!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

ลูกอมเกราะเพชร “เนื้อผงอุด” หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 ซม. มาตรฐาน เนื้อเดียวกับผงอุด พระเนื้อดินประทับสัตว์) ถือเป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง ลูกอมผงพุทธคุณ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

การจัดสร้างของมงคล ผงวิเศษนั้น หลวงพ่อปานท่านได้นำผงวิเศษ 3 ชนิด มาคลุกเคล้าผสมรวมกัน อันได้แก่ 1.ผงวิเศษหัวใจสัตว์ 2.ผงยันต์เกราะเพชร 3.ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห พุทธคุณที่มี โดดเด่นเป็นเลิศในทุกด้าน "ผงวิเศษ" นี้ ถือเป็นหัวใจในการสร้างพระหลวงพ่อปาน เป็นผงพุทธคุณที่มีความเป็นเลิศในทุกด้าน สามารถใช้ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ใช้รักษาโรค มีอานุภาพทางด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ล้างอาถรรพ์ เพราะฉะนั้น พระทุกพิมพ์มีพุทธคุณเหมือนกัน หลวงพ่อปานก็บอกว่า ( "ฉันแน่ใจว่ายันต์เกราะเพชรของฉันดี" แต่ถ้าแกรับแล้วแกตายเพราะงูกัด ฉันก็จะเห็นว่าแกเป็นคนเลวมาก ไม่มีความเคารพในพระพุทธเจ้า เพราะว่ายันต์เกราะเพชรนี่ ฉันอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองนะ ไม่ใช่อื่น ถ้าแกตาย แล้วก็เป็นพระด้วย แกรับยันต์เกราะเพชรไปแล้วด้วย ถ้าถูกงูกัดแล้วตาย เพราะงูพิษ ก็น่าจะตายหรอก เพราะว่าคนที่บวชแล้วไม่เคารพในพระพุทธเจ้า ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา เป็นคนเลวก็ควรจะตาย แต่ว่านี่แกไม่ตาย นี่ก็แสดงว่า "แกเป็นคนดีแล้ว" ความมั่นคงในพระพุทธเจ้าใช้ได้ นี่ว่ากันถึงยันต์เกราะเพชร)

ลูกอมของท่านจัดเป็นลูกอม อันดับที่ ๓ แห่งเบญจภาคี อันดับลูกอมเบญจภาคี มีดังนี้ ๑.ลูกอมมหาจินดามณีมนตรา พระปลัดปาน วัดตุ๊กตา ๒.ลูกอมมหากัน หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ๓.ลูกอมเกราะเพชร หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ๔.ลูกอมเจ็ดพญาช้างสาร หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ๕.ลูกอมผงธูปพุทธคุณ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก นับว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง

"เนื้อหามวลสารเดียวกับผงด้านในที่อุดพระเนื้อดิน และพระพิมพ์ทรงสัตว์เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อปานท่านได้แจก พระเครื่อง และลูกอมผงพุทธคุณตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ เพราะเมื่อตอนที่หลวงพ่อปานท่านแจกพระเนื้อดิน ท่านได้พิมพ์ “ใบฝอย” (คำชี้แจง) วิธีใช้พระของท่านด้วย ในหนังสือสำคัญนี้ลงท้ายว่า ได้แจกตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๐ แสดงว่าพระของท่านได้เริ่มสร้างแจกตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๐ ขั้นตอนการสร้างพระของหลวงพ่อปานคือ ทำผงพระพุทธคุณ ท่านทำผง และลบผงด้วยตนเอง ทำเฉพาะในระหว่างวันเข้าพรรษาเท่านั้น ผงที่ทำได้แก่ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และผงมหาราช ทำโดยปั้นขึ้นเป็นแท่ง เขียนอักขระลงบนกระดานชนวน แล้วลบผงรวบรวมไว้เพื่อ (สร้างลูกอม) พระเนื้อผงพุทธคุณ และอุดลงบนด้านบนของพระเนื้อดินพิมพ์ทรงสัตว์ต่างๆ ดังนั้นจึงมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า พระไม่ว่าจะพิมพ์อะไร กับลูกอมของท่าน มีสรรพคุณเหมือนกันอย่างเดียวกัน วิธีอาราธนาการใช้อย่างเดียวกัน คือบูชา คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ สมัยนั้นการแพทย์ยังไปไม่ถึง ใครจะเป็นอะไรก็จะเอาพระมาแช่น้ำดื่มแก้โรคนั้นโรคนี้กัน ผู้ใดมียันต์เกราะเพชรไว้จะบังเกิดอานุภาพดังนี้ ๑.จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด ๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด ๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด ๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง นอกจากนี้ "ยันต์เกราะเพชร" ยังมีอานุภาพส่งเสริม ค้ำจุนดวงชะตา เสริมบารมี มิให้ตกอับอีกด้วย

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระพิมพ์ “หลวงพ่อโตหูไห” หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท พระเนื้อดินผสมว่านสู่เลือด เข้าแร่อุกกาบาต และทรายเสก ยุคต้นๆ มีมวลสารพระกรุเก่า แร่ต่างๆ และปฐวีธาตุ โขลกหยาบบ้าง ละเอียดบ้าง ผสมอยู่มาก เป็นพระยุคต้น ที่หลวงพ่อท่านสร้างล้อพระหูไหสมัยอยุธยา เนื้อหา ความเก่ามีอายุ เนื้อนี้หายาก เจอน้อยสุดนับองค์ได้ ไม่ถึงสิบ

พระพิมพ์ “หลวงพ่อโตหูไห” ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นพระเนื้อดินที่ส่องแล้วต้องมีมวลสารมากมาย สำหรับยุคต้นๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อกวย รุ่นเก่า – รุ่นใหญ่ - รุ่นเล็ก ได้พูดถึงหลวงพ่อโตหูไห ว่า "คนรุ่นเก่ารู้และชอบ แต่ก็ซื้อไม่แพง คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักเลย จึงไม่ถามซื้อ" เป็นพระเครื่องที่ล้อมาจากหลวงพ่อโตหูไห สมัยอยุธยา ปู่เม่า ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกวย บวชอยู่กับหลวงพ่อกวย ตั้งแต่หลวงพ่อกวยยังหนุ่มๆ เรียกหลวงพ่อกวย ว่าหลวงพี่ มีความสนิทสนมกันมากที่สุด บ้านอยู่แถวๆวัดจั่นเจริญสุข ปู่เม่า ลูกศิษย์หลวงพ่อกวย แกบอกว่า แกมั่นใจในพระโป้เนื้อดินเผาที่หลวงพ่อกวย ท่านทำเองมากที่สุด ปู่เม่าเคยช่วยหลวงพ่อกวยทำพระ หลวงพ่อใช้ให้ไปหาดินกลางนาดิน 7ท่า (เลือกริมตลิ่งที่มีรอยตีนวัวตีนควายเยอะๆ) ดินจากรังหมาล่า หลวงพ่อกวยท่านสั่งให้เอารังที่ร้าง ได้มาก็เอามารวมกับมวลสาร ที่หลวงพ่อกวยเตรียมไว้แล้ว ผสมคลุกเคล้ากัน กดพิมพ์ ผึ่งแดด แล้วใส่หม้อดิน สุมฟืนแล้วเผา ขณะเผาไฟหลวงพ่อกวย ท่านจะปลุกเสกด้วย นานมากกว่าจะเผาสุก มีแตกหักชำรุด ดีบ้างเสียบ้าง บางครั้งเหลือไม่กี่องค์ เผาเสร็จท่านนำมาปลุกเสกอีก มวลสารอาถรรพ์ต่างๆ ท่านและลูกศิษย์ออกไปหาเอง ปู่เม้าไปกับหลวงพ่อกวย เห็นหลวงพ่อกวย ท่านตำผงเอง ปั้นเอง คลุกเนื้อเอง คือทำเองแทบจะทุกอย่าง ปู่เม้าบอกว่า วัตถุมงคลหลวงพ่อกวย ที่แกมั่นใจมากที่สุดคือ “พระหลวงพ่อกวย พระเนื้อดินยุคแรกๆ ของท่าน ที่น่าใช้มากที่สุด

เรื่องทรายเสก ของหลวงพ่อกวย มีอีกเรื่องหนึ่งที่จะเล่าให้ฟัง ไม่นานมานี้เอง ผมแบ่งทรายเสกให้น้องคนหนึ่ง เป็นนักศีกษาราชภัฏเชียงราย เล่นพระด้วย น้องคนนี้ ได้ทรายไป ก็เลยอยากลองว่า ขลังแค่ไหน ในหมู่บ้านที่น้องคนนี้อยู่ มีศาลาประจำหมู่บ้านอยู่หลังหนึ่ง อยู่ตรงทางสามแพร่งพอดี เค้าว่า ผีมันชอบมาอยู่ และเคยมีคนมากินยาตายที่นี่ด้วย จึงลือกันว่า ศาลาหลังนี้ น่าจะมีอาถรรพ์และมีผีมาอาศัย น้องคนนี้ อยากลองทรายเสกหลวงพ่อกวยว่า ขลังแค่ไหน จึงให้เพื่อนอีกคน เอาทรายหลวงพ่อกวยที่ผมให้ไป เอาไปโปรยรอบๆศาลาตรงทางสามแพร่งนั้น ไม่นานนักแม่ของเด็กที่เอาทรายไปโปรย เกิดอาการถูกผีเข้า จึงพากันไปตามตุ๊เจ้า(หลวงพ่อ)ที่วัดมาดู ผีมันบอกตุ๊ว่า เขาอาศัยที่อยู่ที่ศาลามานาน แต่เด็กที่เป็นลูกของผู้หญิงคนนี้(ที่ถูกผีเข้า) เอาอะไรไม่รู้มาโรยไว้ที่ศาลา มันร้อนมากๆ ตนเลยอยู่ไม่ได้ จึงมาเข้าแม่ของเด็ก บอกให้ทำศาลให้ด้วย เพราะไม่มีที่อยู่ กลับไปที่ศาลาไม่ได้แล้ว ตุ๊และชาวบ้านก็เลยต้องสนองตามความต้องการของผีตนนั้นไป ผมเจอน้องคนนี้ ก็ติไปว่า ทรายเสกของหลวงพ่อกวย ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ทีหลัง อย่าเอาไปเล่นแผลงๆอีก จะเป็นบาป แต่ก็นึกอยู่ในใจว่า ทรายของหลวงพ่อนั้น เป็นของดีมากจริงๆ

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

กบิลจับหลัก 1 องคุลี เนื้อไม้รัก จุ่มรักดำ สุดยอดจริงๆ "ลิง หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว" เสด็จเตี่ยเห็นกับตา!! ทหารเรือทะเลาะกัน จ้วงแทงจนเสื้อขาด แต่ไร้ร่องรอย สาธุ..วัตถุมงคล แห่งแปดริ้ว “ลิงแกะ” หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว พุทธานุภาพแคล้วคลาด หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ท่านจะมีชื่อเสียงมากทางด้านลิง และเป็นเจ้าของเหรียญที่แพงที่สุดในเมืองแปดริ้ว เหตุที่ทำให้เหรียญท่านแพง เพราะประสบการณ์เรื่องความเหนียว ที่เล่าขานกันไม่จบสิ้น เพราะมีเยอะจริงๆ

หลวงพ่อดิ่ง ท่านน่าจะออกเครื่องรางตั้งแต่ยังหนุ่มๆ น่าจะไม่ถึงอายุ 40 พรรษา (เหตุที่ทราบ เพราะลิงของท่านไปแสดงอภินิหาร ต่อพระพักตร์เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ) ว่ากันด้วยเรื่องตำนานและพุทธคุณอันลือเลื่องของ กบิลจับหลัก หรือลิงถือกระบอง ของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว มีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ครั้งนั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จในกรมฯ) ได้เสด็จตรวจการทหารเรือผลัดใหม่แถบลุ่มแม่น้ำแม่กลอง และบางปะกง ในวันนั้นเป็นวันเข้าประชุมต้อนรับทหารใหม่ หลังจากเสด็จในกรมฯ กล่าวให้โอวาท ท่านจึงได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่ปลุกเสกด้วยพระองค์เอง ให้กับเหล่าทหารใหม่เหล่านั้น ซึ่งบางคนก็เป็นปกติดี แต่มีอยู่ประมาณ 20-30 คนที่เกิดอาการของขึ้น ลุกขึ้นเต้นเหมือนลิง แล้ววิ่งออกจากแถวทหารไป เสด็จในกรมฯ จึงมีรับสั่งให้ช่วยกันจับทหารเหล่านั้น เพื่อจะนำตัวมาสอบถาม เมื่อท่านได้ตรัสถามว่าเป็นศิษย์ของใคร มีวัตถุมงคลอะไรติดตัวมา เหล่าทหารกล้าก็ตอบว่าเป็นศิษย์ของ “หลวงพ่อดิ่ง” มีรากไม้แกะรูปลิงติดตัวมา แล้วก็นำออกมาให้เสด็จในกรมฯ ทอดพระเนตร เสด็จในกรมฯ ได้ทอดพระเนตรก็ตรัสขึ้นว่า อาจารย์องค์นี้เก่ง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความศรัทธาที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ มาจวบจนปัจจุบัน ในบรรดาเครื่องรางของขลังต่างๆ นั้น จะมีอยู่ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า "ลิงแกะ" หรือ "หนุมานแกะ" ที่เลื่องชื่อลือชามีอยู่เพียง 3 สำนัก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง คือ ลิงแกะหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา, หนุมานแกะ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จ.นนทบุรี, องคต หลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ จ.สมุทรปราการ

พระครูพิบูลย์คณารักษ์ หรือที่รู้จักในนาม หลวงพ่อดิ่ง คังคสุวัณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางวัว หรือวัดอุสภาราม จ.ฉะเชิงเทรา หนึ่งในพระเกจิชื่อดังในอดีตจนถึงปัจจุบัน วัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังของท่าน ล้วนเป็นที่นิยมสะสมของพุทธศาสนิกชน และนักนิยมสะสมพระเครื่องและเหรียญคณาจารย์ ผู้มีไว้ต่างหวงแหน โดยเฉพาะที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษคือ "ลิงแกะ" ที่แกะจากรากต้นรัก และรากต้นพุดซ้อนอันทรงพุทธานุภาพ ผู้ที่มี “ลิงแกะ” หลวงพ่อดิ่งส่วนใหญ่ จะใช้คาถาหนุมาน หลวงพ่อดิ่งด้วย โดยเริ่มจากตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าพระคาถาดังนี้ “หะนุมานะ นะมะพะทะ” อุปเท่ห์การใช้พระคาถาดังกล่าว คือ ให้เสกตามกำลังวัน เช่น เสาร์ 10 อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 เป็นต้น เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่ ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์เจิมหน้าผาก ถ้าไปหาคนรัก ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์วนรอบสะดือข้างซ้าย(ทักษิณาวัตร) ไปหาผู้ชาย ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์วนรอบสะดือข้างขวา (ทวนเข็มนาฬิกา)

ถ้าจะทำให้เขาหลับทั้งบ้าน ให้เอาลิงปลุกเสกพระคาถาตามกำลังวัน แล้วนำไปวางไว้ที่เสาเอกของบ้าน คนในบ้านจะหลับหมด เพราะโดนฤทธิ์ของหนุมานสะกดไว้ ถ้าเราจะทำให้ศัตรูเคลิบเคลิ้ม ให้เอาลิงอมไว้ในปากแล้วเสกตามกำลังวัน เป่าลมออกไป ศัตรูจะงวยงงทำอะไรไม่ถูก เป็นจังงัง นอกจากนี้แล้ววัตถุมงคลของหลวงพ่อดิ่ง มีอยู่มากมายหลายอย่าง เช่น เหรียญ ตะกรุดโทน และตะกรุด 7 ดอก ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ลูกอมผงดำเจ็ดพญาช้างสาร และหนุมาน ที่เรียกกันว่า ลิงหลวงพ่อดิ่ง สามารถจำแนกแยกเป็น 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ถือพระขรรค์, พิมพ์ถือกระบอง, พิมพ์ถือตรีสามง่าม, พิมพ์นั่งสมาธิ (ลิงจำศีล), สุดท้ายเป็นพิมพ์พิเศษ ปิดตาอธิษฐานลาภ ซึ่งจะมีน้อยที่สุด

ปัจจุบันชื่อ หลวงพ่อดิ่ง คังคสุวัณโณ ยังคงเป็นที่รำลึก และเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์โดยถ้วนหน้า วัตถุมงคลต่างๆ ของท่านก็ยังคงได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างสูง ส่วนวัดที่ยังรักษาเอกลักษณ์ “ลิงแกะมือ” ตำรับหลวงพ่อดิ่ง คือ หลวงพ่ออนันต์ วิสุทโธ หรือ พระครูวิสุทธิ์สมุทรคุณ เกจิดังแห่ง “วัดบางพลีน้อย” ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งท่านรับการถ่ายทอดวิชาจาก หลวงพ่อฉิม พรหมโชติ และหลวงพ่อแถบ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย ซึ่งทั้ง 2 รูปเป็นศิษย์หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว

การสร้าง กบิลจับหลัก ของหลวงพ่อดิ่งนั้น ท่านเริ่มจากการหาต้นพุดซ้อน หรือต้นรักซ้อน ที่มีรากชอนไชไปทางทิศตะวันออก ซึ่งผู้ทำพิธีขุดพลีรากไม้จะต้องนุ่งขาวห่มขาว สมาทานศีล และเมื่อพลีเสร็จแล้วจึงขุดเอารากขึ้นมา โดยต้องระวังไม่ให้เงาคนขุดไปทับต้นที่จะพลี และขณะขุดต้องภาวนาคาถาตลอดเวลา เมื่อได้รากมาแล้วหลวงพ่อดิ่งจะนำมาตากแดดตากลมให้แห้ง ก่อนนำมาให้ช่างแกะเป็นลิงถือตรี พระขรรค์ หรือกระบอง ที่เรียกกันว่า ลิงจับหลัก หรือ กบิลจับหลัก ซึ่งขนาดนั้นต้องสูงไม่เกิน 1 องคุลี ความกว้างก็ขึ้นอยู่กับขนาดของรากพุดซ้อน หลวงพ่อดิ่งจะคำนวณหาฤกษ์ยามที่เหมาะสมในการปลุกเสก โดยจะต้องปลุกเสกให้ครบ 7 เสาร์ 9 อังคาร เมื่อได้ฤกษ์ก็จะนำลิงแกะทั้งหมดใส่ในบาตร และนั่งปลุกเสกจนลิงสามารถกระโดดออกจากบาตรได้ ลิงตัวไหนไม่กระโดด ท่านก็จะใช้เหล็กจารจิ้มไปที่ก้น แล้วก็ปลุกเสกต่อจนจะกระโดดออกจากบาตรจนหมดทุกตัว ในปี พ.ศ.2483 หลวงพ่อดิ่งทำพิธีปลุกเสก กบิลจับหลัก ครั้งใหญ่ มีการทำพิธีตัดไม้ข่มนาม มีการเอาหนังเสือมาปู ทับอาวุธนานาชนิด แล้วหลวงพ่อดิ่งก็ขึ้นไปนั่งปลุกเสกบนหนังเสือ เพื่อปลุกเสกจนสว่าง โดยที่หลวงพ่อดิ่งไม่ลุกขึ้นไปไหนเลยขณะที่ปลุกเสกลิงจับหลัก เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้นลง จึงนำกบิลจับหลักมาแจกแก่บรรดาลูกศิษย์ที่ต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มทหาร

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

บูชารายการ กบิลจับหลัก 1 องคุลี เนื้อไม้รัก จุ่มรักดำ สุดยอดจริงๆ "ลิง หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว"

 

-ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

ประคำกราม ช.แกะ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี ปี 2524 นับวันจะหามายังยากเลย ขนาดมาตรฐานของหลวงพ่อ จะใช้แขวนรถ หรือห้อยคอ เพื่อเป็นสิริมงคลก็ได้ และเส้นที่นำมาเสนอนี้ คงสภาพสวยสมบูรณ์มาก เส้นยาว เป็นประคำเม็ดขนาดเล็ก ซึ่งพบน้อย หายากมาก

ประคำกราม ช. ยุคต้น หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี เป็นวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของหลวงพ่ออุตตมะมาเป็นเวลาเนิ่นนานหลายสิบปีมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลวงพ่ออุตตมะเข้ามาอยู่ในเมืองไทยใหม่ ๆ หลวงพ่อท่านก็ได้นำประคำมาแจกให้กับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่าน นอกจากจะให้ช่วยปกป้องคุ้มครองตัว และเป็นเมตตามหานิยมแล้ว ยังมีนัยเพื่อให้เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ

หลวงพ่ออุตตมะสร้างตามตำรามอญโบราณ สำหรับผู้ที่เคยไปนมัสการหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ภาพที่พบเห็นหลวงพ่อท่านจะนั่งทักทายลูกศิษย์ลูกหาพร้อมร้อยพวงเม็ดประคำของท่านไปด้วย และคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องได้ประคำสายหลากหลายชนิดติดคอกลับมาแทบทุกคน “เห็นประคำก็เหมือนได้เห็นหลวงพ่อ ถ้าได้พบเจอหลวงพ่อก็ต้องได้เห็นประคำ” ดังนั้น ประคำ จึงเปรียบเสมือนเครื่องรางที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่ออุตตมะมาเนิ่นนานแล้ว ซึ่งแต่ละชนิดก็สร้างจำนวนไม่มาก

ประคำของหลวงพ่ออุตตมะ ที่หลวงพ่อท่านให้นั้น ก็ไว้เพื่อพกพาติดตัว ติดรถติดบ้าน เพื่อความปลอดภัย แคล้วคลาด เมตตามหานิยม บันดาลโชคลาภ อีกทั้งไว้ฝึกจิตนับลูกประคำสำหรับทำสมาธิในแต่ละครั้ง ระลึกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนคุณครูบาอาจารย์

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

-ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระผงญาณวิลาส หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เนื้อสีเทา มวลสารที่นำมาจัดสร้างพระผงญาณวิลาส เป็นมวลสารที่นับว่าสุดยอดและยากต่อการเก็บรวบรวม โดยได้รับมอบมาจาก ร.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร เป็นผู้นำมาถวายหลวงพ่อแดง เพื่อขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคล ใช้เวลารวบรวมมวลสารพุทธคุณนานกว่า 20 ปี หลังจากป่นผงพุทธคุณแล้ว นำผงเข้าผ่านพิธีพุทธาภิเษกอีกกว่า 250 วัด จากคณาจารย์กว่า 5,000 รูป ตั้งแต่ปี 2489 - 2509 เริ่มกดพิมพ์ แล้วเสร็จประมาณปี 2511 หลวงพ่อแดงได้ทำพิธีประจุพระพุทธคุณอีก 3 ไตรมาส (3 พรรษา) ตั้งแต่ปี 2511-2513 พระผงญาณวิลาศนั้น เข้าใจว่าสร้างประมาณ 40,000 องค์ สร้างเพียงรุ่นเดียว และทำลายพิมพ์ทั้งหมดแล้ว

พิธีพุทธาภิเษก
1. วัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี ซึ่งสร้างพระบูชา ภปร. เป็นครั้งแรก ปี2506/9 วัน 9 คืน
2. วัดชัยชุมพลชนะสงคราม กาญจนบุรี ปี 2507
3. วัดเดิมบาง สุพรรณบุรี ปี 2507
4. เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ ลานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิษณุโลก เป็นพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งนเรศวร และเหรียญนเรศวรออกศึก ปี2507
5. วัดระฆังโฆสิตาราม ในพิธีหล่อพระประธาน ปี 2509
6. วัดมกุฏกษัตริยาราม ปี 2511
7. วัดพระสิงห์วรวิหาร เชียงใหม่ ในพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งนเรศวรเมืองงาย ปี 2512
8. วัดราชบพิธ ปี 2512
9. วัดป่าเลไลย์วรวิหาร สุพรรณบุรี ในพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งยุทธหัตถี ปี 2513
10. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ในพิธีพุทธาภิเษก พระกำแพงศอกของทางวัด ปี 2513
11. วัดเวฬุราชิน ธนบุรี ในพิธีพุทธาภิเษก เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช ปี 2513
12. วัดพันอ้น เชียงใหม่ ในพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งรอดภยันตราย ปี2513
13. วัดนางพญา พิษณุโลก ปี 2514
14. พิธีพุทธาภิเษก ที่ค่ายอดิศร สระบุรี ปี 2514
15. วัดโสธร ฉะเชิงเทรา ปี 2514
16. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก ปี 2515

การสร้างพระผงญาณวิลาศ สร้างขึ้นจากผงต่างๆดังนี้
1.ผงสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) จากวัดระฆัง ผงวัดใหม่อมตรส (บางขุนพรหม) วัดอินทรวิหาร เฉพาะวัดอินทร์นี้ นอกจากพระผงสมเด็จที่หักป่นแล้ว ยังได้ปูนที่เป็นส่วนอุณาโลมหลวงพ่อโตจากที่มีการกระเทาะของเก่าออกเพื่อซ่อมใหม่(สมัย พล.ต.เผ่า ศรียานนท์)
2.ผงกรุวัดเงิน (คลองเตย)
3.ผงกรุวัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส)
4.ผงพระหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ธนบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ
5.ผงพระหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี
6.ผงพระหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี
7.ผงพระที่ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต สร้างพระภูธรวดี
8.ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ใบพระศรีมหาโพธิ์ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ผงปฐมัง ผงตรีนิสิงเห และผงอิธิเจ
9.ทองที่ปิดหลักเมือง ตามเมืองสำคัญ ๆ ทั่วราชอาณาจักรไทย
10.เศษทองซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงเททองไว้ตามวัดต่างๆ รวม 9 วัด คือ วัดบวรนิเวศ , วัดมกุฏ , วัดราชบพิตร , วัดพระเชตุพน , วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ , วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี , วัดเทวสัฆาราม จ.กาญจนบุรี ซึ่งสร้างพระพุทธรูป ภปร.เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2506 และฉนวนพระกริ่งต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก
11.ทรายจากพระราชวังไกลกังวล พระราชนิเวศมฤคทายวัน
12.ดินใจกลางเมืองที่เป็นมงคล รวม 9 เมือง คือ ชัยภูมิ ชัยนาท ชัยบาดาล พิชัย เด่นชัย ไชยยา มหาชัย นครชัยศรี และหริภุญไชย
13.ดินโป่ง 7 โป่ง ของเมืองกาญจนบุรี ที่มีปีศาจแรง และสัตว์ร้ายชอบกิน คือ โป่งนางาม โป่งสามพราน โป่งพรานเฒ่า โป่งเขาบาง โป่งแม่แฉลบ และโป่งศรีสวัสดิ์
14.เหล็กยอดปราสาท 7 ยอด เหล็กยอดเจดีย์ 7 ยอด เหล็กบ่อน้ำพี้ เหล็กตะปูหัวเห็ด เหล็กครึ่งปั้นลม เหล็กหลักประตู และเหล็กสลักเพชร ทองคำขาวบริสุทธิ์(24 K) ที่ขุดได้จาดวัดดงศักดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
15.น้ำพระพุทธมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกจากวัดต่างๆรวม 109 วัด เทียนชัยจากวัดต่างๆ รวม 109
16.ไม้ที่เป็นมงคล เช่น ชมภู่ มะขาม มะยม กาหลง รักซ้อน กาฝากชมภู่ กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน ใบหนาดไม้และรากชัยพฤกษ์ ขนุน พยุง ว่าน 108 เกษร 108 ฯลฯ

XXXบูชาแล้วXXX

 

เหรียญสองหน้า “มนุษย์เหนือโก” หลวงพ่อใหญ่ (แม่ชีแม้น) หลังหลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์ รุ่นแรก เนื้อทองแดง สายวัดถ้ำกระบอก (มนุษย์เหนือโลก หลวงพ่อใหญ่) เป็นวัตถุมงคลที่วัดถ้ำกระบอกได้แจกให้กับศิษย์ ผู้ที่มาอดยา ให้ไว้เป็นที่เตือนสติ ในเรื่องการถือ “สัจจะ” ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ ในด้านการแคล้วคลาดสูง สำหรับศิษย์สายวัดถ้ำกระบอก เป็นที่รู้กันในสมัยที่ หลวงพ่อใหญ่ (แม่ชีแม้น) หลวงพ่อจรูญ ปานจันทร์ (หลวงพ่อแมกไซไซ) และผู้น้อง หลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์ วัตถุที่นำลงให้ชมนี้ เป็นรุ่นแรก ๆ ทรงเหรียญรูปไข่ ด้านหน้า “มนุษย์เหนือโลก” ด้านหลังหลวงพ่อจรูญ , และหลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์ เนื้อทองแดง วัตถุมงคลของดี ราคาเบา อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาด ของดีมากประสบการณ์ บอกได้เท่านี้

หลวงพ่อใหญ่ ประวัติแรกเริ่ม แม่ชีเมี้ยน เกิดที่อำเภอหนองแก้ว จังหวัดลพบุรี และย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ใกล้กับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ต่อมาได้บวชเป็นชี ที่วัดคลองเม่า และได้ชักชวนหลานชาย คือ ท่านเจริญ ปานจันทร์ มาบวช และต่อมาท่าน จำรูญ ปานจันทร์ ได้ตามมาบวช จนกระทั่ง ปี พุทธศักราช ๒๕๐๑ จึงได้นำพระ ๖ รูป และ สามเณร ๓ รูป ขึ้นไปพำนัก ที่ถ้ำกระบอก โดยพระสำนักถ้ำกระบอกนี้ มีลักษณะที่ท่านได้กล่าวว่า เป็นพระพุทธกาล คือ ฉันมื้อเดียว รวมกันในบาตร เรียกการฉันลักษณะนี้ว่า "เอกากังคัง" รถเรือไม่ขึ้น จะไปไหน ต้องเดิน ไม่มีการยกเว้น แม้จะอาพาธ, เงินทองไม่รับ ไม่มีการรับเงิน และถือเงินโดยเด็ดขาด ถือธุดงค์เป็นวัตร คือ มีการเดินธุดงค์ทุกปี ประมาณ สามเดือน ลักษณะเด่นอีกอย่างที่คนสมัยนั้นเรียกพระถ้ำกระบอก ก็คือ พระกรรมกร อันเนื่องจากเหตุของคำสอนจากแม่ชีเมี้ยน ที่ว่า พระพุทธกาล กินแล้วไม่นอน และคำกล่าวขานที่พระถ้ำกระบอกเรียกแม่ชีเมี้ยน คือ หลวงพ่อใหญ่ โดยมีนามของท่าน คือ "องค์เขตะมารัจจะ" หรือ "องค์โลกุตระธรรม" และเป็นผู้ที่สร้างบทสวด หลายร้อยบท อันเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำกระบอก ที่ไม่เหมือนสำนักสงฆ์ใดๆ อันเป็นที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง เพราะท่านไม่รู้หนังสือ ไม่เน้นศีล แต่เน้นที่การถวายและทำสัจจะ หรือ ที่เรียกกันว่า "สัจจะธรรม" การกระทำใดๆ ของทั้งสงฆ์และฆราวาส จะกระทำโดยการถวายสัจจะ เป็นข้อๆ มีระยะเวลา อีกทั้งไม่มีการสร้าง โบสถ์ วิหารหรือ กฐิน ผ้าป่า ใดๆ

นางพญารุ่นแรก ยันต์ตรีนิสิงเห "ติดเกศาทองแดงคงกระพันงอกยาวได้เอง" หลวงพ่อวิเชียร วัดเนินสุทธาวาส ชลบุรี พระผงสรงน้ำยุคต้นปี 2500 หายากมาก ไม่ค่อยพบ หลวงพ่อวิเชียร วัดเนินสุทธาวาส ชลบุรี พระเหนือโลกที่สร้างวัคถุมงคลพิสดารสุดๆ

หลวงพ่อวิเชียร วชิโร จอมมังเวทย์สหายธรรมคู่บุญพระครูพิศิษฐชโลปการ (หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาสผู้สร้างหนุมานดั่งมีชีวิต มากประสบการณ์) ท่านมีฉายาที่สาธุชน และลูกศิษย์วัดเนินฯ กล่าวขวัญถึงหลวงพ่อ คือ “หลวงพ่อจอมขมังเวทย์” ที่มีฉายาดังกล่าว เพราะหลวงพ่อวิเชียร ท่านชอบสงเคราะห์ญาติโยมในทางแก้ไขเรื่องเร้นลับ กำราบภูตผีปีศาจ หรือสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นพิเศษ บุคคลทั่วๆไป จึงมองหลวงพ่อทั้งสองมีคุณวิเศษต่างกันไป ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือ “หลวงปู่เกลี้ยง ท่านจะเก่งทางบุ๋น” หมายถึงด้านการพัฒนา การปกครอง ด้านเมตตามหานิยม รักษาสงเคราะห์คลายทุกข์ด้วยความเย็น ส่วน “หลวงพ่อวิเชียร ท่านจะเก่งทางบู๊” หมายถึงด้านคงกระพัน มหาอุตม์ ปราบปรามสิ่งเลวร้าย ขจัดปัดเป่าด้วยความร้อนจากไฟคุณธรรม แม้จะอยู่ ณ สถานที่เดียวกันแต่ทั้งสองก็หาได้แข่งบารมีกันไม่ ในทางตรงกันข้ามกลับช่วยกันพัฒนาวัดเนินสุทธาวาสให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้

สมญานาม “หลวงพ่อเชียรจอมขมังเวทย์ ถ้าไล่ผีแล้วไม่มี ที่ไม่ไป” แม้แต่หลวงปู่เกลี้ยงเอง ก็ยังชื่นชมในความสามารถด้านนี้ของท่าน สำหรับการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อวิเชียร ก็มีเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหลวงพ่อมักเกิดนิมิตพิเศษเกี่ยวกับวิธีการสร้างวัตถุมงคลต่างๆที่ผิดแผกแตกต่างไปจากสำนักอื่นๆตัวอย่างเช่นมวลสารที่จะนำมาทำก็เกิดจากหลวงพ่อนิมิตว่าสถานที่ไหนมีของทนสิทธิ์,ของมงคลที่เชื่อว่ามีดีอยู่ในตัวอยู่แล้วเช่นคด,แร่พระร่วง,ปรอท,ว่าน,มะขามกลาย รวมเวลาทั้งหมดที่รวบรวมมวลสารวิเศษเหล่านี้๒๒ปี ตอนแรกๆลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่พอไปขุดค้นหามวลสาร ต่างก็พบตามคำพูดของหลวงพ่อทุกครั้งไปราวกับหลวงพ่อมี “ตาทิพย์”

รูปกรอบอะคริลิค ไอ้ไข่วัดเจดีย์ สรงน้ำ 63 รุ่นแรก หลวงพ่อใจ ฐิตาจาโจ วัดพระยาญาติ จ.สมุทรสงคราม , พ่อท่านผอม ฐาวโร วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช , พระอาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดเจดีย์(ไอ้ไข่) อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2563 โดยพระเถราจารย์ วัดเจดีย์(ไอ้ไข่) อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พุทธคุณด้าน โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาด ปลอดภัย ขอสิ่งใดสมปรารถนา

รูปอัดกระจกและรูปอคริลิค **รุ่นแรก** กว่าจะเป็นรูปอัดกระจก และ รูปอคริลิค รูปไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 ต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน รูปมีวิธีการทำสามแบบ กระดาษฟิล์มสองชนิดแต่ละชนิดก็มีขั้นตอนการทำแตกต่างกันมากโดยชนิดแรกเป็นกระดาษฟิล์มอย่างดี ชนิดที่สองเป็นกระดาษฟิล์มนำเข้าซึ่งกระดาษฟิล์มนำเข้านี้จะเคลือบด้วยเงิน ซึ่งข้อแตกต่างในการทำรูปอัดกระจกเนื้อทองคำและเงินจะใช้กรรมวิธีหนึ่ง เนื้อทองฝาบาตรใช้อีกกรรมวิธีหนึ่ง และอคริลิคก็ใช้อีกกรรมวิธีหนึ่ง ซึ่งมาดูความยากและง่ายของการผลิตกัน รูปอะคริลิค ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 ทั้ง 2 แบบ คร่าวๆ 4 ขั้นตอน

1.ใช้กระดาษฟิล์มปริ้นส์อย่างดี

2.นำมาปริ้นด้วยน้ำหมึกเฉพาะ

3.ปั๊มยันต์/ตอกโค๊ต

4.ตัด/ใส่กรอบอคริลิค มี 2 แบบ


รูป(ขาวดำ)อัดกระจก ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63เนื้อทองฝาบาตร คร่าวๆ 12 ขั้นตอน

1.สั่งฟิล์มชนิดพิเศษ เพื่อใช้ทำเนกกาทีฟ(นำเข้า)

2.ฉายแสงบนกระดาษซิลเวอร์ปริ้นส์(กระดาษปริ้นส์แบบโบราณ)

3.แช่กระดาษฟิล์มในน้ำยาสร้างภาพ((developer)

4.นำกระดาษมาแช่ในน้ำยาหยุดสร้างภาพ(stop bath)

5.แช่น้ำยาคงสภาพ(fixer)

6.ล้างน้ำยาคงสภาพจนเกลี้ยง(Hypo clearing)

7.รันน้ำ คือนำกระดาษมาแช่น้ำเปิดให้น้ำไหลตลอด (กระบวนการ 2-7 จะทำในห้องมืดเก็บแสง)

8.เมื่อสะอาดแล้วนำไปตากแห้ง

9.นำไปรีด ด้วยเครื่องรีดกระดาษโดยเฉพาะ

10.หลังจากรีดแล้วนำไป ปั๊มยันต์หลัง,ตอกโค๊ต,ตัดเป็นชิ้น

11.นำไปอัดกระจก ด้วยกระกระจกชนิดบางพิเศษ(กระจกนำเข้า) ทาน้ำยาโดยรอบ

12.นำไปใส่กรอบทองฝาบาตร

รูป(ซีเปีย)อัดกระจก ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 เนื้อเงิน,ทองคำ,นาก คร่าวๆ 16 ขั้นตอน

1.สั่งฟิล์มชนิดพิเศษ เพื่อใช้ทำเนกกาทีฟ*(นำเข้า)

2.ฉายแสงบนกระดาษซิลเวอร์ปริ้นส์(กระดาษปริ้นส์แบบโบราณ)

3.แช่กระดาษฟิล์มในน้ำยาสร้างภาพ(developer)

4.นำกระดาษมาแช่ในน้ำยาหยุดสร้างภาพ(stop bath)

5.แช่น้ำยาคงสภาพ(fixer)

6.ล้างน้ำยาคงสภาพจนเกลี้ยง(Hypo clearing)

7.รันน้ำ คือนำกระดาษมาแช่น้ำเปิดให้น้ำไหลตลอด (กระบวนการ 2-7 จะทำในห้องมืดเก็บแสง) จะได้เป็นภาพขาวดำปกติในขั้นตอนแรก.. ต่อจากนั้นจึงจะนำมาทำเป็นภาพซีเปีย+

8.นำภาพที่ทำใว้มาแช่น้ำสะอาด

9.แช่น้ำยา A (บรีทหรือฟอก)ใช้เวลา 5 นาที

10.ทำความสะอาดแล้วแช่น้ำยา B (สร้างภาพอีกครั้ง)

11.ล้างทำความสะอาดแล้วตากแห้ง

12.นำไปรีด

13.นำไป ตัด,ปั๊มยันต์,ตอกโค๊ต

14.นำไปอัดกระจก ด้วยกระกระจกชนิดบางพิเศษ(กระจกนำเข้า) ทาน้ำยาโดยรอบ

15.นำไปหุ้ม เงิน,นาค,ทองคำ

16.นำไปให้พ่อท่านแว่นจารมือ

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการทำรูปไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 จะมีวิธีการทำที่สลับซับซ้อน ช่างภาพจะเข้าใจตรงจุดนี้ดี เพื่อให้เป็นงานที่มีคุณภาพคุ้มราคา ถามว่ารูปไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 ของแต่ละชนิดต่างกันไหม ตอบได้เลยว่าต่างกันพอสมควร ด้วยเกรดวัสดุและกรรมวิธี เหมือนการทำรูปซีเปียอัดกระจกจะอยู่ได้นานนับร้อยปี ตามที่เราเคยเห็นรูปซีเปียแท้ๆ ของภาพเก่าๆ โดยภาพจะขึ้นปรอทด้วยเหตุผลการใช้น้ำยาทำปฏิกิริยากับเงินที่เคลือบผิวฟิล์ม ทำให้รูปซีเปียมีการสะท้อนแสงที่สวยงามและเป็นธรรมชาติยิ่งเก่าก็จะยิ่งสวย โดยบริษัทผู้จำหน่ายยืนยันคุณภาพว่าสามารถอยู่ได้เป็นร้อยปี ในส่วนของรูปขาวดำอัดกระจกทองฝาบาตรก็จะใช้ฟิล์มคุณภาพตัวเดียวกัน แต่ความสวยจะต่างกันเมื่อวันเวลาผ่านไป เพียงแต่ความทนทานอายุการใช่งานพอๆกัน ผิดกับรูปอคริลิคที่ใช้คุณภาพกระดาษฟิล์มที่ด้อยกว่า อายุการใช้งานทางบริษัทยืนยันถึง 30 ปี หากมีการรักษาที่ดีก็จะยืดอายุได้มาก เป็นความแตกต่างว่าเหตุไฉนราคาจึงต่างกัน และเป็นข้อมูลเพื่อเอาไว้ใช้ในการศึกษาสะสมรูปไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63

พิธีพุทธาภิเษกรุ่นสรงน้ำ 63 ปลุกเสกพิธีใหญ่ 2 เมษายน 63 ณ วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พิธีเททองหล่อนำฤกษ์ รูปเหมือนไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นสรงน้ำ 63 โดยหลวงพ่อใจ ฐิตาจาโจ วัดพระยาญาติ จ.สมุทรสงคราม , พ่อท่านผอม ฐาวโร วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช , พระอาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ เป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกด้วยมวลสารมงคล ถูกต้องตามหลักพิธี สิ่งสำคัญที่ทางวัด ขาดไม่ได้ และต้องให้ความสำคัญ คือ ของทุกชิ้นที่จัดสร้าง ต้องส่งมาถึงวัดก่อนพิธีปลุกเสก และนำของทุกชิ้นเข้ามณฑลพิธีก่อนพุทธาภิเษก และปลุกเสก 1วัน เพราะก่อนถึงพิธีการจัดมณฑลพิธีเป็นเรื่องสำคัญมาก หญ้าคารอง ปูผ้าขาว ต้องห่อปิดมิดชิดด้วยผ้าขาว วงด้ายสายมงคล เริ่มจากองค์พระประธาน ผ่านกลางพิธี จนมาถึงองค์พระพุทธรูปประจำทิศ ที่สายมงคลต้องมาลงที่นี้ก่อนๆไปวนผูกรอบวัตถุมงคลและมาที่หม้อน้ำมนต์ เพื่อให้เกจิคณาจารย์ได้จับบริกรรมปลุกเสก สายสิญจ์การผูกต้องมีสะดือเปรียบดังสายรก ที่มารดาให้อาหารบุตรในท้อง และเดินไปยังตู้เทียนชัย ขันสาครน้ำมนต์ ซ้ายขวา ก่อนกลับวนไปรอบมณฑล มีเส้นกลาง สี่เหลี่ยมรอบ และเส้นแทยง ดุจยันต์ตรีสิงเห จากนั้น ก็ตีเป็นเพดานยันต์ ทางวัดเจดีย์ท่านเจ้าอาวาสกำหนดยันต์มหาจักรพรรดิตราธิราช ห้องของพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ ก่อนทุกเส้นมาบรรจบมารวมกันตรงกลางที่สายสะดือยันต์อีกครั้ง ก่อนจะแยกสายแต่ละเส้นมาตรงพระประจำทิศ (การนับทิศจึงควรไปตามทักษา อา. จ. ค. พ. ส. ห. ราหู ศ. พระเกตุคือตรงกลาง) สายทุกเส้นห้ามตัดและเวียนขวา หากเส้นใดหมด ในขณะที่ยังต้องเดินสายสิญจ์ต่อไป ก็ต้องเอาสายสิญจ์มาต่อ และให้เดินสายทุกเส้นเวียนขวาเท่านั้น เกจิคณาจารย์ ที่มี พอบอกได้ เช่น หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ ,หลวงพ่อใจ วัดวังหลวง, พ่อท่านวิชัย จ ชัยนาท ,พระแช้มป์ ชลบุรี ,พ่อท่านสมนึก, พ่อท่านชัย, พ่อท่านนึก ปากพนัง ,พ่อท่านหม้อ วัดแหลมหัวไทร, พ่อท่านโรจน์ วัดเบิก, พ่อท่านแมว วัดคลองฉนวน, พ่อท่านบ่าว วัดโพธิ์แก้วประสิทธิ์, พ่อท่านชอบ วัดหน้าธาตุ, อาจารย์วัดยางใหญ่ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ ,อาจารย์กุย วัดคลองรี สงขลา, อาจารย์วัตร วัดปากนคร, อาจารย์จอย วัดสวนหลวง, นายฉันทิพย์และคณะเจ้าพิธีฆราวาส ส่วนหลวงพ่อเอียด ,หลวงพ่อผอม และ อาจารย์ติว ท่านมาประกอบตอนเริ่มสร้าง และยังปลุกเสกชนวนมวลสาร ในการจัดสร้างแล้ว วันปลุกเสกยังอุตสาห์สวดมนต์อธิษฐานจิตให้ด้วย

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

-ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระชัยวัฒน์ พิมพ์พระประธานพ์เล็กฐานสูง เนื้อตะกั่วผสมปรอท หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณบุรี พิเศษมีจาร หายาก (พระประธานเล็กและใหญ่นี้ แม้ว่าสมัยหลวงพ่อเนียมท่านมีชีวิตอยู่ มักจะนำมาแจก แต่ก็อาจไม่ใช่พระที่ท่านสร้างเอง แต่น่าจะเป็นพระที่กรุแตกออกมาจากเจดีย์ตามวัดต่างๆ มากกว่าเพราะส่วนใหญ่จะพบว่ามีสนิมแดง และเป็นเนื้อตะกั่ว แต่ในขณะที่พิมพ์อื่นๆของหลวงพ่อเนียมนั้น ไม่เป็นสนิมแดงแต่เนื้อหาจะเหมือนผสมปรอท เข้าใจว่าพระเครื่องที่หลวงพ่อเนียมสร้างด้วยเนื้อตะกั่วนั้น ก็คงเอาตะกั่วมาจากพระเหล่านี้ที่ชำรุด แต่ได้ผสมปรอทลงไปในเนื้อพระด้วย พระเครื่องของท่านจึงไม่ใช่ตะกั่วเพียวๆ แต่ที่ผ่านมา พระพิมพ์นี้ได้เล่นหาเป็นของหลวงพ่อเนียมมานานแล้ว แถมมีประสบการณ์ทางแคล้วคลาดคงกระพัน และมหานิยม มาตลอด จึงมีค่านิยมสูง)

พระเครื่องหลวงพ่อเนียม เป็นพระเนื้อตะกั่วผสมปรอท มีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า เนื้อพระของหลวงพ่อเนียมนั้น มีส่วนผสมของเนื้อชินเก่าที่ได้จากพระกรุวัดพระธาตุ นำมาผสม แล้วใช้ปรอทหยอดให้เป็นตัวประสานและรักษาเนื้อพระ ปรอทที่ใช้เป็นปรอทที่ต้องดักจับ ซึ่งถ้าไม่สำเร็จวิชาเรียกธาตุ ก็ไม่สามารถทำได้ การทำพระของหลวงพ่อเนียม จึงไม่ใช่ของง่าย ส่วนผสมพระของท่านล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรอท ซึ่งไม่เหมือนปรอทวิทยาศาสตร์แบบปัจจุบัน ปรอทเป็นสิ่งมีชีวิตในทางไสยศาสตร์ การทำปรอทให้แข็งในสมัยโน้นไม่ใช่ของง่ายนัก ก็ต้องใช้คาถาอาคม ต้องทำในฤดูฝนฤดูเดียวเท่านั้น เพราะพืชบางอย่าง เช่น ใบแตงหนู ซึ่งขึ้นในท้องนา จะขึ้นในฤดูฝน ส่วนผสมต่างๆ มีใบสลอด, ข้าวสุกหลวงพ่อท่านเอาของสามอย่างมาโขลกปนกันเพื่อไล่ขี้ปรอทออกให้หมด ทั้งนี้เพื่อให้ได้ปรอทขาวที่สุด การโขลกจะต้องโขลกและกวนอยู่ถึง ๗ วัน จึงจะเข้ากัน พอครบ ๗ วันเอาไปตากแดด เสร็จแล้วนำเอาไปกวนต่อจนเข้ากันดี จึงทำการแยกชั่งเป็นส่วนๆ ส่วนละหนึ่งบาท ต่อจากนั้นเอาไปใส่ครกหิน เติมกำมะถันและจุนสีโขลกตำให้เข้ากัน โดยใช้เวลาทำตอนกลางคืนเท่านั้น ทำเช่นนั้นอยู่ ๓ คืน จึงเอาปรอทใส่ลงไปในกระปุกเหล้าเกาเหลียง ผสมกับตะกั่วเอาเข้าไฟสุมอยู่ถึง ๗ วัน บางครั้งอุณหภูมิสูงจัด กระปุกเหล้าเกาเหลียงแตกเสียหายก็มี การสุมไฟสุมเฉพาะเวลากลางวัน ส่วนเวลากลางคืนทำพิธีปลุกเสกด้วยคาถาอาคม พอครบ ๗ ไฟ เทลงในแม่พิมพ์จึงจะได้พระตามที่ต้องการ

หลวงพ่อเนียม ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นเนื้อชินตะกั่ว อาทิ ตะกรุด ลูกอม พระงบน้ำอ้อย พระคงลำพูน (เกศยาว, เศียรโล้น) พระปรุหนัง พิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์ พระปิดตา พิมพ์พระเชตุพน และพิมพ์ประธานใหญ่-เล็ก พิมพ์พระถ้ำเสือ เป็นต้น

หลวงพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของมหาเกจิเถราจารย์ของเมืองสุพรรณ และสุดยอดของภาคตะวันตก เล่าขานกันสืบมาว่า หลวงพ่อเนียม เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระ และทรงวิทยาคม สำเร็จวาโยกสิณ มีอภิญญาแก่กล้า หยั่งรู้เหตุการณ์ในอดีตและอนาคต และเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

(พระพิมพ์พระประธานเล็กฐานสูงองค์นี้ เป็นเนื้อตะกั่วเข้าปรอท ที่ขึ้นไข เป็นพระแจกโดยมือ ไม่ใช่พระฝังกรุ เนื่องจากมีรอยจารโดยรอบฐานเขียง และคราบบบน้ำหมาก มีการอาราธนาใช้มานาน พระพุทธคุณของท่านมากมายยิ่งนัก ทั้งในด้านมหาอุตม์ คงกระพัน และแคล้วคลาด เป็นที่ยอมรับด้วยกันมานาน แม้แต่สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสเทโว) วัดสุทัศน์เทพวราราม , หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว , หลวงพ่อทับ วัดทอง ยังมีความเคารพนับถือ และมีพระเครื่องของหลวงพ่อเนียมในครอบครอง)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

สังกัจจายน์ ดอนอะราง หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดป่าสามัคคีธรรม(วัดป่าดอนอะราง) เป็นพระเนื้อตะกั่วเถื่อน เคลือบยางไม้ ฝังสะเก็ดดาว จารถุงเงินถุงทอง ปี 2525

พระสังกัจจายน์ครึ่งซีก ดอนอะราง (หลวงปู่หมุน ฐิตสีโลสร้าง) องค์นี้เป็นพระเนื้อตะกั่วเถื่อน เคลือบยางไม้ ที่หลวงปู่ใช้เป็นมวลสารหลักๆ สมัยที่ท่านมาอยู่ที่ดอนอะราง ระยะเวลายาวนาน 30 กว่าปี เป็นวัตถุมงคลที่ท่านสร้างเอง จารเองปลุกเสกเองกับมือ แล้วแจกชาวบ้าน ข้างหน้าฝังแร่ หลังจารถุงเงินถุงทอง พร้อมยันต์ “มะอะพะ” หัวใจโชคลาภ เด่นทางโชคลาภค้าขาย เสี่ยงโชคมาก พุทธคุณหลวงปู่ 1 บ่มี2

พระสังกัจจายน์ครึ่งซีก ที่หลวงปู่หมุนท่านสร้างพร้อมกับพระพิมพ์หลวงพ่อเงินครึ่งซีก สมัยที่มาจำพรรษาที่บ้านดอนอะราง เมื่อปี 2525 สร้างจากเนื้อตะกั่วเถื่อนเข้าปรอท แม่พิมพ์ทำจากดินเหนียวตากแห้ง โดยท่านจะวางตะกรุดหรือแร่ลงในแม่พิมพ์ จากนั้นท่านจะหลอมตะกั่วจนเหลวได้ที่ แล้วเทลงในแม่พิมพ์ พระทุกองค์จึงต้องมีคราบดินจากแม่พิมพ์ มากบ้างน้อยบาง ตามปกติของบล็อกดินเหนียว ด้านหลังจะยุบเป็นแอ่งทุกองค์ เนื่องจากเป็นบล็อกดินเหนียวหน้าเดียว คล้ายหลุมขนมครก องค์นี้สภาพสวย คราบน้ำทองกระจายแห้ง สมอายุพระ 40 ปี

พระเครื่องเนื้อตะกั่วเข้าปรอท ยุคดอนอะราง หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จัดสร้างราวปี 2525 ถือเป็นพระเครื่องเนื้อแก่ปรอท (เล่นแร่แปรธาตุ) มีมากมายหลายพิมพ์ ได้สร้างไว้ที่วัดป่าสามัคคีธรรม( ดอนอะราง) ต. ดอนอะราง อ. หนองกี่ จ. บุรีรัมย์ หลวงปู่สร้างเอง ทำน้อย หายากมาก เนื้อสวยเก่าถึงยุค ดูง่าย เป็นพระที่หลวงปู่ตั้งใจทำเองปลุกเสกเอง มีเอกลักษณ์เอกศิลป์ในองค์พระ หลวงปู่หมุนตั้งใจทำแจก สมัยที่ท่านยังอยู่ที่ดอนอะราง วัตถุที่ท่าใช้เป็นมวลสาร หลักๆ ประกอบด้วย ๑.ตะกั่วเถื่อน ๒.ปรอท ๓.แผ่นทอง ฝังอ๊อฟชั่น แต่ละอย่างไม่ซ้ำกัน ที่มาทำไมหลวงปู่สร้างพระ? ตอนแรกหลวงปู่บอกให้ ไปหากล้องถ่ายรูปมาถ่าย ท่านจะลงอักขระให้ แจกญาติโยม ท่านทำตะกรุดพรรษาหนึ่งได้ไม่กี่ดอก ตายงเลยบอกกับหลวงปู่ว่า “ไม่มีปัญญาหรอกครับ” สมัยนั้นกล้องแพง หลวงปู่ก็เลยบอก “งั้นก็ไปหามวลสารมาให้ได้ไหม จะทำของดีให้ หลวงปู่ก็บอกว่าหามาให้ได้นะ” มวลสารที่หลวงปู่ให้หา มี ๑.ตะกั่วเถื่อน ๒.แผ่นทอง ๓.ยางไม้ สีดำๆลักษณะจะเหมือนเหล็กไหล เทแบบโบราณ พระจะไม่เหมือนกันทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พุทธคุณมากมายเกินต้าน!!!

(พิมพ์สังกัจจายน์ พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง ด้วยหลวงปู่หมุนสร้างเอง ปลุกเสกเอง และกล่าวเสมอๆ กับวัตถุมงคลที่ท่านจับเสกด้วยตัวท่านเอง ว่า 1 บ่มี 2 พุทธคุณเข้มขลังดั่งแก้วสารพัดนึก บูชาติดตัวไม่ต้องหวั่นเกรง เด่นทางด้านคุ้มครอง มหาอำนาจ แคล้วคลาดปลอดภัยเมตตามหานิยมโชคลาภ นับเป็นพระประสบการณ์สูงเรื่องประสบการณ์ได้เจอกันอย่างมากมายตั้งแต่พระออกมาใหม่ๆ และเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ และผู้เช่าบูชาพระรุ่นนี้)

XXXบูชาแล้วXXX

 

เหรียญหลวงพ่อเสือ วิรุฬฺหผโล วัดสามกอ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา พ.ศ.ไม่มีจุด 2492 บล็อกยันต์แตก

หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ท่านเป็นสุดยอดพระเกจิ แห่งเมืองแปดริ้ว ผู้มีฌาณสมาบัติขั้นสูง มีพุทธาคมเข้มขลัง แก่กล้า โด่งดังมากในเรื่อง ของน้ำมนต์ ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ สมัยท่านมีชีวิตอยู่ ละแวกนั้นและพื้นที่เขตจังหวัดใกล้เคียง เช่น ชลบุรี ฯลฯ หากมีพิธี ปลุกเสกใดๆ มักจะนิมนต์ท่านเข้าร่วมเสมอ สมัยก่อน ใครที่เป็นบ้า เป็นบอ ถูกคุณไสย หรือโดนกระทำใดๆ ก็ตาม ที่ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด นำมาล่ามไว้ที่วัดไผ่สามกอ 3 วัน 7 วัน หายเป็นปลิดทิ้งทุกรายไป วัตถุมงคลของท่านเด่นดัง ด้านมหาอุด-คงกระพันชาตรีอย่างมาก ท่านเป็นเกจิอาจารย์ยุคเดียวกับ หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ,หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อคง วัดซำป่าง่าม และร่วมปลุกเสกพิธีเดียวกันเสมอๆ พุทธาคมแก่กล้าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย และท่านยังเป็นพระภิกษุสงฆ์รูปเดียวในสมัยนั้น ที่มี ตาลปัตรเป็น (รูปเสือ) วางไว้ข้าง ๆ

(มีเรื่องเล่าว่า) …หลวงพ่อไม่เคยสรงน้ำเลย แต่ทุกวันเวลาท่านอยู่ในห้อง ผู้ที่อยู่ใกล้เคียง จะได้ยินเสียงน้ำ เหมือนไหลจากฝักบัว และร่างกายของหลวงพ่อก็เปียกเอง ทั้งยังมีกลิ่นหอมเหมือนดอกลำเจียก เมื่อถึงวันเกิดของท่าน ผู้คนจะหลั่งไหลมาสรงน้ำท่าน เวลาท่านเดินลงจากกุฏิ ฝนจะตกลงมาพอดีทุกครั้ง ท่านจึงได้ฉายาว่า “พระวิรุฬหผล” ท่านเป็นผู้ที่มีจิตกล้าแกร่งมาก ได้รับการเลือกเป็นผู้นำพระออกลุกขมูลในสายแปดริ้ว รับช่วงต่อจากหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก (สุดยอดเกจิ ผู้โด่งดังด้านปลัดขิกของเมืองแปดริ้ว) ...ก่อนมรณภาพ 4 วัน หลวงพ่อได้สั่งว่า ท่านจะทำสมาธิ เจริญวิปัสสนาอยู่ในห้อง 4 วัน ห้ามไม่ให้ใครมารบกวน ครั้นครบ 4 วันตามที่ท่านสั่งแล้ว ลูกศิษย์ (คือ หลวงตาเผย) ได้เคาะประตูห้องเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ลูกศิษย์จึงเข้าไปดู พบว่า หลวงพ่อครองผ้าไตรจีวรครบถ้วน เหมือนเวลาที่มีพิธีกรรมทางศาสนามีตาลปัตรตั้งไว้ด้านขวา มีข้อความเขียนไว้ที่ผ้าสังฆาฏิว่า “เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา” ท่านนอนตะแคงขวาเหมือนหลับ สีหน้าสงบปราศจากความเศร้าหมอง ทุกคนก็ทราบทันทีว่า ท่านได้มรณภาพแล้ว วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2498

(ในปี พ.ศ. 2483 ช่วงสงครามอินโดจีน ทางราชการได้นิมนต์พระผู้มีคุณวิเศษ 109 รูป เพื่อกระทำการปลุกเสกเครื่องมงคลที่เรียกว่า “แหวนมงคล” ที่วัดราชบพิธ เพื่อแจกจ่ายแก่ทหารหาญที่ถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติ และ 1 ใน 109 รูปก็มีหลวงพ่อเสืออยู่ด้วย) ...และเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสก หลวงพ่อโสธร รุ่น “สองหน้าปี 2497” อันโด่งดังที่มีประสบการณ์เล่าขานตั้งแต่สมัยก่อน จวบจนถึงปัจจุบัน ส่วนวัตถุมงคลของท่านก็สร้างปาฏิหาริย์ให้คนที่บูชาเสมอมา เช่น เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง แขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน แล้วโดนผู้ร้ายไล่ยิง จนวิ่งไปจนมุม จึงอาราธนาถึง หลวงพ่อเสือให้ช่วย แล้วกลั้นใจเดินฝ่าวงล้อมโจรออกมาเฉยๆ รอดพ้นออกมา โดยที่ไม่มีโจรคนไหนเห็นเลย เหมือนท่านช่วยบังตาไว้ ... และยังมีเรื่องไม้เท้าของท่าน ที่ทิ้งไว้ที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งเคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมของท่าน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้ฟังว่า เคยมีพระธุดงค์ชื่อ (เสือ) ได้มานั่งปฏิบัติธรรม แล้วทิ้งไม้เท้าไว้ เมื่อถ่ายรูปไม้เท้าไว้เป็นที่ระลึก ก็ปรากฏว่า เกิดมีรัศมีขึ้นในภาพนั้น เป็นวงล้อมรอบไม้เท้าของท่าน......

(นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวประวัติ ของสุดยอดเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งของแปดริ้ว ที่มีวิชาอาคมและพลังจิตที่แก่กล้าอย่างมาก ซึ่งไม่โด่งดังมากมาย เพราะท่านไม่ชอบคุยโว โอ้อวดใดๆ แต่ท่านนั้น เก่งจริง เก่งเงียบ ที่เล่ามาข้างต้น จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งของศาสนา ความเชื่อ และความศรัทธา ตลอดจนความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเสือที่กล่าวขวัญ และเลื่องลือจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชุมชนบ้านสามกอ ตลอดจนตำบลและอำเภอใกล้เคียง รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง และทุกภูมิภาคของประเทศไทย ให้เป็นที่ปรากฏอย่างชัดเจนมาจนถึงปัจจุบันนี้)

เหรียญท่านพ่อเสือนี้ สร้างขึ้นจำนวนน้อย เมื่อทาง “วัดสามกอ”ได้ ทำการแจกจ่ายเหรียญรุ่นแรกหมดแล้ว ปรากฏว่ายังเป็นที่ต้องการของญาติโยม และผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อเสือเป็นอย่างมาก ทาง “วัดสามกอ” จึงได้จัดทำ เหรียญรูปไข่ ครึ่งองค์ ขึ้นมา เพิ่มเติมภายหลัง ไม่ได้สร้างตรงปี พ.ศ. 2492 โดยเเกะบล็อคขึ้นมาใหม่ และได้ทำการแก้ไข คำนำหน้า จาก “ท่านหลวงพ่อเสือ” เป็น “หลวงพ่อเสือ” โดยสามารถ แยกบล็อค สำคัญๆ ได้ ดังนี้

1. เหรียญหลวงพ่อเสือ บล็อค หน้าผาก 3 เส้น หลัง พ.ศ. มีจุด (นิยม พิมพ์นี้เเกะพิมพ์ใบหน้าหลวงพ่อเสือได้คมชัด สวยงามมาก)

2. เหรียญหลวงพ่อเสือ บล็อค ยันต์แตก (สร้างก่อน บล็อคหน้าผาก 3 เส้น หลัง พ.ศ. จุด)

จุดสังเกตด้านหน้าเหรียญหลวงพ่อเสือ บล็อก ยันต์แตก มีดังนี้

1. หน้าผากหลวงพ่อเสือ นูน เป็นเหลี่ยม

2. มีเส้น คมๆ แหลมเหมือนหนาม 3 เส้น ระหว่างผ้าสังฆาฏิกับซอกคอหลวงพ่อ

3. มีเส้นวิ่งคล้ายสายฝน วิ่งเป็นทิว กระจาย ใต้ผ้าสังฆาฏิหลวงพ่อเสือ

4. มีเส้นแตก จากสันจมูก ชี้ขึ้นระหว่าง หัวคิ้ว สองข้าง

จุดสังเกตด้านหลัง

1. มีเส้นแตก คมๆ ที่ยอด ยันต์เฑาะว์ ด้านขวามือเรา

2. มีเส้นแตกเชื่อม ระหว่างยันต์ตัว มะ กับยันต์ตัว อะ

3. หางเลข ๙ จะชนเชื่อมติดหางเลข ๒

3. มีเส้น แตกคล้ายปากตะขาบ ที่ยันต์ตัว อุ และยันต์ตัว อุ นี้มักจะแบน จากการปั้ม

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

มรดกแผ่นดินแดนสยาม พระสังกัจจายน์ กรุวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) 2431 พิมพ์นิยมฐานเม็ด เนื้อผงใบลาน สภาพสวย เลี่ยมพร้อมใช้ พระเนื้อผงยอดนิยม “กรุวัดท้ายตลาด” ตามในหนังสือของอาจารย์ประจำ อู่อรุณจัดพิมพ์โดยทีมงานหนังสือคเนศพร กรุงเทพฯ

“วัดท้ายตลาด” เป็นวัดโบราณแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใต้พระราชวังเดิม ปากคลองบางกอกใหญ่ฝั่งเหนือ ในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระจำพรรษา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหาศรี วัดราชสิทธิ์ เป็นพระเทพโมลี แล้วให้มาครองวัดนี้ ต่อมาจึงได้เลื่อนเป็นพระพุทธโฆษาจารย์ ต่อมาในรัชกาลที่ 2 ทรงเปลี่ยนนามพระอารามเป็น "วัดพุทไธศวรรยาวาส" ถึงแผ่นดินรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอารามโดยตลอดพร้อมกับพระอารามอื่นๆอีก และทรงเปลี่ยนนามเป็น "วัดโมลีโลกยาราม" มาจนทุกวันนี้ ณ. วัดท้ายตลาดแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานศึกษาของพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 อนึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ขุน สมัยเป็นพระพุทธโฆษาจารย์ ก็เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของรัชกาลที่ 3 และถวายพระอักษรรัชกาลที่ 4 เมื่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ขุน มรณภาพลง รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดฯ ให้หล่อรูปประดิษฐานไว้ในหอที่ทรงสร้างไว้ในวัดเรียกกันว่า "หอสมเด็จ" (ทรงโปรดฯ ให้หล่อพร้อมกับพระรูปสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน ที่วัดราชสิทธาราม)ผู้ที่สร้าง “พระวัดท้ายตลาด” นี้ ท่านอาจารย์ตรียัมปวายได้บันทึกไว้ว่า สร้างโดยพระวิเชียรมุนีอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน ท่านเจ้าคุณสนิท พร้อมกับหลวงพ่อแย้มและหลวงพ่อกลิ่น พระอาจารย์สายกัมมัฏฐานผู้ทรงกิตติคุณของพระอารามนี้ พระกรุวัดท้ายตลาดได้สร้างไว้ในปี พ.ศ. 2431

การเปิดกรุนั้น (วัดท้ายตลาด) ได้ถูกคนร้ายลักลอบเจาะมาช้านานแล้ว และทางวัดก็ได้ซ่อมแซมอยู่เสมอ ครั้นต่อมาใน พ.ศ. 2485 คราวกรณีพิพาทอินโดจีน ฝรั่งเศส ทางราชการกระทรวงกลาโหมได้มีหนังสือขอพระเครื่องมายังวัดนี้ด้วย เพื่อมอบให้แก่ทหารและตำรวจสนาม เช่นเดียวกับที่ขอไปยังวัดต่างๆ พระประสิทธิสีลคุณ เจ้าอาวาสในสมัยนั้นจึงได้ดำริ ให้ขุดกรุพระเจดีย์รายในวัด และได้พระเครื่องออกมาเป็นอันมาก ทั้งได้พบพระเครื่องอีกส่วนหนึ่งซึ่งบรรจุไว้ในปีบบัดกรี บนเพดานพระอุโบสถและเพดานหอสมเด็จฯ รวบรวมได้ทั้งสิ้นหลายพันองค์ และได้มอบให้แก่ทางราชการไปส่วนหนึ่ง พระกรุวัดท้ายตลาดที่พบเป็นพระเนื้อผงใบลาน พิมพ์ต่างๆ แต่ละพิมพ์ล้วนสวยงามด้วยศิลปะเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังได้พบพระแบบเดียวกันที่วัดนางชี คลองบางหลวง และที่วัดหงษ์ บางกอกใหญ่อีกด้วย แสดงว่า "พระวัดท้ายตลาด" นั้น คงจะมีการบรรจุไว้ตามกรุต่างๆ หลายวัดด้วยกัน มีด้วยกันหลายพิมพ์ และที่กรุแตก จำแนกพิมพ์ พระกรุวัดท้ายตลาด เท่าที่ปรากฏมีมากกว่า 50 พิมพ์ มีพุทธลักษณะต่าง ๆ กันในหลากหลายอิริยาบถ แต่พระกรุวัดท้ายตลาด ที่นิยมและเป็นที่รู้จักได้พบเห็นบ่อย ๆ มีดังนี้
1. พระวัดท้ายตลาด พิมพ์พระปิดตาขัดสมาธิเพชร
2. พระพิมพ์แม่พระธรณีเป็นมวยผม สี่เหลี่ยมใหญ่
3. พระพิมพ์แม่พระธรณีเป็นมวยผม ห้าเหลี่ยม
4. พระพิมพ์นางกวัก สี่เหลี่ยม
5. พระพิมพ์พุทธนางกวัก
6. พระพิมพ์ป่าเลไลยก์ใหญ่
7. พระพิมพ์ป่าเลไลยก์เล็ก
8. พระวัดท้ายตลาด พระพิมพ์นาคปรกเต็มองค์
9. พระวัดท้ายตลาด พระพิมพ์ครึ่งองค์
10. พระพิมพ์สังกัจจายน์
11. พระพิมพ์ซุ้มปราสาท
12. พระพิมพ์สมาธิแหวกม่าน
13. พระพิมพ์เล็บมือ
14. พระพิมพ์ยืนอุ้มบาตร
15. พระพิมพ์ยืนห้ามสมุทร
16. พระพิมพ์ยืนถวายเนตร
17. พระกรุวัดท้ายตลาด พระพิมพ์ยืนรำพึง
18. พระพิมพ์โมคคัลลาน์-สารีบุตร
19. พระกรุวัดท้ายตลาด พระพิมพ์พระเจดีย์
20. พระกรุวัดท้ายตลาด พระพิมพ์มารวิชัย ข้างเส้น
21. พระกรุวัดท้ายตลาด พระพิมพ์มารวิชัย ข้างเม็ด
22. พระพิมพ์สมาธิเล็ก
23. พระพิมพ์สมาธิข้างกนก
24. พระวัดท้ายตลาด พระพิมพ์หยดแป้ง
25. พระวัดท้ายตลาด พระพิมพ์สมาธิบัวสองชั้น
26. พระกรุวัดท้ายตลาด พระพิมพ์ปางไสยาสน์ เป็นต้น
27.พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่และเล็ก

“พระกรุวัดท้ายตลาด" เป็นหนึ่งในชุด "พระผงยอดนิยมตลอดกาล" ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นับตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบันนี้ มีแบบพิมพ์ทรงมากกว่า 50 พิมพ์ ซึ่งแต่ละพิมพ์มีพุทธลักษณะต่างๆกันในหลากหลายอิริยาบถ เห็นควรที่จะเป็นการแกะแม่พิมพ์ถวาย โดยช่างหลวงฝีมือเอกแห่งยุคนั้นเป็นแน่แท้ (สำหรับพระองค์นี้ เป็นพระกรุวัดท้ายตลาดพิมพ์ "พระสังกัจจายน์" ซึ่งเป็นอีกพิมพ์ทรงหนึ่งที่พบเจอน้อยมาก สภาพสวยสมบูรณ์คมชัดลึกทุกมิติ เนื้อผงพุทธคุณผสมผงใบลานและมงคลมวลสาร ละเอียดหนึกนุ่มจัดซึ้งมากๆ พระ้างผิว พอคราบไขเป็นเม็ดไข่ปลา และฝ้ากรุ นับเป็นอีกหนึ่งในพระเครื่องระดับตำนาน ที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ชื่นชม)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199