จดหมาย จากพญายม

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย วิปัศย์, 2 กันยายน 2012.

  1. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    [​IMG]


    วันหนึ่งท่านพญายมเสด็จขึ้นว่าความบนบัลลังก์ ในบรรยากาศที่น่าเกรงขาม ยมทูตได้ลากตัวชายสูงอายุ ผมขาวบางหรอมแหรมคนหนึ่ง และชายหนุ่มอีกคนหนึ่งขึ้นมาคุกเข่าลงเบื้องหน้าของพระองค์

    ยังมิทันที่พญายมจะเอ่ยความว่าอย่างไร ชายสูงอายุผู้นั้น ก็รีบตีโพยตีพายโวยวายขึ้นมาทันทีว่า “ข้าแต่ผู้เป็นใหญ่ กระผมถูกจับตัวมาโดยไม่บอกกล่าวกัน อย่างนี้มันไม่ยุติธรรมเลย สมบัติพัสถานของกระผมตั้งมากมายยังไม่ได้แบ่งสรร บัญชีเงินทองของกระผม...”

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ท่านพญายมตบโต๊ะผาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นสถานที่แห่งใด เราเป็นใคร เจ้าจึงกล้าส่งเสียงโวยวายเช่นนี้”

    “กระผม...กระผม...” ชายสูงอายุอึกอัก ทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาเพิ่งสังเกตเห็นบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวรอบๆ

    “ฮึ่ม” ท่านพญายมสำทับซ้ำด้วยเสียงในลำคอ แล้วเอ่ยด้วยเสียงก้องกังวานว่า

    “เจ้าทำบาปทำกรรมไว้มากเมื่อมีชีวิตอยู่ เจ้าจะต้องได้รับโทษสถานหนัก เอาล่ะเราจะถาม เจ้าจงตอบด้วยความเป็นจริง”

    “อา...กระผม...ถ้ากระผมตอบแล้ว ท่านต้องโปรดกรุณากระผมด้วยนะขอรับ...” ชายสูงอายุละล่ำละลัก

    “เอาละ... เราถามเจ้า” พญายมตัดบท “เงินสงเคราะห์วัยชราของแม่เฒ่าหวังข้างบ้าน เจ้าหลอกลวงเอาไปใช้แต่งสวนดอกไม้บ้านของเจ้าใช่ไหม”

    “เอ้อ...อ้า...ใช่ขอรับ...” ชายสูงอายุก้มหน้าตอบ

    “ยังมีอีก...” พญายมเอ่ยสำทับต่อ “เจ้าร่วมมือกับพรรคพวกขายผงขาว อีกทั้งเข้าหุ้นกับนายกอเจ้าของโรงงานผลิตยา ทำยาปลอมหากำไร ใช่หรือไม่ใช่”

    “ชะ...ใช่...ใช่ขอรับ” ชายสูงอายุก้มหน้าต่ำลงไปอีก

    “ยกขึ้นมาแค่สองเรื่องเท่านี้เอง เจ้ายังจะโวยวายว่า ไม่ยุติธรรมอีกหรือไม่” ท่านพญายมจ้องหน้าชายสูงอายุเขม็ง

    “ให้เจ้าอยู่มาได้จนอายุ 76 ก็กรุณาเจ้ามากไปแล้ว” นัยน์ตาของพญายมแดงก่ำ “เอ้า.. มาลากตัวไปลงกระทะน้ำมัน” พญายมหันไปสั่งยมทูต

    “ขอได้โปรดเถิด...” ชายสูงอายุได้ยินคำพิพากษาโทษ ให้นำไปลงในกระทะน้ำมันเท่านั้นก็หน้าซีด รีบโขกหัวกราบนับครั้งไม่ถ้วน พลางพูดว่า

    “ตอนมีชีวิตอยู่ แม้กระผมจะทำความชั่วร้ายไว้มาก แต่กระผมทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไมไม่มีใครเตือนกระผมเลยว่า ให้รีบกลับตัว”

    “เหลวไหล” ท่านพญายมตบโต๊ะอีก “เรามีจดหมายเตือนเจ้าไปแล้วตั้งสามครั้ง เจ้ายังบอกได้อีกว่าไม่มีใครเตือน”

    “ไม่มีจริงๆ ขอรับ...” ชายสูงอายุยืนยัน

    “เอาละ เจ้าอาจจะเลอะเลือนไป” ท่านพญายมทำเสียงอ่อนลง

    “เจ้าจงสงบใจสักครู่ แล้วลองทบทวนดู” ท่านพญายมทิ้งช่วงพัก แล้วเอ่ยขึ้นใหม่ว่า “เจ้าสวมแว่นตาคนแก่เมื่อไหร่”

    “เอ้อ...” ชายสูงอายุยกมือขึ้นเกาศีรษะเล็กน้อย เป็นการช่วยทบทวนความจำ “เอ้อ จำได้แล้ว เมื่อตอนกระผมอายุได้ 50 ขอรับ วันนั้นเป็นวันในฤดูหนาว กระผมนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ดูหนังสือพิมพ์ รู้สึกนัยน์ตาพร่ามัว หลังจากนั้นกระผมก็ไปตรวจสายตาประกอบแว่น”

    “นั่นแหละ จดหมายเตือนฉบับที่หนึ่ง ที่เราส่งไปถึงเจ้า เพื่อให้รู้ว่า วันเวลาของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว”

    “โอ๊ะ” ชายสูงอายุอุทาน “นั่นน่ะหรือขอรับจดหมายเตือน”

    “ใช่แล้ว” ท่านพญายมตอบหนักแน่น

    “แล้วฉบับที่สองล่ะขอรับ” ชายสูงอายุยังไม่หายข้องใจ

    “จำได้ไหม วันนั้นเป็นวันเกิดอายุครบ 60 ปีของเจ้า ลูกสาวของเจ้าเดินทางไกลมาจัดงานวันเกิดให้ เจ้าตะกรามแทะน่องไก่ชิ้นใหญ่จนฟันหน้าหัก จากนั้นเป็นต้นมา ฟันของเจ้าก็หลุดร่วงไปทีละซี่สองซี่ จนบัดนี้เหลืออยู่ไม่กี่ซี่แล้ว นั่นแหละจดหมายเตือนครั้งที่สอง”

    พญายมหยุดชั่วขณะ แล้วเอ่ยต่อไปว่า “จากนั้นอีกปีหนึ่ง ผมของเจ้าที่เคยดกดำเป็นเงางามก็เปลี่ยนสีและเริ่มร่วง จนกลายเป็นผมขาวและบางหรอมแหรมอย่างนี้ นี่เป็นจดหมายเตือนฉบับที่สาม แล้วเจ้ายังจะกล้าปฏิเสธว่าไม่ได้รับคำเตือนอีกหรือ”

    ว่าแล้วท่านพญายมก็หันไปสั่งการ “เอาตัวชายผู้นี้ลงไปรับโทษ”

    ชายสูงอายุไม่มีข้อต่อรองใดๆ อีกเลย เขาได้แต่สะอื้นไห้ เดินตุปัดตุเป๋ตามแรงลากจูงไปสู่แดนทรมาน
     
  2. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    ท่านพญายมได้ว่าความและตัดสินลงโทษชายสูงอายุคนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจึงถึงคิวของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มารับคำพิพากษาโทษ ซึ่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของพระองค์

    ท่านพญายมเปิดดูบัญชีแล้วส่ายหน้า บอกว่า

    “เจ้ายังหนุ่มยังแน่น น่าจะทำสัมมาอาชีพให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองต่อไป เหตุใดจึงต้องตกลงมาที่นี่”

    “ใช่แล้วขอรับ กระผมก็รู้สึกว่าไม่เป็นการยุติธรรมเลย”

    ชายหนุ่มได้ช่องก็เริ่มตีโพยตีพายต่อจากชายสูงอายุบ้าง

    “ท่านผู้เป็นใหญ่ เห็นไหมขอรับ นัยน์ตาของกระผมก็ยังไม่ได้ฝ้าฟาง ผมก็ยังไม่ขาว ฟันก็ยังไม่หลุดร่วง

    แล้วกระผมก็ไม่ได้ก่อกรรมทำเข็ญอะไรนักหนา

    อีกอย่างหนึ่งก็คือ กระผมไม่ได้รับจดหมายเตือนจากท่านเลย เป็นความสัตย์จริง”

    “โธ่ ไอ้หนูหน้าโง่” ท่านพญายมลากเสียงอย่างเหนื่อยหน่าย

    “จดหมายเตือนน่ะไม่ได้เหมือนกันทุกรายไปหรอก”

    “ถ้าเช่นนั้น จดหมายเตือนของท่านที่ให้แก่กระผม เป็นอย่างไรล่ะขอรับ” ชายหนุ่มถาม

    “เจ้าจำชายหนุ่มเพื่อนบ้าน ที่เกิดปีเดียวกับเจ้าได้ไหม”
    พญายมทบทวนให้อย่างใจเย็น

    “อ๋อ ลูกชายแม่หม้ายจางน่ะหรือขอรับ เขาเป็นเพื่อนเล่นกับผมมาตั้งแต่เด็ก” ชายหนุ่มตอบ

    “แล้วบัดนี้ เพื่อนของเจ้าไปไหนเสีย” ท่านพญายมถาม

    “เขาตายด้วยโรคปอด ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้วขอรับ” ชายหนุ่มตอบ

    “ใช่ นั่นแหละ คือจดหมายเตือนครั้งที่หนึ่ง ที่เราส่งให้แก่เจ้า”

    “เอ๊ะ ไม่เหมือนกันนะขอรับ ไอ้เพื่อนของกระผมคนนั้น มันเป็นวัณโรคผอมกะหร่อง ส่วนกระผมยังล่ำสันแข็งแรง” ชายหนุ่มขึ้นเสียงค้าน

    “เราเรียกเจ้าว่า ไอ้หน้าโง่น่ะ ไม่ผิดเลย” ท่านพญายมยังคงอารมณ์ดีกล่าวต่อไป “ไม่มีใครรับรองได้ว่าตัวเองจะไม่เจ็บป่วย เราตอบเจ้าแล้วเรื่องของความไม่เที่ยงของสังขาร แม้เจ้าจะไม่เป็นวัณโรค เจ้าก็อาจต้องทิ้งสังขารด้วยเหตุอื่น หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้จดหมายเตือนเจ้าไปอีก...”

    “ครั้งที่สอง กระผมไม่ได้รับ...” ชายหนุ่มบอกปัด

    “เลวมาก” ท่านพญายมตวาดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชักจะเหลวไหลแล้ว “เจ้าจำลูกพี่ลูกน้องที่อยู่กับเจ้ามาสามปีไม่ได้หรือ เขาตายไปปุบปับโดยหาสาเหตุอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่ยังหนุ่มยังแน่นใช่ไหม นั่นแหละจดหมายเตือนครั้งที่สอง ให้เจ้ารู้ว่าจะต้องเร่งสร้างกุศลคุณงามความดี คนเราถึงความตายได้ ไม่ว่าเด็กหนุ่มสาว หรือคนเฒ่าคนชรา เตือนครั้งที่สองก็แล้ว เจ้าก็ยังใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ เราจึงส่งจดหมายเตือนเจ้าไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเส้นตายครั้งสุดท้าย”

    “เป็นเส้นตายครั้งสุดท้าย” ชายหนุ่มทบทวน

    “ท่านได้โปรดอย่าล้อกระผมเล่นเลย กระผมไม่ได้รับจริงๆ”

    “เจ้าหน้าโง่” ท่านพญายมชักปวดศีรษะกับมนุษย์ที่มีแต่ความหลงไว้เต็มตัวอย่างนี้ “เมื่อเดือนที่แล้วเกิดเหตุร้ายแรงอะไรขึ้นที่ตำบลบ้านของเจ้า จำไม่ได้แล้วหรือ เด็กสี่ห้าคนที่ไปเก็บระเบิดมือมาเล่น แล้วระเบิดตูม ตายทันทีสองคน บาดเจ็บสาหัสสามคนใช่ไหม นั่นแหละเป็นจดหมายเตือน ให้ทุกคนรู้ว่าความตายไม่เลือกวัย ถ้าใครยังมัวหลงอยู่ ไม่สร้างบุญสร้างกุศล ตายแล้วก็ต้องลงมาหาเราที่นี่ทุกรายไป”

    “โอ้ ท่านผู้เป็นใหญ่ กระผมเพิ่งเข้าใจความหมายของท่านเดี๋ยวนี้เอง ชาติหน้ากระผมจะทำอย่างที่ท่านบอก...” ชายหนุ่มน้ำตาไหลพรากด้วยความสำนึกอย่างจริงใจ

    “เมื่อเจ้าเกิดความสำนึกอย่างจริงจังเช่นนี้ เราจะให้เจ้าไปเกิดใหม่เป็นกรณีพิเศษ ดูรึว่าเจ้าจะสร้างบุญสร้างกุศลใหม่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมในชาตินี้ได้สักแค่ไหน”

    เมื่อท่านพญายมมีบัญชาให้ชายหนุ่มไปเกิดใหม่แล้ว ก็ได้เสด็จลงจากบัลลังก์ไป

    (จากหนังสือใครกำหนดชุดที่ 1 โดยศุภนิมิตร)

    (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 138 มิถุนายน 2555 โดย กองบรรณาธิการ)
     
  3. makemok123

    makemok123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +133
    ผมสัญญาจะเร่งประกบอกรรมดี ไม่ทำบาปใดทั้งสิ้นตั้งใจเรียนหนังสือ ดูแลพ่อแม่ ให้ดีที่สุดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...