ปกิณกธรรมก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันศุกร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 สิงหาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันศุกร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖


    ถ้ากำลังใจยังเข้าไม่ถึงปฐมฌานละเอียด สติจะขาดและหลับ จะสังเกตได้ว่าเวลาสติจะขาด เราเหมือนจะง่วงขาดใจเลย ทั้ง ๆ ที่นอนมาทั้งคืน แล้วเราก็สงสัยว่า "ง่วงอะไรนักหนาวะ ?" บางคนสวดมนต์ไปก็หาวไป นั่นคือสภาพจิตที่เริ่มเป็นอัปปนาสมาธิขั้นแรก ๆ โดยเฉพาะเป็นส่วนของปฐมฌานหยาบ ถ้าสติไม่ละเอียดพอก็จะตัดหลับไปเลย บางคนนั่งตัวตรงแหน็วแต่หลับไปแล้ว..!

    ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว พวกเราจะมีเวลาปฏิบัติธรรมถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคมเลย แต่อาตมภาพเองไม่ค่อยได้อยู่ เพราะว่าเพื่อนก็มรณภาพ ครูบาอาจารย์ก็มรณภาพ เมื่อสามวันที่แล้วพระครูสิริสุวรรณาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดคอกวัว จ.สุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันมรณภาพ ส่วนเมื่อวานพระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มรณภาพที่อายุ ๑๐๗ ปี..!

    โชคดีที่ท่านอายุยืนขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นไม่ได้เป็นเจ้าคุณหรอก เป็นพระครูปลัดสุวรรณอยู่นั่นแหละ แต่ด้วยความที่เป็นพระเถระ อายุกาลพรรษามาก และอยู่ในพื้นที่สำคัญอย่างวัดดอนไก่ดี ดอนไก่ดีนี่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเบญจรงค์ที่เป็นอันดับ ๑ ของเมืองไทย เมื่อความทราบไปถึงพระเนตรพระกรรณของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ในหลวงถวายสมณศักดิ์ให้เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชมงคลวุฒาจารย์

    แม้กระทั่งหลวงปู่เอี่ยม วัดอรุณราชวราราม เจ้าของหนังสือมนต์พิธี หนังสือที่พิมพ์มากที่สุดในประเทศไทย ท่านก็เป็นพระครูสมุห์เอี่ยมอยู่นั่นแหละ เป็นจนเขาทนไม่ไหว ให้เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูอรุณธรรมรังษี แล้วก็ติดอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนกับใครเขา เพราะว่าหลวงปู่ท่านไม่มีงานคณะสงฆ์ ๖ ด้าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    อย่างที่พระกุมารกัสสปะเถระท่านเปรียบเทียบให้พระเจ้าปายาสิฟังว่า

    "บุคคลสองคนเดินไปด้วยกัน เจออุจจาระแห้ง
    คนหนึ่งก็ปูผ้าลงโกยเก็บอุจจาระแห้งไป เอาไปเป็นอาหารเลี้ยงหมูได้ เอาไปทำปุ๋ยได้
    อีกคนก็ทำแบบเดียวกัน

    ไปอีกหน่อยหนึ่งเจอมัดปอ
    คนแรกก็เทอุจจาระทิ้ง แล้วเอามัดปอห่อผ้าแบกไป
    อีกคนหนึ่งไม่เอา แบกอุจจาระต่อไป

    ขยับไปอีกหน่อยหนึ่งเจอผ้าป่าน
    คนแรกก็ทิ้งมัดปอ แล้วเอาผ้าป่านแบกไป
    ส่วนอีกคนหนึ่งก็ยังแบกขี้แห้งต่อไปเหมือนเดิม

    ไปได้อีกหน่อยฝนตก..เรียบร้อย ขี้ที่แบกไว้ก็ละลายเพราะโดนน้ำ เละเทะ..เหม็นไปทั้งตัว..!"

    ท่านเปรียบพระเจ้าปายาสิว่า แบกแต่ขี้เอาไว้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนทิฏฐิทั้งที่เห็นผิด ​

    เพราะฉะนั้น..ถ้าใครอยากจะแบกขี้เอาไว้ก็เชิญ พวกประเภท ขี้รัก ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง แบกไปเถอะ..แบกไว้ก็มีแต่โทษต่อเราเอง สถานเบาก็ซึมเศร้า สถานหนักก็มะเร็งรับประทาน เพราะว่าเครียด ความเครียดเป็นเชื้อเลี้ยงมะเร็งอย่างดีเลย

    พวกเราที่วันหยุดยาว ๆ เข้าวัดมาปฏิบัติธรรมกันเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน ใช่หรือเปล่า ? โง่จริง ๆ เลย..! เมืองไทยก็มีให้ไป เมืองนอกก็มีให้ไป ดันบอกว่าไม่รู้จะไปไหน..! นั่นก็เพราะว่าที่อื่นไม่ตรงกับกำลังใจของตัวเอง อาตมภาพเองตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ให้ไปกินไปเที่ยวนี่ไปไม่เป็น ไปเป็นแต่วัด

    เพราะฉะนั้น..เราก็มาหาสิ่งที่เราชอบ ผู้รู้เขาเปรียบว่า เอาผึ้งกับแมลงวันใส่ขวดไว้ด้วยกัน ถึงเวลาเปิดขวด ผึ้งก็บินไปหาดอกไม้ เก็บน้ำหวานเก็บเกสรของตัวเอง แมลงวันก็บินไปหากองขี้ ต่างคนต่างชอบของตัวเอง ไปว่าของคนอื่นไม่ได้

    เหมือนที่เขาเปรียบกับหนอนในกองขี้ คนสองคน คนหนึ่งสร้างบุญ คนหนึ่งสร้างบาป คนสร้างบุญเกิดเป็นเทวดา คนสร้างบาปเกิดเป็นหนอนในกองขี้ เทวดามองลงมาเห็นเพื่อนตัวเองแล้วสงสาร จึงสอนเพื่อน..บอกให้เร่งทำบุญทำกุศลเอาไว้นะ จะได้มาเกิดเป็นเทวดาสบายอย่างเรา หนอนบอกว่า "มึงเป็นไปเถอะ กูอยู่อย่างนี้สบายดีแล้ว พอถึงเวลาก็มีคนมาขี้ให้ กินสบาย..นอนสบาย..!" คิดกันคนละอย่าง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ดังนั้น..พระพุทธศาสนาของเราถึงเอาสัมมาทิฏฐิขึ้นหน้า ต้องเอาปัญญาขึ้นหน้าก่อน ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นไม่ถูกต้องเดี๋ยวก็เละ..! เดี๋ยวก็จะบอกว่าพ่อแม่ไม่มีบุญคุณ เลยไม่จำเป็นจะต้องกราบไหว้อะไรหรอก ถึงเวลาเรียกชื่อก็ได้..ใช่หรือเปล่า..? จะไปยุ่งอะไรกันนักหนา..! ไปทำสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ นั่นเขาเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ ทิฏฐิคือความเห็น มิจฉาคือผิดพลาด มิจฉาทิฏฐิคือมีความเห็นผิด สัมมาทิฏฐิคือมีความเห็นถูกต้อง

    เพราะฉะนั้น..ต้องมีสัมมาทิฏฐิก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เป็น
    สัมมาสังกัปปะ..มีแนวคิดที่ถูกต้องว่า เราต้องการความพ้นทุกข์


    เพราะฉะนั้น..ที่เราเรียกว่า ศีล-สมาธิ-ปัญญา นั้น จริง ๆ แล้วก็คือ ปัญญา-ศีล-สมาธิ

    มีปัญญารู้ว่าศีลเป็นของดี เป็นบันไดให้เราก้าวสู่สุคติ และท้ายสุดล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

    แล้วเราก็ไปรักษาศีล ศีลมีอะไร ? สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ

    สัมมาวาจา ไม่โกหก ไม่สอดเสียด ไม่เพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ

    สัมมากัมมันตะ มีการกระทำที่ถูกต้อง คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด

    สัมมาอาชีวะ คือ ประกอบอาชีพที่ถูกต้องทั้งกฎหมายและศีลธรรม หรือไม่ก็เว้นจากมิจฉาวณิชชา การค้าขายในทางที่ผิด ๕ ประการ

    ขายมนุษย์ สมัยก่อนเราค้าทาส สมัยนี้จับผู้หญิงไปขาย บังคับให้รับแขก
    ขายอาวุธ สหรัฐฯ ยุคนอื่นให้ตีกันแล้วขายอาวุธ
    ขายสุรา
    ขายยาพิษ สมัยนี้เยอะเลย แม้กระทั่งยาฆ่าแมลงก็จัดอยู่ในประเภทนี้ เพราะว่าคนที่เอาไปสามารถไปเบียดเบียนคนอื่นได้
    ขายสัตว์ที่มีชีวิต บ้านเราไม่ค่อยมี บ้านเราส่วนใหญ่ฆ่าเลย แต่รอบบ้านของเรา ถ้าข้ามไปพม่า ข้ามไปลาว เขาขายกันเป็นตัว ๆ เลย ไก่ก็มัดขาใส่ชะลอมไว้ ต้องการตัวไหนไปเลือกเอา มีกระทั่งแลนที่เรียกกันว่าเหี้ยนั่นแหละ จับมัดมือมัดตีนไขว้หลังไว้ ต้องการตัวไหนไปชี้เอา คนอื่นเขาปล่อยนกปล่อยปลา หลวงพ่อเล็กปล่อยเหี้ยมาแล้ว..! ทนดูไม่ไหว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    คราวก่อนไปเดินตลาดที่ลาว ไปถึงก็เห็นลูกปลาน้อยเพียบเลย เขาขายเป็นถุง ถามว่า "ถุงละเท่าไร ?" เขาบอกว่า "หมื่นหนึ่ง" อาตมาก็เหมาเลย "ถุงละหมื่นหนึ่ง เอามาหมดนั่นแหละ" หมื่นกีบนะ ตอนนี้ ๕๕๔ กีบเท่ากับ ๑ บาท จะกี่สตางค์กันเชียว พันกีบก็สองบาท หนึ่งหมื่นกีบก็ยี่สิบบาท ให้ไปเถอะ..! เหมาหมดตลาด จะได้เอาไปปล่อย

    ปลาเยอะขนาดนั้น ปล่อยเสร็จเรียบร้อยยังตกบันไดหน้าเบี้ยวไปตั้ง ๒ - ๓ เดือน ลืมไป..มองเมืองลาวแต่ในด้านดี ๆ ลืมไปว่าสมัยรัชกาลที่ ๓ ไปล่อเขาเสียเละเลย..! ก็สมัยนั้นเรารบกับประเทศลาว..ใช่ไหม ? ในหลวงสั่งก็ไปตีกับเขา เจ้านายสั่งก็ไป ลืมไปว่าเคยทำอะไรไว้ ถึงเวลาเขาก็รอเอาคืน เผลอหน่อยเดียว เรียบร้อย..โดนจนได้..! นั่นขนาดปล่อยสัตว์ไปตั้งเยอะแล้วนะ สังหรณ์ใจไว้ก่อนแล้ว อุตส่าห์เข้าตลาดไปเจอแล้วก็ซื้อไปปล่อย ยังโดนเสียขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นอาจจะถึงตาย..!

    พวกเราที่มานี่อันดับแรกเลยก็คือ
    กลัวภัย กลัวภัยในวัฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิดแต่ละชาติ ทุกข์ไม่รู้จบ แล้วก็กลัวตาย ในเมื่อกลัวตายก็ต้องหาทางให้พ้นตายพ้นเกิด เพราะว่าถ้ายังเกิดก็ต้องตาย เพราะอย่างนั้นก็เลยหาทางไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนคือพระนิพพาน

    สรุปได้หรือยังว่าเรามานั่งตรงนี้ อันดับแรกต้องมีสัมมาทิฏฐิ

    สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง ว่าสิ่งนี้ดีเราต้องรีบทำให้มากเข้าไว้
    สัมมาสังกัปปะ มีแนวคิดที่ถูกต้อง เราต้องการจะออกจากทุกข์
    สัมมาวาจา พยายามควบคุมวาจาให้อยู่ในกรอบ ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ
    สัมมากัมมันตะ เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด
    สัมมาอาชีวะ ค้าขายถูกต้องตามศีลธรรมและตามกฎหมายบ้านเมือง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แล้วต่อไปก็มี...

    สัมมาวายามะ ความเพียรที่ถูกต้อง เพียรละชั่ว เพียรทำดี เพียรระวังไม่ให้ชั่วเข้ามาในใจ เพียรรักษาความดีที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

    คราวนี้ก็ไปลำบากหน่อยที่..

    สัมมาสติ เขาบอกว่าให้ใจไปอยู่ในสติปัฏฐาน คือ กาย เวทนา จิต ธรรม แต่เราไม่ต้องคิดมาก เราคิดแค่ ๒ ข้อ ข้อแรกก็คือเราไม่เอาร่างกายนี้แล้ว ข้อที่สองคือตายเมื่อไรไปนิพพาน เอาแค่นี้พอ เรื่องอื่นยากปล่อยคนอื่นเขาคิดกัน เราเป็นคนโง่ คิดอะไรง่าย ๆ จะได้ไปง่าย ๆ

    ท้ายสุดลำบากอีกหน่อยก็...

    สัมมาสมาธิ ก็ที่เราจะมาฝึกกันเดี๋ยวนี้แหละ จะพองหนอ..ยุบหนอ หรือ ซ้ายย่างหนอ..ขวาย่างหนอ ก็เพื่อให้กำลังสมาธิเพียงพอ จะได้อาศัยกำลังนี้ในการตัดกิเลส

    ที่นี่ใครถนัดแบบไหนให้ทำแบบนั้น ยกเว้นเวลาเดินจงกรม ที่ต้องการความพร้อมเพรียง เราค่อยไป ซ้ายย่างหนอ..ขวาย่างหนอ แต่จำไว้ว่าการเดินจงกรมสำคัญที่สุดก็คือ ระลึกรู้อยู่ทุกฝีก้าว รู้อยู่ทุกอาการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็คือสติจดจ่ออยู่กับปัจจุบันนี้ ถ้าสติสมบูรณ์มาก ๆ ขนาดลมพัดมากระทบผิวกาย เส้นขนเราไหวกี่เส้นก็ยังรู้เลย ไม่ได้พูดเล่นนะ..นี่เรื่องจริงเลย..!

    ถ้าหากว่าสติสมบูรณ์ สมาธิทรงตัว คราวนี้ใช้ปัญญาได้สารพัด โดยเฉพาะมองเห็นให้ชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...