ชีวิตนี้เป็นของน้อยยิ่งนัก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 พฤษภาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,837
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    IMG_0853.jpeg

    ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ที่ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติด้วยชีวิต จนมาถึงอายุ ๖๑ ปี ในวันนี้ ตัวเลขพอดีพ้องกันในด้านกลับ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน สิ่งหนึ่งที่อาตมาเห็นว่าน่ากลัวที่สุด คือ จิตสังขาร การปรุงแต่งของใจ ที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง พาให้ต้องทุกข์อยู่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

    สิ่งหนึ่งที่นักปฏิบัติธรรมมักจะต้องพบเจอ ก็คือการที่ จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ตามแต่จะเรียกกันไป สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าสภาพจิตของเราไปปรุงแต่ง แล้วหลุดจากอารมณ์ปัจจุบัน ไปเสวย รัก โลภ โกรธ หลง เท่ากับยื่นหัวไปให้กิเลสฟันเอง แล้วก็มาโอดครวญว่า ทุกข์อย่างนั้น ลำบากอย่างนี้

    แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เข็ด เพราะว่ากิเลสชักนำไป ให้รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วจะดี ทำแบบนี้แล้วจะเด่น แทนที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อละกิเลส ก็กลายเป็นปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมกิเลส กอบโกยหาทุกข์ใส่ตัวอยู่ทุกวัน แต่ก็โง่เขลาเบาปัญญาพอ คิดว่ากำลังโกยเอาของดีใส่ตัว ซึ่งความจริงแล้วมีแต่ขี้ทั้งนั้น..!

    อาตมาขอยืนยันว่า เท่าที่มีประสบการณ์มา สิ่งที่ครูบาอาจารย์พูดมานั้น พอดี พอเหมาะ พอควรกับสถานการณ์นั้น ๆ แล้ว แต่ว่าพวกเรามักจะไปปรุงแต่งเพิ่มเติม อวดความโง่โดยที่คิดว่าตัวเองฉลาดอย่างยิ่ง พยายามไปตีความ ขยายความ ทำให้สิ่งที่พอเหมาะ พอดี พอควร กลายเป็นเละเทะไม่เป็นท่า..!

    อย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่าเรื่องราวในอดีตต่าง ๆ เอาไว้พอดีพอควรแล้ว แต่ก็มีคนไปขยายความต่อ ว่าท่านเคยเกิดเป็นพระราชาพระองค์นั้น เคยเกิดเป็นกษัตริย์พระองค์นี้ ก่อให้เกิดโทษหลายประการ อันดับแรก บุคคลที่ไม่เชื่อย่อมปรามาสในพระสุปฏิปันโน กลายเป็นสร้างทุกข์โทษเวรภัยอย่างใหญ่หลวงให้กับผู้อื่น

    อันดับที่ ๒ เป็นการล่วงเกินสถาบันเบื้องสูง อย่างที่ภาษาทหารเรียกว่า "ดึงฟ้าต่ำ" ซึ่งอาจจะทำให้โดนลงโทษด้วยกฎหมายมาตรา ๑๑๒ เมื่อไรก็ได้ แต่ผู้พูดก็ไม่ได้สนใจ คิดอยู่อย่างเดียวว่าเมื่อพูดไปแล้ว จะทำให้คนอื่นมองว่าตนเองนั้นเก่ง เท่ เก๋ ฉลาด ทั้งที่กำลังขยายความโง่..!

    แม้แต่เรื่องที่อาตมานำมาบอกกล่าว โดยหลักใหญ่แล้วคือ ปรารถนาให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นกติกาเบื้องต้นของการเข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน บอกกล่าวเพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผี เทวดา พรหม หรือพระนิพพาน เป็นของจริง ของแท้ สามารถเข้าถึงได้ด้วยการตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    แต่แทนที่ท่านทั้งหลายจะมองเห็นวัตถุประสงค์ตรงนี้ กลับโดนกิเลสบังหน้า ตัณหานำทาง เอาเรื่องพวกนี้ไปใส่สีตีไข่ ฟุ้งซ่านกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ลืมไปว่ากำลังกอบโกยหาความทุกข์ใส่ตัวแท้ ๆ ทั้งที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ กลับกลายเป็นว่าเดินสวนทางกับสิ่งที่ตนเองตั้งใจ แล้วเมื่อไรจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเสียที ?

    ตื่นเถิดท่านทั้งหลาย...ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ รักษาผู้ปฏิบัติตนให้พ้นจากที่ชั่ว นำพาเราทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ที่แผดเผาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไปสู่สถานที่อันสงบสงัด ดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงคือพระนิพพาน

    ชีวิตนี้เป็นของน้อยยิ่งนัก ไม่มีเวลามากพอให้เราหยุดแวะชมดอกไม้ริมทาง ต้องเร่งรัดเดินไปด้านหน้า เพื่อตัดชาติตัดภพของเราให้เหลือน้อยที่สุด หลีกหนีจากความทุกข์ให้เหลือระยะทางน้อยที่สุด ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้ ก็เป็นเป้าหมายสูงสุดที่พึงหวัง

    หนทางแม้สุดไกล.......ขอมุ่งไปกว่าจะถึง
    ยากเข็ญมิคำนึง.............ถึงทุกข์ทนสักเพียงใด
    เดินตามรอยเท้าพ่อ.......มั่นคงต่อธรรมวินัย
    พ่อชี้หนทางไป............จักมุ่งไปไม่ลังเล
    จิตมั่นด้วยศรัทธา........ทุกเวลามิหันเห
    ผู้ใดจะซวนเซ............มิรวนเรตามเขาไป
    พ่อนำทางให้ลูก............มีแต่ถูกลูกมั่นใจ
    ขอให้เดินตามพ่อไป.......ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน.
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...