*** วิธีนอนภาวนาเพื่อไปนิพพาน *** บางรายบอกถ้านั่งกรรมฐานต้องนั่งห้ามนอน ห้ามยืน ห้ามเดิน มันก็ไม่ถูกต้อง นี่ค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ทำแค่ร่างกายสบาย ถ้านั่งไม่สบายก็นอน นอนไม่สบายก็ยืน ยืนไม่สบายก็เดิน เดินไม่สบายก็หลับไปเลย สบาย สบายไหม สบายแหงๆ แต่เวลานอนภาวนา อย่าไปบังคับให้ถึง ๑๐ ถ้ามันจะหลับ ไม่ต้องบังคับให้ถึง ๑๐ ถ้ายังไม่ถึง ๑๐ มันจะหลับ ปล่อยให้มันหลับทันที อย่าดึงเอาไว้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะถ้าภาวนาอยู่ ถ้าจิตไม่เป็นฌาน มันจะหลับไม่ได้ ให้ทราบตามนี้นะ บางคนบอกเพลียมา จะเพลียหรือไม่เพลียก็ตาม ให้เพลียขนาดไหนก็ตาม ถ้าจิตไม่เป็นฌาน ภาวนาอยู่ มันจะไม่ยอมหลับ ถ้าร่างกายทรงตัวดี มันยังไม่ง่วง ภาวนาไปยังไม่ถึง ๑๐ มันจะหลับ อันนั้นจิตเป็นฌานแล้ว มันจะต้องหลับทันที ถ้าเราหลับไปแล้วกี่ชั่วโมง ท่านถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ ตลอดเวลาที่หลับ สมมุติว่าถ้าจิตเราเป็น สมถภาวนา เป็นฌานในสมถภาวนา ถ้าตายเวลาหลับ เป็นพรหม ตามกำลังของฌาน ***แต่ว่าขณะที่ก่อนจะหลับ เราภาวนาไปด้วย พิจารณาไปด้วย คิดว่าร่างกายมันไม่เป็นเรื่อง โลกนี้ไม่เป็นเรื่องไม่ดี เทวโลกหรือพรหมโลกก็ไม่เป็นเรื่อง คิดแล้วมันเบื่อไปหมด มันทุกข์ มันยาก มันลำบาก เทวโลกกับพรหมโลก สุขชั่วคราว แล้วก็ลงมา ใจมันเกิดความเบื่อขึ้นมาด้วยความจริงใจ คิดว่านิพพานดีที่สุด เวลานั้นจิตไปรักพระนิพพาน หรือว่าผู้ที่ได้มโนมยิทธิ ส่งจิตไปนิพพาน ใจชอบไปนิพพาน หลังจากนั้นก็หลับ ถ้าตายในเวลาหลับ จะไปนิพพานทันที*** -------------------------------------- ธรรมโอวาทพระราชพรหมยาน จาก : หนังสือ "รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 11 หน้า 25
คนเราส่วนมาก เวลาจะตาย ก็มักนอนตาย ด้วยสติปัญญาอันแยบยลของครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง และมีเมตตากรุณาต่อคนรุ่นหลัง หลายท่านจึ่งสอนวิธีนอนภาวนา ให้ต่างจากนอนหลับโดยขาดสติสัมปชัญญะ เพื่อหวังประโยชน์ที่พึงได้ ควรได้ หากต้องนอนหลับไม่ตื่นหรือ เพื่อความพร้อมในการต้องตายจากร่างกายนี้ อย่างต่ำให้ไปสุคติภพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการกลับมาบำเพ็ญธรรมสู่ความพ้นทุกข์ ในโอกาสหน้าได้