บริจาคสร้างถนนทางออกให้กับวัดบอสตันพุทธวราราม

เนื่องด้วยขณะนี้ทางวัดยังขาดปัจจัยที่จะสร้างถนนทางออกของวัดเพื่อที่จะให้เป็นไปตามกฏหมายของรัฐ

จึงขอบอกบุญผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้

 

แล้วจะร่วมบุญผ่านช่องทางไหนหรอครับ

 

​

บอสตันพุทธวราราม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 ณ บ้านเลขที่ 523 Pleasant St. Malden, Massachusetts โดยความร่วมแรงร่วมใจของชาวพุทธในบอสตันและใกล้เคียง ได้ซื้อบ้าน 3 ชั้น 1 หลัง เนื้อที่ 12X260 ตารางฟุต โดยดำเนินการจดทะเบียนเป็นองค์กรทางศาสนาที่ไม่แสวงหากำไร ( Non-Profit Organization ) ตามกฎหมายของรัฐ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2541 ​

​

ในปีพุทธศักราช 2549 ที่ผ่านมา วัดบอสตันพุทธวราราม ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ภายในวัด เช่น จัดสวนย่อม ปรับพื้นที่ปลูกหญ้าหลังวัด ทำลานจัดกิจกรรมด้านหลังของอาคารที่พักสงฆ์ปัจจุบัน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น สามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ภายในวัดได้ในช่วงฤดูร้อน เช่น งานวิสาขบูชา, งานอาสาฬหบูชา เข้าพรรษา, งานำทำบุญวันสาร์ทไทย และกิจกรรมการละเล่นของเด็กๆนักเรียนภาษาไทยวันอาทิตย์​

​

เนื่องจากอาคารสถานที่ของวัดบอสตันพุทธวาราม มีพื้นที่ใช้สอยจำนวนจำกัด ในช่วงฤดูหนาว หากมีกิจกรรมที่จะต้องรับรองคนตั้งแต่ 150-300 คนขึ้น ทำให้ไม่สะดวกต่อการจัดกิจกรรมต่างๆ

​

ดังนั้นทางวัดจึงมีโครงการก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ขึ้น เพื่อที่จะสามารถรับรองการใช้ประโยชน์ในต่างๆ เช่นกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา และวันสำคัญของชาติ เป็นต้น และได้ดำเนินการตามขั้นตอนข้อกฎหมายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน



เนื่องด้วยขณะนี้ทางวัดยังขาดปัจจัยที่จะสร้างถนนทางออกของวัดเพื่อที่จะให้เป็นไปตามกฏหมายของรัฐ

จึงขอบอกบุญผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันทำบุญ สามารถร่วมเป้นเจ้าภาพสมทบทุ่นสร้างวัดบอสตันพุทธวราราม ผ่านทางธนาคาร ดังนี้



1. Bank of America:
Account name: Boston Buddha Vararam Temple
Account Number: 8978922
Account rounting number: 011000138


2. Citizens Bank:
Account Name: Boston Buddha Vararam Temple
Account Number: 1312938843
Account rounting number: 211070175


ที่มาข้อมูล : http://watboston.org/

 

อานิสงส์การสร้าง ถนน ...ทาง ...สะพาน เพื่อการเผยแพร่ปูกระแสพระพุทธศาสนา

​

[FONT=4804_KwangMD_PukluK]สาระปรากฏ อานิสงส์การสร้าง ถนน ...ทาง ...สะพาน [/FONT]

[FONT=4804_KwangMD_PukluK]เมื่อพระกปิลัตเถระ[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]อธิษฐานให้น้ำในมหาสมุทรแข็งกระด้างเดินไปมาได้สะดวกพระภิกษุสาวก[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] ครานั้นคณะสงฆ์เห็นฤทธานุภาพของท่านพระกปิลัตเถระแล้ว[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]พากันเลื่อมใสในธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งนัก[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] เพราะสามารถบันดาลให้ผู้ประพฤติปฏิบัติให้บรรลุกฤษฎาภินิหารต่าง ๆ[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] จึงปรารภกันถึงเรื่องราวแห่งพระกปิลัตเถระ<o></o>[/FONT]

[FONT=4804_KwangMD_PukluK]สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จมาประทับเหนืออาสนะ[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ทรงดำรัสถาม เมื่อทราบเรื่องแล้ว[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ได้ตรัสพระธรรมเทศนาว่า[/FONT]
[FONT=4804_KwangMD_PukluK]<o></o>[/FONT]
[FONT=4804_KwangMD_PukluK]“[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]อตีเต[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]กาเล[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]”[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ในอดีตกาลครั้งศาสนา พระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระกปิลัตเถระ[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]เกิดในตระกูลคนเข็ญใจ มีอาชีพในทางรับจ้างพอเลี้ยงอัตภาพให้เป็นอยู่ไปวันหนึ่ง ๆ [/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ได้เห็นทางโคจรบิณฑบาตของภิกษุสงฆ์[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]มีเปียกความชื้นแฉะ จึงนำทรัพย์ที่ตนรวบรวมไว้เพียงเล็กน้อยมาสร้างทางถวายให้เป็นทานแก่พระผู้เป็นเจ้า[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] <o></o>[/FONT]

[FONT=4804_KwangMD_PukluK]“[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]กลํ[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]กตฺวา[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]”[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] ครั้นบุรุษเข็ญใจนั้นใกล้จะถึงแก่ความตาย ก็เกิดอัศจรรย์นิมิตเป็นมหามงคล[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] คือ เห็นสะพานเงิน สะพานทอง ทอดลงมาแต่เทวโลก[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]จะรับบุรุษเข็ญใจนั้นให้ขึ้นไปสู่สวรรค์ บุรุษเข็ญใจจึงพูดว่าประเดี๋ยวจะขึ้นไป[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK] คำที่กล่าวนั้นก็ปรากฏแก่คนทั้งหลาย อยู่มาประมาณครู่หนึ่งก็ถึงอนิจกรรมทำลายขันธ์ [/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ขณะนั้นเสียงดุริยางค์ดนตรีก็ดังสนั่นหวั่นไหวก้องเวหา[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ประชาชนต่างก็ได้ยินเสียงทิพย์ดนตรี[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]อันเทพนิมิตให้เกิดมีทุกถ้วนหน้าส่วนบุรุษเข็ญใจนั้น ครั้นทำลายขันธ์แล้ว[/FONT][FONT=4804_KwangMD_PukluK]ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เสวยทิพย์สมบัติอันมโหฬารประกอบไปด้วยแก้ว ๗ ประการ[/FONT]

ตลอดมาจนถึงศาสนาพระตถาคตนี้เทพบุตรองค์นั้น จึงจุติจากวิมานลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ออกมาบวชในพุทธศาสนาบำเพ็ญเพียรได้สำเร็จพระอรหัตตผล ประกอบไปด้วยวิชชาและอภิญญา จึงบันดาลน้ำในมหาสมุทรแข็งกระด้าง ราวกับว่าพื้นปฐมพีก็ด้วยอานิสงส์ที่ได้สร้างสะพานแต่ครั้งศาสนาแห่งพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นแล มาแสดงวิบากผลให้ปรากฏแก่ท่าน พระมหากปิลัตเถระดังนี้

 

อะทาสิ เม อะกาสิ เม ญาติมิตตา สะขา จะ เม
บุคคลมาระลึกถึงอุปการะอันท่านได้ทำแก่ตนในกาล-
ก่อนว่า, ผู้นี้ได้ให้สิ่งนี้แก่เรา ผู้นี้ได้ทำกิจนี้ของเรา
ผู้นี้เป็นญาติ เป็นมิตร เป็นเพื่อนของเรา ดังนี้
เปตานัง ทักขิณัง ทัชชา ปุพเพ กะตะมะนุสสะรัง
ก็ควรให้ทักษิณาทาน เพื่อผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว
นะ หิ รุณณัง วา โสโก วา ยา วัญญา ปะริเทวะนา
การร้องไห้ก็ดี การเศร้าโศกก็ดี หรือการร่ำไรรำพัน
อย่างอื่นก็ดี, บุคคลไม่ควรทำทีเดียว
นะ ตัง เปตานะมัตถายะ เอวัง ติฏฐันติ ญาตะโย
เพราะว่าการร้องไห้เป็นต้นนั้น,ไม่เป็นประโยชน์แก่ญาติ
ทั้งหลายผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ญาติทั้งหลายย่อมตั้งอยู่อย่างนั้น
อะยัญจะ โข ทักขิณา ทินนา สังฆัมหิ สุปะติฏฐิตา
ก็ทักษิณานุปทานนี้แล อันท่านให้แล้ว
ประดิษญานไว้ดีแล้วในสงฆ์
ทีฆะรัตตัง หิตายัสสะ ฐานะโส อุปะกัปปะติ
ย่อมสำเร็จประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ละโลกนี้
ไปแล้วนั้น, ตลอดกาลนาน ตามฐานะ
โส ญาติธัมโม จะ อะยัง นิทัสสิโต
ญาติธรรมนี้นั้น ท่านได้แสดงให้ปรากฏแล้ว
เปตานะ ปูชา จะ กะตา อุฬารา
แลบูชาอันยิ่ง ท่านก็ได้ทำแล้ว
แก่ญาติทั้งหลายที่ได้ละโลกนี้ไปแล้ว
พะลัญจะ ภิกขูนะมะนุปปะทินนัง
กำลังแห่งภิกษุทั้งหลายชื่อว่าท่านได้เพิ่มให้แล้วด้วย
ตุมเหหิ ปุญญัง ปะสุตัง อะนัปปะกันติ ฯ
บุญไม่น้อย ท่านได้ขวนขวายแล้ว ดังนี้แล.

ขออนุโมทนา สาธุ​

<!-- google_ad_section_end --><!-- / message -->