รูปเหมือนหลังแมงมุมดัดทรัพย์ลป.สุภารูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อหวลวัดพุทไธศวรรย์พระลีลาวัดพลับพลา๒๕๑๖

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    1745327898696.jpg
    1745330356066.jpg

    พระลีลา วัดพลับพลา นนทบุรี ปี ๒๕๑๖
    เข้าพิธีปลุกเสกพระกริ่งวัชระหลวงพ่อเกษมเขมโก
    และ เข้าพิธี วัดพลับพลา
    พระคณาจารย์ที่เมตตาเข้าร่วมพิธีปลุก เสกพระรุ่นนี้มีดังนี้
    วันที่ 29 ตุลาคม 2516
    ชุดแรก เวลา 17.50-19.00 น.
    1. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    2. หลวงพ่อคำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    3. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ ลพบุรี
    4. หลวงพ่อคล้าม วัดกุ่มหัก สระบุรี
    5. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    ชุด ที่สอง เวลา 19.00-20.00 น.
    1. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
    2. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    3. หลวงพ่อแก้ว วัดปทุมวนาราม อยุธยา
    4. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    5. หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ปทุมธานี
    ชุดที่สาม เวลา 20.00-21.00 น.
    1. หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก ระยอง
    2. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    3. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ กทม.
    4. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    5. หลวงพ่อโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    ชุดที่สี่ เวลา 21.00-22.00 น.
    1. หลวงพ่อพระโพธิวรคุณ วัดโพธินิมิต กทม.
    2. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    3. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    4. หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง เพชรบุรี
    5. หลวงพ่อพยนต์ วัดเกตุมวดีย์ สมุทรสาคร
    ชุดที่ห้า เวลา 22.00-23.00 น.
    1. หลวงพ่อพระพุทธมนต์วราจารย์ วัดสุทัศน์ฯ กทม.
    2. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    3. หลวงพ่อกาหลง (ไม่ทราบวัด) จังหวัดจันทบุรี
    4. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    5. หลวงพ่อสะอาด วัดฝาง นนทุบุรี

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142546.jpg IMG_20250422_142610.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    12798933_1161425170558356_2395248101824558217_n.jpg

    พระคาถาบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะฯ (๓ จบ) “โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนา โหมิ”
    ชีวก ชื่อหมอใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา และมีชื่อเสียงมาก ในครั้งพุทธกาล เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าพิมพิสาร และพระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวายให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ ของพระพุทธเจ้าด้วย
    เรียกชื่อเต็มว่า ชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกเกิดที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นบุตรของนางคณิกา (หญิง งามเมือง) ชื่อว่าสาลวดี แต่ไม่รู้จัก มารดาบิดาของตน เพราะเมื่อนางสาลวดีมีครรภ์ เกรงค่าตัวจะตกจึงเก็บตัวอยู่ ครั้นคลอดแล้วก็ให้คนรับใช้เอาทารก ไปทิ้งที่กองขยะ แต่พอดีเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ เจ้าชายอภัย โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสาร จะไปเข้าเฝ้า เสด็จผ่านไป เห็นการุมล้อมทารกอยู่ เมื่อทรงทราบว่าเป็นทารกและยังมีชีวิต อยู่ จึงได้โปรดให้นำไปให้นางนมเลี้ยงไว้ในวัง ใน ขณะที่ทรงทราบว่าเป็นทารก เจ้าชายอภัยได้ตรัสถามว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ (หรือยังเป็นอยู่) หรือไม่ และทรงได้รับคำตอบ ว่ายังมีชีวิตอยู่ (ชีวติ = ยังเป็นอยู่ หรือยังมีชีวิตอยู่) ทารกนั้นจึงได้ชื่อว่า ชีวก (ผู้ยังเป็น) และเพราะเหตุที่เป็นผู้อันเจ้าชายเลี้ยง จึงได้มีสร้อยนามว่า โกมารภัจจ์ (ผู้อันพระราชกุมารเลี้ยง)
    ครั้นชีวกเจริญวัยขึ้น พอจะทราบว่าตนเป็นเด็กกำพร้า ก็คิดแสวงหาศิลปวิทยาไว้เลี้ยงตัว จึงได้เดินทางไป ศึกษาวิชาแพทย์กับอาจารย์แพทย์ทิศาปาโมกข์ ที่เมืองตักสิลา ศึกษาอยู่ ๗ ปี อยากทราบว่าเมื่อใดจะเรียนจบ อาจารย์ให้ ถือเสียมไปตรวจดูทั่วบริเวณ ๑ โยชน์รอบเมืองตักสิลา เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา ชีวกหาไม่พบ กลับมาบอกอาจารย์ ๆ ว่า สำเร็จการศึกษามีวิชาพอเลี้ยงชีพแล้ว และมอบเสบียงเดินทางให้เล็กน้อย ชีวกเดินทางกลับยังพระนครราชคฤห์เมื่อ เสบียงหมดในระหว่างทาง ได้แวะหาเสบียงที่เมือง สาเกต โดยไปอาสารักษาภรรยาเศรษฐีเมืองนั้นซึ่งเป็นโรคปวด ศีรษะมา ๗ ปี ไม่มีใครรักษาหาย ภรรยาเศรษฐีหายโรคแล้ว ให้รางวัลมากมาย หมอชีวกได้เงินมา ๑๖,๐๐๐ กษาปณ์ พร้อมด้วยทาสทาสีและรถม้าเดินทางกลับถึงพระนครราชคฤห์ นำเงินและของรางวัลทั้งหมดไปถวายเจ้าชายอภัยเป็น ค่าปฏิการะคุณที่ได้ทรงเลี้ยงตนมา เจ้าชายอภัยโปรดให้หมอชีวกเก็บรางวัลนั้นไว้เป็นของตนเอง ไม่ทรงรับเอา และ โปรดให้หมอชีวกสร้างบ้านอยู่ในวังของพระองค์ ต่อมาไม่นานเจ้าชายอภัยนำหมอชีวกไปรักษาโรคริดสีดวงงอกแด่ พระเจ้าพิมพิสาร จอมชนแห่งมคธทรงหายประชวรแล้ว จะพระราชทานเครื่องประดับของสตรีชาววัง ๕๐๐ นางให้ เป็นรางวัล หมอชีวกไม่รับ ขอให้ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเท่านั้น พระเจ้าพิมพิสารจึงโปรดให้หมอชีวกเป็นแพทย์ ประจำพระองค์ ประจำฝ่ายในทั้งหมด และประจำพระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข หมอชีวกได้รักษาโรค ร้ายสำคัญหลายครั้ง เช่น
    ผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีเมืองราชคฤห์ ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐี เมืองพาราณสี รักษาโรคผอมเหลืองแด่พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนี และถวายการรักษาแด่พระพุทธเจ้าใน คราวที่พระบาทห้อพระโลหิต เนื่องจากเศษหินจากก้อนศิลาที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาจากภูเขา เพื่อหมายปลงพระชนม์ชีพ หมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน และด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ ๒-๓ ครั้ง เห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้าง วัดถวายในอัมพวันคือสวนมะม่วงของตนเรียกกันว่า ชีวกัมพวัน (อัมพวัน ของหมอชีวก) เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเริ่มน้อมพระทัยมาทางศาสนา หมอชีวกก็เป็นผู้แนะนำให้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ด้วยเหตุที่ หมอชีวกเป็นแพทย์ประจำคณะสงฆ์ และเป็นผู้มีศรัทธาเอาใจใส่เกื้อกูลพระสงฆ์ มาก จึงเป็นเหตุให้ มีคนมาบวชเพื่ออาศัยวัดเป็นที่รักษา ตัวจำนวนมาก จนหมอชีวกต้องทูลเสนอพระพุทธเจ้าให้ทรงบัญญัติข้อ ห้ามมิ ให้รับบวชคนเจ็บป่วย ด้วยโรคบางชนิด นอกจากนั้นหมอชีวกได้กราบทูลเสนอให้ทรงอนุญาตที่จงกรมและเรือนไฟ เพื่อเป็นที่บริหารกายช่วยรักษาสุขภาพของภิกษุทั้งหลาย หมอ ชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดา อุบาสกผู้เลื่อมใสในบุคคล
    พระผงรูปเหมือนปู่ชีวกโกมารภัจจ์ วัดถ้ำเขาอีมด) พุคำบรรพรต ) สระบุรี ปี ๒๕๑๗

    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142326.jpg IMG_20250422_142347.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    1367727-3bc39.jpg

    ครูบาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในการตัดเหล็กไหล
    เหล็กไหล สร้างวัด
    พระครูภัทรกิจโสภณ หรือ หลวงพ่อหวล ภูริภทฺโท เดิมท่านชื่อ หวล การเกตุ ท่านเป็นบุตรของ คุณพ่อไล้ คุณแม่เสงี่ยม การเกตุ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ พื้นเพเดิมอยู่ ตำบลสามง่าม อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง มีพี่น้อง ๓ คน ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในพระพุทธศาสนา โดยท่านบรรพชาที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ในขณะนั้นหลวงพ่อยอด หรือพระครูสาธุกิจโกศล (ต่อมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ เจ้าคณะตำบลสำเภาล่ม) ยังอยู่ที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และเข้ารับการอุปสมบทที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยมีพระราชธานินทร์ (หลวงพ่อเจิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกุศลธรรมธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาทางพระภิกษุว่า ภูริภทฺโท ท่านใช้ชีวิตอยู่ในสมณะเพศด้วยความมุ่งมั่น และด้วยเป็นพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ แทนพระครูสาธุกิจโกศล ที่มรณภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ญาติโยมพร้อมใจกันให้พระภิกษุหนุ่ม พระหวล การเกตุ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์
    หลวงพ่อหวล ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในการแสดงหาความรู้ ด้านต่างๆ ตลอดจนการศึกษาวิชาอาคมและหนึ่งในวิชาอาคมอันสุดยอดของท่านก็คือ วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหล สุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ทุกคนปรารถนาได้มาครอบครอง โดยหลวงพ่อหวล ท่าได้เรียนวิชาอาคมดังกล่าวมาจากอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อเดิม หรือพระครูนิวาสธรรมขันธ์ แห่งวัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิที่โด่งดังมากที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทย
    หลวงพ่อหวล ได้ศึกษาวิชาอาคมจากพระอาจารย์ฆราวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จนสำเร็จ ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ด้วยมีแรงผลักดันให้ท่านต้องออกแสวงหาเหล็กไหลให้ได้ ไม่เช่นนั้นความตั้งใจที่จะบูรณะวัดของท่าทนไม่มีทางสำเร็จได้ในเวลาอัน สมควร ท่านจึงต้องออกไปแสวงหาตามป่าเขา ลำเนาไพร โดยมีพระอาจารย์ฆราวาสเป็นผู้คอยแนะนำในระยะแรก
    เหล็กไหล เพื่อการบูรณะวัด
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ อาจารย์ฆราวาสพาหลวงพ่อ ไปหาเหล็กไหล ก่อนไปจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์หลายอย่างที่สำคัญๆ ได้แก่ หุ่นที่ทำจากขี้ผึ้งบริสุทธิ์ (หุ่นนี้มีความสำคัญ เพราะเหล็กไหลจะก่อตัวขึ้นเหมือนหุ่นดังกล่าว แต่ขนาดจะเล็กกว่ามาก) น้ำผึ้งบริสุทธิ์ ด้ายสายสิญจน์ บาตร หรือถังและอุปกรณ์ปลีกย่อยต่างๆ
    ในการหาเหล็กไหลจะต้องสังเกตถ้ำที่จะเข้าไปหาว่ามีลักษณะตามตำราหรือไม่ เช่น ถ้าน้ำจะต้องสะอาด ไม่มีมูลสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น มูลเสือ มูลช้าง มูลงู หรือมูลค้างคาว ถ้ำนั้นจะต้องมีอากาศเย็น ชุ่มชื้น ต้องสงบเงียบ วังเวง ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม และเมื่อมีโอกาสได้ถามหลวงพ่อว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าถ้ำไหนจึงจะมีเหล็กไหลหรือพญาเหล็ก หลวงพ่อท่านบอกว่า การสังเกตนั้น จุดแรกให้ดูว่ามีน้ำไหล มีคราบ และเมื่อนำน้ำผึ้งและน้ำมนตร์ราด ทาก็จะเกิดประกาย
    หลวงพ่อได้เล่าต่อว่า จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของกรรมวิธี โดยการนำน้ำผึ้งไปชโลมบริเวณนั้น แล้วนำสายสิญจน์ที่ชุบด้วยน้ำผึ้ง ไปผูกโยงจากจุดที่สังเกตแล้วว่าน่าจะมีเหล็กไหล ลงมายังบาตรที่ใส่น้ำผึ้งไว้ในบาตรจะใส่หุ่นเทียนด้วยก็ได้ (จะได้เหล็กไหลตามรูปแบบของหุ่นเทียน) หุ่นที่ใส่ลงในบาตรจะใส่ครั้งละหลายตัว ส่วนมากหลวงพ่อจะใส่ไว้ ๑๐๘ ตัว หุ่นเทียนบริสุทธิ์นี้ จะสอดไส้เหมือนเทียนไข แต่ว่าที่ปลายจะมีไส้ยื่นออกมาทั้งสองด้าน ไส้ของหุ่นด้านหนึ่งจะถูกนำมาผูกรวมกัน แล้วผูกติดกับสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ ไส้อีกปลายด้านหนึ่งของหุ่นก็จะถูกนำมารวมกัน แล้วหลวงพ่อจะจับไว้ ขณะทำพิธีต้องใช้คาถามิให้เหล็กไหลที่ไหลงมาตามสายสิญจน์ไหลลงดินหมด นำน้ำผึ้งมาชดลมหุ่นที่อยู่ในบาตร หรือในถัง จากนั้นใช้คาถาเรียกเหล็กไหลให้ลงมากินน้ำผึ้งในถัง อาจจะใช้เวลาประมาณ ๑-๓ ชั่วโมง ก็สุดแล้วแต่หลวงพ่อ ท่าจะรู้ด้วยสัมผัสพิเศษตามที่ศึกษามา เมื่อได้เวลาท่านก็จะทำการตัดสายสิญจน์ โดยการใช้เที่ยนเผาด้ายสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ เมื่อเอาไฟจากเปลวเทียนเผา ด้ายสายสิญจน์จะแดงเหมือนไฟ ถ้าสายสิญจน์ขาดก็หมายถึงได้เหล็กไหล (สภาพเหลวข้น หรือรูปแบบลักษณะตามหุ่นที่ใส่ในบาตร) แต่หากสายสิญจน์ไม่ขาดก็เลิกกัน ขาดก็ได้ ไม่ขาดก็ไม่ได้ เลิกกัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อหวลวัดพุทไธศวรรย์ อยุธยา ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142424.jpg IMG_20250422_142448.jpg IMG_20250422_142517.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2025 at 22:31
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    FB_IMG_1745331294317.jpg

    ครูบาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในการตัดเหล็กไหล
    เหล็กไหล สร้างวัด
    พระครูภัทรกิจโสภณ หรือ หลวงพ่อหวล ภูริภทฺโท เดิมท่านชื่อ หวล การเกตุ ท่านเป็นบุตรของ คุณพ่อไล้ คุณแม่เสงี่ยม การเกตุ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ พื้นเพเดิมอยู่ ตำบลสามง่าม อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง มีพี่น้อง ๓ คน ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในพระพุทธศาสนา โดยท่านบรรพชาที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ในขณะนั้นหลวงพ่อยอด หรือพระครูสาธุกิจโกศล (ต่อมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ เจ้าคณะตำบลสำเภาล่ม) ยังอยู่ที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และเข้ารับการอุปสมบทที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยมีพระราชธานินทร์ (หลวงพ่อเจิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกุศลธรรมธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาทางพระภิกษุว่า ภูริภทฺโท ท่านใช้ชีวิตอยู่ในสมณะเพศด้วยความมุ่งมั่น และด้วยเป็นพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ แทนพระครูสาธุกิจโกศล ที่มรณภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ญาติโยมพร้อมใจกันให้พระภิกษุหนุ่ม พระหวล การเกตุ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์
    หลวงพ่อหวล ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในการแสดงหาความรู้ ด้านต่างๆ ตลอดจนการศึกษาวิชาอาคมและหนึ่งในวิชาอาคมอันสุดยอดของท่านก็คือ วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหล สุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ทุกคนปรารถนาได้มาครอบครอง โดยหลวงพ่อหวล ท่าได้เรียนวิชาอาคมดังกล่าวมาจากอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อเดิม หรือพระครูนิวาสธรรมขันธ์ แห่งวัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิที่โด่งดังมากที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทย
    หลวงพ่อหวล ได้ศึกษาวิชาอาคมจากพระอาจารย์ฆราวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จนสำเร็จ ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ด้วยมีแรงผลักดันให้ท่านต้องออกแสวงหาเหล็กไหลให้ได้ ไม่เช่นนั้นความตั้งใจที่จะบูรณะวัดของท่าทนไม่มีทางสำเร็จได้ในเวลาอัน สมควร ท่านจึงต้องออกไปแสวงหาตามป่าเขา ลำเนาไพร โดยมีพระอาจารย์ฆราวาสเป็นผู้คอยแนะนำในระยะแรก
    เหล็กไหล เพื่อการบูรณะวัด
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ อาจารย์ฆราวาสพาหลวงพ่อ ไปหาเหล็กไหล ก่อนไปจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์หลายอย่างที่สำคัญๆ ได้แก่ หุ่นที่ทำจากขี้ผึ้งบริสุทธิ์ (หุ่นนี้มีความสำคัญ เพราะเหล็กไหลจะก่อตัวขึ้นเหมือนหุ่นดังกล่าว แต่ขนาดจะเล็กกว่ามาก) น้ำผึ้งบริสุทธิ์ ด้ายสายสิญจน์ บาตร หรือถังและอุปกรณ์ปลีกย่อยต่างๆ
    ในการหาเหล็กไหลจะต้องสังเกตถ้ำที่จะเข้าไปหาว่ามีลักษณะตามตำราหรือไม่ เช่น ถ้าน้ำจะต้องสะอาด ไม่มีมูลสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น มูลเสือ มูลช้าง มูลงู หรือมูลค้างคาว ถ้ำนั้นจะต้องมีอากาศเย็น ชุ่มชื้น ต้องสงบเงียบ วังเวง ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม และเมื่อมีโอกาสได้ถามหลวงพ่อว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าถ้ำไหนจึงจะมีเหล็กไหลหรือพญาเหล็ก หลวงพ่อท่านบอกว่า การสังเกตนั้น จุดแรกให้ดูว่ามีน้ำไหล มีคราบ และเมื่อนำน้ำผึ้งและน้ำมนตร์ราด ทาก็จะเกิดประกาย
    หลวงพ่อได้เล่าต่อว่า จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของกรรมวิธี โดยการนำน้ำผึ้งไปชโลมบริเวณนั้น แล้วนำสายสิญจน์ที่ชุบด้วยน้ำผึ้ง ไปผูกโยงจากจุดที่สังเกตแล้วว่าน่าจะมีเหล็กไหล ลงมายังบาตรที่ใส่น้ำผึ้งไว้ในบาตรจะใส่หุ่นเทียนด้วยก็ได้ (จะได้เหล็กไหลตามรูปแบบของหุ่นเทียน) หุ่นที่ใส่ลงในบาตรจะใส่ครั้งละหลายตัว ส่วนมากหลวงพ่อจะใส่ไว้ ๑๐๘ ตัว หุ่นเทียนบริสุทธิ์นี้ จะสอดไส้เหมือนเทียนไข แต่ว่าที่ปลายจะมีไส้ยื่นออกมาทั้งสองด้าน ไส้ของหุ่นด้านหนึ่งจะถูกนำมาผูกรวมกัน แล้วผูกติดกับสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ ไส้อีกปลายด้านหนึ่งของหุ่นก็จะถูกนำมารวมกัน แล้วหลวงพ่อจะจับไว้ ขณะทำพิธีต้องใช้คาถามิให้เหล็กไหลที่ไหลงมาตามสายสิญจน์ไหลลงดินหมด นำน้ำผึ้งมาชดลมหุ่นที่อยู่ในบาตร หรือในถัง จากนั้นใช้คาถาเรียกเหล็กไหลให้ลงมากินน้ำผึ้งในถัง อาจจะใช้เวลาประมาณ ๑-๓ ชั่วโมง ก็สุดแล้วแต่หลวงพ่อ ท่าจะรู้ด้วยสัมผัสพิเศษตามที่ศึกษามา เมื่อได้เวลาท่านก็จะทำการตัดสายสิญจน์ โดยการใช้เที่ยนเผาด้ายสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ เมื่อเอาไฟจากเปลวเทียนเผา ด้ายสายสิญจน์จะแดงเหมือนไฟ ถ้าสายสิญจน์ขาดก็หมายถึงได้เหล็กไหล (สภาพเหลวข้น หรือรูปแบบลักษณะตามหุ่นที่ใส่ในบาตร) แต่หากสายสิญจน์ไม่ขาดก็เลิกกัน ขาดก็ได้ ไม่ขาดก็ไม่ได้ เลิกกัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญมังกรราเมศหลวงพ่อหวลวัดพุทไธศวรรย์ อยุธยา
    ปี๒๕๔๗ ยกชุด ๓ เหรียญ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250423_090100.jpg IMG_20250423_090116.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    FB_IMG_1745377823146.jpg FB_IMG_1745374284061.jpg

    หลวงปู่สุภา กันตสีโล เรียนวิชา แมงมุม ดักทรัพย์ หรือ เรียกทรัพย์ โดยตรงจากองค์ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ในขณะที่ หลวงปู่สุภา กันตสีโล จำพรรษาอยู่เรียนวิชากับ หลวงปู่ศุข ในวันที่ลาเพื่อออกเดิน ธุดงค์ ต่อ หลวงปู่ศุข ได้บอก หลวงปู่สุภา กันตสีโล ว่า "เณรน้อยต่อไปจะต้องไปช่วยคนอีกมากทำประโยชน์ให้พระศาสนาอีกเยอะ เธอจงทำ แมงมุม เรียกทรัพย์ ให้ตอบแทนแก่เขานะ มานี่ปู่จะสอนให้ หลังจากนั้น หลวงปู่ศุข ก็สอนวิชา แมงมุม เรียกทรีพย์ ให้ หลวงปู่สุภา กันตสีโล โดยบอกเหตุผลที่สร้าง แมงมุม เรียกทรัพย์ ว่า " แมงมุม เป็นสัตว์สะอาดมีศีลไม่ต้องออกไปหากิน มีอาหารเข้ามาถึงรัง มีเหยื่อเข้ามาถึงถิ่นฐาน เหมือนเราเปิด ร้านทำกิจการ มีคนเอาเงินมาให้มีลูกค้าเข้ามาติดกับมีโชคลาภเงินทอง เข้ามาสู่ถิ่นฐานไม่ต้องออกไปวิ่งหา " แมงมุม เรียกทรัพย์ ของ หลวงปู่สุภา กันตสีโล จึงมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว มีประสบการณ์มากเกินกว่าที่จะกล่าวได้หมดครับ
    งูใหญ่กลืนหลวงปู่สุภา
    ครั้งนึงผม(แอดมินท่องถิ่นธรรม)ได้มีโอกาสไปกราบท่านพระอาจารย์ฟิลลิป ญาณธัมโม ที่วัดป่ารัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ท่านเล่าประวัติหลวงปู่สุภา กันตสีโลให้ฟังว่า “หลวงปู่สุภา ครั้งสมัยยังหนุ่ม ๆ อยู่ ท่านนั่งสมาธิอยู่บนกุฏิในป่า พอดีมีอยู่งูเหลือมขนาดใหญ่เลื้อยขึ้นมาบนกุฏิ แล้วพยายามกลืนท่านไปจากทางปลายเท้าขึ้นไปเรื่อย ๆ
    หลวงปู่สุภา ท่านบอกกับงูว่า เจ้างูเจ้าจะกินเรา เราไม่ว่า เราปฏิบัติธรรมนี้หวังเพื่อความหลุดพ้น ถ้าเจ้ากินเราแล้วพาเราไปสวรรค์ไปนิพพานได้ เจ้าก็กินเราเลย หลวงปู่สุภาท่านว่างูใหญ่มันพยายามกลืนท่านไปจนเกือบถึงเอวก็กลืนไม่ไหว จึงค่อย ๆ ขย่อนออกมาแล้วเลื้อยหายเข้าไปในป่า หลวงปู่สุภามีอาการเจ้าข้อเท้ามาก คงเพราะน้ำหนักกำลังแรงงูพยายามบีบกระดูกท่านให้แตก
    ทันใดท่านก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดดังลั่นป่าว่า
    “ไอ้งูนี่เลวมาก ฆ่าพระมาแล้วหลายรูป อย่าอยู่เลยมึง”
    หลังจากนั้น ท่านก็ได้ยินเสียงต้นไม้ใหญ่หักโค่นดังสะนั่นป่า แต่ท่านเองหมดแรง ไม่สามารถขยับร่างกายได้ จึงหลับไป
    พอรุ่งเช้า หลวงปู่สุภา ค่อย ๆ พยุงร่างกายลุกขึ้นเพื่อออกไปบิณฑบาต ท่านว่าผ้าสบงท่านเต็มไปด้วยน้ำลายงูที่ไว้ใช้ย่อยเหยื่อ พอออกไปนอกกุฏิ ท่านก็เห็นต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับร่างงูนั้นจนตาย”
    ท่านพระอาจารย์ญาณธัมโม เล่าว่าหลวงปู่สุภา เป็นพระที่มีเมตตามากและท่านก็เคารพหลวงปู่สุภาเป็นครูอาจารย์รูปหนึ่ง ในภาพเป็นช่วงพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่วัดป่ารัตนวัน เมื่อต้นเดือนมกราคม ปี พ.ศ.๒๕๕๕ หลวงปู่สุภา เมตตามาเป็นประธานสงฆ์ในงานให้ ท่านกล่าวว่า “ครูบาอาจารย์รูปอื่น ต่างเป็นหลวงปู่หลวงตากันหมดแล้ว แต่พระอาจารย์ญาณะ นี่ยังดูหนุ่มอยู่เสมอนะ แถมเป็นพระฝรั่งด้วย แต่ทำไมพูดไทยเก่งจัง เทศน์ก็เก่งด้วยน๊ะ”
    ๒ กันยายน ๒๕๖๔
    รำลึก ๘ ปี อาจาริยบูชาคุณ
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล
    "พระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน ผู้ทรงฌานและเมตตาธรรม"
    แห่งวัดคอนสวรรค์ ต.ค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล สมัยเมื่อเป็นพระป่านั้น ท่านวิเวกรอนแรมอยู่ในป่าดงดิบอยู่ตลอดเวลา เพราะจิตของท่านต้องการจะแสวงวิเวก ไม่ต้องการข้องแวะกับโลกภายนอก วันเวลาล่วงเลยไป ท่านไม่ได้ยึดติดหรือต้องการจะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลก พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นผู้ล้าสมัย หรือ ถอยหลังกลับไปจากความเจริญ แต่ในด้านการไปสู่มรรคผลนิพพานแล้ว หลวงปู่ก้าวหน้าไปอย่างยิ่ง หลวงปู่สุภาตั้งแต่ต้น จะพบว่าท่านอุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างมอบกายถวายวิญญาณกันเลยทีเดียว
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล ละสังขารลงเมื่อวันจันทร์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๕ นาฬิกา ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๙ ด้วยอาการสงบ ณ กุฏิภายในวัดคอนสวรรค์ ต.ค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร สิริอายุรวม ๑๑๗ ปี ๑๑ เดือน ๑๕ วัน ท่านอยู่ภายใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์นับตั้งแต่สามเณรจนถึงมรณกาลเป็นระยะเวลา ๑๐๙ ปี นับรวมพรรษาที่ท่านบวชเป็นพระภิกษุในพรรษานี้เป็นพรรษาที่ ๙๗ นับเป็นเรื่องยากที่จะมีพระภิกษุในบวรพุทธศาสนายุคใดยุคหนึ่งที่จะมีอายุวัฒนมงคลยั่งยืนมาได้ยาวนานเหมือนหลวงปู่สุภานี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนทาทองหลังยันต์แมงมุมดักทรัพย์หลวงปู่สุภา
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250423_092033.jpg IMG_20250423_092058.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    วันนี้จัดส่ง
    1745404195153.jpg 1745404190803.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,121
    ค่าพลัง:
    +21,386
    FB_IMG_1745413062701.jpg

    หลวงพ่อแนมท่านสำเร็จวิชามนต์จินดามณีที่สืบสานมาจากต้นตำหรับวิชานางยักษ์พันธุรัตน์
    พระผงกวักพลอย
    พระผงกวักบุษราคัม
    หลวงพ่อแหนมวัดเขาหน่อ
    ประวัติโดยย่อ
    ( หลวงพ่อแนม กตปุญโญ ) วัดเขาหน่อ
    เด็กชายแนม ธรรมราช เกิดวันที่ 6 เม.ย 2465 ณ. บ้านท่าเกษม หมู่ 4 อ. สวรรคโลก จ. สุโขทัยเป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 7 คนของ
    นายน้อย-นางฝอย ธรรมราช เมื่ออายุ 9 ขวบ ได้ตามแม่ใหญ่ ชื่อแม่ขาวพวง ธรรมราช ซึ่งเป็นแม่ชีมาจากสุโขทัยจนได้มาพบกับพระธุดงค์คือ
    หลวงพ่ออ๊อด ที่วัดท่าจันทร์ ต. บ้านแดน อ. บรรพตพิสัย จ. นครสวรรค์และได้เรียนหนังสือจนจบชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านแดน
    หลังจากนั้นหลวงพ่ออ๊อด ได้ฝาก ด.ช แนม ไว้กับหลวงพ่อแท่นยโสธโรซึ่งต่อมา หลวงพ่อแท่น ท่านก็ได้นำ ด.ช แนม
    ไปบวชเณรกับท่านเจ้าคุณวิเชียรโมลี เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพ็ชร ณ. วัดพระบรมธาตุ อ.เมือง เมื่อวันที่ 7 พ.ค 2480
    จนกระทั่งเมื่อ อายุเข้า 20 ปีหลวงพ่อแท่น จึงได้พาสามเณร แนม เข้าไปอุปสมบท กับพระครูวิบูลย์วชิรธรรม ( หลวงพ่อสว่าง )
    เมื่อวันที่ 8 พ.ค 2485 ณ. วัดสังขวิจิตร ต. ตาขีด อ. บรรพตพิสัย จ. นครสวรรค์
    โดยมี พระครูวิบูลย์วชิรธรรม ( หลวงพ่อสว่าง ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รัยฉายา กตปุญโญ...
    พระอาจารย์ ที่หลวงพ่อแนม ได้ศึกษาธรรมะและ พุทธาคมที่ได้บันทึกไว้มีดังนี้
    1. พระวิบูลย์วชิรธรรม ( หลวงพ่อสว่าง )วัดคหบดีสงฆ์ กำแพงเพ็ชร
    2. หลวงพ่อแท่น ยโสธโร
    3. หลวงปู่เภา วัดถ้ำตะโกลพบุรี
    4. หลวงพ่อฉาย วัดป่าธรรมโสภณ
    5. หลวงพ่อกึ่ง วัดโพธิ์ชัย
    6. หลวงพ่อสุด วัดปฐมพานิช
    7. หลวงพ่อสำลี วัดเขาวัง ราชบุรี
    8. หลวงพ่ออุ่มวัดเขาวัง ราชบุรี
    9. หลวงพ่อธูป วัดเขาปถะหวี
    10. หลวงพ่อวัน วัดเขาวงบ้านหมี่
    11. หลวงปู่นาค วัดท่าเกษม สวรรคโลก จ.สุโขทัย
    12. หลวงพ่อแกรวัดส้มเสี้ยว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
    หลวงพ่อแนม ท่านมีความชำนาญทางด้านก่อสร้างเป็นพิเศษ ได้ก่อสร้างศาสนาสถานไว้มากมายอาทิเช่น..
    พ.ศ 2513 สร้างศาลาการเปรียญ 1 หลัง
    พ.ศ 2514 สร้างกุฏิแบบทรงไทย 5 หลัง
    พ.ศ 2515 สร้างปะปา ร่วมกับอนามัย อ. บรรพตพิสัยประจำวัด
    พ.ศ 2519 สร้างหอสวดมนต์
    พ.ศ 2520-2521 สร้างหอสมุดแบบทรงไทย
    ในปี พ.ศ 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีได้ทรงเสด็จยกช่อฟ้า ที่อุโบสถ วัดเขาหน่อ นครสวรรค์
    เป็นที่ปลื้มปิติของประชาชนชาว จังหวัดนครสวรรค์ อย่างหาที่สุดมิได้.....
    หลวงพ่อแนมท่านเป็นผู้มีคุณธรรม มีพรหมวิหารธรรมเป็นพระนักปฏิบัติ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาต่อบรรดาศิษย์เป็นอย่างยิ่งตลอด
    จนผู้ไฝ่ธรรมทั้งหลายที่มากราบท่าน นมัสการท่าน จนเมื่อวันที่ 15 มิ.ย 2543 หลวงพ่อแนม ท่านมีอากาศป่วยกำเริบ
    ลูกศิษย์ได้นำหลวงพ่อแนม ส่งโรงพยาบาลปากน้ำโพนครสวรรค์ และท่านก็ได้มรณะภาพ ในเวลา 15.00 น.
    ด้วยอาการอันสงบเป็นที่เศร้าโศรกเสียใจต่อประชาชน ลูกศิษย์ทั้งหลาย ตลอดจนผู่ใฝ่ทางธรรมทุกๆท่าน....
    วันที่ 22 ตุลาคม 2543 ทางคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์ได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    องค์ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250423_200245.jpg IMG_20250423_200307.jpg IMG_20250423_200333.jpg IMG_20250423_200402.jpg IMG_20250423_200434.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...