มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ต้องกำหนดเวลาให้ร่างกาย คุ้นชิน

เดียวระบบก็เดินของมันเองคับ

 

ผมควรเปลี่ยนจริตในการสร้างพุทธภูมิมั้ยเนี่ย
แต่มีคนเคยบอกว่าผมปรารถณาปัญญาธิกะมานะ

 

อย่าเชื่อใคร จนกว่าจะพิจารณาเห็นแล้าว่าจริง...

 

ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันไม่รู้เป็นไร รู้สึกว่าชอบกลางคืน มากกว่ากลางวัน

 

ครับรู้แต่ว่าปรารถณาพุทธภูมิมาเพราะหลวงตาแถวบ้านยายถามในตอนที่ผมยังตัวกะปิ๊ดเดียว ว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้ามั้ย แค่นั้นแหละครับ แต่ไม่รู้สายอะไร

ที่คิดว่าอยากเปลี่ยนสายไปเป็นสายอื่นอย่างเช่น ศรัทธาธิกะ

เพราะว่า เวลา เราไปเรียนรู้เรื่องด้านมืดแล้ว เหมือนโดนจิตใจฝ่ายมืดของตัวเองชวนเข้าด้านมืดไปเป็นซิธลอร์ดยังไงก็ไม่รู้

ถ้าไม่เปลี่ยนสายก็คงต้องไปหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองมีใจที่หนักแน่นมั่นคงมากกว่าเดิมล่ะมั้ง

อย่างเช่นการทำความเข้าใจธรรมชาติของคนที่มี ศรัทธาจริต กับวิริยะจริตว่าเขามีธรรมชาติเป็นยังไงแล้วเราก็พยายามอยู่ไปโดยที่ทำตัวไม่ขัดแย้งกะเขาอะไรประมาณนี้

 

กำลังใจอย่าให้ตก เป้าหมายอย่าให้เคลื่อนนะ

 

คนขี้เหงามักจะชอบกลางคืนนะ 555

 

กลางคืน กับ กลางวัน รู้สึกเหมือนเป็นคนละคน ท่านรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันไหม ท่าน Zalievan กลางวันเป็นคนเหมือนคนทั่วไป กลางคืนชอบทำอะไรแปลกๆที่ไม่เหมือนคน

 

"จักรแก้ว" และ "มณีนพรัตร์" ได้ปรากฏแล้ว
เฉพาะ วันพระนะครับ และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า..

"จักรแก้ว" = จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในวันพระเท่านั้น...
ถ้าคุณสังเกตุเห็นดวงดาว ที่มีแสงสีทอง และขนาดใหญ่ กว่าดาวอื่นๆ ให้คุณลองเพ่งหาดาวดวงนั้นดีๆ แล้วมันจะขยับได้ ให้คุณรู้ว่ามันไม่ใช่ดวงดาวนะ นั่นล่ะคือ "จักรแก้ว"

"มณีนพรัตร์" = จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในวันพระเท่านั้น... (แก้วสารพัดนึก)
ถ้าคุณสังเกตุเห็นดวงดาว ที่มีแสงกระพริบ สลับกัน7สี และขนาดใหญ่ กว่าดาวอื่นๆ ให้คุณลองเพ่งหาดาวดวงนั้นดีๆ แล้วมันจะขยับได้ ให้คุณรู้ว่ามันไม่ใช่ดวงดาวนะ นั่นล่ะคือ "ลูกแก้วมณีนพรัตร์"

***
สำหรับสาวกทั้งหลาย ที่อยากจะพบเจอ "พระเจ้าจักรพรรดิ" ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นและสรัทธา ตามจิตวิญญาณ ในหัวใจของทุกท่านไว้ครับ..

ไม่ควรตัดสินชี้ถูกและผิด ต่อความคิดใครใดๆ ในโลกภายนอก...
ให้เกียรติ และเคารพ ต่อความแตกต่าง ต่อความคิดของทุกคน ในโลกภายนอก...

แต่.. ให้เชื่อมั่นและศรัทธา ในหัวใจจากจิตวิญญาณที่แท้จริง จากภายในหัวใจของทุกท่าน

แล้วทุกท่านจะได้พบกับ "พระเจ้าจักรพรรดิ" แน่นอนครับ

Cr.นารายณ์ ปาง 10 "กัลกยาวตาร"

 

ศรัทธาจริต ชอบความซื่อตรง ความบริสุทธิ์ถูกต้อง ตรงต่อบัญญัติ
วิริยะจริต ชอบอะไรหว่า น่าจะเป็นคนที่มีความเพียร และคนที่มีทักษะที่ยอดเยี่ยม
ปัญญาจริต ชอบทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ จึงชอบคนที่เข้าใจตน แต่ไม่ค่อยจะชอบคนที่รู้ทันตนสักเท่าไร่ 555

 

อ่าวแล้วอีกท่านบอกจักรปรากฏที่ เขา... แล้ว และนี่จักรอยู่บนอวกาศ เหอะๆ อันไหนจริงอันไหนเท็จละหนอ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ ในการรับชม
ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่า 500 ปี ควรได้รับคำแนะนำ

 

ศรัทธา ตัวอย่างคือ "โห คนนี้เก่งจังวะ อยากเป็นแบบนั้นว่ะ เห็นเขาทำอะไรก็ทำตามเขา" จึงเพียรทำไปเรื่อยๆเพื่อจะไปถึงเส้นทางของเขา
วิริยะ ตัวอย่างคือ "กูจะต้องทำแบบนี้ให้ได้โว้ย อะไรกูไม่สน กูลองทำให้หมดเลยเผื่อได้แบบเขา"
ปัญญา ตัวอย่างคือ "เขาทำแบบนั้นได้ยังไงวะ อ๋อเขาทำอย่างนี้ๆ อย่างงั้นนี่เอง เดี๋ยวไปลองทำบ้าง"

คงพอเห็นภาพนะครับ

 

บางอย่าง ควรชี้ผิดถูกสิครับ ทำไมจะไม่ควร
เช่น เรื่องศาสนา ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะเออ
แต่สิ่งที่ควร เพื่อให้มีความหมางใจกันน้อยลง
คือการเมตตาต่อกัน และการชี้เหตุผลว่าทำไม เราจึงกล่าวหรือมีความเห็นไปเช่นนั้น
เมื่อการเถียงเรื่องศาสนา ดำเนินไปจนถึงขั้นรุนแรง ก็อาจจะต้อง อาศัยคนที่รู้มากกว่ามาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

ถ้าการอธิบายเป็นไปด้วยดี อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองพลาดในเรื่องใด
ดีไม่ดี ความเชื่อในลัทธิไหนที่ตรงกว่า อาจจะได้รับการยอมรับจากอีกฝ่ายไปเลยก็ได้

 

แจ่มแจ้งครับ

บางทีผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าตัวเองเป็นศรัทธาหรือปัญญาจริต มันกึ่ง ๆ ยังไงชอบกล

 

พูดได้ถูกต้อง แต่คำว่าเมตตา มันก็มีหลายแบบ
เช่น "มีคนแอบไปดักเก็บฆาตกรโรคจิต ฆ่าคนไม่เลือก ช่วยเหลือคนได้ ... คน"(เมตตาแบบโหด)
หรือ "อ่ะอยากได้แบบนี้ใช่ไหม ได้เดี๋ยวจัดให้"(เมตตาแบบให้) กับ "นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ แบบที่ถูกต้องแบบนี้"(เมตตาแบบชี้แจง)

นี่คือเมตตานะครับ แต่แน่นอน โดยส่วนใหญ่เมตตาไปเขารู้เรื่องไหม? ที่ไม่นั้นเพราะ "ทิษฐิ" นั่นแลจึงชี้แจงไม่ได้ (นี่คือเหตุบางส่วน)
ส่วนอีกส่วนคือ "อธิบายไม่ได้" แต่ "ทำได้" ขออนุญาตยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ เช่น ที่คุณจิตยิ้มบอก "นั่งสมาธิแนวดิ่ง"(กระทู้ไหนไม่รู้ ไม่ได้จะว่าหรือแสดงความเห็นแค่ยกตัวอย่าง) คนที่ฟังจะลองกระทำยังไงครับ ? เพราะไม่สามารถอธิบายเป็น "วิธีทำ" ได้นั่นแหละ ลองดูหนังสือธรรมะกันเอาเอง เขา "พรรณา" เช่นฌาน 4 สภาวะ แบบนี้ เฉยแบบนี้ แต่มีใครบอก "วิธีเข้าฌาน 4" ไหมละครับ นี่แหละปัญหาจึงทำให้ผู้อื่น บอกไม่ได้ว่า แบบไหนจึง "ถูกต้องที่สุด" นั่นแล

ปล.และพวกนี้เป็นการกระทำทางจิตด้วย จึงควรฟังหูไว้หูทุกกรณี อย่างที่บอกให้ถามจิตวิญญาณภายใน เอาตรงๆ ไอ้ลัทธิแนว นิวเอจ ผมก็ลองทำมาหมดแล้ว เช่นบางอันให้กำหนดจุดเป็น รูปดาว นอกกาย ที่เปลี่ยนเป็นกาย คริสตอลอะไรซักอย่างนานละผมจำไม่ได้ เดินลมปราณ ผมก็ลองทำมาแล้ว ซึ่งผลสรุป ขออนุญาตไม่บอกครับ เขิน ฮาๆ

 

คนเรามีทุกจริตครับ อยู่ที่ว่า จิตเราปรกติแล้ว เป็นแนวไหน ตังหากครับ

 

เรื่องคุยกับลัทธิใด ๆ ที่เขาบอกว่าสามารถเข้าถึงสภาวะสุญตาได้ อาจจะไม่ยากอย่างที่คิดก็ได้นะครับ พาเขาไปสนทนาธรรมกับพระอรหันต์เลย

พระอรหันต์ท่านรู้เรื่องนิพพาน ท่านน่าจะอธิบายสภาวะนิพพานได้ แล้วลองให้คนในลัทธิอื่นเดินจิตตามดู น่าจะพอรู้เรื่อง

 

ใช่ครับ ถ้าเขา "ยอมไปหาพระอรหันต์" ละก็นะ

 

กำลังจะพูดเลยครับ

ยกเว้นกรณีนี้แหละ ว่าถ้าเขาไม่ไป เราก็คงจะช่วยอะไรเขาไม่ได้แล้ว

คือไหน ๆ เขาก็บอกว่า เขาเข้าถึงสภาวะสุญตาได้ แล้วต้องถามว่าเขาเข้าถึงได้จริงหรือยัง ถ้าเขาบอกว่าได้จริง ก็ชวนเขาว่างั้นลองไปหาพระอรหันต์ดูกัน ไปตรวจสอบซิว่าสุญตาของนิกายเขา กับ นิพพานของพุทธเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

แต่คุณจิตยิ้มเขาก็เป็นคนดีนะ ^ ^