ปกิณกธรรมก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันอาทิตย์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 สิงหาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันอาทิตย์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖



    การซึมเศร้าเกิดจากการที่เราคิดแล้วหยุดความคิดไม่เป็น สังเกตดูสิว่าความคิดของเราจะมา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๐ ครบรอบแล้วก็จะกลับมา ๑ ใหม่ ไม่ได้ไปไหนไกลเลย เรื่องเดิม ๆ วนไปวนมาสัก ๓ - ๕ รอบก็เริ่มคิดได้อย่างลึกซึ้ง..ก็คือคิดแล้วได้อารมณ์..ก็เริ่มซึม..แล้วเดี๋ยวก็จะเศร้า..+

    อาตมาเองบวชใหม่ ๆ ความคิดก็ชวนให้สึก เดี๋ยวเราสึกไป แล้วทำงานหาเงิน ซื้อบ้านสักหลัง ซื้อรถสักคัน แต่งงานมีเมีย มีลูกสักสองคน แล้วก็กลับมาบวชใหม่ สักพักก็เอาใหม่อีกแล้ว ถ้าเราสึกไปนะ""เราก็ไปทำงานนี้ ซื้อรถยี่ห้อนี้ ซื้อบ้านหมู่บ้านนี้ แต่งงานกับสาวคนนี้ มีลูกสักสองคน แล้วเดี๋ยวมาบวชใหม่ พอจะวนรอบที่สามนึกขึ้นมาได้ "ไอ้เหี้..มึงกำลังบวชอยู่ไม่ใช่หรือ""!? แล้วมึงจะออกไปทำอะไร..!?" บังเอิญรู้ตัวเร็ว..เลยวนได้แค่สองรอบ รอบที่สามกำลังจะวน รู้ตัวก่อน..ด่าไปทีหูตาสว่างเลย..!

    แล้วก็รู้ด้วยนะว่าถ้าพาไปไกลวัด เราจะไม่ไปด้วย ก็เลยอุตส่าห์ให้โอกาสกลับมาบวชใหม่ "แล้วมึงจะไปลำบากลำบนตั้งหลายปีทำไม ? ก็มึงบวชอยู่แล้ว..!" ลองกลับไปดูตัวเองนะ ที่นอนไม่หลับนั้น ส่วนใหญ่เพราะคิดไม่เลิก คิดเป็นแต่หยุดความคิดไม่เป็น

    เพราะฉะนั้น..วิธีที่ดีที่สุดก็คือหยุดความคิดตัวเอง อย่าให้ปรุงแต่งต่อ อยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงนี้ ถ้าอยู่แค่นี้ไม่หลุดไปไหน รัก โลภ โกรธ หลง อะไรก็เกิดไม่ได้ เก่งแค่ไหนก็เกิดไม่ได้ ขอยืนยันว่า ที่ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดได้เพราะเราไปคิด เลิกคิดก็เกิดไม่ได้หรอก

    อาตมภาพเคยเปรียบให้ฟังหลายครั้งแล้วว่า ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำร้อนเปล่า ๆ มา ไม่มีใครอยากกิน ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรล่ะ ? ก็ใส่ลูกชิ้น ๒..๓..๔..๕ ห้าลูกก็พอ เยอะเกินไม่ดี..เดี๋ยวขาดทุน หมูสับอีกหน่อย หอมซอยนิด ผักชีหน่อย แถมยังมีตั้งโอ๋ กระเทียมเจียว ใส่พริกป่นนิด ถั่วคั่วหน่อย น้ำส้มอีกนิด ยิ่งใส่ก็ยิ่งอร่อย ทีนี้ก็กินไม่เลิก
    ..!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ก็เพราะว่าเราไปปรุง ไปปรุงด้วยการคิด ทำอย่างไรที่เราจะไม่คิด ? ไม่คิดก็จะเป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ไม่มีใครกินหรอก แต่คราวนี้สภาพจิตของเราทำอย่างไรถึงจะเห็นโลกเหมือนก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ

    ก็ต้องเร่งใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากเข้าไว้ หยุดอารมณ์ใจเราไว้กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า อย่าให้ไปไกลเกินนี้ รู้ตัวเมื่อไรให้รีบดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกทันที ถ้าอย่างนี้มีโอกาสรอด แต่ถ้าหลุดจากลมหายใจไปเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ท่วมฟ้ามาเชียว..!

    หลายคนตอนปฏิบัติธรรมดีมากเลย มีเพื่อนมีฝูง มีสภาพแวดล้อมดี ประคับประคองรักษาใจเอาไว้ได้ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจไม่ได้ แต่เผลอหน่อยเดียวกิเลสตีกลับ โดนแล้วโดนอีกไม่เข็ดสักที..!

    ถ้ารู้จักเข็ดก็จะรู้จักระวัง พอรู้จักระวังก็จะไม่ให้ผิดอีก ก็จะผิดน้อยลง แรก ๆ เอาแค่ผิดน้อยลงก็พอ

    หลายคนก็มาสารภาพว่า "หลวงพ่อเจ้าขา..หนูยังมีกิเลส" มีก็ปล่อยแม่งงสิ..! จะไปยุ่งอะไรกับมัน ? รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกาย เราตัดทิ้งได้ที่ไหนกัน ?

    "แล้วที่เขาบอกว่าตัดกิเลสละเจ้าคะ ?" เขาไม่ได้ตัดกิเลส เขาแค่ไม่ไปยุ่งกับกิเลส ไม่ยุ่งกับกิเลส ไม่ใช่ไม่มีกิเลสนะ กิเลสมีครบถ้วนเลย

    "อ้าว..แล้วที่เขาตัดกันจนกลายเป็นพระอรหันต์ละเจ้าค่ะ ?" อันนั้นตัดด้วยปัญญา ท่านเห็นแล้วว่าเป็นโทษอย่างไร ท่านก็เลยเลิกยุ่งกับกิเลสอย่างเด็ดขาด ส่วนพวกเรานี่เสือนอนอยู่เฉย ๆ ก็ไปแหย่วักนิดหนึ่งซิ..กลัวเสือจะไม่ตื่น..!

    การที่เราจะไม่ไปยุ่งกับกิเลสได้ อันดับแรกเลยต้องทรงสมาธิให้ได้ นี่คือเบื้องต้น ของพวกเรานี่ยังไม่ใช่ตัดกิเลส ถ้าทรงฌานได้ก็แค่ละกิเลส..ห่างออกมาหน่อยหนึ่ง ตัดกิเลสนี่ต้องเลิกหรือวางทิ้งไปเลย เพราะเห็นโทษแล้วว่ากี่ชาติ ๆ เอ็งก็พาข้าเกิดแทบเป็นแทบตายอยู่อย่างนี้ เข็ดหรือยัง ? พอหรือยัง ? ถ้ารู้จักเข็ด รู้จักพอก็จะหยุด พอหยุดแล้วก็จะหาทางหนีจากไป ตรงนี้เขาจัดเป็นวิปัสสนาญาณ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    อาทีนวานุปัสสนาญาณ เห็นทุกข์เห็นโทษในร่างกายนี้
    จะเกิดมุญจิตุกัมยตาญาณ หาทางหลีกหนีจากร่างกาย
    เกิดปฏิสังขานุปัสสนาญาณ พยายามที่จะหนีจากไป
    เกิดนิพพิทาญาณ เบื่อหน่ายเหลือทน ซึมเศร้าดีกว่า..อ้าว..เลี้ยวผิด..! ต้องเบื่อก่อนนะ ถ้าไม่เบื่อเราจะไม่เลิก

    เพราะฉะนั้น..ใครที่ปฏิบัติธรรมแล้วเบื่อ แล้วก็รีบ ๆ ไปดูหนังฟังเพลงให้หายเบื่อ..นั่นผิด..! ให้รักษาความเบื่อให้อยู่กับเราให้นานที่สุด..เราจะได้เข็ด แต่ส่วนใหญ่แล้วเราไม่รักษา เรารีบผลักทิ้ง บ๊ายบาย..ไปละ..ดูหนังฟังเพลง เที่ยวชายทะเลดีกว่า ของดีอยู่ตรงหน้าดันโยนทิ้งเสียได้ เพราะไปคิดว่าความเบื่อเป็นของไม่ดี ความเบื่อเป็นของดีมาก ๆ เลย เพราะโดยปกติแล้วเขาไม่เบื่อกันนะ..!

    หลักการของพุทธตันตระที่เป็นเป็นพุทธศาสนานิกายหนึ่งที่เละเทะอยู่ทุกวันนี้ เขามี ๕ ม.

    มัทนะ กินเหล้า คนฮินดูทั่ว ๆ ไปไม่กินเหล้า
    มังสะ กินเนื้อ คนฮินดูส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อ
    มุทรา ร่ายรำบวงสรวง
    มันตรา ท่องบ่นภาวนา
    เมถุน เสพกาม

    เขาบอกว่าเรื่องของการกินเหล้า เรื่องของการกินเนื้อ เรื่องของการเสพกาม ถ้าทำจนเต็มที่แล้วจะเบื่อ หมดอยากไปเอง หลักการดีมาก..! แต่ถ้าบารมีคุณสร้างมาไม่ถึงระดับจริง ๆ..ไม่เบื่อหรอก การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ ถ้าไม่ใช่ผู้เห็นภัยในวัฏสงสารจะไม่เบื่อ ๔ ตัวนี้เด็ดขาด มีแต่จะต้องการมากยิ่งขึ้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เขาบอกว่าเมื่อผู้หญิงผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กันไปจนถึงจุดสุดยอด จะเกิด "ภาวะนักปราชญ์" อันนี้แปลมาจากตำราฝรั่ง ก็คือสภาพจิตจะรู้สึกพึงพอใจ ปล่อยว่างจาก รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหมดชั่วคราว คราวนี้คนที่เขาเก่งจริง ๆ เขาจะจับสภาวะนี้แล้วรักษาเอาไว้ ก็เลยทำให้คิดว่าพุทธตันตระช่วยให้หลุดพ้นได้ แต่นั่นเป็นแค่อุปจารสมาธิขั้นปลายเท่านั้น ยังไม่เป็นฌานเลย เป็นสภาพจิตที่ว่างจากกิเลสชั่วคราว ลักษณะเหมือนช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น มาแค่แวบหนึ่ง ใครนะ..เก่งขนาดจับเอาไว้ได้..!

    แล้วแต่ละอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นของที่สร้างโลก เป็นสัญชาตญาณฝังลึกอยู่ใน DNA อย่าตำหนิตัวเองว่าเรามีราคะจัด อย่าตำหนิตัวเองว่าเราโลภโน่นโลภนี่ อย่าตำหนิตัวเองว่าเราขี้โกรธ พวกนี้เป็นเครื่องมือสร้างโลก ฝังอยู่ใน DNA ของเรา

    เพียงแต่เราเห็นแล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราก็พยายามหลีกหนี อันดับแรกก็ลด แล้วก็ละ ท้ายสุดก็เลิก ไล่ไปแต่ละขั้นตอน โอกาสที่จะโดดข้ามขั้นนั้นยากมาก

    เพราะฉะนั้น
    ..ทางเดียวคือค่อย ๆ ไปตามขั้น อันดับแรกเมื่อเห็นโทษแล้วก็พยายามหนี รักษาใจของเราให้ผ่องใสไว้ โดนกิเลสกินพอกพูนกลับไปเมื่อไร ก็รีบขัดรีบเกลา โดยสังเกตตัวเองได้ว่าปฏิบัติธรรมแล้วเกิด

    อัปปิจฉตา มักน้อยไหม ? คนมักน้อยนี่ไม่อยากได้อะไรเพิ่มเติมแล้ว ไม่ใช่ว่ามีเสื้อผ้าเต็มสามตู้ที่บ้าน ไปถึงห้างเดินผ่านร้าน หยุดซื้ออีกหนึ่งชุดก็แล้วกัน ซื้อไปก็ไม่ได้ใส่หรอก แขวนไว้เฉย ๆ ถ้าเป็นคนมักน้อยก็จะไม่อยากได้เพิ่มแล้ว

    สันตุฏฐิตา สันโดษ ยินดีตามมีตามได้ไหม ? อันนี้อย่าเข้าใจผิดนะ สันโดษที่โคตรรวยเลยก็มี
    เขามียถาลาภสันโดษ..ยินดีตามที่ได้มา
    ยถาพลสันโดษ..ยินดีตามกำลังของตนที่หาได้ ลองไปแข่งกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ดูสิว่าใครจะหาได้มากกว่าเขาไหม ?
    ยถาสารุปปสันโดษ..ยินดีตามฐานะของตน คนที่มีเป็นพันเป็นหมื่นล้าน เขาจะซื้อรถลัมโบร์กินี่ สัก ๔ - ๕ คัน จะไปมีใครเขาว่าอะไร ส่วนของเรานี่ยังกินเงินเดือนอยู่เลย ไปผ่อนลัมโบร์กินี่ก็ตายกันพอดี ต้องรู้จักยินดีตามมีตามได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    สัลเลขตา ขัดเกลากาย วาจา ใจของตนเอง ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานได้ไหม ?

    อิทมัฏฐิตา ปลีกตัวออกจากหมู่ไหม ? หรือวัน ๆ ถ้าได้ "เม้าท์" แล้วมีความสุขมาก ? รู้ไหมว่าเพราะ "เม้าท์" มากเกินไปเลยตัดกิเลสไม่ได้สักที ถ้าถามว่าเกี่ยวกันตรงไหน ?

    เราปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างสมกำลังให้เพียงพอที่จะมีอำนาจเหนือกิเลส แต่ว่ากำลังเหล่านี้ถ้าเผลอมักจะรั่ว
    รั่วออกทางตา..ไปดูโน่นดูนี่ ไม่ได้ซื้อ ขอแค่มองก็ยังดี
    รั่วออกทางหู..ดูหนังฟังเพลง
    รั่วออกทางจมูก..หลีกกลิ่นที่ไม่ชอบ ไปหากลิ่นที่ชอบ
    รั่วออกทางลิ้น..บางคนนี่ถ้าไม่ใช่ร้านอาหารเชลล์ชวนชิม หรือแม่ช้อยนางรำ หรือถนัดแดกแนะนำ กูไม่กิน กูจะต้องกินเฉพาะร้านพวกนี้เท่านั้น
    รั่วออกทางกาย..ที่นอนต้องดีอย่างนั้น เสื้อผ้าต้องดีอย่างนี้
    รั่วออกทางใจ..หนักกว่าอีก ฟุ้งซ่านทั้งวันทั้งคืน


    คราวนี้ถ้าเรานั่งกรรมฐาน สมมุติว่ารักษาใจได้เปรี๊ยะเลย ๒ ชั่วโมง แล้วเผลอไปนั่งส่องเฟซฯ พักเดียวหมดไป ๒ ชั่วโมงแล้ว ไปเขี่ยไลน์ต่ออีกครึ่งชั่วโมง..ขาดทุนไปแล้ว..!

    เห็นหรือยังว่าสิ่งที่เราไม่สามารถจะควบคุมได้เหล่านี้ ทำให้กำลังที่เราทำได้หมดไปทุกวัน กลายเป็นคนขยัน แต่ทำงานเท่าไรไปไม่ถึงเป้าหมายสักที

    ในเมื่อรู้แล้วก็ระวัง หัดปลีกตัวออกจากหมู่ อยู่คนเดียวบ้าง "ฉันกำลังเป็นโรคซึมเศร้า แกอย่ามายุ่งกับฉัน..!" รักษา กาย วาจา ใจ เอาไว้ อกจะแตกแล้วค่อยยื่นหน้าออกไปหน่อยหนึ่งอย่างระมัดระวัง เปิดช่องให้ระบายอากาศได้นิดหนึ่ง พอหายอกแตกแล้วก็รีบกลับมา

    สมัยอาตมาภาพบวชใหม่ ๆ พอถึงเวลานั่งกรรมฐานทั้งวันทั้งคืน ไปต่อไม่ได้..อกจะแตกตาย..! ขออนุญาตลาหลวงพ่อฤๅษีฯ นั่งรถทัวร์จากอุทัยธานีลงมาหมอชิต ถึงเวลาก็ดูฟ้า ดูดิน ดูท้องนาเขียว ๆ มาตามข้างทาง พอมาถึงหมอชิต สั่งข้าวแกง กินอิ่มแล้วก็โดดขึ้นรถกลับ หมดวันพอดี แค่นั้นแหละ..ภาวนาต่อได้อีกเป็นเดือน

    ดังนั้น..เราจะเห็นว่าทำไมบุคคลบางคนต้องออกธุดงค์ ก็เพื่อให้สภาพจิตที่คุ้นชินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนตายด้าน ไม่ยอมรับความดีเพิ่ม เมื่อเปลี่ยนสถานที่แล้วจะรู้สึกว่าดีขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น เดี๋ยวได้ออกธุดงค์กันหมด..เสืออิ่มแน่นอน..!
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...