เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 ธันวาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ อากาศที่ทองผาภูมิอยู่ที่ ๑๕ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดพุทธพรหมยาน หมู่ที่ ๒ ตำบลบางตลาด อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา

    เมื่อไปถึงได้ครู่หนึ่ง ท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ก็เดินทางมาถึง ตามมาด้วยตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ต่อด้วยหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร หลวงพ่อชลอ (พระครูสาครสิทธิวิมล) เจ้าอาวาสเจ้าอาวาสวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ปิดท้ายด้วยท่านเจ้าคุณองอาจ (พระภาวนาประชานุกูล วิ.) เจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม เจ้าคณะอำเภอคลองหลวงแพ่ง

    เมื่อได้เวลาแล้ว ทางด้านพระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสวัดพุทธพรหมยาน ก็ได้นิมนต์พวกเราเข้าประจำที่ ถวายหน้าที่ให้กับตุ๊พ่อสิงห์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยจุดเทียนสัตตบริภัณฑ์ โดยมีกระผม/อาตมภาพกับท่านเจ้าคุณองอาจนั่งหัวเราะอยู่ด้วยกันสองคน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ด้ามเทียนชนวนนั้นทำมาจากสเตนเลสยาวถึง ๔ เมตร..! ท่านเจ้าคุณหลวงตาต้องอาศัยญาติโยมอีกสองคนช่วยกันประคับประคอง ถึงจะจุดสัตตบริภัณฑ์ได้สำเร็จ

    หลังจากนั้นก็เป็นคิวของกระผม/อาตมภาพที่ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย กราบขอบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจาร์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เป็นที่สุด ได้โปรดเมตตาปลุกเสกวัตถุมงคลทุกอย่างในพิธีนี้ให้มีพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ พรหมานุภาพ เทวานุภาพ ตลอดจนถึงอานุภาพของครูบาอาจารย์ ให้เต็มเปี่ยม เหมือนอย่างที่เคยอนุเคราะห์สงเคราะห์พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง สมัยที่ยังอยู่ยงดำรงขันธ์ด้วยเถิด แล้วหลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็เข้าที่ภาวนา

    ปรากฏว่างานแบบนี้นั้น เมื่อถวายภาระต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแล้ว เราก็เป็นเพียงผู้นั่งดู ก็คือดูว่าพระองค์ท่านทำอะไรบ้าง หรือว่ามีคำสั่งให้ทำอะไรบ้าง การปลุกเสกวัตถุมงคลในวันนี้ก็ไม่นับว่ายาก เนื่องจากว่าเป็นพระเครื่อง โดยเฉพาะรูปเหรียญพระสงฆ์ ก็คือรูปของพระปลัดเอกลักษณ์ เจ้าอาวาสนั่นเอง

    เมื่อเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำน้ำมนต์ พรมวัตถุมงคลและญาติโยมทุกคนที่อยู่ในพิธี ครั้นรับไทยธรรมแล้วก็ขออนุญาตลา เพื่อที่จะเดินทางไปยังภารกิจต่อไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ในส่วนของวัดพุทธพรหมยานนั้น มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาอีกจำนวนมาก แต่กระผม/อาตมภาพไมได้รู้สึกหนักใจ หรือว่าเป็นห่วงอะไรเลย เนื่องเพราะว่าพระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสนั้น นอกจากท่านเป็นหมอดูแล้ว เรื่องของการปลุกเสกเลขยันต์ต่าง ๆ ก็ศึกษาเอาไว้มาก เนื่องเพราะว่าบุคคลที่มีความชำนาญในโหราศาสตร์นั้น เรื่องอื่น ๆ ก็จะพลอยชำนาญไปด้วย

    โดยเฉพาะวันนี้ เท่ากับเป็นการรวมสายลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊พ่อสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงที่มีอาวุโสพรรษาสูงสุด รองลงไปก็เป็นหลวงพ่อชลอ วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ แล้วก็เป็นท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ต่อด้วยกระผม/อาตมภาพ แล้วไปปิดท้ายด้วยท่านเจ้าคุณองอาจ วัดวีระโชติธรรมาราม

    หลวงพ่อชลอกับท่านเจ้าคุณหลวงตานั้น สมัยที่อยู่วัดท่าซุงด้วยกัน ทั้งสองรูปผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นองค์แสดงพระปาฏิโมกข์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้น บวชในวันขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๖ เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ลงอุโบสถครั้งแรกในชีวิต เห็นท่านเจ้าคุณหลวงตา สมัยนั้นคือพระวัชรชัย อินทวํโส ขึ้นแสดงพระปาฏิโมกข์แล้ว เห็นชัดเลยว่า การที่จะต้องสวดพระปาฏิโมกข์ให้จบภายใน ๓๐ นาที หรือถ้าก่อนนั้นได้ยิ่งดีนั้น เป็นเรื่องที่เหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง

    ถึงได้ปฏิญาณกับตนเองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาว่า เรื่องพระปาฏิโมกข์นี้ เราไม่เอาอย่างเด็ดขาด แม้ว่าในปัจจุบันนี้ เวลาพระวินัยธรผู้ทรงพระปาฏิโมกข์ท่านทำการแสดงพระปาฏิโมกข์ในวันพระใหญ่นั้น ถ้าผิดพลาดตรงไหน กระผม/อาตมภาพสามารถทักท้วงได้ แต่ถ้าให้ขึ้นสวดเอง กลับไม่มีกำลังใจที่จะสวดเลย..!

    โดยเฉพาะถ้าต้องสวดแบบเดียวกับท่านอาจารย์เตชะ (อูเตชะพละ) พระธรรมทูตพม่าที่มาอาศัยอยู่ที่วัดท่าขนุนนั้น ท่านอาจารย์เตชะสวดพระปาฏิโมกข์ โดยใช้เวลาประมาณ ๒๒ นาทีเท่านั้น..! ในสมัยก่อนมีกระผม/อาตมภาพที่ทวนทันอยู่รูปเดียว ท่านอื่นทวนตามไม่ทัน แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ทางด้านวัดท่าขนุนมีพระวินัยธรผู้ทรงพระปาฏิโมกข์หลายต่อหลายรูปด้วยกัน แล้วท่านใหม่ ๆ ที่กำลังฝึกฝนตนเองขึ้นมาก็มีอีกมาก เรื่องนี้จึงไม่ต้องถึงมือกระผม/อาตมภาพให้ต้องมาเหนื่อยยากด้วยตนเอง

    ส่วนท่านเจ้าคุณองอาจนั้น เรื่องของการปลุกเสกเลขยันต์ ท่านมีความขลังและชอบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ มีการสักยันต์ให้กับหมู่ลูกศิษย์ด้วย ซึ่งถ้าใครได้สักยันต์กับท่านเจ้าคุณองอาจก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าท่านเขียนยันต์หรืออักขระได้สวย ไม่เหมือนกับบางสำนัก ที่เขียนเหมือนกับเด็กที่เพิ่งจะหัดเขียน ก.ไก่ ข.ไข่ เห็นแล้วกลุ้มใจเต็มที

    ดังนั้น..เรื่องของการปลุกเสกในวันนี้ จึงไม่ได้เป็นภาระอะไร กระทำไปตามที่พระท่านบอก เมื่อรูปพระพุทธนิมิตขยายขึ้นจนครอบไปทั้งบริเวณวัดแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อธิษฐานจิต เผื่อญาติโยมทั้งหลายที่เดินทางมาร่วมงานด้วย ปรากฏว่าภาพพุทธนิมิตที่ครอบลงมานั้น ว่างเว้นรถยนต์อยู่ ๖ คัน..!

    เมื่อขากลับ กระผม/อาตมภาพจึงชวนทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) ไปดูให้เห็นกับตา ปรากฏว่าทั้ง ๖ คันนั้น เป็นรถที่มาจากภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือล้วน ๆ และเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่าไปจอดอยู่เรียงกันพอดี น่าจะเป็นไปได้ว่า เดินทางในระยะทางที่ไกลมาก และอาจจะมีวาระบุญวาระกรรมสัมพันธ์อะไรบางอย่าง จึงไปจอดอยู่ที่เดียวกัน กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ถามเหตุผลว่าทำไมถึงสงเคราะห์ให้รถทั้ง ๖ คันนี้ไม่ได้ ? เพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่จะไปถามแทนผู้อื่นแบบนั้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เมื่อกลับมาถึงแล้ว ก็ได้ทำการตรวจสอบทองคำสำหรับหล่อเหรียญเสริมปัญญา ซึ่งเหรียญนี้นั้น กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "สำหรับคนขยัน" ก็คือถ้าหากว่าใครขยันภาวนาพระคาถาเสริมปัญญา ก็จะช่วยให้เรื่องการเรียนการศึกษานั้นดีขึ้นมาก ๆ แต่ถ้าหากว่าเป็นคนขี้เกียจ จะอาศัยแขวนเหรียญอย่างเดียว แล้วไม่มีการภาวนาเลย ก็คงจะทำให้เหรียญ ซึ่งถ้าเปรียบไปมีราคาเป็นล้าน ท่านคงจะใช้ได้สักบาทสักสลึงเท่านั้น..!

    โดยเฉพาะทองคำที่ใช้ในการสร้างเหรียญครั้งนี้ ก็คือทองคำชนวนจากการหล่อพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง เนื้อทองคำ ของวัดท่าขนุน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ทองคำทั้งหมดเป็นจำนวนมากด้วยกัน กระผม/อาตมภาพลองให้ทางโรงงานตรวจสอบแล้ว เหรียญหนึ่งใช้ทองคำถึง ๑๙.๕ กรัม แล้วขณะเดียวกัน เวลาที่ตรวจสอบนั้นทองคำอยู่ที่บาทละ ๓๔,๐๐๐ บาท งานนี้ กระผม/อาตมภาพจึงต้องลงทุนทองคำไปเป็นเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท..!

    การปลุกเสกครั้งนี้ก็เป็นไปในวาระพิเศษที่สุด ก็คือเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีที่ ๕ (ปีมะโรง) ซึ่งเขาเรียกกันว่า "ตรีวัน" เป็นวันที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะมีได้ในรอบ ๖๐ ปี กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจจะขอพรพิเศษเพิ่มเติมจากพระท่านในเวลาปลุกเสกอีกส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ต้องการ ไม่ใช่เสริมแต่ปัญญาอย่างเดียว และยังได้ทำเนื้อเงินกับเนื้อทองเหลือง เนื้อทองแดงด้วย ญาติโยมท่านใดที่กำลังไม่ถึง แต่อยากได้เหรียญเสริมปัญญา ก็ขอให้รอในเรื่องของเหรียญเนื้อเงินชนวน หรือว่าเหรียญทองเหลืองหรือเหรียญทองแดงดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองมากมายไปบูชาของแพงขนาดนั้น

    กระผม/อาตมภาพเอง ถ้าหากว่าได้ทุนคืนแล้ว เงินส่วนที่เหลือจากการร่วมทำบุญบูชาเหรียญเสริมปัญญาเนื้อทองคำ ก็จะนำไปจ่ายค่างวดของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งยังค้างอยู่ทั้งหมด ๙ งวดด้วยกัน เป็นจำนวนเงินทั้งหมด ๗๕ ล้านบาท แปลว่าหามาเท่าไรก็ยังไม่พอใช้อยู่ดี

    ส่วนในเรื่องของเหรียญเนื้อเงินนั้น
    กระผม/อาตมภาพตั้งใจให้ท่านร่วมบุญในรายการทอดกฐินวัดท่าขนุน เหรียญเนื้อทองเหลืองและเหรียญเนื้อทองแดง ตั้งใจจะเอาไว้ให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญในกฐินปลดหนี้ ดังนั้น..ท่านที่ "เบี้ยน้อยหอยน้อย" ไม่สามารถที่จะสู้ราคาเหรียญเนื้อทองคำ หรือว่าเหรียญเนื้อเงินได้ ก็ให้รอในโอกาสที่นำเอาเหรียญเนื้อทองแดง หรือว่าเหรียญเนื้อทองเหลืองออกมาจำหน่ายจะดีกว่า และมีเวลาเก็บเงินอีกด้วย

    กระผม/อาตมภาพได้ตรวจดูตัวอย่างเหรียญทุกเนื้อแล้ว เห็นอย่างชัดเจนว่า เหรียญเนื้อทองเหลืองและเหรียญเนื้อทองคำนั้น มีความต่างกันตรงสีสันเพียงนิดเดียว แทบจะสังเกตไม่เห็น ยกเว้นว่าจะลองจับชั่งน้ำหนักดู ถึงจะรู้ว่าเหรียญไหนเป็นเหรียญเนื้อทองคำ ดังนั้น..ถ้าท่านได้มาแล้วรีบนำไปเลี่ยมให้เสร็จเรียบร้อย ก็สามารถที่จะแขวนอวดคนอื่นเขาได้ โดยที่ไม่มีใครรู้เสียด้วยซ้ำไปว่าเป็นเหรียญเนื้ออะไร ยกเว้นว่าเราจะบอกกล่าวให้เขาทราบเอง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...