มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ใช่ครับ กับอีกทางคือให้ทำให้หมดเลยไม่ว่าจะนิวเอจ ยอดยุทธ หรือ พุทธ เดี๋ยวจะได้คำตอบเองครับว่าอะไรใช่ไม่ใช่กันแน่

 

ผมอาจจะทำสมถะไม่ผ่านเพราะทำกรรมไว้เยอะก็ได้มั้งชาตินี้

เพราะความโง่ของผมเองล้วน ๆ

 

เจอนางแก้ว ร่วงเป็นแถบๆๆๆ

 

ผมคิดว่าศาสนาแต่ละศาสนาก็เหมือนกับสีต่างๆ ที่เกิดจากน้ำ ไม่ว่าจะสีใดก็ตาม ฟ้า เขียว ส้ม แดง ดำ หรือ เหลือง ในความเป็นจริงแล้วมันก็คือน้ำ น้ำใส่ๆนี้แหละครับคือค่าแท้จริงของมัน ศาสนาแต่ละศาสนากำลังหาหนทางนำต้นและผู้ปฏิบัติไปสู่สิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม...

 

เสี่ยวเอ้อ .. น้ำชา....

 

ลองทำแค่แบบง่ายๆดูสิครับ เพราะท่านซะลิวันจะเกร็งเวลาเพ่ง ลองปล่อยตัวสบายๆแล้วย้ายจุดโฟกัสเหมือนเดิม หรือจะลองขยายการโฟกัสก็ได้ ท่านก็จะได้รู้เรื่องการเพ่ง มากขึ้น และทีนี้ลองเพ่ง(โฟกัส)ไปที่ "ความรู้สึกตัว(ใต้ผิวหนัง)ดู แล้วก็ลองสังเกตุสภาวะตอนนั้นดูว่า มันใช่ ฌาน 1 ไหม(รู้ตัวอยู่,คิดได้อยู่,และเกิดอาการอยู่อย่างงี้ก็อยู่ได้,ไม่ส่งจิตออกนอก)

 

มีแต่โซดาครับ เอาไปกินกับ หงส์ไหมครับ ฮาๆ

 

ผมไง โหหห ตามไปเหอะครับ ผมขี้เกียจ ฮ่าๆๆๆ

 

แล้วก้ โรงเตี้ยมพัง หลายพรรค หลายสำนัก มีหมด

 

ยังไม่เจ๊ออออออออออ

 

จริงๆจะว่างั้นก็ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ (คำพูดนี้งงแน่นอน) เพราะว่า เราฟังมากันหมด แต่จะมีกี่คน "ที่ทำได้" และจะมีกี่คนที่ "สอนวิธีทำได้" ศาสนาพุทธ จะหมด มรรคทางเดิน เมื่อ 5000 ปี ซึ่งศาสนาอื่นๆก็หมด "มรรค" ไปนานแล้ว ภาษาเทพยุทธ เขาเรียก "วิถี" ครับ

และที่สำคัญศาสนาหรือลัทธิบางอัน แม้แต่มรรค/วิถี มันก็ยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ มันเลยพูดยากครับว่าอันไหนใช่ แต่ไม่มีมรรคให้เดิน หรือไม่ใช่เลย กูมโนสดๆ นั่นแล

 

ขยายความรู้สึกนี่ผมยังไม่เข้าใจนะ แต่ ถ้าทำให้ความรู้สึกมันรู้สึกเหมือนว่า พองออก พอได้ครับ โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกเท่ากับความรู้สึกใต้ผิวหนังทีแรกน่ะ ครับ ตอนนี้ก็พยายามฝึกการผ่อนคลายลูกตาอยู่เรื่อย ๆ ครับ

แต่ทำไป ๆ ใจลอยเฉยเลย เป็นงี้มาตั้งแต่เด็กละครับ
คราวนี้อาจจะต้องลองตามดูความคิดกับความรู้สึกแจดูบ้าง เพื่อฝึกสติ
จากที่ทำเป็นครั้งคราว

 

พังแน่นอนครับ เสี่ยวเอ้อซ่อมโรงเตี้ยมมาหลายรอบแล้ว เพราะเสี่ยวเอ้อฝึกมาหลายสำนัก บู่ตึ้งก็แล้ว ไปเป็นนักพรตก็แล้ว ไปเป็นสาวกนิกายมนุษย์ต่าวดาว(มีปีกขาว)ก็แล้ว ฝึกมาแล้วเสี่ยวเอ้อกลับพบว่ามันมิใช่ มันขาดสิ่งสำคัญไป แม้จะสำเร็จ วิชชามากมาย แต่มิอาจ บรรลุ "สูงสุดคืนสู่สามัญ" และ "เต๋าซ่อนอยู่ในทุกสรรพสิ่ง" ได้ขอรับ เพราะว่ามันขาด "สติปัฏฐาน" นั่นแล

 

นั้นสิ ผมนับดาวจนงงละ ฮ่าๆๆๆๆๆ

 

ตอนที่มันเริ่มพองออกตรงช่วงไหล่ของคุณให้คงไว้ ก่อน และให้ลองเร่งความเข้มข้นของการพองขึ้น ครับ แต่ก่อนจะพองนั้นให้ลองทำให้ทั่วตัวก่อนจะพบว่า ความรู้สึกตัว นั่นแหละคือ ตน(กายเวทนา) และหากเร่งไปเรื่อยๆ สภาวะซ่านออกไป นี่แหละ มันคือ ฌานปิติ ใช่ไหม? ลองทดลองดูครับ ฌานมันคือ สภาวะของตนที่เปลี่ยนไปตามธรรมารมณ์นั่นแล

 

Ok, I will try to do it.

 

ยินดีต้อนรับสหายซัลลี่สู่วิถีเทพยุทธ

edit: หากเร่งความรู้สึกตัวไม่ว่า จะเป็น "ตน" จากสภาวะไหนๆ หากเร่งให้สุดจนกายแน่นมากๆ จะพบว่า สภาวะข้างนอกไม่เหมือนกันสภาวะข้างใน และสภาวะข้างนอกจะเปลี่ยนไปตาม สภาวะของตน เมื่อเร่งสภาวะของตน จนแน่นมากๆแล้ว จะพบว่าสภาวะรอบๆมีอะไร กระพริบ ระยิบระยับดู หากกำหนดดูดมันเข้ามา นั่นแลเขาเรียก ลมปราณ(อันนี้แถมให้ครับ) หรือหากเป็นลัทธิเจได ก็พลังงาน เมดิคอเรี่ยนก็ได้นะครับ ฮาๆ

 

ธุรกิจนี้ไม่ไหวๆๆ โรงเตี้ยมพังหลายรอบละ


เดี๋ยวผมต้องไปกลางน้ำละ

ฝึกมากเป็นกะเทยไปเล้ยยยย ฮ่าๆๆๆๆ

 

ผมว่า


ที่นี้ เหมือน อบอุ่นนะขอรับกระผม
ขอให้จอมยุทธทุกท่าน เห็นแก่หน้าเส้าหลินด้วย อมิตพุทธ

 

จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ คิดไปแล้วมันก็เศร้า บางศาสนาก็เดินไปยังเส้นทางที่ตนเองไม่รู้ ทางใครทางมัน ทางนี้ถูก ทางนั้นผิด โลกมันถึงเกิดความสับสนวุ่นวายมาถึงทุกวันนี้