เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ พวกเราก็มีงานใหญ่กันตั้งแต่ตี ๓ คือ การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ หลังจากนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพก็พาพระภิกษุวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตตามปกติ

แต่ว่าที่ไม่ปกติก็เพราะว่าวันนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระวชิรปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง ท่านได้นำคณะญาติโยม ๕๗ รูป/คน มาร่วมใส่บาตรที่ตลาดริมแควด้วย ซึ่งญาติโยมทุกท่านก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศหมอกมุงเมืองของกาญจนบุรีเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าคุณท่านตั้งใจที่จะมาดูการสร้างตลาดริมแควว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ทรุด หรือว่าลื่นไถลลงไปในแม่น้ำแควน้อย เนื่องเพราะว่าตลิ่งนั้นสูงชันมาก ๆ เมื่อได้เห็นกับตาตนเอง และได้ร่วมกิจกรรมของชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนแล้ว ท่านก็ยอมรับว่า "หลวงพ่อเล็กจัดการเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ออกมาได้ดีมาก ๆ"

ครั้นกลับจากบิณฑบาตและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มานำคณะญาติโยมผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๙/๒๕๖๗ สมาทานพระกรรมฐาน และเข้าสู่การปฏิบัติธรรมช่วงสาย ซึ่งถือว่าเป็นบัลลังก์สุดท้ายในโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกีรยติ ๖ วัน ๕ คืนนี้

ต่อจากนั้นก็ต้องมาต้อนรับพรรคพวกเพื่อนฝูงร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งทยอยกันเดินทางมาถึง เป็นต้นว่า หลวงพ่อสามารถ - พระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ หลวงพ่อพร - พระครูธรรมรังษีวิสุทธิ์ (อัมพร) วัดโป่ง รองเจ้าคณะอำเภอบางละมุง ซึ่งชื่อวัดของท่านไพเราะมาก แต่ออกจะจำยากสักหน่อย ก็คือวัดนพทองดีศรีพฤฒาราม แต่ชาวบ้านเรียกสั้น ๆ ว่าวัดโป่ง

หลวงพ่อพร วัดโป่งนั้น ท่านไม่เคยเข้าร่วมประชุมองค์กรพระอุปัชฌาย์มาก่อน งานนี้เดินทางมาเพราะอยากเห็น เนื่องจากกิตติศัพท์ของวัดท่าขนุน โดยเฉพาะชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนนั้น ขจรขจายไปไกล จนอดไม่ได้ที่จะขอมาดูด้วยตนเอง

 

ตามมาด้วยคณะของพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งพาคณะญาติโยมร่วมทางมาด้วย ๔๗ รูป/คน และได้นำเครื่องมุทิตาสักการะมาถวาย เนื่องในโอกาสที่กระผม/อาตมภาพได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

โดยเฉพาะส่วนที่น่าปลื้มใจที่สุดก็คือ ได้นำเอาของที่ระลึกเป็นจานเงินแท้แกะลายไก่ ซึ่งทางด้านประเทศศรีลังกาถือว่าเป็นสัตว์มหาลาภ จากท่านมหานายกะธรรมรักขิตตะ มหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ ประเทศศรีลังกา มาถวายให้กระผม/อาตมภาพ เนื่องจากว่าท่านมหานายกะธรรมรักขิตตะนั้น เดินทางมารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และได้แวะไปพักที่วัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี

ซึ่งคณะพระอุปัชฌาย์ของเราส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพระมหาเจริญ จิรวุฑฺโฒ ป.ธ. ๘ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำ เจ้าคณะอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ท่านก็ได้เดินทางไปที่วัดหนองโพ หลวงพ่อเจ้าคุณเชาวลิต (พระวชิรปัญญากร) ก็ได้นำคณะแวะเวียนไปที่นั่นก่อน ค่อยเลยมายังวัดท่าขนุนแห่งนี้

พรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งหลายทยอยกันมา ประกอบไปด้วยท่านเจ้าคุณกล้า ซึ่งพรรคพวกเรียกกันว่าท่านเจ้าคุณเลขานุการ คือพระวชิรวาที, ผศ., ดร. (กล้า วีรรตโน) รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ท่านได้ถวายซองปัจจัยมาเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท บอกว่า "ขอมุทิตาสักการะที่เจ้านายได้เลื่อนขึ้นเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด ผมหาเครื่องไทยธรรมอื่นไม่ทัน เพราะข่าวมาถึงกะทันหันจนเกินไป"

กระผม/อาตมภาพจึงต้องนั่งรับการถวายมุทิตาสักการะจากพรรคพวกเพื่อนฝูง โดยเฉพาะหลวงพ่อพระครูสุขุมปัญญากร วัดทุ่งกฐิน จังหวัดสุพรรณบุรี ที่นอกจากนำเอาแจกันดอกไม้มาถวายกระผม/อาตมภาพแล้ว ยังฉวยโอกาสถวายมุทิตาย้อนหลังให้ท่านเจ้าคุณกล้าด้วย

 

จนกระทั่งได้เวลาประมาณ ๑๐ โมง พวกเราก็โยกย้ายออกจากวัด บรรดาเพื่อนฝูงที่มาก่อนมาหลัง ก็ทยอยกันไปยังร้านอาหารที่กระผม/อาตมภาพได้จับจองเอาไว้ ปรากฏว่าในส่วนที่จองเอาไว้สำหรับพระอุปัชฌาย์นั้น ก็ยังมีส่วนเกินเพิ่มมาก็คือพระติดตาม เนื่องเพราะว่าทางด้านพระครูสาทรวรกิตติ์ วัดพันเสด็จนอก อดีตเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี ท่านได้พาพระเลขานุการของท่านมาด้วย หลวงพ่อพระครูพิบูลปัญญากร วัดหินปักใหญ่ จังหวัดลพบุรี ท่านก็พาพระติดตามมาด้วย ส่วนพระครูสุขุมปัญญากร วัดทุ่งกฐิน นั้น ท่านพาญาติโยมมาเป็นรถตู้เลย..!

เรื่องพวกนี้ท่านบอกว่าเป็นคำเรียกร้องของญาติโยมทั้งหลายเองว่า ได้ยินชื่อวัดท่าขนุนมานานแล้ว อยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง พอมาถึง ทุกคนก็ทึ่งตรงที่ว่า "รักษาต้นไม้เอาไว้ได้ดีมาก ๆ" โดยเฉพาะต้นไม้เยอะมาก และย่างเข้าฤดูหนาวที่ใบไม้ร่วงแล้ว ยังสามารถที่จะทำความสะอาดกันได้ถึงขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพเรียนให้กับทุกท่านทราบว่า "เป็นคุณงามความดีของพระ แม่ชี และญาติโยมวัดท่าขนุน ที่ได้ช่วยกันทำความสะอาดวัด อย่างน้อยก็วันละ ๒ รอบ"

แต่ต้องขออภัยทุกท่านที่มาถึงแล้วรักษาธรรมเนียมโบราณ ก็คือขอเข้าไปกราบพระประธานในอุโบสถ เนื่องเพราะว่าลานรอบอุโบสถนั้นมีการก่อสร้าง เพื่อที่จะติดตั้งหลักยึดสายโยงสำหรับแขวนโคมรับปีใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ ดวง จึงทำให้เข้าออกค่อนข้างที่จะลำบาก

เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้ว ทางร้านอาหารก็ได้เริ่มเสิร์ฟอาหารเลย พวกเราจึงฉันกันไปรอรับบรรดาเพื่อนฝูงที่ทยอยมากันด้วย ทั้งหลวงปู่เจ้าคุณทองย้อย - พระภาวนาวิหารกิจ วิ. ทป.จจ.ราชบุรี พระมหาพงษ์ศิริ ปญฺญาวชิโร ป.ธ. ๙ ผช.เลขานุการองค์กรพระอุปัชฌาย์ รุ่นที่ ๕๑ โดยมีท่านเจ้าคุณดำเนิน - พระปริยัติวโรปการ (ดำเนิน จิตฺตโสภโณ ป.ธ.๖) เจ้าอาวาสวัดนาคกลาง วรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินทางมาถึงก่อนเพล ๘ นาที แต่เพื่อนฝูงใกล้จะอิ่มกันหมดแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้สั่งอาหารถวายท่านไปต่างหากโต๊ะหนึ่งเลย แล้วก็ไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกัน

เมื่อเสร็จสรรพจากร้านอาหารแล้ว ค่อยโยกย้ายกลับเข้ามาภายในวัดท่าขนุน เพื่อเตรียมประชุม นอกจากจะนั่งคุยกัน รอเวลาเสียงตามสายรอบเที่ยงจบลงแล้ว ยังต้องรอรับการถวายมุทิตาสักการะจากพรรคพวกเพื่อนฝูงด้วย โดยเฉพาะพระสมุห์เจิม ฉนฺทโก เจ้าอาวาสวัดสิงห์ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งท่านบอกว่าขอกราบในฐานะครูบาอาจารย์ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเคยสอนหนังสือท่าน สมัยที่เรียนอยู่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี

 

ทางด้านจังหวัดนนทบุรีนั้นต้องบอกว่าเหนียวแน่นมาก เนื่องเพราะว่าพระครูนนทสุตาภรณ์ วัดเชิงกระบือ และพระมหาศรีสมหวัง ธมฺมธีโร ป.ธ. ๕ วัดลานนาบุญ ท่านก็เดินทางมาถึง ขาดไปเพียงรูปเดียว เพราะว่ามรณภาพไปตั้งแต่เพิ่งจะปฏิบัติธรรมพระอุปัชฌาย์ ก็คือหลวงพ่อพระครูสุตธรรมานุสิฐ - บุญกลาง จารุธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดบางศรีเมือง

แปลว่าทางด้านจังหวัดนนทบุรีนั้นมาครบถ้วน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อีกท่านหนึ่งที่มาไกลก็คืออดีตพระมหาจำนงค์ ปภสฺสโร ปัจจุบันก็คือพระครูสุตชยากร วัดบ่อแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ท่านเดินทางมาตั้งแต่ตี ๔ บอกว่ากว่าจะมาถึงก็เล่นเอาเกือบเพลพอดี..!

เมื่อเข้าสู่การประชุม เรื่องที่ปรารภก็คือความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในคณะสงฆ์ของเรา โดยมีการย้ำเตือนให้บรรดาเพื่อนพระอุปัชฌาย์ทั้งหลาย ควบคุมเข้มงวดต่อสัทธิวิหาริกของตน หรือว่าต่อพระภิกษุสามเณร ฆราวาส ภายในวัดของตน ในขณะเดียวกันก็อย่าได้หวั่นไหวกับกระแสโจมตีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องเพราะว่าอะไรที่เป็นของเทียมย่อมอยู่ได้ไม่นาน อะไรที่เป็นของแท้ ถึงเวลาก็จะยืนหยัดผ่านกาลเวลา สามารถพิสูจน์กันได้ด้วยตนเอง

เมื่อปิดประชุมแล้ว ทุกท่านก็ลากลับด้วยความประทับใจ มีหลายท่านตั้งใจจะเดินทางไปวัดวังก์วิเวการาม เพื่อสักการะสังขารหลวงปู่อุตตะมะด้วย ส่วนที่เหลือก็นำพาญาติโยมเดินทางกลับ กระผม/อาตมภาพกราบขอบคุณพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เดินทางมาไกลทุกรูป

หลายต่อหลายรูปก็บอกว่า "วัดท่าขนุนไกลแค่ไหน ผมก็ต้องไปให้ได้ เพราะท่านมีบุญคุณกับผม" ท่านโน้นก็บอกว่ามีบุญคุณตอนนั้น ท่านนี้ก็บอกว่ามีบุญคุณตอนนี้ จนกระผม/อาตมภาพต้องถามว่า "ถ้าไม่มีบุญคุณแล้วกะว่าจะไม่มาใช่ไหม ?" จึงได้หัวเราะส่งท้ายกันแล้วก็ปิดงานวันนี้ลงไป ในลักษณะที่ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่สะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน เพราะว่าตั้งแต่ก่อนตี ๓ จนกระทั่งเย็นย่ำลง แล้วยังต้องมีการทำวัตรค่ำและบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้อีก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)