เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจสำคัญก็คือ ไปถวายมุทิตาสักการะในงานอายุวัฒนมงคล ๙๐ ปี พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (สะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

    หลังจากที่กราบถวายสักการะแล้ว พระเดชพระคุณท่านก็ยังกำชับว่า "ตอนเย็นให้ไปเจริญชัยมงคลคาถา ในงานยกพระเกตุมาลา พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ที่พุทธมณฑลสุพรรณบุรี ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีด้วยนะ" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นเจ้าภาพรายใหญ่ที่ร่วมในการสร้างมาตั้งแต่ต้นเช่นกัน

    หลังจากนั้นก็ได้ขอตัววิ่งตรงไปยังวัดทุ่งกฐิน หมู่ที่ ๖ ตำบลบ่อกรุ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนำปัจจัยไปร่วมงานบุญปิดทองฝังลูกนิมิตของวัดทุ่งกฐิน ซึ่งพระครูสุขุมปัญญากร เจ้าอาวาสวัดทุ่งกฐิน เจ้าคณะตำบลหนองกระทุ่มนั้น ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์มาด้วยกัน เมื่อเดินดูงานเขาจนทั่วถึงแล้ว ก็ขอตัววิ่งมาฉันเพลกลางทาง

    หลังจากนั้นก็ตรงไปยังบ้านแม่เบ็ญ (อาจารย์เบ็ญจา วิบูลย์พันธุ์) ที่อำเภออู่ทอง เข้าไปพักกลางทางที่นั่น เนื่องเพราะว่าอยู่ห่างจากพุทธมณฑลสุพรรณบุรีประมาณ ๔ กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อรับการทำบุญจากคนแก่และพักผ่อนจนพอเพียงแล้ว ก็ตรงเข้าไปยังพุทธมณฑลสุพรรณบุรี ปรากฏว่าบรรดารถต่าง ๆ นั้น เมื่อส่งพระเถระแล้วก็ต้องวนออกมา จอดที่ด้านลานจอดรถด้านนอกกันหมด บังเอิญว่า
    กระผม/อาตมภาพมีญาติโยมที่รู้จักกำลังทำหน้าที่อยู่ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เขาเปิดกรวยกั้นถนน ให้กระผม/อาตมภาพจอดรถอยู่ใกล้ ๆ บริเวณลานพิธีได้ แล้วก็ยังช่วยนำไปยังที่พักพระเถระ

    เมื่อกราบทักทายบรรดาพระเถรานุเถระทั้งหลายแล้ว ก็ได้นั่งคุยกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณสมบูรณ์ - พระเทพสาครมุนี (สมบูรณ์ ปญฺญาวุโธ ป.ธ.๙) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดเจษฎาราม (พระอารามหลวง) จนกระทั่งได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็นิมนต์ให้ขึ้นยังอาสนะสงฆ์ เพื่อเจริญชัยมงคลคาถาในงานยกพระเกตุมาลาถวายหลวงพ่อพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า หลวงพ่อโตอู่ทอง

    โดยที่กระผม/อาตมภาพนั่งห้อยอยู่ท้ายสุด หัวแถวก็คือพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ.๙) เจ้าคณะภาค ๕ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งทางผู้จัดก็ยังเมตตาบอกว่า กระผม/อาตมภาพเป็นพระครูรูปเดียวบนอาสนะสงฆ์ในครั้งนี้..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า
    กระผม/อาตมภาพได้ถวายปัจจัยร่วมสร้างหลวงพ่อโตพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิไป ๑ ล้านบาท และเป็นเจ้าภาพสร้างพระมหาเจดีย์จุฬามณี ซึ่งประดิษฐานอยู่เบื้องบนพระเศียรหลวงพ่อโตอีก ๑ องค์ เป็นจำนวนเงิน ๒ ล้านบาท จึงทำให้กลายเป็นเจ้าภาพหลักรายหนึ่ง ที่ทางพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลท่านจะลืมเสียไม่ได้ จึงได้นิมนต์มาร่วมงานเจริญชัยมงคลคาถาในครั้งนี้ด้วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย ป.ธ.๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑ - ๒ - ๓ - ๑๒ - ๑๓ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เป็นประธานสงฆ์ในครั้งนี้ ซึ่งกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนีนั้น กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่ยังเป็นเจ้าคุณชั้นสามัญที่พระอมราภิรักขิต เนื่องเพราะว่าได้ไปดูแลหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ที่วัดเทพศิรินทราวาสเป็นเวลาถึง ๔ ปี ตอนหลังท่านก็มีความเจริญในสมณศักดิ์และหน้าที่การงานขึ้นมา จนกระทั่งเป็นถึงสมเด็จพระราชาคณะอีกรูปหนึ่งของวัดเทพศิรินทราวาส

    เมื่อถึงเวลาที่มีการยกพระเกตุขึ้นสวมบนพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ซึ่งถ้าหากว่าจำไม่ผิด ยอดพระเกตุมาลานั้น กว้าง ๑.๒๐ เมตร น้ำหนักประมาณ ๕ ตัน..! เมื่อรถยกยกขึ้น พวกเราก็ทำการเจริญชัยมงคลคาถา หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่าบทชยันโต ฯ แล้วต่อด้วยบทมงคลจักรวาลใหญ่ ที่ขึ้นด้วยสิริธิติมติเตโช ฯ เป็นต้น จนกระทั่งเสร็จแล้วก็ปิดด้วยสัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ฯ อีก ๓ จบ ครั้นรับการถวายไทยธรรมเรียบร้อยและได้ให้พร แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวต่อพระเถระทั้งหลาย แจ้งท่านว่ายังต้องใช้เวลาอีกเกือบ ๔ ชั่วโมงในการเดินทางกลับไปวัดท่าขนุน

    แล้วก็เป็นความโชคดีอย่างยิ่ง ที่โยมซึ่งรู้จักนั้นจัดให้จอดอยู่ติดถนนด้านนอก เมื่อยกกรวยจราจรที่ขวางหน้าออก ก็สามารถที่จะวิ่งออกมาได้เลย ไม่เช่นนั้นก็ยังคงติดขัดกันอีกหลายยก ขณะที่พระเถระรูปอื่น ๆ ซึ่งรถทั้งหลายทั้งปวงนั้น โดนไล่ไปจอดที่ลานจอดรถด้านนอก เมื่อถึงเวลาเริ่มงาน บรรดาพลขับก็จะขับรถมาจ่อรออยู่บริเวณหน้างาน เพื่อที่จะให้หลวงปู่หลวงพ่อของตนขึ้นรถ แล้วถึงจะได้ขับวนออกมา ถ้าลักษณะแบบนั้นก็แปลว่ายังต้องติดกันอยู่บริเวณนั้นกันอีกนาน..!

    กระผม/อาตมภาพได้ให้นโยบายกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า งานแบบนี้ไม่กลัวเดินไกล แต่กลัวรถติดนาน เพราะฉะนั้น..ให้จอดรถในที่ซึ่งออกได้ง่ายที่สุด แม้ว่าบางงานเคยเดินเกือบ ๒ กิโลเมตรก็ยอม เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ขาออกเราจะได้ออกก่อนคนอื่นเขา ถ้าไปจอดอยู่หน้างานแล้วมีรถขวางอยู่แม้แต่คันเดียว ก็แปลว่าต้องรอรถทุกคันออกจนหมด เราถึงจะออกมาได้..!

    กระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ไม่กลัวลำบากอย่างหนึ่ง แล้วขณะเดียวกันก็เอาความสะดวก ไม่เอาความสบายอีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้ไปงานที่ไหนก็ตาม มักจะออกจากงานได้ก่อนคนอื่น เนื่องเพราะว่าหลวงปู่หลวงพ่อหลายรายนั้น บรรดาลูกศิษย์ก็อำนวยความสะดวกด้วยการไปรับถึงหน้างาน แต่ว่าเมื่อนั่งสบายอยู่บนรถแล้ว ยังต้องติดอยู่อีกเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง แล้วบางงานก็ห่างจากห้องน้ำห้องส้วมมาก ต่อให้ปวดปัสสาวะสักเท่าไร ก็ต้องรอจนกว่ารถหลุดออกจากงานได้ แล้วค่อยไปหาห้องน้ำในสถานีบริการน้ำมันแทน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้ได้รับความลำบากมาก กระผม/อาตมภาพได้บทเรียนแบบนี้ครั้งเดียวก็จำไปจนวันตายแล้ว เมื่อถึงเวลาจึงขอให้ออกมาทางด้านนอกได้ก่อนใคร ดีกว่าที่จะไปติดอยู่ข้างในแบบคนอื่นเขา จนสามารถที่จะหลุดออกมาทางด้านนอกได้ก่อน เมื่อขึ้นรถได้ก็ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนของวันนี้

    ในส่วนที่ขอเล่าเป็นเรื่องขำ ๆ ส่งท้ายก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลนั้น ซึ่งใคร ๆ เรียกกันง่าย ๆ ว่า "หลวงพ่อเล็ก" เนื่องเพราะว่าก่อนหน้านี้ มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมมหาวีรานุวัตร (ฉลอง จินฺตาอินฺโท ป.ธ.๕) หรือว่าหลวงพ่อฉลอง อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีรูปก่อนอยู่ ใคร ๆ ก็เรียกท่านว่า "หลวงพ่อใหญ่" เพราะว่าท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี แล้วเรียกหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีในขณะนั้นว่า "หลวงพ่อเล็ก" จนกระทั่งปัจจุบันนี้ บางคนก็ยังเรียกท่านว่า "หลวงพ่อเล็ก" อยู่ดี

    ท่านบอกในตอนที่เกษียณอายุจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีว่า "เล็ก..ข้าจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปีนะ" เมื่อกราบเรียนถามท่านว่า "หลวงพ่อมั่นใจได้อย่างไรครับ ?" ท่านบอกว่า "ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ แกสังเกตไหมว่าบรรดาข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว พอไม่มีงานก็มักจะเฉา แล้วบางรายก็ตายลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว ?"

    "ข้าตั้งใจสร้างหลวงพ่อโตพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ "หนึ่งเดียวในไทย ยิ่งใหญ่ในโลก มรดกคู่ฟ้าดิน" เอาไว้ ถ้าหากว่าสร้างเสร็จแล้ว ข้ายังมีโครงการเจาะถ้ำ เพื่อให้เป็นที่ทำสังฆกรรมของพระทั้งจังหวัดได้ แล้วก็ยังจะสร้างพระในลักษณะของปางประสูติและปางปรินิพพานอีก ต้องใช้ระยะเวลานานมาก เมื่อกำลังใจยังจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับงาน ข้ามั่นใจว่ามโนสัญเจตนาตรงนี้ จะทำให้ข้าอยู่ถึง ๑๒๐ ปีได้"

    แต่เมื่อมาตอนอายุ ๘๕ ปี พระเดชพระคุณท่านป่วยหนัก เมื่อเจอหน้าท่านบอกว่า "เล็ก..ดูท่าข้าจะอยู่ไม่ถึง ๑๒๐ ปีแล้วว่ะ..!" เมื่อกระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามว่า "แล้วงานไหนที่หลวงพ่อยังเป็นห่วงอยู่ ?" ท่านบอกว่า "งานสร้างพระจุฬามณีเจดีย์สถาน เพื่อเปรียบเหมือนมงกุฎของหลวงพ่อโตพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ" ก็คือท่านจะสร้างพระจุฬามณีเจดีย์สถานไว้บนหน้าผา เบื้องบนหลวงพ่อโต เหมือนกับเป็นมหามงกุฎสวมบนเศียรของหลวงพ่อโตอีกอย่างหนึ่ง

    เมื่อกราบเรียนถามท่านว่า "ราคาเท่าไรครับ ?" ท่านบอกว่า "๒ ล้านบาท" กระผม/อาตมภาพยังท้วงว่า "หลวงพ่อ..จุฬามณีเจดีย์ทั้งหลัง ๒ ล้านบาท สร้างมา ๓ วันพังหรือเปล่า ?" ท่านก็บอกว่า "เฮ้ย..ไม่ใช่ ลูกศิษย์ข้าทำแข็งแรง แต่คิดแค่ ๒ ล้านบาทเท่านั้นเอง เขาทำถวาย" กระผม/อาตมภาพจึงปวารณาเป็นเจ้าภาพสร้างพระจุฬามณีเจดีย์สถานถวายท่าน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แต่ปรากฏว่าเมื่อสร้างพระจุฬามณีเจดีย์สถานเสร็จ ท่านกลับแข็งแรง ดีวันดีคืน จนอายุกาลผ่านวัยมาจนถึง ๙๐ ปีในปีนี้ ทำให้ท่านยังคิดจะสร้างประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับสถานที่แห่งนี้ต่อไป โดยที่ทำเป็นพุทธมณฑลจังหวัดสุพรรณบุรี โดยที่ท่านมีความตั้งใจว่า "ทำเพื่อตนเอง อยู่แค่สิ้นลม ทำเพื่อสังคม อยู่คู่ฟ้าดิน" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อนุโมทนากับความตั้งใจของท่าน ท่านจะอยู่กี่ปีก็แล้วแต่ท่านเถอะ กระผม/อาตมภาพถ้าหากว่ามีความสามารถก็จะช่วยเหลือมาเป็นระยะ ๆ ไป แต่ถ้าให้อยู่นานแบบหลวงพ่อ เห็นทีจะไม่รับประทานแน่..!

    เมื่อพูดเช่นนั้น เจอหน้าก็มักจะโดนท่านเขกกบาลอยู่เสมอ โดยที่ท่านบอกว่า "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเก่งขนาดไหนข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าต้องมีฤทธิ์มีเดชแน่นอน เพราะว่าข้าดูจากพวกแกนี่แหละ" แล้วท่านก็ยกตัวอย่าง ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) หลวงพ่อวิรัช (พระปลัดวิรัช โอภาโส) วัดธรรมยาน หลวงพ่อชลอ (พระครูสาครสิทธิวิมล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ตัวกระผม/อาตมภาพเอง และท่านเจ้าคุณองอาจ (พระภาวนาประชานุกูล วิ.) วัดวีระโชติธรรมาราม

    ท่านบอกว่า "พวกแกไปอยู่ที่ไหนก็สร้างความเจริญเหมือนกับเนรมิตให้ที่นั่น ถ้าหากว่าหลวงพ่อแกไม่มีฤทธิ์ ไม่มีทางที่จะมีลูกศิษย์ที่มีฤทธิ์ขนาดนี้ได้หรอก" ดังนั้น..เวลาเจอใคร ท่านให้คำแนะนำก็มักจะบอกว่า "ไอ้ท่าขนุนมันมีฤทธิ์" จึงทำให้กระผม/อาตมภาพเป็นที่รู้จักของบรรดาพระผู้ใหญ่จำนวนมากไปด้วย

    ในส่วนที่เล่าเพิ่มเติมมาตอนท้าย เพราะขำที่ท่านบอกว่า ดูท่าจะอยู่ไม่ถึง ๑๒๐ ปี แต่พอแข็งแรงขึ้นมา ท่านก็ไม่ปล่อยวางงานสักที งานนี้เท่ากับว่าหลวงพ่อโตพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิสำเร็จเรียบร้อยลงสมความตั้งใจของท่านแล้ว ต่อไปสิ่งที่ท่านทำอื่น ๆ ถ้าหากว่าญาติโยมมีกำลังพอก็ร่วมบุญกัน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ความสามารถของตนเอง


    นึกว่าช่วยกันสานงานของพระพุทธศาสนา โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลท่านนำหน้า เราก็แค่เดินตามรอยไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนที่เหนื่อยมาก เรียกว่าทำงานแบบสบาย คอยสนับสนุนให้ท่านออกหน้าไป เราเองคอยอนุโมทนา บุญใหญ่ทั้งหมดก็เป็นของเราไปด้วย


    ระลึกถึงเมื่อไร ภาพหลวงพ่อโตก็เด่นชัดอยู่ในใจ เป็นพุทธานุสติ ที่ไม่ต้องใช้กำลังมากมายในการระลึกถึง ก็สามารถที่นึกได้ตลอดเวลา แค่คิดว่านี่เป็นภาพพุทธนิมิต แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นรูปนี้ ก็เท่ากับว่าเราอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า เราอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า ก็คือเราอยู่บนพระนิพพาน ถ้าท่านทั้งหลายสามารถรักษากำลังใจแบบนี้เอาไว้ได้ โอกาสที่จะไปพระนิพพานในชาตินี้ก็มีสูงมาก

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...