อุ้ย เป็นการทุกคนค่ะ อิๆ.....คุมแร้วแต่มานดิ้นจนได้ ไม่ว่ากันค่ะ โมทนาบุญด้วนะค่ะ อิๆๆ มีธรรมะมาฝากด้วยค่ะ เขาบอกว่า คนไม่ใช่ปราชญหรือเมธี ทำความผิด รู้จักปรับปรุงแก้ไข ตัวเอง ไม่กระทำอีก ย่อมได้รับการอภัยเสมอค่ะ อิๆๆ เอาธรรมะมาฝากไปด้วยเรย [IMG]
[IMG]กินน้ำ 8 แก้ว ทุกวันบำบัดโรคได้นะค่ะ การรักษาตามแผนของคนจีนนะค่ะ แต่มีข้อแม้นะค่ะ ห้ามล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะค่ะ กินบำบัดโรคได้จริงๆ ค่ะ
[IMG] ฝันดีนะค่ะมาส่งเพื่อนร๊ากทุกคนเข้านอนนะ วันนี้บอร์ดหง่อยเรย ไปปฏิบัตธรรมกานหมดบอร์ดเรย นอนดีก่าเนอะจุ๊บๆๆ [IMG]
............. - HELLO - ............. [IMG] [IMG] วันอาทิตย์นี้ไปทำบุญกับกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ [IMG] โอ้ว!! เหนื่อมากเลยครับพี่น้อง!! แต่อดทนเอาบุญมาฝากเพื่อนในเว็บทุกท่าน(คนดีจิงจิ๊ง) .........[IMG]............. [IMG]อาการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ราวดอฟได้สองตลบ อิอิ[IMG] ขอบคุณกระแสจิตทุกท่านที่ส่งมาให้ กับปาฏิหารณ์ครั้งนี้ จอร์จ!! มันยอดมาก อ่านปากของพอร์ชนะว่า...[IMG] จุ๊กกรู้ๆ [IMG]
[IMG] ปุกกุสะบุตรแห่งมัลลกษัตริย์แวะเข้าเฝ้า ถวายผ้าเนื้อเกลี้ยงสีทอง ในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ใต้ร่มพฤกษาริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งอยู่ในระหว่างทางที่จะไปยังเมืองกุสินารานั้น ได้มีชายผู้หนึ่งนามว่า "ปุกกุสะ" ผู้เป็นบุตรของมัลลกษัตริย์ เดินทางมาจากเมืองกุสินาราจะไปยังเมืองปาวา มาถึงตรงที่พระพุทธเจ้าประทับหยุดพัก จึงเข้าไปเฝ้า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องธรรมอันเป็นสันติ ปุกกุสสะฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงถวายผ้าสิงคิวรรณ สองผืนแด่พระพุทธเจ้า ผ้าสิงคิวรรณ คือ ผ้าเนื้อดี ละเอียด ประณีต มีสีเหมือน "สิงคิ" แปลว่า ทองคำ เขากราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ผ้าสิงคิวรรณคู่นี้ผืนหนึ่งสำหรับห่ม อีกผืนหนึ่งสำหรับนุ่ง เป็นผ้าพิเศษเนื้อเกลี้ยง ตัวเขาเคยนุ่งห่มเป็นครั้งคราว เขาได้เก็บรักษาไว้ แต่บัดนี้ จะขอถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงรับผืนหนึ่ง อีกผืนหนึ่งทรงบอกให้ปุกกุสสะนำไปถวายพระอานนท์ ชายผู้นี้ได้ทำตามพุทธประสงค์ กราบถวายอภิวาทพระบาทพระพุทธเจ้า แล้วออกเดินทางต่อไป หลังจากนั้น พระอานนท์ได้นำผ้าผืนที่ชายผู้นั้นถวายท่าน เข้าไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงนุ่งผืนหนึ่ง และห่มอีกผืนหนึ่ง พอพระพุทธเจ้าทรงนุ่งและห่มผ้าสิงคิวรรณแล้ว ปรากฎว่า พระวรกายของพระพุทธเจ้าฉายพระรัศมีเปล่งปลั่ง และผุดผ่องผิดปกติยิ่งกว่าครั้งใด ๆ ที่พระอานนท์เคยเห็นมา พระอานนท์จึงกราบทูลกับพระพุทธเจ้าว่า เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระอานนท์ว่า พระกายของพระองค์มีพระรัศมีเปล่งปลั่งผิดปกติ มีอยู่สองครั้งเท่านั้น ครั้งหนึ่งเมื่อตรัสรู้ใหม่ ๆ อีกครั้งหนึ่ง คือ เมื่อก่อนวันจะนิพพาน คือ วันนี้ แล้วตรัสว่า "ดูก่อนอานนท์ สิ้นสุดคืนวันนี้ เราจักนิพพานแล้ว มาเดินทางต่อไปยังเมืองกุสินารากันเถิด" พระอานนท์รับพุทธาณัติ คือ คำสั่งจากพระพุทธเจ้า แล้วเรียนให้พระสงฆ์ทั้งปวงที่ตามเสด็จให้ทราบ เพื่อออกเดินทางต่อไป
เชยจังเล้ย อยู่อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อจรัญ(พระธรรมสิงหบูรพาจารย์)ค่ะ ดูรายละเอียดลิ้งค์ด้านล่างนี้เพิ่มเติมค่ะ http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-course.html
สวัสดีครับญาติธรรมผู้มีบุญทุกท่าน พึ่งกลับมาจาก ตักบาตร ที่นราธิวาส เอาบุญมาฝากนะครับ เอ้า....สาธุเอา อานิสงส์ ของการโมทนาสาธุ คือ จะได้บุญกับผู้กระทำ 30% การตักบาตรอานิสงส์ จะเกิดมา ร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาดี ฉลาด หลอ่เหลา มีปัญญามาก ไม่เจ็บป่วย เป็นที่รักและศรัทธาแก่ผู้พบเห็น ยกตัวอย่าง เหมือนข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันนี้ อิๆๆๆ แค่เอาความจริงมาพูดเล่น [IMG]
มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ *** นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้) อานิสงส์ เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ (พระธรรมสิงหบูรพาจารย์ หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิต.ธัมโม วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี) ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ มีพลัง มีประโยชน์ ในปัจจุบันคือทำให้ใจสบาย คลายทุกข์ หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใส ความจำดีทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือ ได้บุญ วิธีนั่ง ให้นั่งขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรงหลับตา เอาสติมาจับอยู่ที่สะดือ ที่ท้องพอง ยุบ เวลาหายใจเข้าท้องพอง กำหนดว่า พอง หนอ ใจนึกกับท้องที่พอง ต้องให้ทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่า ยุบ หนอ ใจนึกกับท้องที่ยุบต้องทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน ข้อสำคัญให้สติ จับอยู่ที่พอง ยุบเท่านั้น อย่าดูลมที่จมูก อย่าตะเบ็งท้อง ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าท้องพองไปข้างหน้า ท้องยุบมาข้างหลังอย่าให้เห็นเป็นว่า ท้องพองขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด เมื่อมีเวทนา เวทนาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องบังเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติแน่นอน จะต้องมีความอดทน เพื่อเป็นการสร้างขันติบารมีไปด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียแล้ว การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นก็ล้มเหลว ในขณะที่นั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้นถ้ามีเวทนา ความเจ็บ ปวด เมื่อย คัน เกิดขึ้น ให้หยุดเดินหรือหยุดกำหนดพองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ที่เวทนาเกิด และกำหนดไปตามความเป็นจริงว่าปวดหนอๆๆ เจ็บหนอๆๆ เมื่อยหนอๆๆ คันหนอๆๆ เป็นต้นให้กำหนดไปเรื่อยๆ จนกว่าเวทนาจะหายไปเมื่อเวทนาหายไปแล้ว ก็กำหนดนั่งหรือเดินต่อไป จิต เวลานั่งหรือเดินอยู่ ถ้าจิตคิดถึงบ้าน คิดถึงทรัพย์ หรือคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นานา ก็ให้เอาสติปักลงที่ลิ้นปี่ พร้อมกำหนดว่า คิดหนอๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะหยุด คิดแม้ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ ก็กำหนดเช่นเดียวกันว่า ดีใจหนอๆๆๆ เสียใจหนอๆๆๆ โกรธหนอๆๆๆ เป็นต้น เวลานอน เวลานอนค่อยๆ เอนตัวนอนพร้อมกับกำหนดตามไปว่า นอนหนอๆๆๆ จนกว่าจะนอนเรียบร้อย ขณะนั้นให้เอาสติจับอยู่กับอาการเคลื่อนไหว ของร่างกายเมื่อนอนเรียบร้อยแล้ว ให้เอาสติมาจับที่ท้องแล้วกำหนดว่า พองหนอ ยุบหนอ ต่อไปเรื่อยๆ ให้คอยสังเกตให้ดีว่า จะหลับไปตอนพอง หรือ ตอนยุบ อิริยาบถต่างๆ การเดินไปในที่ต่างๆ การเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องส้วม การรับประทานอาหาร และการกระทำกิจการงานทั้งปวง ผู้ปฏิบัติต้องมีสติกำหนดอยู่ทุกขณะ ในอาการเหล่านี้ตามความเป็นจริง คือมีสติสัมปชัญญะเป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ค่ะ
[IMG] หลนเต้าเจี้ยวค่ะ ส่วนผสม : เต้าเจี้ยวขาว 1/2 ถ้วย มะพร้าว 1/2 กิโลกรัม งาขาวคั่วบดแล้ว 2 ช้อนโต๊ะ เห็ดฟาง 1 ถ้วย น้ำส้มมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ พริกแดง พริกเหลือง 6 เม็ด วิธีการทำ : คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิข้นๆ (ใส่น้ำ ½ ถ้วย คั้นให้ได้น้ำ 1 ถ้วย) สับเห็ดหยาบๆ เอาเต้าเจี้ยวใส่กระชอน ล้างน้ำให้หายเค็ม นำไปโขลก คลุกหัวกะทิและงาขาวคั่วหรือใส่เครื่องปั่นกับกะทิ อย่าให้เต้าเจี้ยวหยาบหรือละเอียดเกินไป ใส่ในหม้อ ใส่เห็ด นำไปตั้งไฟ ใส่น้ำตาลปีบ ใส่น้ำส้มมะขามเปียก เคี่ยวสักครู่หมั่นคนไม่ให้ไหม้ ชิมรสเค็มหวานนำ เปรี้ยวตาม ใส่พริกแดง เหลือง รับประทานกับผักสดต่างๆ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กระถิน กระหล่ำปลี หัวปลี ถั่วพู แครอท มะเขือ