กำหนดการฉลอง "พระพุทธพลังจิตทองคำ" วันที่ 24 พ.ค.56 (วันวิสาขบูชา) ณ วัดท่าขนุน

แจ้งให้ทราบ ณ 16 พ.ค.56 เวลา 00.07 น.

​

ยอดรวม ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านสามแสนบาทถ้วน)

สำหรับท่านที่ร่วมบุญไม่ทันสามารถร่วมบุญได้ในวันวิสาขบูชา (ฉลองพระพุทธพลังจิต) ณ วัดท่าขนุนครับ

โมทนา​

หมายเหตุ : ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ร่วมผาติกรรมเศษทองที่เหลือจากการสร้างพระพุทธพลังจิต จำนวน ๑๔๓,๖๓๐ บาท
สำหรับทองที่ผาติกรรมได้ จะแบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกจะถวายพระอาจารย์เล็กเพื่อร่วมสร้างพระทองคำ อีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ต่อไป

************************************************

แจ้งให้ทราบ ณ ๑๔ พ.ค. ๕๖ เวลา ๑๕.๓๐ น.

ผมปิดบัญชีสร้าง "พระพุทธพลังจิตทองคำ" ทั้ง ๔ บัญชีแล้ว
และย้ายเงินไปไว้บัญชีส่วนตัวครับ

ยอดเงินสดคงเหลือ (ยังไม่จ่ายค่าช่าง) จำนวน ๓๒๒,๗๕๐ บาท
ยอดเงินซื้อทอง ๘๓๓,๖๒๐ บาท (ซื้อทองมากกว่า ๒๖ บาท)

รวมยอดเงินทำบุญ ๑,๑๕๖,๓๗๐ บาท (ยอดไม่เป็นทางการ)

กราบโมทนาและขอบพระคุณในกำลังใจของทุก ๆ ท่านครับ

หมายเหตุ : เว็บพลังจิตจะพยายามปิดยอดให้ครบ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท
(โดยชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต จะร่วมบุญปิดยอดเพื่อผาติกรรมทองคำที่เหลือ
เพื่อนำไปถวายครูบาอาจารย์ และเพื่อปิดยอดให้ครบ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท)
วันที่ ๑๖ พ.ค. ๕๖ จะประกาศข่าวดีให้ทราบครับ




แจ้งให้ทราบ ณ ๑๒ เม.ย.๕๖

พระอาจารย์เล็กเมตตาอนุญาตให้ใช้สถานที่วัดท่าขนุนฉลองพระพุทธพลังจิตทองคำ
และเมตตาเป็นประธานฉลองพระพุทธพลังจิตทองคำครับ



โมทนา​

***********************************************************************

ประกาศแจ้งกำหนดการฉลอง "พระพุทธพลังจิตทองคำ"
วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556
ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
(ได้รับความเมตตาจากพระครูวิลาญกาญจนธรรม หรือ หลวงพี่เล็กครับ)​

นับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 56 เป็นต้นไป เงินทำบุญทั้งหมดถือว่าร่วมสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ ๑ องค์
พระพุทธพลังจิตทองเหลือง ๙ องค์ (จะถอดแบบจากองค์ทองคำ เพื่อสร้างฉลอง ๑๐๐ ปีสมเด็จพระสังฆราช)
รวมทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ อาทิ เงินทำบุญฉลองพระ ธรรมทาน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน

ชยาคมน์ ธรรมปรีชา (Komodo)
ประกาศ ณ 9 มกราคม 2556​

************************************************************************

ขออนุญาตแจ้งรายละเอียดที่สำคัญ ไว้ในโพสต์แรกนะครับ​

เรื่องแรก คือ ซื้อทองคำ ๙๙.๙๙% ครบ ๒๖ บาทแล้ว (ซึ่งมากกว่า ๒๖ บาท เพื่อการันตีน้ำหนักเมื่อสร้างเสร็จไม่น้อยกว่า ๒๖ บาท)​

เรื่องที่สอง คือ ได้กราบขอความเมตตาจากพระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ในการแนะนำเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำแล้ว ๒ เรื่อง คือ ​

(๑) กราบขออนุญาตนำทองคำที่ใช้สร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ เข้าพิธีเสาร์ ๕ ที่วัดท่าขนุน ในวันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ นี้ (ซึ่งพระอาจารย์เล็กเมตตาอนุญาตแล้ว)​

(๒) กราบขอคำปรึกษาเรื่องการฉลองพระพุทธพลังจิต (ซึ่งพระอาจารย์เล็กเมตตาให้คำแนะนำแล้ว) โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อช่างสร้างพระพุทธพลังจิตได้ ๘๐ % นะครับ​

เรื่องที่สาม การสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำและมณฑป ได้รับความเมตตาจาก อ.นิพนธ์ ยอดคำปัน ช่างทองหลวง ประจำสำนักพระราชวังและอาจารย์ประจำสาขาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง เป็นผู้ควบคุมการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำและมณฑปในครั้งนี้​

เรื่องที่สี่ สถานที่ถวาย กำหนดแล้วแต่ยังไม่สามารถประกาศได้ ณ ขณะนี้ แต่จะประกาศเมื่อพระพุทธพลังจิตทองคำสร้างเสร็จแล้วนะครับ​

เรื่องที่ห้า การรับปัจจัย แม้จะซื้อทองคำครบแล้ว แต่จากการประเมินค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น อาทิ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายในการฉลองพระพุทธพลังจิตทองคำนั้น ยังขาดประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาทครับ อย่างไรก็ดี หากสุดท้ายแล้ว มีค่าใช้จ่ายเหลือ ผมขออนุญาตนำปัจจัยทั้งหมดที่เหลือไปทำบุญชำระหนี้สงฆ์นะครับ​

โมทนาครับ​

ชยาคมน์ ธรรมปรีชา (Komodo)​

แจ้ง ณ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕​

หมายเหตุ : รายละเอียดในกระทู้นี้ยังไม่ครบ ผมจะทยอยอับเดทข้อมุลให้เรื่อย ๆ นะครับ​

************************************

โครงการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี ได้เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญผ่านบัญชีออมทรัพย์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ชื่อบัญชีนายชยาคมน์ ธรรมปรีชาจำนวน ๔ ธนาคาร เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการโอนเงิน ประกอบด้วย


๑. ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี ๙๕๕-๐-๐๗๔๑๒-๙ (955-0-07412-9)
๒. ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี ๔๐๒-๘-๘๑๕๖๕-๓ (402-8-81565-3)
๓. ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี ๙๔๒-๐-๐๓๖๖๗-๖ (942-0-03667-6)
๔. ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี ๖๔๑-๒-๐๕๖๔๙-๑ (641-2-05649-1)

โดยผู้ร่วมบุญทุกท่านสามารถแจ้งชื่อ-นามสกุลได้ที่ motanaboon@hotmail.com
เพื่อรวบรวมทำเนียบผู้สร้างพระพุทธรูปทองคำ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำทำเนียบผู้สร้าง)

หมายเหตุ : ทั้งนี้ใครจะโอนเท่าไหร่ก็ได้นะครับ ๑ สตางค์ก็ขอให้แจ้งชื่อในกระทู้นี้หรืออีเมล์ motanaboon@hotmail.com ไม่รับทาง PM นะครับเพราะ PM ผมเยอะมาก ผมจะจัดทำทำเนียบผู้สร้างครับ

หมายเหตุ : เพื่อความโปร่งใส บัญชี ๔ บัญชีเปิดเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะและจะปิดเมื่อโครงการสิ้นสุดสำหรับรายละเอียดของบัญชีทั้งหมดจะเผยแพร่ทางเว็บพลังจิต

 

​

โครงการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี​

ความเป็นมาของโครงการ​

เนื่องด้วยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีฉลองพุทธชยันตีแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครบ ๒,๖๐๐ ปี (ในวันวิสาขบูชาที่ ๔ มิถุนายน๒๕๕๕)และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษาในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔​

ชมรมญาณวิโมกข์ จ.ลำพูน และชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิตดอทคอม เห็นว่าเป็นช่วงเวลา“มหามงคล” ที่กัลยาณมิตรเว็บพลังจิตดอทคอม (www.palungjit.org) จะได้มีโอกาสร่วมกันสร้าง “พระพุทธรูปทองคำ” เพื่อบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ รวมทั้งผู้มีพระคุณทุกพระองค์บนพระนิพพาน และเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณทุก ๆพระองค์ในทุกภพภูมิ นอกจากนั้นยังเป็นการร่วมใจกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จึงได้ขออนุญาตจาก “เว็บพลังจิตดอทคอม” โดยคุณวีระชัย แก่นภักดี หรือ WebSnow (เจ้าของเว็บพลังจิต) ได้อนุญาตให้ดำเนินการโครงการนี้อย่างเป็นทางการในนามของเว็บพลังจิตดอทคอม พร้อมมอบหมายให้ “ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต” เป็นผู้ดูแลและประสานงานเกี่ยวกับโครงการนี้ในทุกขั้นตอน

ที่ผ่านมาได้มีการรวบรวมปัจจัยสร้างผู้มีจิตศรัทธาผ่านศูนย์ประชาสัมพันธ์ เว็บพลังจิตดอทคอม

ร่วมสร้าง “พระพุทธพลังจิต (ทองคำ)” ปางห้ามสมุทร ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี คลิก

ที่มาของชื่อโครงการ​

ชื่อว่า “โครงการพระพุทธพลังจิตทองคำ” ซึ่งหมายถึง พระพุทธรูปทองคำที่สร้างโดยสมาชิกเว็บพลังจิตและกัลยาณมิตร

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1640056/[/MUSIC]

 

รายละเอียดเกี่ยวกับพระพุทธรูปทองคำ​

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสร้างพระพุทธรูปทองคำในครั้งนี้ มีรายละเอียด ดังนี้

๑. บูชาพระคุณผู้มีพระคุณ โดยการสร้าง “พระพุทธรูปทองคำ” เพื่อบูชาพระคุณพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์บนพระนิพพาน รวมทั้งผู้มีพระคุณทุกพระองค์บนพระนิพพาน และเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณทุก ๆพระองค์ในทุกภพภูมิ โดยใช้ทองคำ หนัก ๒๖ บาท ซึ่งมีความหมายแทน ๒๖ ศตวรรษแห่งการตรัสรู้ (๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี)<O</O

​

ตราฉลอง ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี ประดับที่ฐานพระพุทธรูปทองคำ<O</O​

๒. พระพุทธรูปทองคำ สร้างขึ้นโดยปางห้ามสมุทร โดยความเชื่อและคตินิยมเป็นพระพุทธรูปแทนคนที่เกิดวันจันทร์ ซึ่งตรงกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช นอกจากนั้นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรยังเป็นปางที่พระมหากษัตริย์ของไทยนิยมสร้างเพื่ออุทิศให้กับบูรพกษัตริย์ไทยในอดีต อาทิ “พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” และ “พระพุทธเลิศหล้านภาลัย” พระพุทธรูป ๒ องค์สำคัญที่ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดพระแก้ว เป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างอุทิศให้กับรัชกาลที่ ๑ และ ๒ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร สูง ๓ เมตร ทรงเครื่องต้นพระจักรพรรดิราช เป็นต้น

​

ภาพ (ร่าง) พระพุทธพลังจิตทองคำ

ผลงานของอาจารย์ff<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>นิพนธ์ ยอดคำปัน ช่างทองหลวง ประจำสำนักพระราชวัง (ผู้ดูแลการสร้าง)<O</O​

(ทำเป็นภาพสีโดยพระอาจารย์อภิวิชย์)​

<Oพระพุทธรูปทองคำที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้รับความเมตตาจาก อ.นิพนธ์ ยอดคำปันช่างทองหลวง ประจำสำนักพระราชวังในการออกแบบและควบคุมการสร้างด้วยวิธีสลักดุนทองคำแบบโบราณ เดิมทีได้กำหนดขนาดจากฐานพระถึงเศียรพระ สูง ๘.๔ นิ้ว (รวมฐานประทับ) แต่ปัจจุบันได้มีการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมให้สอดคล้องกับมณฑปสำหรับประทับพระพุทธพลังจิตทองคำ (อ.นิพนธ์ เป็นผู้ดูแลกทั้ง ๒ ส่วน) หากแต่น้ำหนักขององค์พระจะหนักไม่น้อยกว่า ๒๖ บาท ตามเจตนาเดิมที่ตั้งไว้

๓. มณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ในส่วนของการสร้างมณฑปประทับนั้น อ.นิพนธ์จะเป็นผู้วาดลวดลายบนมณฑปและมีช่างไม้ฝีมือเยี่ยมที่ อ.นิพนธ์ แนะนำให้เป็นผู้แกะสลักครับ (ในส่วนนี้ครอบครัวของ อ.นิพนธ์ ขอเป็นเจ้าภาพครับ)

ตัวอย่างมณฑปที่จะสร้าง (จะมีรูปทรงที่คล้ายกับตรงกลางของภาพ)
ภาพนี้ผมถ่ายมาจากวัดพระธาตุดอยตุง ซึ่งตรงกับมณฑปที่ อ.นิพนธ์ จะเป็นเจ้าภาพพอดี
(วันที่คุยกับ อ.นิพนธ์ ผมบอก อ.นิพนธ์ว่า ตรงกับรูปทรงที่ผมตั้งใจพอดี
และโชคดีที่ผมเอาเอกสารโครงการติดตัวไปด้วยจริงเปิดให้อาจารย์ดู)​

 

๔. พระนามของพระพุทธรูปทองคำ “ยังไม่ได้กำหนด” (อยู่ระหว่างเตรียมขอประทานนามจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)


๕. ชนวนทองคำในการจัดสร้าง ได้รับความอนุเคราะห์จากคณะวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) และคณะผู้สร้างตะกรุดยันต์เกราะเพชร รุ่นพิเศษ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) โดยคุณจารุ สำเภา แบ่งชนวนทองคำเพื่อใช้ในการจัดสร้างพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งประกอบด้วย

​

<O

 

๖. การบวงสรวงกราบเรียนครูบาอาจารย์เกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปทองคำ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ พระอาจารย์อภิวิชย์และคณะผู้สร้างได้ถวายพานบายศรี พร้อมชุดโต๊ะหมู่บูชาแด่สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง เพื่อกราบเรียนให้พระองค์ทราบถึงโครงการสร้างพระพุทธรูปทองคำ รวมทั้งได้กราบเรียนท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงแล้ว

กราบเรียนสมเด็จองค์ปฐมที่วัดท่าซุง


ถวายพานบายศรีและโต๊ะหมู่บูชา


กราบเรียนท่านปู่ท้าวมหาราชทั้งสี่


กราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน​

 

งบประมาณดำเนินการ


งบประมาณดำเนินการ ประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แบ่งค่าใช้จ่ายเป็น ๓ ส่วน คือ

๑. ค่าทองคำ ๙๙.๙๙ % สำหรับสร้างพระพุทธรูปทองคำ หนักไม่น้อยกว่า ๒๖ บาท เป็นเงินประมาณ ๗๕๐,๐๐๐ บาท (ปัจจุบันได้ซื้อทองคำเกิน ๒๖ บาทเรียบร้อยแล้ว)
<O</O
๒. ค่ามณฑปที่ประทับของพระทองคำ ประมาณ ๘๐,๐๐๐ บาท (อ.นิพนธ์ รับเป็นเจ้าภาพตัวมณฑป)
<O</O
๓. ค่าแรงช่างทอง และค่าใช้จ่ายในงานฉลองพระพุทธรูปทองคำ ประมาณ ๑๗๐,๐๐๐ บาท<O

 

๗. พิธีการอื่น ๆ เกี่ยวกับการจัดสร้าง และการฉลองพระพุทธรูปทองคำ (คณะผู้สร้างจะกราบขอความเมตตาจากพระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ซึ่งเปรียบเสมือนครูและผู้มีพระคุณต่อเว็บพลังจิตดอทคอมเกี่ยวกับการจัดสร้างพระพุทธรูปทองคำในครั้งนี้)


๘. สถานที่ถวาย (ทราบแล้ว แต่ยังไม่สามารถประกาศได้ในคณะนี้ ต้องรอพระทองคำสร้างเสร็จก่อน)

 

ระยะเวลาดำเนินการ​

แบ่งออกเป็น ๔ ระยะ คือ

๑. ระยะแรก รวบรวมปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อซื้อทองคำ ๙๙.๙๙% โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ (วันเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา) จนถึงปัจจุบัน (คาดว่าจะปิดรับปัจจัยประมาณวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)

๒. ระยะที่สอง ติดต่อช่างและทำการออกแบบพระพุทธพลังจิตทองคำ พร้อมทำการซื้อทองคำ และนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก หรือ ขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ในการอธิษฐานจิต

๓. ระยะที่สาม เริ่มทำการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ และมณฑปประดิษฐานองค์พระ พร้อมทำเอกสารขอประทานพระนามองค์พระ รวมทั้งเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการถวายองค์พระ (รวมการจัดทำทำเนียบผู้สร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ)

๔. ระยะที่สุดท้าย ฉลององค์พระพุทธพลังจิตทองคำ และทำการถวายองค์พระพุทธพลังจิตทองคำ


จะดำเนินการทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ (วันวิสาขบูชา)

 

ประธานฝ่ายสงฆ์และประธานฝ่ายฆราวาส



กราบขออาราธนาบารมีหลวงพ่อพระราชพรหมยานเมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ให้แก่ลูกหลาน



กราบขออาราธนาบารมีท่านปู่และท่านย่าเมตตาเป็นประธานฝ่ายฆราวาสให้แก่ลูกหลาน

​

ผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบุญสร้างพระพุทธรูปทองคำในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีจิตศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง) ดังนั้นจึงกราบอาราธนาบารมีหลวงพ่อฤๅษี โปรดเมตตามาเป็นที่พึ่งของลูกหลานในการเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการสร้างพระพุทธรูปทองคำในครั้งนี้ด้วยขอรับ และกราบขออาราธนาบารมีของท่านปู่และท่านย่าเมตตามาเป็นที่พึ่งของลูกหลานในการเป็นประธานฝ่ายฆราวาสด้วยขอรับ<O</O

 

ช่างทองผู้ควบคุมงานสร้างพระพุทธรูปทองคำ​

อ.นิพนธ์ ยอดคำปัน​

<O</O

ประวัติการศึกษา : นักศึกษารุ่นแรกของกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง
<O
ตำแหน่งงานปัจจุบัน : ช่างทองหลวง ประจำสำนักพระราชวังและอาจารย์ประจำ
สาขาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง
<O</O
ภารกิจหลัก : การซ่อมแซมเครื่องทอง ซึ่งมีทั้งเครื่องประดับ และข้าวของเครื่องใช้ <O</O
โดยเฉพาะสำหรับพระราชพิธีต่าง ๆประสบการณ์ทำงานมากกว่า ๑๕ ปี
<O</O
ความชำนาญพิเศษ : สลักดุนทองคำแบบโบราณ
<O</O
ความใฝ่ฝัน : ต้องการสืบทอดงานฝีมือช่างทองโบราณให้เป็นสมบัติของคนไทย
และต้องการจัดทำพิพิธภัณฑ์รวบรวมผลงานฝีมือช่างทองคนไทย<O</O​

"เราไม่มีช่างทองโบราณเหลืออยู่แล้ว
ครูเครื่องทองที่มีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องการทำทองในยุค ๓๐-๔๐ ปีนี้
แต่เราไม่มีผู้รู้เรื่องเทคนิควิธีของเครื่องทองสมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์
หรือแม้แต่ในช่วงรัชกาลที่ ๖ และ ๗
โดยเฉพาะเครื่องทองของเจ้านายที่มีความสวยงามและแตกต่างจากงานทองทั่วไป"
<O</O
"บางคนไม่กล้าแตะชิ้นงาน แต่ผมถือว่ากลัวครูไม่รู้วิชา
ต้องจับต้องทำถึงจะรู้จริง นอกจากนั้นก็เป็นการนำวิธีของครูช่างทองปัจจุบัน
ซึ่งเขาไม่เคยเห็นงานโบราณในวังมาดูว่าใช้วิธีการเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร"​

อ.นิพนธ์ เผยบางส่วนของกระบวนการเรียนรู้ในช่วง 7 ปีของชีวิตนักศึกษาช่างทองหลวงซึ่งทางสำนักพระราชวัง 'เปิดกรุ' วัดพระแก้ว
เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการสังเกต วิเคราะห์ และลงมือจริง (ส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ อ.นิพนธ์ ในนิตยสารพลอยแกมเพชร)<O</O​

 

ตัวอย่างผลงานของ อ.นิพนธ์ ยอดคำปัน ใช้เทคนิคการสลักดุนทองคำแบบโบราณ




​

 

ผู้ประสานงาน


เว็บพลังจิตดอทคอม ได้มอบหมายให้ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต โดย นายชยาคมน์ ธรรมปรีชา
ซึ่งเป็นทีมงานเว็บพลังจิตและผู้ดูแลชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต เป็นผู้ประสานงานในโครงการนี้
<O</O
เบอร์ติดต่อ 088-5078338 (๐๘๘-๕๐๗๘๓๓๘)
อีเมล์ : <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-commotanaboon@hotmail.com</st1ersonName>
Web Site : www.motanaboon.com (จะ Link ไปหน้า Facebook)
Facebook : https://www.facebook.com/motanaboon และ https://www.facebook.com/motanaboonnCom
<O</O

หนังสือรับรองจากเว็บพลังจิต

<O</O​

 

ยอดเงินทำบุญ ณ 10 เม.ย.56

ยอดเงินรับ : เงินทำบุญรวม เป็นเงิน 1,076,754.12 บาท
ยอดเงินจ่าย : ซื้อทองคำครบแล้ว เป็นเงิน 833,680 บาท
ยอดเงินคงเหลือ : เงินสดในบัญชี 243,086.12 บาท (ยังไม่จ่ายค่าช่างและค่าใช้จ่ายในการฉลองพระ)

๑. ซื้อทองคำ ๙๙.๙๙ % น้ำหนักมากกว่า ๒๖ บาท เป็นเงิน
๒. ค่ามณฑป (อ.นิพนธ์ และครอบครัวขอเป็นเจ้าภาพ)
๓. ค่าแรงช่าง และค่างานฉลองพระพุทธพลังจิตทองคำ (ยังไม่มี)​

 

สรุปรายละเอียดการทำบุญในปัจจุบัน​

โครงการสร้างพระพุทธพลังจิตทองคำ ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี ได้เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญผ่านบัญชีออมทรัพย์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ชื่อบัญชีนายชยาคมน์ ธรรมปรีชาจำนวน ๔ ธนาคาร เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการโอนเงิน ประกอบด้วย


๑. ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี ๙๕๕-๐-๐๗๔๑๒-๙ (955-0-07412-9)
๒. ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี ๔๐๒-๘-๘๑๕๖๕-๓ (402-8-81565-3)
๓. ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี ๙๔๒-๐-๐๓๖๖๗-๖ (942-0-03667-6)
๔. ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี ๖๔๑-๒-๐๕๖๔๙-๑ (641-2-05649-1) </O

โดยผู้ร่วมบุญทุกท่านสามารถแจ้งชื่อ-นามสกุลได้ที่ motanaboon@hotmail.com
เพื่อรวบรวมทำเนียบผู้สร้างพระพุทธรูปทองคำ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำทำเนียบผู้สร้าง)

หมายเหตุ : ทั้งนี้ใครจะโอนเท่าไหร่ก็ได้นะครับ ๑ สตางค์ก็ขอให้แจ้งชื่อในกระทู้นี้หรืออีเมล์ motanaboon@hotmail.com ไม่รับทาง PM นะครับเพราะ PM ผมเยอะมาก ผมจะจัดทำทำเนียบผู้สร้างครับ

<O</O
<O
หมายเหตุ : เพื่อความโปร่งใส บัญชี ๔ บัญชีเปิดเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะและจะปิดเมื่อโครงการสิ้นสุดสำหรับรายละเอียดของบัญชีทั้งหมดจะเผยแพร่ทางเว็บพลังจิต

 

รายละเอียดการใช้จ่ายเงิน

 

ทำเนียบผู้สร่างพระพุทธพลังจิตทองคำ

 

คำถามที่ถามบ่อย

1.

2.

 

ข่าวความคืบหน้าต่าง ๆ

 

อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป​

มีอานิสงส์ยิ่งกว่าทานใดๆ แม้แต่การสร้างวิหารทานก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่า เพราะการสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งแม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าก็ดี มีอานิสงส์มากถึงนิพพาน หากแม้นปรารถนาสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ สวรรค์สมบัติ หรือนิพพานสมบัติก็ย่อมได้ ยิ่งเป็นการสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมด้วยแล้ว ยิ่งมีอานิสงส์มากกว่าหลายเท่า เพราะนอกจากเทพ พรหม เทวดาทั้งหลายจะร่วมอนุโมทนาแล้ว พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ก็ร่วมอนุโมทนาด้วย​

หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้กล่าวถึงอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปไว้ว่า เหมือนเป็นการสร้างธนาคารบุญ บุคคลทั้งหลายที่ได้สร้างรูปพระพุทธเจ้าจะได้เสวยสมบัติสิ้นกาลนานนัก จะได้อานิสงส์ 5 กัปป์ คือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้พบพระพุทธเจ้าตลอด 5 กัปป์ หรือจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าก็จะได้ และเมื่อใดที่มีคนมาไหว้พระพุทธรูปที่เราสร้างนั้นเราก็จะได้อานิสงส์นั้นทุกครั้งไป ดังจะได้ขอยกเรื่องอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปจากหนังสือ”ธรรมปกิณกะ” ของครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน มาดังนี้​

ที่มา : คลิก

อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ ​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป[/FONT]

...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย​

ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป ​

พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า... ​

"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด" ​

อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ​

เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ​

แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก ​

ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ​

ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป ​

เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร ​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]--------------------------------------------------[/FONT]​

... ฯลฯ ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย ​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ [/FONT]​

----------------------------------- ​

วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย[/FONT]

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน[/FONT]

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี [/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif](คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)[/FONT]








<TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป[/FONT]​

...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...

"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ

เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป

ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป

เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]--------------------------------------------------[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]... ฯลฯ[/FONT] ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ [/FONT]​

----------------------------------- ​

วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี [/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif](คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำ[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๑. เมื่อเกิดไปในภพใดชาติใด สมบัติใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมีในยุคนั้นเราจะเป็นผู้ครอบครองสมบัตินั้น เพราะได้ทำบุญด้วยทองคำซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นธาตุที่เลิศที่สุด[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๒. สามารถเข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐี ที่ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์สมบัติอันมากมาย เพราะได้บริจาคทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา และเนื้อนาบุญอันเลิศ[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๓. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติอันงดงาม ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย เพราะทำบุญด้วยทองคำ ซึ่งเป็นธาตุที่งามอยู่ในตัวเองตั้งแต่เริ่ม และมีความงามเป็นอมตะ ไม่หมองคล้ำ ผุกร่อน แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นพัน ๆ ปี[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๔. เกิดในตระกูลสูง เข้าถึงฐานะอันสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือเกรงใจของเหล่ามนุษย์และเทวา เพราะขึ้นชื่อว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๕. เป็นผู้มีบุตร บริวาร ให้ความเคารพกตัญญู อยู่ในโอวาท เพราะได้ทำทานด้วยความเคารพ ความกตัญญูที่มีต่อ มหาปูชนียาจารย์[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๖. เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เพราะได้ทำทานที่ประกอบไปด้วยปัญญา บูชาผู้ที่ปัญญาถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ[/FONT]​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๗. ขึ้นชื่อว่าสายบุญเชื่อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตขีณาสพทุกๆพระองค์ และธรรมใดที่ท่านบรรลุ ก็จะสามารถบรรลุตามได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้โดยง่าย*[/FONT] ​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๘. เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เกิดในปฎิรูปเทส ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง เพราะได้สร้างเหตุแห่งความเจริญไว้ในพระพุทธศาสนา[/FONT] ​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]๙. หลังจากละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอันเป็นเลิศ ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรญเสริญ สุข ในทิพยวิมาน ฯลฯ[/FONT]​

*หมายเหตุ : ปรับปรุงเพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิม​

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]ที่มาจากหนังสือ: คำน้อย ยอดคนกตัญญู หัวใจทองคำ[/FONT]​

​

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></B>​

อ้างอิงจาก : ศ.ธรรมทัสสี: อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ<!-- google_ad_section_end --> ​

 

รายละเอียดเงินทำบุญสร้าง "พระพุทธพลังจิต (ทองคำ)"


ความก้าวหน้าการสร้าง "พระพุทธพลังจิต (ทองคำ)"


1. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 1 ราคา 75,000 บาท



วันนี้ (18 ม.ค.55)โอนเงินซื้อทองคำ 99.9 % (75,000 บาท) ให้ช่างแล้วครับ


ใบเสร็จรับเงินค่าซื้อทองจากร้าน "กรุช่าง" ซึ่งเป็นผู้สร้าง "พระพุทธพลังจิต(ทองคำ)" ในช่วงแรกทางร้านซื้อทองให้เฉย ๆ ครับ รอจนได้ทองครบแล้ว จึงเริ่มสร้างพระทองคำนะครับ ยอดซื้อทอง "77,550 บาท" (ปรับปรุงยอดใหม่ ซึ่งผมได้ชำระที่ร้านแล้วโดยใช้เงินส่วนตัว และวันที่ 20 ก.พ.55 ได้โอนเงินจากบัญชีทำบุญคืนแล้ว)

2. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 2 ราคา 100,000 บาท


วันนี้ (20 มี.ค.55)โอนเงินซื้อทองคำ 99.9 % (100,000 บาท) ให้ช่างแล้วครับ

3. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 3 ราคา 100,000 บาท


วันนี้ (16 พ.ค.55)โอนเงินซื้อทองคำ 99.9 % (100,000 บาท) ให้ช่างแล้วครับ

4. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 4 ราคา 50,000 บาท


วันนี้ (7 มิ.ย.55)โอนเงินซื้อทองคำ 99.9 % (50,000 บาท) ให้ช่างแล้วครับ

5. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 5 ราคา 150,000 บาท


วันนี้ (16 ก.ค.55) โอนเงินซื้อทองคำ 99.9 % (150,000 บาท) ให้ช่างแล้วครับ

6. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 6 ราคา 100,000 บาท



7. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 7 ราคา 75,000 บาท



8. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 8 ราคา 106,000 บาท


9. ซื้อทองคำ 99.9 % รอบที่ 9 ราคา 23,050 บาท



**************************************************************************

แม้ซื้อทองครบแล้ว แต่ท่านที่ร่วมบุญจนจบโครงการ ถือว่าได้ทุก ๆ บุญในโครงการนี้นะครับ