ใหญ่ ถ้าเข้าวัดเขาจะใส่ชุดขาว แล้วโดยเฉพาะก็คือ ถอดรองเท้าตั้งแต่ก่อนเข้าประตูวัด ที่หนักยิ่งกว่านั้นก็คือ ห้ามเอารองเท้าใส่กระเป๋าหรือใส่ถุงหิ้วเข้าไป เขามีคนรับฝากและดูแลรองเท้าให้ เป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำตาม เพราะว่าหลายอย่างเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพแบบโบราณ

    อย่างเช่นว่า
    พอเข้าวัดก็ถอดรองเท้า ลดร่ม ห่มผ้าเฉวียงบ่า เนื่องเพราะว่าการห่มคลุมนั้น เขาใช้ตอนออกนอกสถานที่ แต่สมัยนี้ไม่ใช่ห่มผ้าแล้ว พวกเราส่วนใหญ่ก็คือเป็นเสื้อ แต่ก็ต้องดูกาลเทศะ เพราะว่าบางท่านก็ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ มาวัดแต่ใส่ชุดตามสบายตัวเอง กางเกงขาสั้นอย่างนี้ หรือว่าใส่ชุดกลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็นว่าตัวเอง "มีของ" โชว์เสียจนชะเวิบชะวาบ เห็นแล้วหัวใจจะวายตาย..!

    กาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นกฎเกณฑ์กติกาอย่างหนึ่งในสังคม ที่เรียกว่าจารีตประเพณี ในเมื่อรูปแบบเดิม ๆ ทำมาแบบนั้น เราไปแหกคอกเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ใครที่บอกว่ามาวัดท่าขนุน แล้วไม่ได้เจอหน้าหลวงพ่อเล็ก รีบมาดูเสียดี ๆ..! ดูสิว่าจะมีปัญญามาไหม ? เพราะอาตมาเคยบอกว่าให้มาตอนตี ๓ ไม่ค่อยจะมากัน ตอนที่พระท่านอยู่ไม่มา พอท่านออกไปทำงาน ดันไปบ่นว่าท่านไม่อยู่..!

    อาตมภาพเป็นคนงานมาก ตำแหน่งล่าสุด ตำแหน่งที่ ๓๔ ก็คือคณะกรรมการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ตอนนี้เขาแจ้งมาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ ๑๕ สิงหาคมนี้เป็นต้นไป จนถึง ๒๒ กันยายน ต้องวิ่งเกือบทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบและอนุมัติว่าหมู่บ้านนั้นสมควรจะเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หรือไม่ ? ก็แปลว่าถ้ามาวัดแล้วไม่อยู่ โปรดอย่าบ่น เนื่องเพราะไม่ได้เซ็น MOU ว่ามาวัดท่าขนุนแล้วจะต้องเจอเจ้าอาวาส..!

    พวกท่านส่วนใหญ่ ถ้าหากว่ามี ๒ - ๓ ตำแหน่งขึ้นไปก็เริ่มประสาทรับประทานแล้ว..! ลองคิดดูว่าคนที่มี ๓๔ ตำแหน่ง ถ้ามัวแต่รับญาติโยมอยู่จะบริหารงานอย่างไร ? แล้วเรื่องของเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาก็เหมือนกัน ทั้งตอนเป็นฆราวาสและตอนเป็นพระ ก็คือ
    เคยใช้ใครแล้วได้อย่างใจ ก็ใช้แต่คนนั้น ก็ทน ๆ รับไป ตายเมื่อไรก็จบ..!

    กำหนดการคร่าว ๆ ในวันนี้ของเราก็คือ ช่วงเช้าประมาณ ๗ โมงเช้า จะเป็นการบวงสรวงไหว้ครู แล้วถ้าหากเห็นว่าญาติโยมแน่นจริง ๆ ก็ขออนุญาตพระท่านไว้แล้วว่าจะเป่ายันต์เกราะเพชรรอบพิเศษ เพื่อไล่คนก่อน แต่ก็จะมีไอ้พวกหน้ามืด หรือขาดความมั่นใจ ต่อให้รับไปแล้ว กูก็จะเข้าใหม่ ถ้าหากว่าคนไม่แน่นมากก็รอรอบปกติตอน ๑๐ โมงเช้า

    พระที่ต้อนรับพระอาคันตุกะ เมื่อท่านมาถึงแล้ว นิมนต์ขึ้นอาสน์สงฆ์ทั้งหมด แล้วอย่าลืมแนะนำท่านด้วยว่าห้องน้ำ ห้องส้วม หรือว่าหอฉันอยู่ด้านไหน ไม่อย่างนั้นถึงเวลาท่านไปไม่ถูกจะลำบาก ยกเว้นพระแก่พระป่วยอย่างตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) หรือครูบาเหนือชัย ถ้าท่านมา ก็เอารถเข็นไปแนบติดกับอาสนะด้านในไปเลย ก็คือเอาเข้าไปให้ลึกที่สุด จะได้ไม่เกะกะคนอื่น ถ้าท่านไม่มีรถเข็นมา ก็เอารถเข็นของทางวัดเข็นส่งท่านเข้าไป จะได้ไม่ลำบากคนป่วยหรือคนแก่มากนัก ส่วนที่ร่างกายปกติ อายุมากขนาดไหนก็ขึ้นอาสน์สงฆ์ไปเลย ถ้าจัดให้ท่านนั่งเรียง ๔ แถวได้จะดีมาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ทางคณะรวมใจภักดิ์ ถ้าเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้ว โปรดติดต่อและแจ้งด้วยว่าจะให้ทำหน้าที่อะไรบ้าง เจ้าหน้าที่ของทางวัดเรา โดยเฉพาะเวรยาม ให้ดูในจุดที่คนน้อย อย่างเช่นว่าแถวกุฏิที่พักของพระสงฆ์หรือว่าแม่ชี เพราะว่าจะเป็นช่วงที่บรรดามิจฉาชีพจะมาหากินกับทางวัด..!

    ถ้าหากว่ามีรถอะไรเข้ามาขายข้าวขายของ บอกไปเลยว่า "ฟรีทุกคัน" คำว่า "ฟรี" นี่ไม่ได้แปลว่าไม่เก็บค่าที่ แต่แปลว่าถ้ามาก็คือเต็มใจแจกฟรี เนื่องเพราะว่าทางวัดมีโรงทานอยู่แล้ว และฟรีทุกโรง ในเมื่ออยากจะแจกฟรีก็เชิญเข้ามาด้วยความยินดีเลย..!

    โรงทานของวัด ญาติโยมเลือกเอาตามอัธยาศัย อะไรก็ได้..ใส่ปากให้อิ่มไปก็แล้วกัน ประมาณช่วง ๐๕.๑๕ นาที จะมีสัญญาณระฆัง แปลว่าให้พระภิกษุสามเณรทั้งหมด ทั้งของวัดท่าขนุนก็ดี มาจากที่อื่นก็ตาม ไปฉันเช้าร่วมกันที่หอฉันได้ ญาติโยมก็ไปหาโรงทานรับประทานกันเอง กรุณาดูที่ทิ้งขยะให้ดี อย่าวางส่งเดช ถ้าเขามีสถานที่ให้ทิ้งแล้วเรายังวางส่งเดช แปลว่ากำลังใจแย่มาก ถามว่าแย่ตรงไหน ? ก็คือเป็นคนมักง่าย..!

    ตอนนี้นั่งตามสบายไปก่อน ตอนเริ่มงาน กระเป๋าทุกใบเอาไว้บนตักตัวเอง หนักแค่ไหนก็ทนเอา..!

    ใครทะลึ่งไปปรับไมโครโฟน ? เสียงหายไปอีกแล้ว ถ้าต้องตะโกนใส่แบบนี้ จะทำให้เหนื่อยมาก อะไรที่ดีแล้ว โปรดอย่าไปยุ่ง ไอ้พวกแสนรู้นั้นมีมาก ประมาณว่ากูเก่ง ทำได้ทุกเรื่อง ถึงเวลาก็ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลัง เพราะว่าคนข้างหลังทำไม่เป็น เขาอุตส่าห์ปรับเอาไว้ดี ๆ แล้วชอบไปขยับ สมควรที่จะได้รางวัลใหญ่..!

    ญาติโยมที่เข้ามา ถ้าหากว่าไม่มีหน้ากากอนามัยรับจาก อสม.ได้ ส่วนใครที่ต้องการบูชาวัตถุมงคลก็ไปที่ท้ายศาลา ตรงข้างทางเดินเข้ามานั่นแหละ ความจริงควรที่จะมาขายทางด้านกุฏิหลวงปู่นี่ ตรงนั้นถ้าคนมาก ๆ จะไปอุดรูประตู ทำให้เข้าออกยาก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ลุกขึ้นยืนแล้วเดินทำบุญ ไม่ใช่คุกเข่า บอกแล้วว่าให้ดูกาลเทศะด้วย ได้รับการอบรมมาดีขนาดไหนก็ตาม สถานที่นี้ไม่เหมาะสมให้เราคุกเข่า

    ทำบุญแล้วหาที่นอนเสียก่อน ส่วนใครที่จะรับยันต์เกราะเพชร ไปหาธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ติดตัวไว้ ได้ยินว่ามีให้ตรงบริเวณด้านหน้าศาลาแห่งนี้ ที่เขาตั้งเต็นท์เอาไว้ ไปหยิบมาได้เลย ทำบุญหรือไม่ทำบุญก็ไม่เป็นไร ต้องการกี่ชุดก็คว้ามาได้เลย

    จะทำบุญให้ใจจดจ่ออยู่กับบุญด้วย ไม่ใช่จดจ่ออยู่กับการถ่ายคลิป..!

    (โยมนั่งรถเข็นมาทำบุญ) โยมเป็นคนมีบุญ เป็นใหญ่เป็นโต มีรถประจำตำแหน่งด้วย..!

    วัตถุมงคลที่แจกไป ผู้ทำตั้งใจทำมาก ใช้เวลาเกิน ๕๐ ปีในการจัดสร้าง แล้วก็ขายแพงโคตร..! คือ ๙๙๙ บาทต่อองค์ อาตมภาพเอามาแจกฟรี..! เพราะว่าเขาถวายมา เราได้รับฟรี ในส่วนที่เขาลงเว็บวัดท่าขนุนนั้น จำไม่ได้ว่าองค์ละ ๒๐๐ บาทหรือ ๓๐๐ บาท แต่อย่างไรก็ไม่หนักกว่าที่เจ้าของคนสร้างเขาจำหน่ายเอง

    เหมือนกับสมัยก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุง จำหน่ายเหรียญของท่านเหรียญละ ๒๐ บาท ทางด้านตลาดพระก็โวยวายว่าในตลาด ๖๐ บาท ทำไมวัดท่าซุงจำหน่ายแค่ ๒๐ บาท ? หลวงพ่อท่านบอกว่า "ข้าได้มาฟรี" อาตมภาพก็เหมือนกัน เจ้าของเขาจำหน่าย ๙๙๙ บาท ก็เรื่องของเอ็ง ถ้าเอ็งไม่มาจำหน่าย ข้าก็แจกฟรี แล้วตอนนี้เจ้าของก็มาไล่เตะอาตมภาพไม่ได้ด้วย เพราะเพิ่งจะผ่าตัดสะโพกไป กำลังหัดเดินอยู่..!

    ไปเข้าห้องน้ำห้องส้วม ไปหาอาหารกินล่วงหน้าก่อนในตอนนี้ อย่าไปลุกตอนคนมาก ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่มีที่ให้นั่ง มาที่นี่กรุณาอย่าวางข้าวของตามใจตนเอง เพราะว่าคนมาก สถานที่คับแคบ ตอนว่าง ๆ คนเดินก็บ่นว่าเดินจนเมื่อยเลย แต่พอถึงเวลาคนมาเข้าจริง ๆ สถานที่คับแคบไปถนัดใจ ต้องแบ่งปันกัน ก็เลยจำเป็นอย่างยิ่งว่า ข้าวของของท่านควรที่จะเอาไว้บนตักตนเอง
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ยังเหลือเวลาอีก ๓ ชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน ถ้าใครคิดว่าสมาธิตัวเองดีพอ ไปแอบนอนเสียก่อน ๒ ชั่วโมงครึ่งก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราพอถึงเวลาแล้ว สภาพจิตฟุ้งซ่าน มัวแต่ห่วงงาน มัวแต่ห่วงว่าจะไม่มีที่นั่ง ก็เลยไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกัน

    วันนี้ทางด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแจ้งว่า งานวัดท่าขนุนจะสะดวกมากเกินไป จึงขอดับไฟช่วง ๘ โมง คำว่า "งานวัดท่าขนุนสะดวกเกินไป" อาตมภาพใส่เอง กลัวว่าโทษจะน้อยไป คราวนี้ทางวัดท่าขนุนใช้วิธีติดต่อเครื่องไฟสำรองเอาไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาเขาดับไฟ เราจะติดเครื่องปั่นไฟสำรอง ก็น่าที่จะใช้งานได้จนกว่าไฟของทางการไฟฟ้าจะมาใหม่

    เมื่อวานเข้าอบรมออนไลน์ในโครงการ Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนา มีปัญหาว่า ช่วงที่พระพุทธเจ้าทรมานพระวรกายอยู่ ทรงอรูปฌาน แล้วเหตุใดจึงไปนึกถึงปฐมฌาน เป็นไปได้ไหมว่าพระองค์ท่านฌานเสื่อมไปแล้ว ? คนถามไปขัดกันเอง ทรงอรูปฌานแล้วฌานจะเสื่อมอย่างไร ?

    อรูปฌานนั้นเป็นของเกิน เหมือนกับคนเดินทางไปจุดหมายแต่เลยทางแยก ในเมื่อเลยทางแยก รู้ว่าผิดก็ต้องย้อนกลับ พระองค์ท่านจึงต้องกลับมาจับรูปฌานแทน เนื่องเพราะว่าการบรรลุมรรคผลนั้น ต้องถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ ๕ และพละ ๕ ก็คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา การเข้าอรูปฌานไม่สามารถที่จะใช้ปัญญาได้ เพราะว่าไปตัดสัญญา คือความรู้ได้หมายจำทิ้งเสีย ในเมื่อไม่สามารถที่จะขบคิดได้ โอกาสที่จะบรรลุธรรมตามที่ต้องการก็ไม่มี จึงต้องลดลงมาใช้รูปฌานแทน

    ญาติโยมที่ไม่เคยมาวัดท่าขนุน ด้านหลังวัด ข้ามไปฝั่งโน้น จะมีตลาดชุมชนกับตลาดริมแควอยู่ ใครจะไปหาซื้อข้าวของอะไร ถ้ายังมีเวลาก็พอที่จะไปได้ แต่ว่าคงต้องไปปลุกเจ้าของร้านเขาก่อน..!
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    (ประกาศหาเจ้าของรถยนต์) ท่านที่คิดว่าตัวเองมีบารมีมาก มาถึงแล้วคิดว่ามีที่จอดรถ กรุณาขยับรถด่วน เพราะว่าไปจอดอยู่ตรงทางโค้ง ซึ่งทำให้คันอื่นเขาไม่สามารถที่จะขยับขยายเคลื่อนย้ายได้ง่าย ทางเราติดต่อทางเจ้าหน้าที่จราจรเอาไว้แล้ว ถ้าท่านช้าก็ไปจ่ายค่าปรับที่โรงพักเอาเอง ท่านทั้งหลายส่วนใหญ่แล้วมักจะหลงตัวเองว่าเป็นคนบุญมากบารมีมาก มาถึงมีที่ว่างให้จอดเลย แต่ไม่ได้เบิกตาดูว่าสถานที่นั้นจอดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

    มีรถยนต์อยู่คันหนึ่งบารมีมากแบบนี้แหละ ไปจอดที่วัดทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ทั้ง ๆ ที่เขาติดป้ายว่าห้ามจอด ผลปรากฏว่าต้องไปซ่อมรถสามจุด ก็คือกระโปรงสองจุดและหลังคาหนึ่งจุด เพราะทะลึ่งไปจอดอยู่ใต้ต้นตาล แล้วลูกตาลสุกกำลังหล่น อยากจะบอกว่าสมน้ำหน้าก็ใช่ที่ ที่วัดท่าขนุนก็มีต้นตาล แต่ถ้าหากว่าจอดที่วัดท่าขนุนนี้ ลงมาลูกเดียวก็น่าจะยุบไปครึ่งคัน เพราะว่าต้นตาลสูงมาก ประมาณ ๕๐ - ๖๐ เมตร ไม่ได้ต้นเตี้ยอย่างที่วัดทุ่งสมอ

    เหลือเวลาอีกเกือบ ๓ ชั่วโมงถึงจะเริ่มพิธี ห้องน้ำอยู่ข้างศาลานี้ทางด้านขวามือของอาตมภาพ แล้วถ้าหากว่าเต็ม ก็เดินตรง ๆ ไปอีก มีอีก ๒๐ ห้อง ถ้าไม่ยอมเดินอีกหน่อยหนึ่งก็ทนเข้าแถวไป ส่วนโรงทานอยู่ซ้ายมือของอาตมภาพ ด้านข้างศาลานี้เหมือนกัน

    การไปประเทศศรีลังกา ไม่ทราบว่าเป็นเพราะวัดที่อาตมภาพไปเป็นวัดใหญ่วัดสำคัญหรือเปล่า ? จึงทำให้ชื่นชมว่าวัดวาอารามทุกแห่งของเขาสะอาดมาก ไม่มีโอกาสได้ดูวัดเล็ก ๆ ว่าสะอาดเรียบร้อยขนาดนั้นหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่ที่ไปเป็นวัดระดับพระสังฆราชของเขาเลย

    ทางด้านประเทศศรีลังกาไม่มีสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์หลงเหลืออยู่ ผู้ที่จะทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราชได้มีแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ดังนั้น..ผู้นำนิกายซึ่งเท่ากับสมเด็จพระสังฆราช เขาเรียกกันว่ามหานายกะ หรือมหานายก มีถึง ๓ รูปด้วยกัน คือฝ่ายวัดป่าที่เรียกว่าอัสคีรียะ มีมหานายกะหรือสมเด็จพระสังฆราชเป็นของตนเอง ฝ่ายวัดเมืองหรือฝ่ายมัลลวัตตะ ก็มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นของตนเอง แล้วยังมีฝ่ายรามัญนิกาย หรือพระมอญ ก็มีมหานายกะของตนเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ทำให้ทางด้านศรีลังกานั้น คณะสงฆ์เข้มแข็งมาก เพราะว่าต่างฝ่ายต่างต้องบริหารแข่งกับอีกสองนิกาย
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    พระสงฆ์ศรีลังกาสามารถเลือกตั้งได้ เป็นผู้แทนราษฎรได้ เป็นรัฐมนตรีได้ มีกระทรวงพระพุทธศาสนา อาตมภาพเคยตั้งคำถามว่า การเล่นการเมืองเป็นกิจของสงฆ์หรือเปล่า ? พระศรีลังกาตอบว่า พระพุทธเจ้าสั่งให้ทำ โดยอ้างบาลีว่า จรถ ภิกฺขเว จาริกํ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไป พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เขาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เขาทำตามพระพุทธเจ้าสั่ง ฟังดูเหมือนกับตะแคงข้างไป แต่เรากลับเถียงท่านไม่ได้..!

    ศรีลังกาเป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่อดีต ในเมื่อมีต่างชาติเข้าถึงได้ง่าย จึงโดนทั้งโปรตุเกส ฮอลันดาและอังกฤษยึดประเทศไปหลายร้อยปี โดยเฉพาะบังคับให้ถือศาสนาคริสต์ ถ้าไม่ถือศาสนาคริสต์ ก็จะโดนตัดสิทธิสารพัด จนกระทั่งท้ายสุดไม่มีพระเหลืออยู่เลย มีแต่สามเณรโคร่ง คือสามเณรสรณังกรอยู่รายเดียว บวชเณรมา ๓๐ กว่าปีแล้ว บวชพระไม่ได้ เพราะว่าส่วนที่อยู่นั้นไม่ใช่พระ แต่ว่าเป็นกึ่งพระ ก็คือเป็นอุบาสกผู้คอยประกอบพิธีทางศาสนา ถึงเวลาก็เอาจีวรมาห่ม ประกอบพิธีเสร็จแล้วก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อใส่กางเกงเหมือนเดิม

    พอดีสามเณรสรณังกรแสดงธรรมแล้วถูกพระทัยกษัตริย์ศรีลังกา ก็คือพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ ตรัสถามว่าต้องการอะไรบ้าง ? สามเณรจึงบอกว่า ขอให้ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาส่งพระมาบวชให้ที พระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะส่งราชทูตไปทางอินเดีย ไม่มีใครมาบวชให้ คนอินเดียถือชั้นวรรณะมาก เห็นว่าคนศรีลังกาวรรณะต่ำ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวทมิฬและชาวสิงหล ไม่ใช่อารยันเหมือนกับตนเอง

    คณะทูตก็ต้องบ่ายหน้าไปประเทศพม่า แต่ช่วงนั้นอังกฤษกำลังคุกคามพม่าอยู่ ทางพม่าไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะมีปัญหา ทำให้อังกฤษมีข้ออ้างในการยึดประเทศ ก็เลยไม่ให้คณะสงฆ์มาเช่นกัน ท้ายที่สุด คณะทูตต้องมาถึงอยุธยา ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ จึงได้ส่งพระอุบาลีและคณะ เดินทางไปสืบอายุพระพุทธศาสนาให้

    การเดินทางไปครั้งนั้นมีสามเณรจากเมืองไทยไปด้วย ต้องบอกว่าคณะสงฆ์ไทยคิดการณ์ได้รอบคอบสุด ๆ พอไปถึงก็เชิญสามเณรสรณังกรและบรรดากึ่งพระมา แสดงการญัตติสามเณรเป็นพระให้ดูว่าทำแบบนี้

    ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนั้น ทางด้านศรีลังกาก็มีตัวอย่างให้เห็นว่าบวชพระอย่างไร พิธีการครั้งแรกบวชไป ๗๐๐ รูป..! ไม่รู้เหมือนกันว่านั่งอันดับกันกี่วันกี่คืน หลังจากนั้นเมื่อแนะนำวิธีการปฏิบัติในการเป็นพระให้กับทางสงฆ์ศรีลังกาที่บวชใหม่แล้ว ทูตคณะที่สองที่นำโดยพระอริยมุนี ก็เดินทางไปยังศรีลังกา คราวนี้ไปสอนวิธีปฏิบัติกรรมฐานให้
     
  9. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    คณะแรกสอนว่าต้องปฏิบัติตามวินัยอย่างไร เพื่อให้มีความเป็นพระให้มากที่สุด เป็นการวางรากฐานในเรื่องของศีล แล้วคณะที่สองไป แนะนำวิธีปฏิบัติธรรม เจริญพระกรรมฐานให้ ก็คือการปฏิบัติในสมาธิและปัญญา

    จะเห็นว่าคณะสงฆ์ไทยช่วงนั้นมีการทำงานที่เป็นระบบมาก และคิดการรอบคอบเป็นที่สุด แต่เสียดายว่าหลวงปู่อุบาลีท่านสุขภาพไม่ดี ไปเจออากาศชื้น มีแต่ไอทะเล ก็เลยป่วยและมรณภาพที่นั่น ส่วนคณะของพระอริยมุนีที่ไปสอนการเจริญกรรมฐาน เดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนให้สมณทูตชุดใหม่ไปได้

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คณะสงฆ์ศรีลังกาจึงเรียกตัวเองว่าสยามวงศ์บ้าง อุบาลีวงศ์บ้าง บางคนก็เรียกรวมว่าสยาโมปาลีวงศ์บ้าง ก็คือสยามะ + อุบาลี แปลงอะกับอุ เป็นโอ เป็น สยาโมปาลี แบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ก็คือฝ่ายศึกษาพระไตรปิฎกและพระวินัยเรียกว่าฝ่ายมัลละวัตตะ ฝ่ายศึกษากรรมฐานหรือสายวัดป่าเรียกว่า ฝ่ายอัสคีรียะ

    ศรีลังกาเป็นต้นแบบพระพุทธศาสนาสำคัญในเมืองไทยมากต่อมากด้วยกัน อย่างเช่น โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เราก็เอามาจากศรีลังกา สมณศักดิ์และพัดยศ เราก็เอามาจากศรีลังกา แม้กระทั่งการสร้างเจดีย์ ก็เรียกว่าเจดีย์ทรงลังกา การแบ่งพระเป็นพระบ้านพระป่าที่เรียกว่าคามวาสีและอรัญวาสีก็ได้มาจากศรีลังกา

    เมื่อถึงเวลาบ้านเราไปที่โน่นเป็นสยามวงศ์ พอเราเอาแบบการปฏิบัติของเขามาใช้ในประเทศไทย ก็ไปเรียกว่าลังกาวงศ์ ก็เลยจะงง ๆ กันอยู่หน่อยว่าต่างกันตรงไหน เป็นอย่างเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถึงเวลา เราส่งไปเขาส่งมา ส่งไปจากไทยก็เป็นสยามวงศ์ รับมาจากศรีลังกาก็เป็นลังกาวงศ์

    ประเทศศรีลังกาให้เกียรติคนไทยมาก เพราะถือว่าพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ได้เพราะความเมตตาของคณะสงฆ์ไทย ดังนั้น..ถ้าหากว่าคนไทยไป เพื่อที่จะสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ให้ดูตู้ซื้อตั๋วให้ดี ๆ มีตู้เฉพาะคนไทย ราคาถูกกว่าต่างชาติหลายร้อย ถ้าเจอตู้ For Thailand Only ก็หยอดเงิน รับตั๋วเข้าไปได้เลย ตั๋วคนไทยราคา ๑,๕๐๐ รูปี ตั๋วคนพม่า ๑,๗๐๐ รูปี ตั๋วคนต่างชาติ ๒,๕๐๐ รูปี พระภิกษุสงฆ์เข้าฟรี อาตมภาพไปที่นั่นแล้วมีบัตรเบ่ง วัดใหญ่วัดสำคัญขนาดไหนก็เข้าฟรี..!
     
  10. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ถ้าห่มดอง พาดสังฆาฏิ รัดอกไปแบบอาตมภาพนี่เขาดูออกเลยว่าพระไทย เพราะว่าในพระธรรมวินัยมีอย่างเดียวที่รัดอกก็คือภิกษุณี อาตมภาพไปประเทศพม่าเขาเรียกว่าภิกษุณี เพราะว่าไปใช้ผ้ารัดอก ที่เขาให้ภิกษุณีรัดอกก็เพราะว่าพระภิกษุของเราไม่ได้ใส่ชั้นใน ภิกษุณีก็ไม่ได้ใส่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าให้เดินไปโดยไม่มีชั้นในเลย อาจจะมีคนหัวใจวายตาย..! พระพุทธเจ้าท่านก็เลยให้ใช้ผ้ารัดอก

    แต่คราวนี้รัดอกนี่รัดแบบเณร ก็คือสองทบ จากหน้าไปหลัง จากหลังมาหน้า อย่างที่อาตมภาพรัดนี่แค่จากหลังมาหน้าเท่านั้น ถือว่าไม่สมบูรณ์ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าสมัยก่อนหลวงพ่อวัดทองนพคุณ ท่านแต่งตัวแบบนี้แล้วทำงานสะดวกดี เมื่อมีคนเห็นแล้วทำตาม จึงกลายเป็นการห่มดอง รัดอก พาดสังฆาฏิแบบนี้มาตลอด

    ถ้าถามว่าทำไม ? เพราะว่าคนโบราณเคารพพระพุทธศาสนมาก ถ้าจีวรห่างตัว ถือว่าละทิ้งความเป็นพระ ดังนั้น..จะทำการทำงานหนักขนาดไหน เป็นงานโยธา งานกรรมกร ขุดดิน ฟันหญ้า แบกปูน ก็ต้องห่มจีวร แล้วไม่ถนัด เดี๋ยวก็ลื่นหลุด ท่านก็เลยใช้วิธีห่มผ้าสังฆาฏิแล้วรัดอกแบบนี้ แล้วค่อยทำงาน แต่สมัยนี้ไม่ค่อยถือสาหาความ หรือเข้าไม่ถึงความดีก็ไม่รู้ ? ถึงเวลาก็โยนจีวรห่างตัว เดินเทิ่ง ๆ ไปรอบวัด..!

    ทางด้านศรีลังกา ถ้านั่งอย่างอาตมภาพนี่ไม่ได้เลย เขาถือว่าหันหลังให้พระพุทธเจ้า จัดเป็นพวกเดียรถีย์ แล้วถ้าจะถ่ายรูปกับพระประธานทำอย่างไร ต้องยืนข้าง ๆ หันข้างให้ ถ้าหากว่ายืนหันหลังให้พระเมื่อไร จะมีเจ้าหน้าที่มาสะกิดทันที ว่าคุณกำลังทำผิดแล้ว..!

    อาตมภาพไปประเทศพม่ามา หลายแห่งก็ทำแบบนั้น ถึงเวลาพระเถระจะให้โอวาทพระภิกษุสามเณรในวัด จะดึงม่านปิดพระพุทธรูปก่อน จะได้ไม่ต้องหันหลังให้พระ อาตมภาพขี้เกียจทำม่าน แล้วก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านขนาดนั้น ก็เลยนึกอยากจะนั่งก็นั่ง เพราะว่าเวลานั่งเราก็ยกพระไว้เหนือหัวอยู่แล้ว
     
  11. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    (ประกาศหาเจ้าของรถยนต์) ทำไมที่ซึ่งเขาไม่ให้จอดถึงได้ชอบจอดกันจริง ย้ายรถด้วยจ้ะ..จอดในที่ไม่สมควรจอด ทำให้รถคันอื่นผ่านไม่ได้หรือผ่านยากมาก เจ้าหน้าที่จราจรแจ้งทางโรงพักให้เขาเอารถยกมาไว้เลย ถ้าหากว่าช้า..ก็ลากไปเลย ให้เขาปรับสัก ๗๐๐ บาท ถ้าโดนแบบนั้น จะได้มีความประทับใจ มาวัดท่าขนุนแล้วต้องจำไปจนวันตาย ได้อนุสติ..!

    เป็นอย่างไร ? หนักถึง ๑๒๐ กิโลฯ หรือยัง ? สู้พระท่านไม่ได้ เมื่อวานถามท่านว่าหนักเท่าไร ? ท่านบอก ๑๓๐ กว่ากิโลฯ อาตมภาพสองคนยังหนักไม่เท่าท่านเลย คนอยากอ้วนก็ไม่อ้วนเสียที คนไม่อยากอ้วน ก็อ้วนเอา ๆ..!

    ที่ญาติโยมเห็นอยู่ข้างหลังอาตมภาพ มีพระพุทธรูปทองคำ ๓ องค์ พระพุทธรูปเงิน ๑ องค์ พระพุทธรูปนาก ๑ องค์ และพระพุทธรูปเงินเคลือบทองอีก ๑ องค์ ส่วนองค์เล็ก ๆ นั้น ทางด้านขวามือเขาเรียกพระแก้วบุษยรัตน์ ทางด้านซ้ายมือเป็นพระหยก

    มณฑปตั้งหลวงพ่อสามกษัตริย์หลังนี้ สร้างโดยช่างชุดเดียวกับที่สร้างพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ เขาสร้างมณฑปหลังนี้ให้อาตมภาพใช้เวลา ๑๘ เดือน ก็คือปีครึ่ง แต่ไปสร้างพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ใหญ่กว่านี้เป็นสิบ ๆ เท่าเขามีเวลาแค่ ๙ เดือน


    พอทำเสร็จเขาบอกว่า "หลวงพ่อครับ ผมขอพักก่อน หมดสภาพเลย ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจจนหมดเกลี้ยง งานพิพิธภัณฑ์ของหลวงพ่อ ผมขอหยุดพักก่อน ๒ ปี..!" ต้องใช้เวลาพักฟื้น ๒ ปี ก็น่าเห็นใจ เพราะว่าด้านหลังอาตมภาพนี้ใช้เวลาปีครึ่ง แต่พระเมรุมาศใหญ่มหึมาใช้เวลาแค่ ๙ เดือน ไม่ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจจนหมดสภาพสิ้นชีวิตไปก็นับว่าเก่งมากแล้ว..!

    อาตมภาพสร้างพระพุทธรูปทองคำ นาก เงินนี้ขึ้นมา ด้วยแนวความคิดที่ว่า "จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระพุทธรูปที่คนรู้จักทั้งประเทศ" อย่างเช่นว่าถ้าเอ่ยถึงพิษณุโลก คนจะนึกถึงพระพุทธชินราช เอ่ยถึงฉะเชิงเทรา คนจะนึกถึงหลวงพ่อโสธร เอ่ยถึงสมุทรสงคราม คนจะนึกถึงหลวงพ่อวัดบ้านแหลม เอ่ยถึงเพชรบุรี คนจะนึกถึงหลวงพ่อวัดเขาตะเครา เอ่ยถึงนครปฐม คนจะนึกถึงหลวงพ่อวัดไร่ขิง แต่เอ่ยถึงกาญจนบุรี นึกอะไรไม่ออก..! ในเมื่อไม่มี เราก็ต้องสร้างเอง จึงได้ไปเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาลตำบลทองผาภูมิที่ดูแลทางวัด ว่าวัดจะรับหน้าที่สร้าง ทางเทศบาลมีหน้าที่จัดขบวนแห่
     
  12. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ตอนนี้เพิ่งจะ ๐๔.๔๘ น. ไม่ถามหรอกว่าง่วงไหม ? ง่วงแน่ ๆ แต่จะถามว่าหิวหรือยัง ? หิวตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว..! ใช่ไหม ? เดี๋ยวตี ๕ ครึ่งโรงทานเปิด ไปลุยให้กระจายเลย แล้วก็กรุณาช่วยทิ้งขยะในที่อันสมควรด้วย เขามีกระทั่งถังขยะแยกประเภท กรุณาอย่าทิ้งส่งเดชจ้ะ

    "กินฮอร์โมนมานานหรือยัง ?" โยมหลายคน สงสัยว่าอาตมภาพรู้ได้อย่างไรว่าเขากินฮอร์โมน ? คนที่กินฮอร์โมนจะมีบุคลิกภาพเหมือนกันทุกคน ฮอร์โมนบังคับให้เป็นแบบนั้น

    ญาติโยมที่ต้องการเดินทางระหว่างในวัดกับหน้าวัด เรามีรถตู้หมุนเวียนให้ ขึ้นฟรีทุกคัน พอเห็นเขาจอด พอคนลงหมดก็มุดขึ้นได้เลย เขาจะวนไปที่จอดรถหน้าวัด แล้วพอลงหน้าวัดหมด พวกเราอยู่ข้างนอกอยากจะเข้ามาข้างในก็ขึ้นได้เลย เขาจะวนกลับมาให้ มีไม่มากหรอก มีอยู่ ๓๐ กว่าคันเท่านั้น ถ้าเก็บสตางค์ก็น่าจะรวยเลย แต่ทางรถตู้เขาให้บริการฟรี..!

    ความจริงถ้าจะเดินลดน้ำหนักอย่างอาตมภาพก็ได้ เพราะว่าจากปากทางเข้ามาในนี้ก็แค่ ๗๐๐ เมตรเท่านั้น ยังไม่ถึงกิโลฯ อาตมภาพเดินบิณฑบาตวันละ ๕ กิโลเมตร..! อยากจะบอกกับญาติโยมทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านที่อายุมากแล้วว่า พยายามเดินให้มากหน่อย ถ้าตราบใดที่ยังเดินได้ โอกาสที่จะติดเตียงก็ไม่มี เดินไม่ได้เมื่อไร ก็เตรียมตัวติดเตียงได้..!

    (บอกพระเจ้าหน้าที่) ปล่อยโยมนั่งตามสบายไปก่อน เดี๋ยวใกล้จะเริ่มพิธีแล้วค่อยเลื่อนชิดไป มาวัด เหนื่อยก็เหนื่อย ง่วงก็ง่วง หิวก็หิว ยังมาไล่แล้วไล่อีก..!

    ญาติโยมข้างนอกที่มาถึง ถ้าหากว่าได้ยินเสียง ให้ไปรับธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม สำหรับตอนรับยันต์เกราะเพชรได้ที่เต็นท์หน้าศาลาแห่งนี้
     
  13. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ญาติโยมที่น้ำหนักเกินแล้วลดน้ำหนักไม่ได้ เพราะว่าไม่เข้าใจธรรมชาติของร่างกายเราเอง ธรรมชาติของร่างกาย พอเริ่มขาดอาหารก็จะแสดงออกด้วยความหิว แต่บางคนความรู้สึกค่อนข้างจะตายด้าน หิวอย่างเดียวอาจจะยังไม่ไปหากิน เขาก็จะแสดงอาการออกใาด้วยความปวดหัวเพิ่มขึ้นด้วย

    ดังนั้น..
    บางคนที่ใช้วิธีอด ถึงเวลาพอท่านขาดอาหาร ร่างกายก็จะเตือนด้วยความหิวและปวดหัว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทนไม่ได้ก็ต้องไปกิน แต่ถ้าหากว่าเราฝืนได้สักสองวัน ร่างกายรู้ว่าช่วงนั้นไม่มีอาหารให้ ก็จะไม่ทวงเราอีก เพียงแต่ว่าเรามักจะทนได้ไม่ถึงสองวัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าใช้วิธีอดอาจจะไม่สำเร็จ ให้ใช้วิธีลดการกินอาหารลง แต่ไม่ใช่อด..ก็คือมื้อเช้ากินเต็มที่ มื้อเที่ยงเหลือครึ่งหนึ่ง มื้อเย็นเหลือ ๑ ใน ๔ ทำแบบนี้แค่สอง - สามวัน น้ำหนักก็หายไป ๕ - ๖ กิโลกรัมแล้ว

    ญาติโยมที่มาถึง เข้าห้องน้ำห้องส้วมให้เรียบร้อย ตอนนี้ตี ๕ ตรง เหลืออีก ๒ ชั่วโมงกว่าจะเริ่มพิธี อีกประมาณ ๑๕ นาทีจะมีสัญญาณระฆัง เมื่อได้ยินเสียงระฆัง นิมนต์พระเถรานุเถระ และน้องสามเณรไปฉันเช้าร่วมกันที่หอฉันของทางวัด ถ้าท่านยืนอยู่หน้าศาลา โปรดหันให้ซ้ายมืออยู่ด้านศาลา แล้วก็เดินตรงไป สุดทางเลี้ยวซ้าย เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นหอฉันแล้ว ส่วนญาติโยมก็ไปทางเดียวกัน แต่ว่าแวะตามโรงทานได้เลย

    กรุณาอย่าวางข้าวของทิ้งไว้ในศาลา ไปรับประทานอาหารให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้ามาจับจองที่ใหม่ อีกสักครู่ไม่ได้นั่งสบายแบบนี้ จะต้องเบียดแทบจะขี่คอกันเลย เพราะว่าท่านที่อยู่ข้างนอกอีกจำนวนมากยังไม่ได้เข้ามา

    ขออนุโมทนากับเจ้าของโรงทานทั้ง ๓๓ แห่ง พร้อมกับท่านเจ้าภาพ ที่เมตตามาเปิดโรงทานในครั้งนี้ ส่วนใครที่เข้าห้องน้ำแล้วลืมเครื่องมือหากิน มารับคืนได้ ความจริงมือไม่ได้ถือโทรศัพท์ก็น่าจะรู้สึกผิดปกติบ้างนะ เอาเป็นว่าใครทำโทรศัพท์หาย ให้มารับคืนด้วย ถ้าหน้าไม่ตรงกับภาพหน้าจอก็ไปห่าง ๆ เลย เดี๋ยวเมียโทรจิกแล้วไม่รับสายจะเดือดร้อน..!

    ท่านใดที่ต้องการใช้ WIFI ก็กดเข้าได้เลย มีคำว่า Sala 100 year จะเข้าอันไหนก็ได้ พอคลิกก็เข้าได้เลย..ไม่มีรหัส

    อาตมภาพขออนุญาตไปฉันเช้าก่อน ขออาศัยเสียงนี้นิมนต์พระเถรานุเถระทุกรูป ฉันเช้าได้ที่หอฉันของทางวัดท่าขนุน แล้วหลังจากนั้น ๗ โมงเช้า จะเป็นการบวงสรวงไหว้ครูประจำปี ๑๐ โมงเช้าเป็นการเป่ายันต์เกราะเพชรรอบแรก ท่านใดที่ยังไม่ได้เตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ไว้รับยันต์เกราะเพชร ให้ไปรับได้ที่เต็นท์หน้าศาลาแห่งนี้จ้ะ

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    สนทนาธรรมช่วงเช้า (ก่อนบวงสรวงไหว้ครูเป่ายันต์เกราะเพชร)
    วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...