สงสัยเรื่องฝึกกสินครับ

ในห้อง 'คำถามที่หลวงพี่เล็กตอบให้แล้ว' ตั้งกระทู้โดย ซาตานคลั่ง, 14 เมษายน 2007.

  1. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ยังรู้สึกสงสัยอยู่เยอะเกี่ยวกับกสิน อาจจะเป็นผมคนเดียวที่สงสัยเรื่องพวกนี้ก็ได้(คนอื่นอาจจะเข้าใจหมดแล้วแหละ)
    1. ถ้าเรามองดิน แล้วหลับตานึกภาพดินนั้นพร้อมกับภาวนา อาโลกสินัง กสินที่ได้จะเป็นกสินดินหรือกสินแสงกันครับ หรือเป็นกสินโทษก็มะรู้
    2. สำหรับการฝึกกสินแสงที่พูดๆกันว่าเพ่งแสงสว่างนั้น หมายถึงการจำเอาแสงจากแหล่งกำเนิด หรือ จำเอาลำแสง หรือ จำเอาพื้นผิวที่แสงตกกระทบกันแน่ครับ เคยมองไฟจากเทียนสักพักแล้วหลับตา เห็นเป็นผลึกขาวๆลอยตรงหน้าเลย แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะคงไม่ง่ายอย่างนี้มั้ง
    3. การฝึกกสินที่หลายๆคนทำในเวลานี้(ซึ่งก็รวมทั้งผมเองด้วย)คือการมองภาพในคอมพิวเตอร์ ซึ่ง มองไปสักระยะ ประมาณ5-10วินาที แล้วหลับตา จะเห็นภาพนั้นลอยอยู่ต่อหน้าอย่างชัดเจนแต่สีจะเป็นตรงกันข้าม ซึ่งภาพนั้นจะลอยอยู่สักระยะแล้วหายไป จึงสงสัยว่า ให้เราใช้ภาพนั้นเป็นกสิน หรือว่าใช้ภาพที่เรานึกจินตนาการขึ้นมาเป็นกสินกันแน่ (คำว่าภาพที่จิตเห็นบอกตรงๆว่าเป็นคำที่เท่มากแต่เข้าใจยากดี)(และอีกอย่างคือ ที่หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ทำเหมือนคิดถึงหน้าแฟน ถ้าให้คิดถึงภาพกสินเหมือนคิดถึงหน้าแฟน ก็ไม่จำเป็นต้องมองกสินหลายครั้งเลย ครั้งเดียวก็จำได้ละ ง่ายกว่าหน้าแฟนด้วยเพราะแค่กลมๆ อีกอย่างถ้ารอให้ได้นิมิตที่เป็นแสงประกายพรึก ก็เอาภาพเพชรเป็นกสินแล้วจินตนาการให้ได้แสงแพรวพราวก็สิ้นเรื่อง)
    4.บางคนที่ต้องไปนู่นมานี่บ่อยๆที่ฝึกกสินด้วย อาจจะได้กสินที่ไม่เหมือนเดิมสักวันเช่นคนที่ฝึกกสินแสงสว่าง วานซืนอาจจะจำภาพแสงที่ลอดหน้าต่างมา วันวาน อาจจะจำภาพแสงจากหลอดไฟ แล้ววันนี้อาจจะจำภาพจากแสงเทียน จึงสงสัยว่า แล้วควรจะยึดกสินภาพแรกที่ฝึกหรือใช้ภาพไหนก็ได้ขอให้เป็นแสงสว่างเป็นใช้ได้กันแน่
    5. บางคนเคยฝึกกับอุปกรณ์กสินชิ้นหนึ่งแล้วพอมาสักระยะ เขาเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ฝึกตัวใหม่ที่จำง่ายกว่า ปรากฏว่า ขณะที่กำลังฝึกอยู่นั้น ภาพอุปกรณ์ฝึกกสินตัวเก่าโผล่มาอยู่เรื่อย ถือว่าเป็นกสินโทษหรือเป็นนิมิตแทรกหรือเปล่า
    6. คล้ายข้อห้า แต่อุปกรณ์กสินชิ้นแรกเป็นพระพุทธรูปหรือภาพพระพุทธรูป แล้วขณะกำลังฝึกกับอุปกรณ์ตัวใหม่อยู่นั้น ภาพพระพุทธรูปที่เคยฝึกโผล่มาอยู่เรื่อย ถือเป็นกสินโทษหรือเปล่า
    7. หากจะคอยสังเกตลมหายใจเข้าออก(จับผิดลมหายใจตัวเอง)ควบคู่ไปกับการภาวนา ปถวีกสินัง หรือ อาโลกสินัง ตลอดเวลาโดยไม่ได้นึกถึงภาพกสินเลยและก็ไม่ได้ใส่ใจกับภาพที่สายตามองเห็นขณะนั้นด้วย(สมาธิจดจ่ออยู่กับลมหายใจกับคำภาวนาแล้ว ข้างหน้าเป็นสาวสวยก็คงไม่ทันดูเพราะไม่ได้สนใจ แต่ไม่ได้หลับตานิ) ถือเป็นการฝึกกสินที่ใช้ได้หรือเปล่าครับ

    เคยโพสในห้องอื่นแล้วมีคนตอบว่า ผมขี้สงสัยขนาดนี้ให้ไปฝึกพิจารณาธาตุเถอะเพราะฝึกกสินไม่รอดหรอก พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้คำแนะนำแบบนี้นี่ ตรงข้าม พระองค์ท่านกลับแนะนำกสินเป็นกรรมฐานแรกเพราะเป็นของหยาบฝึกง่าย(ไม่ได้หมดกำลังใจแต่รู้สึกเหมือนผุ้ตอบต้องการทำลายกำลังใจเรามากกว่า)

    สงเคราะห์ผมด้วยนะครับ ที่สนใจเรื่องกสินเพราะเคยได้ยินว่ากสินเป็นกรรมฐานแรกที่พระพุทธองค์กล่าวถึงเพราะเป็นของหยาบจึงฝึกง่าย และอีกอย่างคือสนใจด้านฉฬภิญโญ(คงไม่อาจเอื้อมปฏิสัมภิทัปปัตโต)


    หากคำพูดคำใดหรือประโยคใดที่หลวงพี่ถือเป็นการปรามาส ผมก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะครับ เพราะต้องการสื่อให้เข้าใจแบบตรงไปตรงมาแบบภาษาชาวบ้านจริงๆ
     
  2. lvk

    lvk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    1. กสิน คือ รูป ถ้าเรามองหรือนึกถึงอะไร ก็เป็นกสินนั้น คำภาวนา เป็นเพียงเครื่องโยงใจ อันที่จริง จะไม่ภาวนาก็ได้ คนที่สำเร็จแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาภาวนา นึกปั๊ปเห็นรูปปุ๊ป ถ้าบังเอิญคุณภาวนาอาโลกสินแล้วคุณสำเร็จอาโลกสิน คุณรู้รึเปล่าว่าฌาณ 4 ของอโลกสินมันเป็นยังไง ในเมื่อนึกไม่ได้ แล้วจะเรียกว่าสำเร็จได้ยังไง การเพ่งสีนึงแล้วภาวนาอีกสีนึงมันทำให้เสียสมาธิซะมากกว่า สรุปคือ นึกถึงภาพไหนก็เป็นกสินนั้นครับ ใครเพ่งดินสีดำแล้วสำเร็จ กสินดิน ผมต้องยกให้สิบนิ้วเลย เพราะผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
    2. ไฟจากเทียน เป็นกสินไฟครับ สำหรับกสินแสง ให้มองแสงแดดที่ตกกระทบกับวัตถุ เช่นกำแพง หรือรอดมาตามรู แต่ขอเตือนว่า การฝึกกสินแสงนั้น ไม่ควรเพ่งไปตรงที่แสงจ้า การเจาะรูแล้วเพ่งที่พื้น จะทำให้ความเข้มของแสงลดลง ถ้าเพ่งไม่ถูกต้อง ตาเสียนะครับ อาจใช้กระจกกลม สะท้อนแสงแดด ไปที่กำแพงครับ เพราะแสงไม่จ้าไป ทำที่ไหนก็ได้ มีกระจกก็ฝึกได้แล้วครับ แต่ต้องระวัง ถ้าวางไม่ดีแสงจะเปลี่ยนรูปไปตามทิศของพระอาทิตย์ ที่ผมเคยฝึก จะเอากล่องมาเจาะรู แล้วเพ่งแสงที่กระทบพื้นครับ
    3. การเห็นภาพเป็นสีตรงข้าม หรือสีดำ เพราะเพิ่งเริ่มครับ ให้ถือเอากสินที่เราฝึกเป็นหลัก เช่น มองสีขาว พอหลับตากลายเป็นสีดำ ถ้าสีไม่เหมือนที่เราต้องการ อาจจะลืมตามาดูใหม่ หรืออาจหลับตาอีกสักพักแล้วค่อยลืมตาดูใหม่ ลืมตาหลับตาเร็ว ๆ มันจะไม่มีสมาธิซิครับ การที่เรานึกถึงหน้าแฟนได้ง่ายกว่าเพราะเราเห็นหน้าเค้าบ่อยกว่าที่เราจะมองกสินไม่ใช่หรือครับ และอีกอย่างคือ เวลามองหน้าแฟนมันมีฉันทะ คือพอใจที่ได้เห็น ถ้าเอาความรู้สึกแบบนี้ไปฝึกกสิน รับรองว่ารุ่งแน่นอนครับ แต่ผมไม่แนะนำให้ฝึกด้วยภาพจากคอมพิวเตอร์นะครับ จริง ๆ ภาพสีขาวจากจอมันเป็นกสินแสงครับ ซึ่งถ้ามองตรง ๆ ก็ตาเสีย กสินแสง จำเป็นต้องระวังมากครับ
    4. ฌาณ แปลว่า ชิน ถ้าเปลี่ยนนิมิตบ่อย ๆ มันจะชินได้ยังไงครับ กสินแสง ไม่ใช่แสงจากเทียนหรือหลอดไฟครับ และอย่าไปเพ่งหลอดไฟเด็ดขาด ตาบอดไม่รู้ด้วย ถ้าลำบากอย่างที่คุณว่า ทำไมไม่ลองกสินน้ำละครับ หาแก้วที่ปากใหญ่หน่อย หาไว้หลาย ๆ ใบ อยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน ห้องนอนหรือห้องพระ ก็ใช้แก้วแบบเดียวกัน จะดีกว่า
    5. อุปกรณ์ในที่ที่หมายถึงรูปร่างของวงกสินหรือเปล่า กสิน คือการจำสีครับ ถ้าจะเปลี่ยนจากวงกลมเล็ก มาเป็นวงกลมใหญ่ คงไม่ต่างกัน แต่ถ้าเปลี่ยนจากวงกลม มาเป็นวงรี ก็ไม่น่าจะเห็นภาพกสินวงกลมนะครับ แบบนั้นมันได้อุงคหนิมิตแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเพ่งของใหม่เลย นึกถึงของเก่าได้แล้วก็ต่อเลย วงกสิน จำเป็นสำหร้บคนที่ยังไม่ได้อุงคหนิมิต ถ้าหลับตา-ลืมตาก็มองเห็นภาพ อันนี้ไม่ต้องใช้แล้วครับ วิ่งเข้าปฐมฌาณเลย
    6. ตัวอย่างเช่น พระพุทธรูปสีทอง (กสินสีเหลือง) แล้วเปลี่ยนมาเป็นวงกลมสีทอง พอเพ่งวงกลมแล้วเห็นภาพพระพุทธรูปสีทอง อันนี้ก็เพ่งที่พระได้เลย แต่ปกติไม่เป็นแบบนั้นครับ และถ้าจะฝึกจริง ๆ ก็ไม่ควรเปลี่ยนสัณฐานของกสินครับ มันจะไม่ชิน เราต้องการให้ชินครับ
    7. อันนั้นเป็นอนุสติครับ คนที่ไม่เข้าใจก็จะแนะนำให้เริ่มอานาปานุสติก่อน ผมขอเรียนว่า มันคนละเรื่อง ถ้าเป็นการหายใจเพื่อผ่อนคลายหรือเพื่อให้พร้อมฝึกกสินก็ได้ครับ คือให้หายใจเข้า-ออกแรง ๆ สักพักก่อนฝึกกสินก็ได้ เหมือนกับนักยกน้ำหนักเค้าทำก่อนจะแข่ง แต่ถ้าบอกว่า "ให้ขึ้นต้นด้วยอาณาปานสติให้ถึงสมาธิขั้นกลางทรงตัวดีก่อน " อันนี้ผิดครับ ผู้พูดคงไม่เข้าใจการฝึกสมาธิและไม่เข้าใจการฝึกอานาปานุสติ จึงพูดว่าขั้นกลาง มันมีอยู่ 4 ระดับ ที่ว่ากลางมันหมายถึง 2 หรือ 3 ครับ และถ้าได้ปฐมฌาณ(ฌาณ 1)ในอานาปานุสติแล้ว ก็ไม่เห็นต้องไปทำกสินเลย ทำอานาปานุสติต่อก็เสียเวลานิดเดียว และถ้าได้ฌาณ 4 ในอานาปานุสติ ก็อาจได้เห็นภาพกสินที่เราเคยได้ในอดีตอีกด้วย พูดแล้วยาวครับ

    ที่ยากที่สุดก็คือปฐมฌาณครับ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน (ไม่ชิน) อุงคหนิมิตนั้นยังอาจนึกถึงได้บ่อย ๆ แต่การได้ปฐมฌาณ จะต้องเป็นความต่อเนื่องจากอุงคหนิมิตและใจสงบ พอได้ปฐมฌาณ แปปเดียวก็ฌาณ 4 ไม่ทันรู้ตัว แต่ในที่นี้หมายถึงว่าพอมีเวลานะครับ ถ้ายังพะวงเรื่องในครอบครัว ลูก สามี ภรรยา อันนี้มันไม่เกิดครับ

    ให้นึกไว้เสมอว่า จิตว่างเมื่อไหร่ จะต้องนึกถึงกสินที่เราฝึกทันที เช่น ถ้าไม่ได้เป็นคนขับรถเองก็ให้นึกถึงกสินในระหว่างเดินทาง เดินไปเข้าห้องน้ำ เดินไปทานข้าว ก่อนทานข้าว หลังทานข้าว ขณะอาบน้ำ ถ้าทำได้แบบนี้อย่างเร็ว 7 วัน อย่างช้า 1 เดือน ถ้าเห็นคนไหนสวมหูฟัง ก็บอกได้ว่าไม่ใช่นักปฏิบัต

    การที่หลาย ๆคนฝึกไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะคำอธิฐานในอดีตชาติ ถ้าต้องการเข้านิพพานในชาตินี้จริง ๆ ก็ให้จุดธูป 3 ดอก อธิฐานต่อองค์พระ ขอลาพุทธภูมิ หรือขอยกเลิกคำอธิฐานที่เคยทำมา เพราะต้องการเข้านิพพานในปัจจุบัน เช่น บางคนต้องการสำเร็จเป็นภิกษุผู้ยอดในด้านใดด้านหนึ่ง หรือต้องการเกิดเป็นนางวิสาขา หรือท่านอนาถบินฑิกเศรษฐี ถ้าไม่ลา ก็สำเร็จได้ยาก

    ส่วนบางท่านที่พูดว่าเป็นการอวดอุตริมนุษธรรม ก็ต้องเรียนว่า เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ถ้าตั้งใจจะฝึก ก็ลองทำดู หรือถ้าทำได้แล้ว แต่ต่างวิธี ก็มาเล่าสู่กันฟัน อย่าเพียงแต่พูดว่าคนอื่นเลยครับ เราไม่ได้เป็นพระภิกษุ การพูดคุยเช่นนี้ไม่ผิดครับ ลองคิดดูว่า ถ้าคนธรรมดา พูดคุยเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะฝึกกันยังไงครับ พระภิกษุที่สำเร็จกสินกองใด ยังสอนพระภิกษุด้วยกันในเรื่องกสินที่ท่านสำเร็จ ไม่ถือเป็นการอวดครับ อย่าเข้าใจผิด ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...